“อาส์...คุณนี่...ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“เก่งแล้วชอบมั้ยคะ...”
เสียงสนทนาสุดสยิวของชายหญิงคู่หนึ่งภายในห้องทำงานขนาดใหญ่โดยไม่กลัวกว่าใครจะมาได้ยิน เพราะห้องนี้เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ถ้ามองจากประตูทางเข้าจะเห็นโต๊ะทำงานระดับผู้บริหารที่สั่งทำด้วยไม้อย่างดี โดยมีชายหนุ่มหน้าตี๋ ความหล่อระดับพระเอกมินิซีรี่ย์จีน แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าและผูกเนคไทสีน้ำตาลอ่อนยี่ห้อหรูราคาแพงหูฉี่นั่งหลับตาพริ้มอยู่ เขาขบกรามแน่นเพราะรู้สึกเสียวไปทั้งแก่นกาย ภายใต้โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ปรากฏเป็นหญิงสาวผู้เป็นเลขาหน้าห้องของเขา กำลังผงกหัวขึ้นลงดูดเลียแท่งร้อนของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายด้วยความเอร็ดอร่อย เสียงดังจ๊วบจ๊าบหยาบโลนดังไปทั่วห้อง
“ชอบ...ชอบมาก...อาส์...ซี๊ดดดด”
บดินทร์ครางเสียงแตกพร่าด้วยความเสียวซ่าน เขาคือ MD หนุ่มวัย 30 ปลาย ๆ ของ C กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม เขามีนิสัยรักสนุก มักมากในกามารมณ์ มีเด็กในสังกัดเป็นโหล เพราะความหล่อเหลา หน้าที่การงานดี สายเปย์ จึงทำให้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายยอมพลีกายให้เขามากมาย ใช่แล้ว...ทั้งหญิงและชาย เพราะบดินทร์เอาได้หมดขอแค่สวยหล่อตรงสเปค
“ถ้าชอบต้องให้รางวัลดาเยอะๆ นะคะบอส”
ดารัญแหงนหน้าส่งสายตาหยาดเยิ้มพูดออดอ้อนและก้มหน้าลงกลับไปกับดูดเลียหัวบานที่กำลังบวมเป่งของเจ้านายหนุ่มด้วยความถี่รัว
“อาส์...”
ไฟสวาทที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นทำให้บดินทร์จับหัวดารัญบดเข้าหากลางกายของตน แท่งร้อนยาวใหญ่แทงเข้าไปในลำคอเลขาสาวมิดลำ คนที่โดนยัดแท่งรักเข้ามาในปากก็รู้งาน เม้มปากเก็บฟันตัวเองพร้อมเอาลิ้นคว้านดุนเป็นวงกลม
“อ๊าส์...เสียวหัวสุดๆ...คุณทำผมจะแตกแล้วนะคนสวย”
บดินทร์ครางเสียงดังพร้อมกับเด้งเอวรับรัวๆ เป็นจังหวะเข้าออก
“อ๊ะ...แตกแล้ว...ผมแตกแล้ว...อา...”
ร่างหนากระตุกเป็นจังหวะพร้อมกับพ่นน้ำคาวหนืดข้นเข้าไปเต็มโพรงปากของหญิงสาว เธอดูดกินมันไปจนหมดด้วยความชำนาญ
“เก่งแบบนี้ ผมให้รางวัลหนักๆ เลย”
ติ๊ง...เสียงแจ้งเตือนธนาคารบอกว่ามีเงินจำนวน 20,000 บาทโอนเข้าบัญชีของดารัญ
“กรี๊ดดด ขอบคุณมากค่ะบอส ว่าแต่...บอสพอแค่นี้เองเหรอคะ...บอส...ไม่อยากกินดาเหรอ...”
ดารัญเอ่ยถามด้วยเสียงยั่วยวน ขึ้นไปนั่งบนตักของบดินทร์ พร้อมกับลูบไล้แผงอกกว้าง
“อยากสิ...แต่อีก 15 นาทีผมมีประชุม คุณก็รู้ว่าเวลาผมกิน ผมมูมมามแค่ไหน เอาไว้...คืนนี้มาหาผมที่คอนโด ผมจะทบต้นทบดอกให้หนำใจเลย ดีมั้ย หืม?”
“ดีที่สุดเลยค่ะบอสขา...ดาจะยอมบอสทุกท่าเลย”
หลังจากที่ดารัญออกไปแล้ว บดินทร์นั่งอ่านเอกสารต่อเพื่อเตรียมตัวประชุม สายตาพลันเหลือบไปเห็นแฟ้มประวัติของว่าที่พนักงานงานใหม่ที่ผ่านการสัมภาษณ์จาก HR เรียบร้อยแล้ว จึงหยิบมาไล่เปิดอ่านทีละคนจนไปสะดุดตาเข้ากับหนึ่งในว่าที่พนักงานใหม่ เพราะรูปสมัครงานดูดีมาก ๆ ตรงสเปคเขาทุกอย่าง โดยเฉพาะไฝใต้หางตาราวกับหยดน้ำตานั้นดูมีเสน่มากจริง ๆ
“นายพุทธชาดเหรอ? หึ...รูปนี่ของจริงหรือฟิลเตอร์กันนะ...”
11:30 น. หน้าบ้านหลังหนึ่งใจกลางเมืองกรุงเทพฯ
“สู้เว้ย!!! ไอ้พุด แกต้องทำได้!!!”
เสียงตะโกนเรียกกำลังใจให้ตัวเองของพุทธชาดหรือพุด ชายหนุ่มหน้าหวาน ดวงตากลมโต ผิวขาวเนียนละเอียด รูปร่างเพรียวบาง ส่วนสูงประมาณ 172 ตามมาตรฐานชายไทยดังก้องไปทั่วบริเวณบ้าน ขณะนี้เขายืนอยู่หน้าบ้านสีขาวทรงโบราณหลังใหญ่สไตล์กึ่งไทยกึ่งยุโรปผสมผสานกัน แม้จะดูเก่าไปสักหน่อย แต่ก็ยังสวยงามและน่าอยู่มากในสายตาของพุด วันนี้เป็นวันที่พุดขนของย้ายเข้ามาอยู่เป็นวันแรกหลังจากที่เรียนจบและเพิ่งได้งานทำหมาด ๆ เขาจึงตัดสินใจหาบ้านเช่าแถวใกล้ ๆ ที่ทำงาน
“พ่อพุด...พ่อพุด...”
“ฮึ เสียงใครเรียก???”
พุดหันซ้ายหันขวา เหมือนจะได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแว่ว ๆ แต่ก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่แถว ๆ นี้
“สงสัยหูฝาดล่ะมั้ง...”
♫ ‘รอคอย...เธอมาแสนนาน...ทรมานวิญญาณหนักหนา...’
เสียงเรียกเข้าเพลงโปรดของพุดที่เป็นบทเพลงเก่าแต่ยังคงความคลาสสิคค่อย ๆ ดังขึ้นพร้อมกับการสั่นของโทรศัพท์มือถือ ได้ดึงความสนใจจากพุดที่กำลังคุยกับตัวเองอยู่
“ฮัลโหล ว่าไงหยก”
“แก เป็นไงบ้าง? ถึงยัง? ขนของเข้าบ้านยัง? แล้วมีใครช่วยมั้ย?”
เสียงปลายสายถามมาด้วยความตื่นเต้นแกมเป็นห่วง
“ใจเย็นแก เอาทีละคำถาม เรามาถึงแล้วกำลังจะขนของเข้าบ้าน มีเราคนเดียวนี่แหละจะมีใครอีกล่ะ”“ก็เราเป็นห่วงแกนี่ เราขอโทษนะที่ไม่ได้ไปช่วย ยังไม่ผ่านโปรลางานไม่ได้เลยอ่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ แค่นี้เองเราสบายมาก”
“เค ไว้เลิกงานเราไปหา ว่าแต่แกเริ่มงานวันไหนนะ?”
“พรุ่งนี้”
“แก...ระวังตัวด้วยนะ เราได้ยินพี่ที่ทำงานเค้าเม้าท์กันว่า MD ของบริษัทที่แกกำลังจะไปทำงานเป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลย จ้องแต่จะเคลมพนักงานใหม่ หญิงหรือชายก็ไม่เว้น เราเป็นห่วงอ่ะ ไม่อยากให้แกทำงานที่นั่นเลย”
“คิดมากน่ะแก คนเค้าก็ลือกันไป ที่นั่นให้เงินเดือนเยอะที่สุด เราไม่เอาก็โง่แล้ว”
“เออ ๆ ขอให้โชคดีในการทำงานแล้วกันแต่ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ ก็แกออกจะหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้แถมยังใจดีมาก ๆ อีก อย่าให้ใครมาเอาเปรียบแกนะ”
“ค้าบบบบบคุณแม่”
“ย่ะ! เย็นนี้เจอกัน”
“เค ๆ”
พุดกดวางสายพร้อมกับส่ายหัวเอ็นดูเพื่อนรักในความเป็นห่วงตนเกินเหตุ แต่พุดก็เข้าใจเพื่อนคนนี้ดี ตั้งแต่รู้จักกันตอนเข้ามหาวิทยาลัย ใบหยกก็คอยปกป้องเขามาตลอด เพราะเขาเป็นคนที่ใจดี มีน้ำใจ ไม่คิดเล็กคิดน้อย เลยโดนเพื่อนๆ ในห้องเอาเปรียบอยู่บ่อย ๆ
“จุดเริ่มต้นของช่วงชีวิตใหม่ ขอให้เจอแต่เรื่องดี ๆ ด้วยเถิด สาธุ…เอ๊ะ?!”
ขณะที่พุดหลับตาพนมมืออธิษฐานเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเข้าไปในบ้าน ได้มีลมเย็นอ่อนๆ พัดผ่านใบหน้าจนผมปลิวไหววูบหนึ่ง
“ลมมาจากไหน? แต่หอมจัง กลิ่นดอกอะไรนะ คุ้น ๆ แฮะ”
หลังจากที่พยายามนึกว่ากลิ่นที่ลอยมากับสายลมเย็นนั้นเป็นกลิ่นของดอกอะไร พุดก็ส่ายหัวสะบัดไล่ความคิดและเริ่มขนของเข้าบ้าน ตลอดช่วงบ่ายเขาค่อย ๆ ไล่ทำความสะอาดและจัดของใช้ให้เป็นระเบียบ ด้วยความที่พุดมีของไม่เยอะเลยทำให้ใช้เวลาจัดไม่นานนัก ตะวันยังไม่ทันตกดินก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้อ...เสร็จสักที”
หนุ่มหน้าหวานยิ้มตาหยีหลังจากที่ตนเองจัดของเสร็จแล้ว เขามองไปรอบๆ บ้านด้วยความภาคภูมิใจและมีความรู้สึกว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองจริง ๆ
“รู้สึกรักที่นี่แล้วสิ...”
พุดนั่งลงตรงโซฟาหนังสีเบจ พร้อมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า กะว่าจะพักสายตาสักหน่อย ในขณะที่กำลังจะ เคลิ้ม ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกลูบหัวเบาๆ ทำให้เขาสะดุ้งลืมตาขึ้น แต่กลับพบเพียงความวางเปล่า สมองที่กำลังเริ่มงุนงงก็เปลี่ยนจุดสนใจเพราะเสียงกดกริ่งจากผู้มาเยือน
ปิ๊งป่องงงง
พุดจึงรีบเดินออกไปต้อนรับเพราะรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองนั่นเอง
“มาเร็วมากกกก คุณใบหยกเพื่อนเลิฟ”
“วันนี้งานเสร็จเร็ว เจ้านายอนุญาตให้กลับไว เราเลยรีบบึ่งรถมาหาแกเลยเนี่ย ไหน...จัดของเสร็จยัง มีอะไรให้เราช่วยมั้ย?”
“เรียบร้อย ไม่ต้องถึงมือแกหรอก แค่นี้เอง ปะ...เข้าบ้านกันเถอะ ถึงแกจะไม่ต้องช่วยเราจัดของแล้ว แต่แกต้องทำกับข้าวให้เรากินเดี๋ยวนี้ เพราะเราหิวมากกกกก”
พุดลากแขนเพื่อนเข้าไปในบ้าน พร้อมกับลูบท้องตัวเองไปด้วย บ่งบอกว่าตอนนี้หิวมาก เพราะเขายังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่มื้อกลางวันแล้ว
“จัดไป!!! เดี๋ยววันนี้แม่จะโชว์ฝีมือเองลูก”
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง...กับข้าว 2-3 อย่างถูกจัดในจานสวยงามเสร็จสรรพพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนจากหม้อหุงข้าวว่าข้าวสวยสุกพร้อมทานแล้ว
“หอมมากกกกก ไม่ไหวละ กินละนะ”
“รออะไรล่ะ ลุยยยย”
สองเพื่อนรักนั่งทานข้าวด้วยกันพร้อมเม้าท์มอยด้วยความสนุกสนาน ใบหยกมองไปรอบ ๆ บ้านแล้วเกิดความสงสัยบางอย่าง จึงได้เอ่ยถามพุด
“เฮ้ยแก เราสงสัยว่ะ บ้านหลังนี้ออกจะใหญ่โตขนาดนี้ เค้าปล่อยเช่าในราคานี้ได้ไง? แก...เจออะไรแปลก ๆ บ้างยัง?”
“จะบ้าเหรอแก เรามาอยู่ตั้งหลายชั่วโมงแล้วไม่เห็นมีไรเลย แถมเรายังรู้สึกชอบที่นี่มาก ๆ ด้วย มันสบายใจแบบบอกไม่ถูก เจ้าของบ้านบอกว่ามันเป็นจังหวะพอดี ปกติไม่คิดจะปล่อยเช่า แต่ช่วงนี้เค้าอารมณ์ดีเลยอยากปล่อยเช่าถูก ๆ น่ะ”
“ฮะ? เหตุผลอะไรวะเนี่ย ฟังแล้วยิ่งแหม่ง ๆ เข้าไปอีก”
“เอาน่า อย่าไปคิดเยอะ ถือว่าเราโชคดีแล้วกัน คิดแล้วก็รู้สึกดีใจที่วันนั้นตัดสินใจเดินเข้ามาดูในซอยนี้”
“ไอ้สวยก็สวยอยู่หรอก แต่เราว่าบรรยากาศมันวังเวงแปลก ๆ”
“วังเวงอะไรล่ะ นี่น่ะ เค้าเรียกว่าเงียบสงบต่างหาก ถ้ามาตอนกลางวันนะ ลมพัดเย็นสบายไม่ร้อนเลย”
“เออ ๆ ก็แล้วแต่แกแหละ แกเป็นคนอยู่นี่นา ชอบก็ดีแล้ว ว่าแต่ได้บอกที่บ้านมั้ยว่ามาอยู่ที่นี่อะ”
“ไม่ได้บอกหรอก ไม่รู้จะบอกทำไม พวกเค้าไม่สนใจอะไรเราอยู่แล้ว” พุดเอ่ยด้วยเสียงที่หม่นหมองลง
“เฮ้ย...ไม่เอาไม่เศร้า ดีแล้วที่ไม่บอก เดี๋ยวพี่ชายชั่ว ๆ ของแกได้ตามมาหาเรื่องอีก”
พุดพยักหน้ารับพร้อมยิ้มอ่อน ๆ ให้กับเพื่อนสาว คำว่าพี่ชายชั่ว ๆ ที่ใบหยกกล่าวมานั้นไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงเลย พุดเกิดมาในครอบครัวยากจน พ่อแม่ไม่พร้อมที่จะมีเขา แถมยังทุ่มเทความรักไปให้พี่ชายคนโตหมด เพราะหมอดูทักว่าพี่ชายคนนี้จะเป็นคนใหญ่โตในภายภาคหน้า ทำให้พี่ชายของเขามีนิสัยอันธพาล หลงตัวเอง ทำตัวเป็นลูกเทวดาชอบรังแกและทำร้ายร่างกายน้องชายอย่างเขา และพ่อกับแม่ไม่มีใครปกป้องเขาเลย เพราะต้องการเอาใจลูกชายคนโต เขาเกือบจะได้เรียนจบแค่ ม.3 เพราะที่บ้านส่งให้เรียนแค่การศึกษาภาคบังคับ บอกว่าจะเก็บเงินไว้ส่งพี่ชายเรียน แต่ด้วยความพากเพียรของพุดที่ขยันหางานพาร์ทไทม์ทำรวมถึงสอบชิงทุนได้ ทำให้เขาส่งเสียตัวเองมาได้จนจบ ป.ตรี และวันนี้เป็นวันแรกในการย้ายมาอยู่บ้านใหม่ แม้จะเป็นบ้านเช่า แต่เขารู้สึกว่ามันอบอุ่นและคุ้นเคยมากกว่าบ้านของตัวเองเสียอีก
นาฬิกาบอกเวลา 2 ทุ่ม
“กลับก่อนนะเด็กน้อย เดี๋ยววันเสาร์มัมหมีมารับไปเที่ยว”
“ค้าบบบมัมหมี เดินทางปลอดภัย ขับรถระวัง ๆ นะ”
หลังจากส่งเพื่อนเสร็จ พุดก็เข้ามานอนอ่านหนังสือบนเตียงจนรู้สึกง่วง จึงปิดไฟแล้วนอนหลับไปในที่สุด ขณะนั้นเอง ร่างสูงของชายคนหนึ่งเดินออกมาจากกำแพงห้อง เดินเข้าไปใกล้คนหน้าหวานที่กำลังนอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่ เขาค่อย ๆ นั่งลงบนเตียง แม้จะปิดไฟแล้ว แต่แสงจันทร์จากภายนอกยังคงสาดส่องเข้ามาภายในห้องเพราะพุดไม่ได้ปิดผ้าม่าน เผยให้เห็นผู้มาใหม่แบบชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ดวงตาสีนิลสวยงามราวอัญมณี นัยน์ตาโศกคู่นั้นกำลังจ้องมองพุดด้วยความอ่อนโยนระคนคะนึงหา เขาโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากของคนที่กำลังนอนหลับใหล มือหนาค่อย ๆ ลูบผมคนหน้าหวานอย่างอ่อนโยน
“ในที่สุด พี่ก็ได้เจอเจ้าอีกครา...”
พุดไม่ได้รับรู้ถึงการปรากฏตัวของผู้มาใหม่เพราะกำลังตกอยู่ในห้วงฝันของตัวเอง ในฝัน...เขาได้มายืนอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่เหมือนกับบ้านเช่าของเขาไม่มีผิด แต่ต่างกันตรงที่บ้านหลังนี้มีคนมากมายเดินขวักไขว่อยู่ภายในบริเวณบ้าน บ้างก็ยืนสนทนากัน แต่ละคนล้วนแต่งกายในชุดที่ดูแปลกตา ผู้หญิงใส่เสื้อแขนกุดสีครีมกับผ้าซิ่นลายเรียบ ๆ บ้างก็สวมโจงกระเบน ผู้ชายใส่เสื้อคอจีนสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงแพรหรือโจงกระเบนสีเขียวหม่น เป็นแพทเทิร์นเดียวกันอย่างกับเป็นยูนิฟอร์มของพนักงานโรงแรมสไตล์ไทย ๆ ดูแล้วคลับคล้ายคลับคลาละครพีเรียดที่พุดเคยดูมาอย่างไรอย่างนั้น“เฮ้...พี่ ๆ ครับ...” ทุกคนเดินผ่านไปมาโดยไม่มีใครสนใจพุดที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น ราวกับว่าไม่มีใครมองเห็นเขาเลยสักคน“อะไรกันเนี่ย ทำไมไม่มีใครสนใจเราเลย เอ๊ะ! หรือนี่คือความฝัน?”“แม่ผัน ๆ” “เรียกฉันทำไมรึพ่อมิ่ง?” “ฉันจะมาบอกว่าเย็นนี้ท่านชายพัฒน์อยากรับทานแกงคั่ว” “แกงคั่วอะไร หมู ไก่ เนื้อ หรือหอย?” “เอ่อ...ฉันลืมถามน่ะจ้ะ...” “เอ้า! นั่นปะไร… รีบกลับไปทูลถามเสด็จท่านเลย ฉันจะได้รีบเตรียมของ ประเดี๋ยวทำไม่ทัน” “เฮ้ย!!!” ในขณะที่พุดยืนงง ๆ
ตลอด 1 อาทิตย์ที่เข้ามาทำงาน พุดวิ่งไปวิ่งมาไม่หยุดทั้งวัน เพราะถูกรับน้องด้วยการใช้ให้ทำงานยิบย่อยตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบแต่เขาก็ไม่บ่นเลยสักคำ หนำซ้ำยังตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเต็มที่ใกล้เวลาเลิกงาน...“พุดจ๋า...ช่วยพี่หน่อยสิ”“ครับพี่แพรว”“พี่เหลืองานเอกสารอีกนิดหน่อย พุดช่วยตรวจแทนพี่หน่อยได้มั้ย พี่ต้องรีบไปรับลูกน่ะ”“อ๋อ...ได้สิครับ” พุดไม่ปฏิเสธอีกเช่นเคย คนใจดีแบบเขาถ้าช่วยอะไรใครได้เขาไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้วเวลาผ่านไปจนถึง 1 ทุ่มกว่า...“เฮ้ออออ เสร็จสักที! กลับบ้านได้!!!”“อ้าวน้องพุด งานเพิ่งเสร็จเหรอ?”บดินทร์สังเกตพุดแบบห่าง ๆ มาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์โดยไม่แสดงความอยากได้ออกนอกหน้า อย่างมากก็เล่นบทเจ้านายใจดีคอยให้คำปรึกษา ครั้งนี้สบโอกาส จึงวางแผนที่จะเข้าใกล้เหยื่อตัวน้อยของเขาอีกขั้น“ครับพี่ดิน”“งั้นให้พี่ไปส่งนะ”“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเกรงใจ”“เห... ไม่เอาน่า ห้ามปฏิเสธเจ้านาย”“เอ่อ...ก็ได้ครับ”พุดกล่าวตอบรับน้ำใจของเจ้านายใหม่ และคิดว่าคงไม่เป็นไร มีคนอาสาไปส่งก็ดี จะได้ไม่ต้องไปรอรถเมล์ให้เมื่อยรถสปอร์ตคันหรูสีดำแล่นมาจอดหน้าบ้าน“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะค
ก๊อกๆๆๆเสียงเคาะประตูจากท่านชายทำให้พุดต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูแบบเสียไม่ได้ ท่านชายเดินตามเข้ามาในห้อง ส่วนเจ้าของห้องกลับไปนั่งทำท่าอ่านหนังสือไม่รู้ไม่ชี้ที่ปลายเตียง“เป็นอะไรไป วิ่งหนีกลับมาคนเดียวทำไม ถือขนมมาให้พี่มิใช่หรือ?”“ใครวิ่งหนี? กระหม่อมแค่เป็นคนมีมารยาท” คนตอบเสียงบูดบึ้งทำให้ท่านชายเดินไปนั่งลงข้าง ๆ แย่งหนังสือออกมาวาง และจับไหล่คนตัวเล็กให้หันหน้ามาทางตน“มองหน้าพี่แล้วตอบมา พ่อพุดกำลังน้อยใจพี่ ใช่หรือไม่” พุดเริ่มรู้สึกประหม่าเพราะโดนพี่ชายไม่แท้พูดจี้ใจดำ“นะ...น้อยใจอะไรกระหม่อม ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิดแล้ว กระหม่อมเป็นชายชาตรีไม่น้อยใจอะไรไร้สาระเช่นนั้นหรอก”“ฝ่าบาท? กระหม่อม?...เจ้ารู้หรือไม่ เวลาเจ้าน้อยใจพี่ มักจะใช้ถ้อยคำห่างเหินเช่นนี้เป็นประจำ เด็กน้อย...”“กระหม่อมมิใช่เด็กน้อยแล้ว ครบ 20 ปีบริบูรณ์ไปเมื่อเดือนก่อน ฝ่าบาทจำมิได้หรือ? เพื่อน ๆ ของกระหม่อมแต่งงานมีลูกกันไปหลายคนแล้ว”“งั้นหรือ? พูดเช่นนี้...พ่อพุดอยากแต่งงานแล้ว?”“มิใช่เสียหน่อย”“แต่พี่อยากแต่ง...”“ไหนเคยตรัสว่ายังไม่อยากเสกสมรสไง?!!”“ไหนว่าไม่น้อยใจไง? คนปากแข็ง หวงพี่ก็บอกมาเถิด”“ใคร
“เราคงต้องขอตัวกลับวังก่อนนะครับ”ท่านชายหันไปพูดกับคุณชายเล็กพร้อมกับจับมือพุดเดินออกไปโดยไม่สนเลยว่าพุดจะอยากกลับหรือไม่“ขะ...ขอรับกระหม่อม”คุณชายเล็กถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า การเข้าหาพุดเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียเหลือเกิน“ฝ่าบาท!...ฝ่าบาท!!...พี่ชายพัฒน์!!! เป็นอะไรไป?”พุดเอ่ยถามท่านชายที่เดินลากแขนตัวเองออกมาจากงานโดยไม่พูดไม่จา“ถ้าวันนี้ไม่พูด ก็ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลย!!!”พุดพูดออกไปด้วยอารมณ์โมโห และไม่เข้าใจว่าท่านชายพัฒน์ไปกินรังแตนที่ไหนมา ทำไมต้องมาลงที่เขาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมัวแต่เต้นรำสนุกสนาน และทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวแท้ ๆ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยแต่ตลอดทางจนขับรถกลับมาถึงบ้าน ท่านชายก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ เพียงแค่ส่งพุดเข้าห้องนอนแล้วตัวเองก็กลับห้องไป ต่างคนต่างอาบน้ำและเข้านอน ภายในห้องนอนของท่านชาย เขานอนเอามือก่ายหน้าผาก เพราะนอนไม่หลับ รู้สึกหงุดหงิด มันร้อนรุ่มในหัวใจ เขานอนพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนสุดท้าย…“เป็นไงเป็นกัน!!!”ท่านชายตัดสินใจเดินออกจากห้องไปยังจุดหมายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆๆพุดที่กำลังจะเคลิ้ม ๆ หลับก็สะดุ้งตื่น เดินงัวเ
“ร้ายกาจที่สุด” พุดเอ่ยออกมาด้วยความหมั่นไส้คนด้านบน“ร้ายก็เพราะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าพี่อยากทำแบบนี้กับเจ้ามานานเพียงใด”ท่านชายเอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่ทว่ากลับดูเย้ายวนและน่าหลงใหลมากในสายตาของพุด มือหนาเริ่มรูดรั้งแก่นกายคนตัวเล็กเบา ๆ ลิ้นหนาโลมเลียตั้งแต่โคนจรดปลาย“อื้ออ...สะ...เสียว” “หืม...ว่าอย่างไรนะ พี่ไม่ได้ยิน” ท่านชายเอ่ยแกล้งพร้อมกับรัวลิ้นลงที่ปลายหัวหยักอมชมพูของคนใต้ร่าง ทั้งเลียทั้งดูดเหมือนชิมไอติมแท่งโปรดจนเกิดเสียงน่าอาย“สะ...เสียว พุดเสียว...” เสียงครางกระเส่าเรียกชื่อตัวเองของพุดทำให้ท่านชายสกัดกั้นอารมณ์ไม่ไหว ช่างน่ารักเหลือเกิน พอกันที เขาจะไม่ทนอีกต่อไป...“เอ๊ะ!” จู่ ๆ ท่านชายก็ลุกไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบน้ำมันมะกอกสกัดที่พุดใช้ทาผิวเป็นประจำติดมือกลับมา ยังไม่ทันที่พุดจะได้ถามอะไรก็ต้องสะดุ้งเมื่อท่านชายจับขาของตนแยกออกจากกันพร้อมกับช้อนสะโพกให้สูงขึ้นจนไปชนกับท่อนเอ็นยาวใหญ่ของเขาที่ตอนนี้มันพองขยายตัวตั้งชูชัน พุดตัวสั่นสะท้านทั้งอยากรู้อยากลองและกลัวในเวลาเดียวกัน ท่านชายเทน้ำมันมะกอกใส่มือและละเลงวนที่รูจีบสีหวาน กลิ่นหอมของมันช่วยให้ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
ณ บ้านทรงไทยกึ่งยุโรปที่คุ้นตา“วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผม ผมเรียนจบแล้วนะครับ”ณภัทรยืนยิ้มคุยกับกรอบรูป 2 ใบ ที่บุคคลในรูปหนึ่งมีใบหน้าเหมือนตนเองอย่างกับแกะกับอีกรูปที่เป็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งตั้งเคียงคู่กัน ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ทุก ๆวันณภัทรจะมาคุยกับบุคคลในรูปนี้เสมอ แม้จะไม่เคยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าเป็นเพื่อนเก่าคุณย่าที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ ที่เคยมาบ้านต่างกลัวรูปทั้งสอง เพราะถูกตั้งไว้บนแท่นไม้ที่มีกระถางธูปตั้งอยู่ตรงกลางประหนึ่งหิ้งบูชารูปบรรพบุรุษ แถมคนในรูปยังหน้าเหมือนกับณภัทรอย่างกับคนเดียวกัน ใครเห็นก็ต้องรู้สึกขนลุกเป็นธรรมดา แต่ณภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับรูปตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกปิ๊งป่อง...เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ณภัทรเดินออกไปดูว่าใครมากดเล่น หรือมีคนมาหาเขาจริง ๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหา จะมีก็แต่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเคยมา 1 ครั้งเพราะจำเป็นต้องมาทำงานกลุ่ม แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครอยากมาอีกเลยเพราะรู้สึกว่าบ้านหลังนี้วังเวงเกินไปประตูหน้าบ้านค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือน ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไ
ณ บ้านสวนหลังใหญ่ ชานเมืองเชียงใหม่ ตัวบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ แม้จะสร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่ก็ดูทันสมัยสวยงามน่าอยู่และร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้บริเวณรอบ ๆ ตัวบ้าน รถแฟมิลี่คาร์สีดำยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดตรงประตูหน้าบ้าน เด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวัย 5 ขวบวิ่งลงจากรถเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส“คุณย่า!!! น้องภีมคิดถึงจังเลย”เด็กชายวิ่งไปหาผู้เป็นย่า พร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง“ไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงย่าเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวเพลินเลยนะเราน่ะ”“น้องภีมคิดถึงคุณย่าจริงๆ น้า เวลาน้องภีมกินขนมอร่อย ๆ ก็คิดถึงคุณย่า คุณย่าทำอร่อยกว่าตั้งเยอะ เวลาน้องภีมเที่ยวสวนสนุกก็คิดถึงคุณย่า อยากให้คุณย่ามาด้วยฮะ”“ประจบเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ แล้วพ่อกับแม่เราล่ะ”“คุณพ่อคุณแม่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถฮะ น้องภีมรีบเข้ามาหาคุณย่าก่อน เพราะคิดถึงม้ากมากกก”ใบหยกลูบหัวผู้เป็นหลานชายด้วยความเอ็นดู ผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอเป็นคุณย่าแล้ว มีหลานชายตัวน้อยน่ารัก 1 คน ชีวิตเธอตอนนี้มีความสุขที่สุด แม้ช่วงแรกที่เพื่อนรักจากไป เธอจะคิดถึงพุดอยู่ตลอดเวลา แต่หลานชายตัวน้อยทำให้เธออ
“ในที่สุดก็จะเสร็จสิ้นภารกิจเสียที” “คุณตาว่าอะไรนะครับ” “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกไอ้หนู แต่ตาว่าไม่ต้องทำสัญญาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาโอนบ้านเลยแล้วกัน” “ห๊า....คุณตาว่าอะไรนะครับ” “ตาบอกว่าช่วยเซ็นรับบ้านหลังนี้ไปทีนะ ตาจะโอนให้” ขณะที่พุดกำลังงุนงงกับคำพูดของคุณตาเจ้าของบ้าน วิญญาณของท่านชายก็มากระซิบข้างหูพุด “รับไว้เถิด มันเป็นของเจ้า” โดยที่มีเพียงพุดที่ได้ยิน “ตาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของหนู ช่วยเซ็นรับเพื่อให้ตาได้ปลดภาระอันยาวนานนี้เสียทีเถอะนะ” จากวันนั้นพุดก็ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แบบเต็มตัว และพุดมาเข้าใจแจ่มแจ้งทีหลังว่าท่านชายรู้อยู่แล้วว่าคุณตาเจ้าของบ้านมีหน้าตาเหมือนกับเสด็จพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณมาเกิดใหม่เป็นรุ่นลูกหลานของตระกูลรัชนีพงษ์ แต่ที่ไม่ได้เล่าให้พุดฟัง เพราะมันคือวิบากกรรมที่เสด็จพ่อของเขาได้ผูกไว้กับพุด ซึ่งท่านจะต้องแก้ไขกับพุดเองตามโชคชะตาและวาสนานำพา ส่วนตัวท่านชายกับเสด็จพ่อ ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว เพราะเสด็จพ่
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด