หญิงสาวใช้เท้าที่ว่างอยู่ยันไปที่เขา ส่งผลให้ร่างสูงใหญ่เซลงไปเล็กน้อย ชายหนุ่มชะงักเพราะไม่ทันตั้งตัวเขาหันไปมองด้วยความโกรธ
“ไม่เข็ดเลยใช่ไหม!”เขาตวาดลั่น
พินอาภารีบรั้งท่อนแขนเพื่อนไว้ แต่คนอย่างปรางค์ปรียาไม่กลัวอะไรอยู่แล้วชีวิตเธอไม่มีอะไรจะเสีย แต่สำหรับพินอาภาชีวิตของเพื่อนเธอยังมีคนมากมายที่รออยู่ และเธอก็เป็นหนี้ชีวิตเพื่อนคนนี้มากมายจนแทบชดใช้ไม่หมด เธอจะไม่มีวันยอมให้เพื่อนเป็นอะไรเป็นอันขาด หากมีคนต้องตายเธอควรเป็นคนแรก
“แกมันโง่ หลานลุงไมเคิลคือฉันไม่ใช่เพื่อนของฉัน!”
คำพูดที่ออกมาจากปรางค์ปรียาทำให้เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ จ้องมองคนพูดทันที
“เธอเป็นหลานของไอ้ไมเคิล แล้วยังกล้าดีมาหลอกฉันอย่างนั้นเหรอ!”ชายหนุ่มตวาด
ร่างบางถูกกระชากให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขา
เพียะ!
ฝ่ามือเขาฟาดลงไปบนแก้มเนียนจนนูนขึ้นเป็นรอยนิ้วทั้งห้า ปรางค์ปรียาทรุดกายลงกับพื้นตามแรงฝ่ามือของเขา
“ปรางค์!”พินอาภาร้องเรียกเพื่อนตนเองแล้วรีบผวาเข้ามาหา
“อย่าทำร้ายเพื่อนฉัน เขาไม่ใช่หลาน...”
“หยุดนะพิน!”หญิงสาวตวาดลั่นเพื่อป้องกันไม่ให้พินอาภาเปิดเผยเรื่องที่ ต้องการปกปิดออกมา
“ปรางค์...”
หญิงสาวส่ายหน้า สบตาเพื่อน เธอยินดียอมรับโชคชะตานี้
“ฉันจะปล่อยเพื่อนเธอไป แต่เธอต้องอยู่กับฉัน ฉันจะจัดการให้เธอยอมเปิดปากเรื่องไมเคิลเอง!”
มาติชรีบลากพินอาภาออกไป หญิงสาวดิ้นรนทั้งน้ำตา
“อย่าทำแบบนี้ปรางค์ เราไม่ได้ต้องการให้ทำแบบนี้...”พินอาภาสะอื้นออกมาอย่างหนัก สายตาของเธอจดจำได้แค่เพียงสีหน้าของเพื่อนที่หันมายิ้มให้ ก่อนโดนลากออกมาจากห้องนั้น
ลุคส์สั่งให้บอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดออกจากห้อง ห้องทั้งห้องเหลือเพียงความเงียบงัน ปรางค์ปรียากัดฟันแน่น เธอต้องข่มความรู้สึกของตนเองแม้กายกำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัวก็ตาม ชายหนุ่มหรี่ตามองหยิบปืนที่เหน็บอยู่ออกมาจอ
“บอกฉันมาซะว่าลุงของแกอยู่ที่ไหน!”เขาตวาดกร้าวเป็นภาษาที่เธอเข้าใจ
เธอนั่งนิ่งไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร พูดก็ตาย ไม่พูดก็ตาย หากเป็นเช่นนั้นเธอขอไม่พูดมันออกมาจะดีกว่า เพราะไม่ว่าเลือกทางไหน ก็ไม่รอดอยู่ดี
“จะบอกหรือไม่บอก!”เขาขู่
“ไม่! ฉันไม่มีวันบอกอะไรกับคนอย่างแก ต่อให้ฉันรู้ก็ตาม”เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่เกรงกลัว
“นี่เธอไม่กลัวตายหรือยังไงกัน!”
“ทำไมฉันต้องกลัวในเมื่อสุดท้ายแล้วฉันก็ตายอยู่ดี!”
“ปากเก่งแบบนี้ฉันชอบ!”ลุคส์บอกพลางเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้น
“คุณจะทำอะไร!”หญิงสาวถาม มองเขาด้วยความหวาดกลัว
“บอกมาซะว่าลุงของเธออยู่ที่ไหน!”
ชายหนุ่มกระชากท่อนแขน รั้งร่างบางเข้ามาหาตนเอง ใบหน้าใกล้กันผสานสายตา แล้วยิ้มเหี้ยมออกมา ลมหายใจกำลังรดใบหน้าทำให้หญิงสาวเริ่มหวาดกลัว ลุคส์หรี่ตามองเมื่อเห็นปฏิกิริยารังเกียจการสัมผัสและจับต้องตัวเขา ยิ่งรู้สึกได้ใจเมื่อสามารถหาจุดอ่อนผู้หญิงไม่กลัวตายคนนี้ได้
“เธอจะบอกไหมว่าลุงเธออยู่ที่ไหน...”เขาบอกเสียงพร่าชิดใบหู
“ฉะ...ฉันไม่รู้”หญิงสาวตอบเขาเสียงสั่นเครือ
ชายหนุ่มรีบรั้งกายสาวเข้ามาใกล้จนอกอวบอิ่มเบียดชิดแผงอกกว้างอย่างจงใจ อ้อมกอดรัดแน่นเสียจนแทบหายใจไม่ออก ลุคส์รู้สึกว่ากายเขากำลังร้อนผ่าวเมื่อได้ใกล้ชิดร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขน
ปรางค์ปรียาดิ้นรนเพื่อให้เขาปล่อยแต่กลับไม่เป็นผล เมื่อเขาจงใจรัดร่างเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวสูดหายใจเต็มปอด ออกแรงผลักสุดกำลัง ส่งผลให้ร่างสูงใหญ่เซออกไปเล็กน้อย สบโอกาสหญิงสาวรีบวิ่งหนี
ลุคส์ยิ้มเหี้ยมคว้าคอเสื้อเธอจากด้านหลัง
แควก!
เขากระชากเสื้อเธอจนขาดติดมือ
“ว้าย!” เธอหวีดร้องด้วยความตกใจ
แผ่นหลังขาวเนียนเผยต่อสายตา เขายืนนิ่งแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ปรางค์ปรียารีบตะเกียกตะกายหนีเธอหวังให้เขาฆ่าเธอซะ และอย่าได้ทำในสิ่งที่เธอกำลังกลัวอยู่ในเวลานี้
ชายหนุ่มเข้าถึงตัวหญิงสาวได้โดยง่าย กระชากร่างบางมาหาอีกครั้งแล้วกอดรัดไว้แน่น จะไม่หลงกลให้หนีไปได้อีกแล้ว
“ฉันจะถามอีกครั้งว่าลุงเธออยู่ที่ไหน!”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ...”หญิงสาวพยายามอ้อนวอน เมินมองทางอื่น
ลุคส์จับข้อมือแล้วกระชากให้หลานศัตรูก้าวตาม เธอพยายามขืนตัวเองไม่ให้เขาลากไปได้ง่ายๆ แต่เมื่อไหร่ที่เขาออกแรงกระชาก ร่างก็เซตามแรงโดยง่าย สองร่างหยุดยืนหน้าห้อง มือที่ยังเหลืออีกข้างจับลูกบิดประตูแล้วเปิดออก
ปรางค์ปรียาหน้าซีดเผือด เธอพยายามเกาะมือเขาที่รัดแน่นอยู่ หญิงสาวน้ำตาคลอส่ายหน้าไม่ยอมเข้าไป แต่เขาออกแรงลากเธอได้สำเร็จ พอเข้าด้านในร่างบางถูกเหวี่ยงไว้บนเตียง
ทันทีที่หลังแตะฟูกหนา ปรางค์ปรียารีบทะลึ่งพรวดลุกขึ้นแล้วตะเกียกตะกายหนีอย่างไม่คิดชีวิต แต่เขากลับจับข้อเท้าแล้วลากเธอกลับมา ปลายนิ้วเรียวจิกลงบนฟูก พยายามขืนตัวไม่ให้เขาลากได้สำเร็จ แต่ไม่เป็นผลเรี่ยวแรงอันมหาศาลทำให้ร่างเธอถูกดึงไปหาโดยง่ายได้สำเร็จ
“ไม่!”เธอกรีดร้องใน ในขณะที่ร่างกายกำลังถูกลากเข้าหาอีกฝ่าย
เขาจับหญิงสาวพลิกตัวให้หันมาเผชิญหน้า กดตรึงร่างบางแนบกับเตียง ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองมายังใบหน้าเรียวสวยด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“เธอจะไม่ยอมบอกฉันใช่ไหม ว่าลุงเธออยู่ที่ไหน!”ชายหนุ่มตวาดกร้าวอีกครั้ง
“ฉะ...ฉันไม่รู้จริงๆ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ”เธอบอกเขาแล้วสะอื้นออกมา น้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอะไรเลยสักนิด
“ถ้าเธอไม่ยอมบอกว่าลุงเธออยู่ที่ไหน เธอได้กลายเป็นอีตัวแน่!”
ลุคส์จับสาบเสื้อไว้แล้วยิ้มเหยียด หญิงสาวมองดูเขาด้วยความตกใจ อ้าปากจะร้องขอแต่เขากลับไม่ไยดี
แควก!
เสื้อถูกกระชากจนขาดติดมือ
“กรี๊ด!”หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วดิ้นรนสุดชีวิต
ทรวงอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นบราเซียเผยต่อสายตา ผิวเนื้อขาวเนียนละเอียดน่าสัมผัส แม้กระทั่งเอวคอดกิ่ว ทุกอย่างที่ประกอบในตัวช่างเรียกอารมณ์ดิบได้เป็นอย่างดี ลุคส์ยิ้มเหี้ยมออกมา และครั้งนี้มันน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ ที่เธอได้สัมผัสมามากนัก
“ลุงเธออยู่ที่ไหน!”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ...”หญิงสาวพยายามอ้อนวอน
จนรอดจนรอด เธอก็ยังไม่ตอบ แล้วยังมีหน้ามาขอร้องให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือ หมดความอดทน เขาไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรอีก จากนี้ปากที่หุบไม่ยอมเปิด จะต้องสารภาพออกมาเอง
“ฉันจะไม่ถามอะไรเธออีกแล้ว ฉันจะทำมันจนกว่าเธอจะยอมบอกฉัน ว่าลุงเธออยู่ที่ไหน!”
กางเกงถูกกระชากแล้วรูดออกจากเรือนร่าง หญิงสาวพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดสุดชีวิต แม้รู้แก่ใจว่าไม่มีหนทางรอด เพียงเวลาไม่นาน ชิ้นส่วนติดกายกลับหายไปจนหมดสิ้น
เขาก้มลงสำรวจเรือนร่างอย่างไร้ปราณี กายสาวสะท้าน เมื่อเขาตักตวงความหวานด้วยความรุนแรง
“ฉันเจ็บ!” คนใต้ร่างร้องบอกน้ำตาอาบแก้ม
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องอะไรทั้งสิ้น ในเมื่อกล้าหลอกคนอย่างลุคส์ อัลเบอร์ทีนแล้วละก็มันจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมริมฝีปากหนาจูบไล้ไปตามเนื้อนวลพลางลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างอย่างถือสิทธิ์
“อย่า! ฉันเจ็บ!” คนถูกกระทำร้อง เมื่อถูกรุกเร้าอย่างหื่นกระหาย
หัวใจกำลังเต้นระรัวด้วยความกลัว เธอเจ็บและทรมานมากเหลือเกิน ทำไมเขาไม่พูดดีๆ หรือถามเธอดีๆ ทำไมเขาไม่ฟังทั้งๆ ที่เธอบอกว่าไม่รู้ ทำไมถึงใช้วิธีป่าเถื่อนทำร้ายกันได้ลงคอ
ทรวงอกอวบถูกครอบครอง มือทำหน้าที่ลูบไล้ทั่วร่างกาย ปรางค์ปรียาไม่อาจต่อต้าน ทำได้แค่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตาใจชอบ ไม่มีทางสู้ ไม่มีหนทางรอด เหตุใดจึงใจร้ายต่อเธอถึงเพยงนี้
ยิ่งเห็นน้ำตา ยิ่งสะใจ ไมเคิลมันจะได้รู้การทรยศเขาคือเรื่องที่มันควรคิดจะทำเป็นอันดับสุดท้ายในชีวิต อย่างน้อยหลานสาวของแกก็ต้องมารับเคราะห์แทน
เรือนกายแกร่งแทรกเข้าหาร่างบางสะท้าน เธอเจ็บปวดราดร้าวไปทั้งร่าง หญิงสาวกรีดร้องดิ้นรนเมื่อความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับ ในขณะที่เธอไม่ยินยอมมันสร้างความทรมานให้ อย่างร้ายกาจ ร่างบางพยายามขยับกายเพื่อหนี แต่เขากลับกดตรึงร่างงามไว้พร้อมกับแทรกกายเข้าหา โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวใต้ร่างจะรู้สึกเช่นไร ปรางค์ปรียาสะอื้นออกมาปลายนิ้วเรียวจิกลงบนฟูกหนาริมฝีปากบางถูกกัดแน่นจนเป็นห่อเลือดเพื่อข่มความเจ็บไว้
“ไม่! อย่า! ได้โปรด... ฉันเจ็บแล้ว ฮือๆๆๆ” น้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม
ร่างแกร่งแทรกกายเข้าหาจนสุด ขยับกายเร่งเร้าราวกับสาวใต้ร่างเป็นหญิงที่เขาซื้อมาเพื่อบำเรอเรื่องบนเตียง เธอเหมือนจะตายเสียให้ได้ ร่างกายราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง ความสาวสูญสิ้นเพราะผู้ชายสารเลวคนหนึ่ง แล้วจะมีหน้าไปมองผู้ชายที่คิดจะมอบใจให้ได้อย่างไรกัน มันจบสิ้นแล้ว!“ฉันเจ็บ... ขอร้องปล่อยฉันเถอะ!”“ปล่อยเธอให้โง่สิ ฉันกำลังสนุกเลย เธอยอดเยี่ยมมาก... แบบนี้ถึงคุ้มไอ้ไมเคิลมันมีหลานที่ดีจริงๆ”เขาบอกเสียงพร่าในขณะที่ขยับกายจังหวะเร่งเร้าสร้างความทรมานให้ราวกับตายทั้งเป็น เขาไม่ถนอมเลยสักนิด ไม่สนว่าเธอจะไม่เคยผ่านมือชายใด เอาแต่ใจ และทำทุกอย่างตามที่ต้องการ เจ็บจนจุกพูดไม่ออกมีแต่น้ำตาเท่านั้นที่คอยช่วยปลอบประโลม“หยุดที พอที! ปล่อยฉันไปเถอะได้โปรด...”หญิงสาวพยายามอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา แต่เขากลับทำเมินไม่สนใจราวกับไม่ได้ยินเสียงแห่งความทรมานลุคส์ไม่ได้สนใจเสียงร้องหรือเสียงสะอื้นของผู้หญิงใต้ร่าง แม้ว่าได้ครอบครองเป็นคนแรก เวลานี้ความแค้น กำลังบังตา ชายหนุ่มขยับกายเร็วขึ้นและหยุดลงในที่สุดมันจบลงแล้วสินะ... เธอบอกตัวเองน้ำตาอาบแก้ม ปรางค์ปรียาค่อยๆ ขยับร่างที่บอบช้ำหันหน้าหนี“ฉันจะขังเธอ
เขาออกไปจากห้องแล้ว... เวลานี้ห้องทั้งห้องเหลือเพียงร่างกายที่บอบช้ำกับน้ำตาที่ไม่เคยหยุดไหล เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะหมดแรง เธอน่าจะตายไปซะ! จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว เพราะเท่านี้มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อย... ก็ยังดีใจที่เพื่อนไม่ต้องมารับเคราะห์กับเรื่องนี้ แค่เท่านี้ก็รู้สึกเหมือนได้ตอบแทนบุญคุณแล้วร่างบอบช้ำค่อยๆ พยุงกาย เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าภายในห้อง เสื้อเชิ้ตยี่ห้อหรู น้ำหอมราคาแพง แม้กระทั้งสูทแบรนด์เนมต่างถูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เธอถือวิสาสะหยิบเสื้อเชิ้ตของเขามาสวมไว้แล้วประคองกายไปนั่งที่มุมห้อง จนผล่อยหลับเพราะอ่อนเพลียมาตื่นตื่นขึ้นเมื่อประตูห้องเปิดออกในขณะที่มีถาดอาหารวางไว้แล้วปิดลงตามเดิม หญิงสาวเมินหน้าหนี ไม่สนใจอาหารน่าอร่อย ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลเลยแม้แต่น้อยร่างบางนั่งชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงสะอื้นไห้อย่างรวดร้าว เธอเจ็บปวดมากเหลือเกิน มันเกินทนแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาไปอีกนานเท่าไหร่ ริมฝีปากบางถูกกัดจนเลือดซึมออกมา... เล็บจิกลงบนท่อนแขนเพื่อระบายความแค้นในใจลุคส์นั่งมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ เขาแทบไม่เป็นอันท
ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองไปทุกสัดส่วนที่แอบซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ร่างสูงใหญ่ยังคงเดินเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามหนีและสอดส่ายสายตาหาทางเอาตัวรอด“เธอพยายามร้องให้คนช่วยอย่างนั้นหรือ?”เขาถามในขณะที่กำลังถอดสูทและเกาะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกริมฝีปากบางสั่นระริก กายสาวเริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว พิษรักที่เขามอบให้ยังคงฝังตรึงอยู่ในร่าง รับไม่ได้อีกแล้ว ใบหน้าเรียวสวยเริ่มซีดเผือด น้ำตากำลังไหลออกมาอาบแก้ม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรชายหนุ่มชะงักเมื่อปลายเท้าของเขาสะดุดเข้ากับถาดอาหารที่ยังมีอาหารอยู่ครบไม่ได้พร่อง แม้แต่นิดเดียว ตวัดสายตาจ้องคนตัวเล็ก“ทำไมไม่กินอะไร อยากตายหรือไง!”“ใช่! ฉันอยากตาย”เธอตอบเขาน้ำตาคลอ“ฉันไม่ให้เธอตายง่ายๆ หรอก เธอต้องอยู่กับฉันจนกว่าจะเปิดปากว่าลุงเธอมันอยู่ที่ไหน!”เขาตวาดร่างบางสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดกร้าว เขาก้าวฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว มือกระชากร่างบางเข้าหาแล้วโอบรัดแนบชิดกายแกร่ง “อย่าทำอะไรฉันเลย พอแล้ว! ฉันเจ็บแล้ว!”หญิงสาวร้องลั่นออกมาดิ้นรนทุบตีเพื่อให้เขาปล่อยชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับคำทัดทาน ร่างบางถูกลากไปอ
ร่างอวบอัดเยื้องกรายมาเยื้อนคฤหาสน์ของคู่หมั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอวางแผนมาอย่างดี และแผนนี้ต้องสำเร็จ ทุกคนหันมามองผู้มาเยือนด้วยความสงสัย เมื่อเธอหอบหิ้วทั้งขนมและน้ำมาแจกบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ทุกคน ทุกคนยอมรับน้ำใจเธอ แม้จะรู้สึกงุนงงกับการกระทำในครั้งนี้ก็ตาม เธอรีบเดินไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ แล้วสาวเท้าเดินไปหาบอดี้การ์ดสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องต้องสงสัย เธอต้องการรู้ว่าใครซ่อนตัวอยู่ในนั้น เอมม่ายื่นน้ำให้อย่างมีไมตรี “ฉันซื้อมาให้ กินซะสิ” เอมม่าบอกบอดี้การ์ดทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธน้ำใจเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ หากเป็นแบบนี้เห็นที ต้องจัดการแผนสอง เธอจัดการใช้ผ้าปิดปากไว้แล้วหยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมาแอบซ่อนไว้ด้านหลัง บอดี้การ์ดทั้งสองหันมามองเธออีกครั้งด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของเจ้านายยังไม่ยอมไปไหน“มีอะไรอีกหรือเปล่าครับคุณเอมม่า?”“ไม่มีอะไรหรอกแค่หันมานี้หน่อย!”บอดี้การ์ดหันมามองเธอ สเปรย์ในมือถูกฉีดออกใส่ใบหน้า ทั้งสองสั่นศีรษะไล่ความมึนงงและรู้สึกมึนออกไป แต่ไม่นานพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาสลบได้จนหลับไปในที่สุดเอมม่ามองดูบอดี้ก
ถาดอาหารถูกวางไว้ตรงหน้า หญิงสาวช้อนสายตามองคนที่วางมัน เกลียดเกินกว่าจะรับอะไรจากเขา เมินหน้าหนี การกระทำเช่นนั้นสร้างความหงุดหงิดให้กับเขาไม่น้อย หย่อนกายนั่งลงแล้วจับคางเรียวไว้ ออกแรงบีบเพื่อให้เปิดปาก เธอพยายามผลักให้หยุดการกระทำเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะเทือน เพิ่มแรงบีบที่ปลายคางแล้วจัดการยัดอาหารเข้าปากของเธอทันทีปรางค์ปรียาอมอาหารไว้ในปาก แล้วพ่นใส่หน้าคนป้อน ดวงตาคมวาวโรจน์ เขาขบกรามแน่น จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเอาเรื่อง กระชากเอวบางเข้ามาแนบชิดแล้วบดขยี้ริมฝีปากลงไป เพื่อเป็นการสั่งสอนที่เธอบังอาจทำกับเขาเช่นนั้น“อื้อ!”เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้วตักอาหารขึ้นมาอีกครั้ง จ้องหน้าคนตัวเล็กไม่ละ ปรางค์ปรียารู้ดีหากว่าวันนี้เธอไม่ยอมกินเขาคงต้องทำมากกว่านี้แน่สุดท้ายแล้ว ต้องยอมกินอาหารที่เขาป้อนให้ ตักให้ไม่กี่คำเธอก็หน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าอิ่มแล้ว เขามองแล้ววางช้อนลง ส่งยาให้เธอทาน หญิงสาวมองเขาด้วยความงุนงง เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีวันทำเช่นนี้แน่ ทำท่าจะไม่รับแต่เมื่อเห็นสายตาเขา หญิงสาวจำต้องรับมาแล้วใส่มันลงไปในปาก ดื่มน้ำตาม ชายหนุ่มมองด้วยความพอใจ ในขณะที่อีกคนรีบเอนก
บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจติดต่อเจ้านายทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นฉุดให้เขาหลุดออกจากภวังค์ คว้ามันแล้วหลุบตามองเบอร์หน้าจอ เขากดรับและกรอกเสียงตามสาย มาติชเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้รับรู้ ตัดสายแล้วทรุดกายนั่งลงที่โซฟาราคาแพงลูกน้องตามหาไมเคิลเจอแล้วและคนทรยศที่เขาตั้งใจจะกำจัดกลับเรียกร้องมาหาเขาเอง... ความจริงความคิดที่อยากกำจัดไมเคิลมันหมดไปตั้งแต่วันที่ผู้หญิงในห้องนั้นล้มลงต่อหน้า เขาไม่เคยอยากรู้เรื่องของคนทรยศอีกเลยเพราะถือว่ามันได้เอาหลานสาวมาชดใช้กับความผิดที่มันก่อแล้ว ทว่าเวลานี้ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นอีกอย่างเขาไม่เคยคิดว่าไมเคิลจะยอมมาหา เพราะเขารู้ดีว่ามันต้องกลัวด้วยนิสัยของเขา ปกติไม่เคยปล่อยคนทรยศให้ลอยนวลไปได้ ลุคส์ลุกขึ้นยืน สองเท้าก้าวเดินไปยังห้องที่ใช้เป็นที่กักขังนกน้อยแสนสวยไว้และทุกคืนนกน้อยนั้นจะถูกเขากอดรัดด้วยแรงปรารถนาเสียงลูกบิดประตูห้องส่งผลให้คนในห้องหันมามองด้วยความกลัว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครคือผู้มาเยือน ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังชิดกำแพงเพื่อเอาตัวรอดทันที เขายืนนิ่งจ้องมองไปยังร่างงามตรงหน้า อยาก กระโจนไปโอบรัดไว้ แต่วันนี้เขาก
ปรางค์ปรียาน้ำตาไหลรินไม่หยุด ในอกเจ็บร้าวจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเช่นไร มันเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน ยาวนาน และมันทำให้เธอได้ตระหนักถึงคำว่าความแค้น กัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ตนเองเอาไว้ พินอาภาดันเพื่อออกห่างกายจ้องมองใบหน้าแววตาหม่นน้ำตาเอ่อออกมาไม่หยุด เธอทำให้ปรางค์ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากไม่ชวนเพื่อนมาเที่ยวเรื่องเลวร้ายคงไม่เกิดขึ้น ปรางค์ต้องมารับเคราะห์เพราะเธอแท้ๆ“กลับกันเถอะปรางค์ เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ว”พินอาภาบอกเพื่อนทั้งน้ำตาหญิงสาวเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาราคาแพง เขาไม่เอ่ยอะไรออกมามีเพียงสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ“เรากลับได้แล้วจริงๆ เหรอพิน”เธอยังคงไม่มั่นใจ“จริงๆ ลุงเราจัดการเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว”ปรางค์ปรียาโผเข้ากอดเพื่อนอีกครั้งด้วยความสุข เดีใจมากเหลือเกินได้รอดพ้นจากขุมนรกนี้เสียที พินอาภารีบดึงมือเพื่อนให้ตามไป เธอต้องการให้เพื่อนไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่เขากลับเดินมาดักทั้งสองไว้หญิงสาวชะงักจับมือเพื่อนไว้แน่น พินอาภาเหลือบมองเพื่อนสาวเธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเพื่อนเธอถึงได้หว
พินอาภาทอดสายตามองวิวผ่านหน้าต่าง คำพูดของลุงไมเคิลยังวนเวียนในหัว สร้อยเส้นนั้นซึ่งลุคส์ให้กับเพื่อนมามีความหมายมากมาย มันเป็นสมบัติประจำตระกูล ไว้สำหรับผู้สืบทอดเท่านั้น แล้วเหตุใดชายคนนั้นจึงยอมถอดมันให้กับปรางค์ มันน่าแปลกมากจริงๆ เธอคงได้แค่หวังให้ปรางค์อย่าพบเจอเรื่องเลวร้ายอีก ปรางค์ปกป้องเธอมาแล้ว และเธอไม่มีวันทอดทิ้งเพื่อนอีกครั้งแน่นอน หญิงสาวแน่วแน่กับตนเองร่างบางในชุดทำงานยืนมองตนเองหน้ากระจก ใบหน้าของถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนสีอ่อน ปรางค์ปรียายิ้มให้กับตนเอง ได้เวลาเริ่มต้นใหม่แล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อตนเองและครอบครัวของพินปรางค์ปรียาก้าวลงบันไดมาพอดีกับเพื่อนที่กำลังลงมาเช่นเดียวกัน สองร่างเดินเคียงกันเพราะนัดหมายไปทำงานพร้อมกัน ในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของใครบางคนมาจอดที่หน้าบ้าน ร่างสูงเดินลงมาจากรถแล้วโบกมือให้กับทั้งคู่ พินอาภายิ้มรับแล้วโบกมือตอบคว้าข้อมือเพื่อนเพื่อเข้าไปทักทายหนุ่มคนนั้นเขาเดินมาหาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม แต่สายตากลับหยุดที่ผู้หญิงซึ่งตนหมายปองมานาน และดูเหมือนเธอเองก็มีใจให้เช่นกัน ปรางค์ปรียาเมินหน้าหนีไม่
สายตากวาดมองรอบๆ หยุดที่บอดี้การ์ดของลุคส์ มาติชสบตาเข้ากับพินอาภาแล้วระบายลมหายใจ เธอรีบสาวเท้าเดินไปหาแล้วกระชากคอเสื้อเขาไว้ด้วยความโมโห“เจ้านายของนายใช่ไหม ที่ทำให้เพื่อนฉันเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับเพื่อนฉัน!”เธอตวาดเขาลั่นเขาแกะมือที่กำลังติดหนึบกับคอเสื้อ แล้วขบกรามแน่น เธอไม่รู้เรื่องหรือไงถึงได้มาหาเรื่องเจ้านายเขาถึงที่นี่ เขาไม่อยากให้เธอมารับเคราะห์เหมือนผู้หญิงคนนั้นอีกคน“อย่ามาวุ่นวายดีกว่าคุณ ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”เขาเตือน“ฉันไม่กลัว ที่นี่ประเทศไทย เจ้านายของนายใหญ่แค่ไหนฉันก็ไม่กลัว!”ลุคส์มองดูผู้หญิงเดินมากระชากคอเสื้อลูกน้องเขาด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกคุ้นหน้า น่าแปลกมาติชไม่ทำอะไรนอกจากสนทนาด้วยดีๆ ดูท่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ธรรมดา เขาลดกระจกลง“มาติช!”พินอาภาอ้าปากจะต่อว่าเขา แต่กลับถูกชายคนนั้นปิดปากเธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้พูดอะไรออกมา แล้วหันกลับไปหาเจ้านายตนเอง“มีอะไรครับนาย?”“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาวุ่นวายอะไร!”“อ๋อ! เธอแอบชอบผมครับ ผมไม่ชอบเธอ เธอเลยโวยวาย เดี๋ยวผมจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ครับ” มาติชตอบ“เนื้อหอมแล้วนะแกเดี๋ยวนี้ จัดการให้เรียบร
คำพูดของเด็กชายส่งผลให้คนฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออก หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะไม่ลืมเธอ แต่ก็ไม่เคยติดตามหาหรือสนใจ และไม่คิดว่าปรางค์ปรียาจะตั้งท้องลูกกับเขาด้วย ดันลืมนึกไป ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง อยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ แต่เขามีธุระต้องจัดการอีกมาก“ไทม์ตั้งใจเรียนนะครับ อามีธุระต้องไปทำ ไว้อาจะมาหาไทม์ใหม่นะ”“จะกลับแล้วเหรอครับ” เด็กชายถามเสียงแผ่วเห็นแววตาเด็กคนนี้แล้วลุคส์แทบไม่อยากไปไหน“ครับ เดี๋ยวอามาหาไทม์ใหม่นะ”“ครับคุณอา”ร่างเล็กถูกช้อนในอ้อมแขน ลุคส์พาเด็กชายไปส่งคุณครูแล้วขอตัวกลับทันทีปรางค์ปรียารีบกระหืดหระหอบมาโรงเรียน เมื่อเธอได้รับสายจากคุณครูว่ามีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีมาหาบุตรชาย หวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด! ไม่นานนักร่างบางก็มาถึงโรงเรียนหญิงสาวรีบวิ่งไปด้านในจนบังเอิญชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งจนแทบล้ม เอวบางถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว“ขอโทษนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจ!”หญิงสาวขอโทษเขาทั้งๆ ที่ก้มหน้าอยู่“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ”สำเนียงภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด แต่รู้ว่าเจ้าของคำพูดไม่ใช่คนไทย ส่งผลให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวชะงักรีบผลักเขาออกห่างด
ลุคส์กระตุกยิ้มสีหน้ายินดี เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงเสียภูมิชัยต้องแนะนำปรางค์ปรียาให้แน่นอน เพราะไม่อยากให้บริษัทตนเองเสียหน้า จะต้องส่งมือดีมาทำงานกับเขาแน่“งั้นก็ดีครับ ผมตกลง ผมต้องการให้เลขาใหม่มาทำงานกับผมด่วนเลยนะครับ เพราะผมต้องไปติดต่องานอีกหลายที่” ลุคส์แสร้งบอกความจำเป็น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาก็แค่ต้องการระลึกวันเก่าๆ กับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง“ได้เลยครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลย”“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อน” เขาลุกยืนแล้วออกมาจากห้องร่างบางสงบสติอารมณ์ตนเองเรียบร้อย เดินออกจากห้องน้ำเพื่อทำงาน พอนั่งประจำโต๊ะเพื่อจัดการติดต่อลูกค้า เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น“ปรางค์ปรียาพูดค่ะ”“คุณปรางค์คะ ท่านประธานเชิญให้มาพบค่ะ”“ค่ะพี่แวว” หญิงสาวตอบรับแล้ววางสายประตูห้องประธานเปิดออก เธอมาถึงนั่งลงตรงเก้าอี้หนังสีดำหน้าโต๊ะทำงานกระจก ภมิชัยยิ้มแย้มทักทายสีหน้าอ่อนโยนเช่นเคย “ท่านประธานมีอะไรจะให้ปรางค์ทำเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม“ปรางค์พ่ออยากให้หนูไปทำงานเป็นเลขาหุ้นส่วนบริษัทคนใหม่ หนูพอจะจำได้ใช่ไหม เขาเป็นคนฝรั่งเศสชื่อลุคส์ วันนั้นที่เรามีประชุมกัน พอดีหนูป่วยเลยไม่ได้
รถของกวินภพมาจอดรอหญิงสาวที่หน้าบ้าน ร่างบางรีบจูงมือบุตรชายขึ้นรถ ไทม์บอกลามารดาแล้วเดินเข้าโรงเรียนหลังจากรถมาจอดเทียบด้านหน้าโรงเรียน เขาขับรถมาจอดตรงลานกว้าง ปรางค์ปรียานั่งนิ่ง ไม่อยากเข้าไปทำงานเอาเสียเลย เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังเข้าสู่สนามรบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจขอย้ายสาขาต่างจังหวัดเพื่อตัดปัญหาซะ เธอไม่อยากให้เขามายุ่งกับลูก คำพูดโหดร้ายเหล่านั้นยังคงสะท้อนในโสตประสาทเจ้าของรถเปิดประตูให้ เธอก้าวลงมาแต่กลับสะดุด ดีที่เขาประคองไว้“เป็นอะไรหรือเปล่าปรางค์ วันนี้ปรางค์ดูเหม่อๆ นะ”“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรหรอกวิน แค่รู้สึกเพลียๆ แค่นั้นเอง”“เหรอ งั้นว่างๆ เดี๋ยวเราพาไปหาหมอก็แล้วกันนะ”กวินภพบอกด้วยความเป็นห่วงลุคส์นั่งมองทั้งสองผ่านกระจกรถ มือหนากำแน่นด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขาเปิดประตูออกจากรถทันทีที่เห็นภาพนั้นด้วยความหงุดหงิด เธอยืนรอลิฟท์กับเพื่อนไม่นานนักลิฟท์ลงมาจอด หญิงสาวรีบเดินเข้าด้านในตัวลิฟท์โดยมีกวินภพยืนเคียงข้าง ประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง แต่ร่างสูงใช้มือกั้นไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปทันที หญิงสาวชะงักที่เห็นหน้า คนกลัวก้มหน้าแล้วข
พินอาภาวางสายลงแล้วรีบวิ่งไปที่รถ ขับออกไปจนคนในบ้านตกใจไปตามๆ กัน ได้ยินเสียงเพื่อนสะอื้นมาตามสายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ไม่คิดว่าลุคส์จะหันกลับมาจองล้างจองผลาญปรางค์อีก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกอย่างเพื่อนเธอไม่ผิดสักนิด แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้เสียงรถเบรกดังสนั่น เจ้าของรถลงมาแล้วเปิดประตูรั้วบ้าน เดินก้าวฉับฉับด้วยความโมโหปนสงสารเพื่อน โกรธแทน กล้าดียังไงมายุ่งวุ่นวาย มาถึงห้องนั่งเล่นเห็นปรางค์กำลังร่ำไห้โดยมีบุตรชายคอยปลอบ“ไทม์ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวน้าจะดูแม่ให้เอง”พินอาภาบอกหลานชาย“ครับน้าพิน”เด็นชายรับคำเสียงเศร้าแล้วเดินขึ้นชั้นสอง ไม่วายหันมามองแม่ด้วยความเป็นห่วงกุมมือเพื่อนไว้แล้วโอบไหล่ ไม่รู้จะทำยังไง ความจริงอยากให้พ่อยกเลิกสัญญาของบริษัทซะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหากทำแบบนั้นบริษัทจะถูกฟ้องร้องเป็นจำนวนเงินมหาศาล หากบิดาเธอรู้เรื่องนี้เข้า เธอมั่นใจว่าท่านจะต้องยกเลิกสัญญานั้นแน่ และมันอาจส่งผลให้ผู้คนมากมายต้องตกงาน เธอทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อเป็นคนแน่วแน่ บุญคุณต้องทดแทน ครอบครัวเธอสัญญากันแล้วว่าจะไม่ให้ปรางค์ต้องทุกข์อีก ทว่าเธอกลับทำผิด ช่วยเพื่อนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังต้องใ
ลุคส์เดินเข้าไปกระชากท่อนแขน แล้วรวบเอวบางไว้แน่น ดวงตากร้าวแข็งขึ้น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการสั่นสะท้าน“เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม ถึงได้สั่นแบบนี้...”เขาเย้ยหญิงสาวรีบดันแผงอก หันหน้าหนี พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์“ฉันขอร้อง... ปล่อยฉันไปเถอะ... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย ฉันทรมานเพราะคุณมามากแล้ว ฮือๆๆๆ”ปรางค์ปรียาอ้อนวอนพร้อมกับสะอื้นออกมา“เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”เขาถาม“ไม่! เขาไม่ใช่ลูกคุณ!”หญิงสาวปฏิเสธทันควันเสียงเอะอะหน้าบ้านส่งผลให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมา เด็กน้อยยืนนิ่งเมื่อเห็นแม่กำลังร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติ“แม่ครับ...”เด็กชายเรียกแม่เสียงเล็กๆ ทำให้ทั้งสองหันมามอง ลุคส์จ้องมองไปยังร่างเล็กแล้วพิจารณาดู ไม่ผิดแน่ลักษณะของเด็กคนนี้มีเค้าโครงเหมือนเขาตอนเด็กมาก สีผมของเด็กคนนั้นก็คล้ายกับเขา จะให้คิดว่าเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง นอกจากผู้หญิงคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเธอชะงักเมื่อเห็นบุตรชายเดินมา ไทม์มองแม่แววตาสับสนผสมกับความหวาดหวั่น เขาไม่ชอบเลยผู้ชายคนนี้เป็นใคร
ลุคส์ขบกรามแน่น คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องเป็นเธอ... การประชุมเริ่มขึ้นชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับงานแทน เขาจำต้องอดทนฟังหลายชั่วโมงผ่านไปจนกระทั่งจบ ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้อง แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการจเอ ภูมิชัยมองตามด้วยความสงสัยก้าวเข้ามายืนเคียงหุ้นส่วนคนใหม่“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ภูมิชัยถาม“เปล่าครับ”“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย เปิดปากถามคำถามภูมิชัยออกไปด้วยความสงสัย“ผู้หญิงที่เดินออกจากห้องมา เธอทำหน้าที่อะไรเหรอครับ?”ลุคส์ถาม“ผู้หญิงคนไหนเหรอครับ?”ภูมิชัยถาม เพราะผู้หญิงที่ออกมาจากห้องมีสองคน“คนที่เหมือนว่าจะไม่สบายน่ะครับ?”“อ๋อ ปรางค์ปรียาน่ะเหรอครับ เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ พอดีเธอเป็นเพื่อนลูกสาวของผม ผมเลยไหว้วานให้เธอช่วยเป็นเลขาจำเป็นแทนลูกสาวผมในวันนี้ครับ”ลุคส์มีสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าช้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณภูมิชัย แล้วหันหลังเดินออกมา ภูมิชัยงุนงงๆ กับท่าทีของเขา“ใช่เธอจริงๆ ด้วยสินะปรางค์ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองกวินภพรีบจูงมือเด็กชายมาที่บ้าน ปรางค์ปรียาเมื่อเห็นบุตรชายตนเองร่างบางรีบตรงเข้าไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้น ไทม์มองมาร
รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใคร
ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไปครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา“ได้ครับคุณลุคส์”“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”“ครับ”วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอก