ซูเมิ่งเปิดตำรา ข้างในตำราเป็นกระดาษเปล่าทั้งหมด ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา แล้วถ้าในตำราเล่มนี้ไม่มีอะไร ทำไมท่านเทพจิ้งจอกถึงทิ้งไว้ให้เธอล่ะ แปลกจริง มันน่าจะต้องทำอะไรได้บ้าง รอท่านจิ้งจอกตื่นจากจำศีลก่อนแล้วกันเธอค่อยเอาไปถาม ซูเมิ่งเลิกสนใจตำราเล่มนั้นและหันไปสนใจบ้านที่อยู่ในมิติแทน
เธอเข้าไปดูในบ้าน บ้านหลังนี้ที่อยู่ในมิติ เป็นจุดศูนย์กลางที่ทำให้เราเข้ามา และออกจากมิติได้ ซูเมิ่งเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอเจอของบางส่วนที่เธอซื้อไว้วางอยู่กลางบ้าน บ้านหลังนี้ถือว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ปูบ้านด้วยอิฐแดงทั้งหมด ห้องต่างๆ ดูทันสมัยกว่าที่เห็นด้านนอกมาก ซูเมิ่งลองเดินสำรวจจนทั่วแล้ว มีห้องครัวหนึ่งห้องซึ่งมีอุปกรณ์ทำครัวครบครัน มีห้องน้ำที่ทันสมัยเหมือนที่เธอใช้อยู่เป็นประจำ มีห้องนอนทั้งหมดห้าห้อง บ้านหลังนี้เหมือนเตรียมมาเพื่อครอบครัวของเธอเลย แต่ไม่รู้ว่ามิติสามารถนำคนที่อยู่ภายนอก เข้ามาภายอยู่ในมิตินี้ได้หรือเปล่า หลังจากที่เธอเข้ามาสำรวจภายในมิติเป็นเวลานาน ทำให้เธอเริ่มง่วงนอน เธอคิดว่าควรออกไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังมีอะไรที่เธอต้องทำอีกเยอะ เธอออกมาด้านนอกมิติ เธอมองดูเวลาที่เธอได้เข้าไปในมิติ เธอคิดว่าเข้าไปในมิตินานมากแต่ที่จริงแล้ว เวลาผ่านไปแค่สามชั่วโมงเท่านั้นเอง ถ้าเราลองปลูกพืชผักต่างๆ ไว้ภายในมิติ น่าจะโตทันกินแน่นอน ซูเมิ่งคิดพร้อมกับนอนหลับไป เธอคิดว่าเวลาภายในมิติอาจจะปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เธอจะลองถามสิ่งนี้กับท่านเทพจิ้งจอก เมื่อทั้งสองออกจากจำศีลอีกครั้ง เช้าวันต่อมาเธอก็ใช้ชีวิตเหมือนปกติ และได้พูดคุยกับครอบครัวของเธอแล้วตั้งแต่เช้า ซึ่งทุกคนตกลงกันว่าจะไปบ้านของพ่อเธอที่ปลูกอยู่บนภูเขาทางเหนือ วันนี้พ่อและแม่ของเธอก็ไปเตรียมตัวไปซื้อของ ซึ่งของบางอย่างเธอก็ได้บอกท่านไปว่าเธอซื้อมาแล้ว แต่แม่ของเธอก็มั่นใจว่ามันยังไม่พอ ทำให้ตอนนี้เธอมีเงินเหลืออีกเยอะ เพียงพอให้เธอไปซื้อของที่เธออยากได้ วันนี้เธอยังไม่ได้รีบออกจากบ้าน แต่ครอบครัวของเธอออกไปกันหมดแล้ว เธอจะเช็คข่าวสารที่ทางรัฐบาลได้ประกาศให้ประชาชนรู้ หลังจากที่ได้ย้อนเวลากลับมา เธอยังไม่เคยได้เปิดดูข่าวสารทางโทรทัศน์หรือทางอินเทอร์เน็ตเลย เธอมัวแต่ยุ่งเรื่องมิติ และเรื่องซื้อของ “ตอนนี้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เขตทางตอนใต้ของเมืองเหมยโจว ขอให้ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับเมืองเหมยโจว ให้อพยพโดยด่วน” “เกิดพายุฝนตกหนักที่เมืองอันชิง ทำให้เริ่มมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่” เสียงรายงานข่าวจากหลายๆ ช่องทางที่เธอได้เปิดดู เริ่มมีพายุและแผ่นดินไหวในหลายพื้นที่แล้ว เธออยากรู้ว่ามีคนที่ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ครั้งนี้แค่ไหน และบางเหตุการณ์แหล่งข่าวก็อาจจะเข้าไม่ถึง นอกจากแหล่งโซเชียลที่ประชาชนหลากหลายพื้นที่ได้โพสต์ลงทางโลกออนไลน์ สาวน้อย: ตอนนี้บ้านฉันมีลูกเห็บตกลงมาที่หลังคาบ้านด้วย เสียงดังน่ากลัวมาก!!!!" ผู้ลึกลับ: ที่บ้านของฉันเริ่มมีลูกเห็บตกเหมือนกัน โลกมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยย!" กล้ามใหญ่: พวกเธอไม่ได้ยินที่ทางรัฐบาลประกาศว่าโลกจะแตกเหรอ เขาให้เตรียมเสบียงนะ" อยากเป็นทหารตามพ่อ: >กล้ามใหญ่ : พ่อก็บอกผมแบบนี้เหมือนกัน ที่บ้านแม่ผมก็เตรียมของไว้พร้อมมาก ทุกคนอย่าลืมเตรียมเสบียงกันนะครับ ผู้ลึกลับ: โลกเราจะแตกแล้วหรือเนี่ยย!!! ฉันกลัวว!!" และอีกหลายความคิดเห็นของผู้คนที่ได้รับข่าวสารที่ทางรัฐบาลได้ประกาศ และบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยแหล่งข่าวที่เกิดจากประชาชนโลกออนไลน์นี่เอง ที่ทำให้พวกเขารู้ข่าวสารที่มากขึ้น ที่จริงบ้านหลังนี้ที่เธออยู่ก็เป็นทำเลทองที่ดีเลย อยู่ใจกลางเมือง เป็นหมู่บ้านที่สงบมาก ผู้คนก็ใจดีช่วยเหลือกัน แต่พอเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ผู้คนที่เคยใจดีเหล่านั้นกับเห็นแก่ตัวกันหมด เฮ้อ.. ยิ่งคิดก็รู้สึกเวทนาตัวเองในชาติก่อนจริงๆ เธอและครอบครัวไม่ค่อยได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านมากเท่าไหร่นัก ทุกคนก็ต่างคนต่างอยู่มากกว่า หลังจากที่ซูเมิ่งดูข่าวสารต่างๆ แล้ว เธอก็เตรียมตัวเพื่อไปร้านค้าขายพวกเมล็ดพืชผัก และผลไม้ เพราะเธอจะเอาไปปลูกในมิตินั่นเอง เธอขับรถออกมาจากบ้านแล้วเริ่มสังเกตเห็นว่าผู้คนเริ่มที่จะเตรียมซื้อของกันมากขึ้น ผู้คนเริ่มตื่นตัวกันหลังจากได้ฟังข่าวที่ประกาศล่าสุด ซูเมิ่งเลือกร้านค้าที่มีตา และยายขายเมล็ดพืชผลหลากหลายชนิด เธอเดินเข้าไปในร้านค้าซึ่งข้างในดูสะอาดเรียบร้อย และมีเมล็ดผัก และผลไม้แยกตามโซนต่างๆ “สวัสดีจ้า สนใจเมล็ดพันธุ์แบบไหนบอกได้ ยายจะได้ไปหยิบให้” เสียงคุณยายเจ้าของร้านบอกเธอ “ถ้าหนูอยากได้สินค้าของยายทุกอย่างเลย ยายขายเท่าไหร่” “เอาทุกอย่างเลยเหรอหนู เอาไปปลูกหรือเรา” “ที่บ้านหนูทำสวนคะ หลายรูปแบบเลย หนูจะเอาไปไว้ใช้จะได้ไม่ต้องมาซื้อหลายๆ รอบ” “ได้จ้า ยายจะไปเตรียมของให้” หลังจากที่ยายพูดจบ ก็ได้เข้าไปเตรียมของให้เธอ “นี่ ของที่หนูต้องการ พอไหม” “พอคะ ราคาเท่าไหร่คะยาย” คุณยายเตรียมเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ให้เธอเยอะมาก ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะมากพอเลยด้วยซ้ำ “ทั้งหมดห้าพันหยวนจ้า ยายเขียนชื่อและแยกถุงที่เป็นผัก ผลไม้ และมีบางอย่างที่เป็นสมุนไพรด้วย ให้ยายเอาไปไว้ตรงไหนดี” “ไม่เป็นไร หนูจะเดินเอาไปใส่ที่รถเองคะ ขอบคุณนะคะยาย” “ถ้าไม่พอ ก็มาซื้อร้านยายอีกได้นะ “คุณยายพูดและยิ้มให้เธออย่างใจดี ซูเมิ่งกล่าวลายายที่ขายของให้เธอ และได้เอาของที่เพิ่งซื้อมาเก็บเข้าไปในมิติ เพราะเธอต้องไปซื้อ สิ่งของสำคัญอีกอย่าง ที่เธอจะไปเป็นโรงงานทำเครื่องละลายหิมะ แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีคนซื้อกันหรอก เพราะมันไม่ใช่สิ่งของที่จำเป็น แต่สำหรับเธอจำเป็นมากเลยล่ะ ซูเมิ่งขับรถเข้ามาในอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง และได้สอบถามกับยามที่อยู่หน้าประตู ที่เธอไม่ไปซื้อที่ร้านค้าเลย เป็นเพราะเธอต้องการซื้อเยอะมากและถ้าซื้อกับโรงงานโดยตรง เธอจะได้สินค้าที่ราคาถูกกว่าร้านค้า หลังจากที่ยามได้แจ้งกับผู้จัดการโรงงาน ว่ามีคนจะมาซื้อเครื่องละลายหิมะเป็นจำนวนมาก ผู้จัดการก็รีบออกมาหาลูกค้ารายใหญ่ทันที เพราะช่วงนี้ที่โรงงานขาดทุน จนเกือบทำให้โรงงานปิดตัวได้เลย เพราะข่าวที่รัฐบาลแจ้งกับประชาชน ทำให้ประชาชนหันไปซื้อแต่พวกอาหารและเครื่องนุ่งห่มกันหมด ไม่มีคนมาซื้อเครื่องละลายหิมะเท่าไหร่ “สวัสดีครับผมชื่อหลีเนี่ยนเจิน เป็นผู้จัดการโรงงานละลายหิมะครับ” “สวัสดีค่ะฉันชื่อเซียวซูเมิ่ง ฉันสนใจเครื่องละลายหิมะเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบว่าถ้าซื้อเยอะ...” “ถ้าคุณเซียวซูเมิ่งสนใจเครื่องละลายหิมะของเราในจำนวนมาก ทางเราจะมีส่วนลดให้คุณเป็นพิเศษเลยครับ ไม่ทราบว่าคุณเซียวต้องการเครื่องละลายหิมะเท่าไหร่ครับ” ผู้จัดการโรงงานยิ้มอย่างยินดีที่เครื่องละลายหิมะจะได้ขายออกได้เป็นจำนวนมาก “ฉันอยากได้หนึ่งร้อยเครื่อง” เธอจะไม่ถามเรื่องราคา ซึ่งรอให้ทางผู้จัดการเสนอราคาขึ้นมาเองจะดีกว่า “ในเมื่อคุณเซียวสนใจสินค้าของเราเยอะ ทางเราจะลดให้คุณเป็นพิเศษครับปกติทางเราจะขายส่งเครื่องละลายหิมะอยู่ที่ ราคาเครื่องละหนึ่งพันหยวน แต่สำหรับคุณเซียว ทางเราจะลดให้เหลือเครื่องละห้าร้อยหยวนต่อเครื่องครับ” ผู้จัดการโรงงานลดให้สูงสุดแล้ว เพราะเป็นลูกค้ารายใหญ่ ต้องเอาใจเพื่อลูกค้าจะได้กลับมาซื้อสินค้าของ โรงงานอีก อีกอย่างเขาก็จะได้หน้าจากหัวหน้าด้วยกำไลสองต่อเลยล่ะ ถือว่าผู้จัดการโรงงานทำงานได้น่าคบหาอยู่ เธอพอใจราคาที่ผู้จัดการโรงงานเสนอเป็นอย่างมาก “ตกลงค่ะ ฉันพอใจราคาที่คุณเสนอให้ ช่วยนำไปส่งที่อยู่ตามนี้ได้เลย” เธอยื่นกระดาษที่อยู่เป็นโกดังของเพื่อนเธออีกเช่นเคย จะให้ไปส่งที่บ้านก็เป็นที่สะดุดตาของคนอื่นเกินไป เธอเซ็นต์สัญญาซื้อขายและจ่ายเงินมัดจำไปทั้งหมดครึ่งหนึ่งในราคาสองหมื่นห้าพันหยวน และจะจ่ายอีกครึ่งตอนที่สินค้าไปส่งถึงโกดังแล้ว ที่เธอซื้อมาเยอะ เพราะถ้าหลังจากนี้ของสิ่นนี้จะราคาแพงมาก เพราะมีผู้คนต้องการเป็นจำนวนมาก “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อน” “เรียบร้อยแล้วครับ ให้ผมเดินไปส่งคุณซูเมิ่งนะครับ ขอบคุณ คุณเซียวซูเมิ่งที่ไว้ใจในสินค้าของเรา ถ้าคุณเซียวซูเมิ่งสนใจซื้อสินค้าของทางเราอีกติดต่อผมโดยตรงได้เลยครับ” พร้อมกับยื่นนามบัตรให้ซูเมิ่ง “ถ้าฉันสนใจจะซื้อสินค้าอีก จะต้องคิดถึงโรงงานคุณหลีอย่างแน่นอนค่ะ เรียกฉันว่าซูเมิ่งก็ได้นะคุณหลีเนี่ยนเจิน” “ถ้าอย่างนั้นเรียกผมว่าเนี่ยนเจินก็ได้ครับคุณซูเมิ่ง” หลังจากพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยทั้งสองคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของแต่ละคน ส่วนตัวเธอก็คงต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวเดินทางไปบ้านที่อยู่บนเขา หลังจากที่ซูเมิ่งขับรถกลับเข้ามาในบ้านแล้ว เธอลงรถและเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ซึ่งยังไม่เห็นทุกคนกลับมาเลย เธออยู่ว่างๆ ก็มานั่งเช็คเงินที่เหลือ เธอเหลือเงินไม่เยอะเท่าไหร่แล้ว เธอรู้สึกจนมาก เธออยากจะมีเงินเยอะๆ เสียจริง วันนี้เราซื้อเมล็ดพืชผักมา เธอจะเอาไปปลูกในมิติ หลังจากที่ซูเมิ่งเข้ามาในมิติแล้ว เธอก็เดินไปตรงพื้นที่ว่างริมแม่น้ำ เธอเค้นพลังที่อยู่ในร่างกายเพื่อขุดหน้าดิน แต่เธอทำแล้วได้แค่นิดเดียวเอง ทำให้ร่างกายเธอรู้สึกเหนื่อยล้ามันทำให้เธอรู้ว่า ร่างกายของเธอมันช่างอ่อนแอ เธอคิดว่าต้องเริ่มออกกำลังกายบ้างแล้ว เธอเดินกลับไปที่บ้านในมิติ เธอเดินเข้าไปดูที่ห้องเก็บของมีทั้งที่ขุดดินและอุปกรณ์ทำการเกษตรทั้งหมด เธอเอาที่ขุดดินและบัวรดน้ำ นำออกมาจากห้องเก็บของ เธอเอาที่ขุดดินมาพรวนดินที่เธอจะปลูกพืชผัก ดินในมิตินี่ดีจริงๆ เหมาะแก่การปลูกพืชผักหรือสมุนไพร แต่ติดที่เธอปลูกสมุนไพรไม่เป็นก็เท่านั้น หลังจากพรวนดิน และเกลี่ยหน้าดินเรียบร้อยแล้ว เธอก็เลือกเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกมี คะน้า แตงกวา ฟักทองและมะเขือ ปลูกแค่นี้ก่อนแล้วกัน เธอปลูกผักอย่างละสองแถว แล้วก็ไปเอาน้ำมารดตรงแปลงผักที่เธอปลูก เธอมองไปรอบๆ ในมิติมันช่างมีพื้นที่โล่งเหลือเกิน พื้นที่เยอะมาก ให้เธออยู่ในนี้คนเดียว เธอต้องเหงามากแน่ เธอใช้สายตาวัดความกว้างใหญ่ น่าจะมีหนึ่งร้อยกว่าไร่ เธอมองไปสุดสายตายังมองไม่เห็นสุดเขตของพื้นที่เลย เธอยังมีเวลาเหลือ เธอจึงอยากปลูกผลไม้ไว้บ้าง จะขาดผลไม้ไม่ได้ เพราะเธอชอบกินผลไม้มาก เธอจึงปลูกผลไม้ที่ชอบไว้ตรงริมแม่น้ำ มีแตงโม องุ่น สตอว์เบอร์รี มีเงาะ ทุเรียนที่เป็นผลไม้ของประเทศไทยด้วย เธอชอบมาก และปลูกลำไยที่เธอชอบ เธอยิ้มกับตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าการปลูกผักผลไม้ มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป เธอปลูกทุกอย่างที่ต้องการเสร็จแล้ว เธอก็เข้าไปเอาน้ำ ในสระน้ำแห่งชีวิต มาลองรดลงไปที่ผัก และผลไม้ของเธอด้วย แค่เดินไปตรงสระน้ำชีวิตมันทำให้เธอรู้สึกสดชื่น เธอตักน้ำขึ้นมากินก่อนหนึ่งอึก ทำให้ความเหนื่อยล้าของร่างกายหายไป เธออยากรู้ว่าถ้าเอาน้ำแห่งชีวิตนี้ไปรดผักและผลไม้ แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงของผักและผลไม้อย่างไรบ้าง เธอคิดแล้วก็เอาน้ำไปรดพวกมันทันที หลังจากที่รดน้ำแห่งชีวิตไปแล้ว เธอรู้สึกว่าพวกผลไม้และผักของเธอจะมียอดอ่อนโผล่ออกมาแล้วเลย น้ำนี่วิเศษสมคำที่ท่านเทพจิ้งจอกพูดไว้จริงๆ เธอได้ยินเสียงเตือนว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาในบ้าน เธอจึงรีบออกมาจากมิติ เธอออกมาจากมิติ คนแรกที่เธอเจอ เธอนึกว่าจะเป็นพ่อและแม่เสียอีก ที่ไหนได้เป็นพี่ชายของเธอที่หายไปนาน สงสัยแม่ต้องโทรบอก และตามพี่ชายกลับบ้าน เซียวตงหยางเดินเข้ามาในบ้านเขาตกใจมาก ที่อยู่ดีๆ น้องสาวของเขาก็โผล่ออกมาอยู่ตรงหน้าเขา แสดงว่าเรื่องที่แม่บอกเขาก็เป็นเรื่องจริง ที่บอกว่าน้องของเขามีมิติ ความจริงที่แม่ของเขาได้โทรไปบอก ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ ถ้าแม่ไม่บอกให้เขากลับมาบ้าน และได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาคงไม่เชื่อจริงๆ“อ้าวพี่ตงหยางเองเหรอ ฉันนึกว่าเป็นพ่อและแม่เสียอีก” “แล้วพ่อกับแม่ไปไหนล่ะ พี่ไม่เห็นรถของท่านจอดอยู่เลย” “แม่บอกว่าจะไปซื้อของเตรียมไว้วันสิ้นโลก แล้วพี่กลับบ้านมามีธุระอะไรหรือเปล่า” “ก็แม่เราบอกว่าจะไปดูบ้านที่อยู่ทางเหนือ ให้พี่กลับมาจะได้ไปดูพร้อมกัน พี่ก็ลางานเรียบร้อยแล้ว และก็รีบขับรถกลับมาบ้าน อีกอย่างพี่ก็จะมาดูว่าเรามีมิติอย่างที่แม่ได้พูดให้ฟังไหม” “แน่นอนว่าฉันก็ต้องมีอยู่แล้วสิ แล้วก็มีนี่ด้วยนะ” ซูเมิ่งแบมือและเค้นพลังเวทออกมาโชว์ให้พี่ชายของเธอได้ดู///////หลังจากที่ตงหยางได้เห็นว่าที่มือของซูเมิ่งมีแสงออกมา เขาก็ดูตกใจและคิดว่ามันคืออะไรและทำสิ่งใดได้บ้าง“มันคืออะไร และสิ่งนี้ทำอะไรได้บ้าง” นี่มันเกิดเรื่องอะไรกับน้องเขากันแน่ซูเมิ่งยิ้มและยืดอกนิดหน่อยด้วยความรู้สึกภูมิใจ“สิ่งนี้มันคือพลังเวทยังไงละพี่ตงหยาง” “พลังเวทเหรอ? แค่มีมิติพี่ก็ว่าเหลือเชื่อแล้ว นี่เราถึงกลับมีพลังเวทด้วย แล้วพลังเวทของเรามันทำอะไรได้บ้าง” “พลังเวทของฉันตอนนี้มีสองสี มีสีน้ำตาลและสีเขียวอ่อน ฉันลองใช้ทั้งสองอย่างแล้วนะ สีน้ำตาลใช้พรวนดินในการปลูกผักผลไม้สีนี้น่าจะเรียกว
“แม่เรานี่เก่งจริงๆ เลย” เสียงของซีซวนประจบแม่“เด็กช่างประจบจริงๆ เลย” เธอมองซีซวนโดยทำหน้าตาล้อเลียน“แม่ดูพี่สิแกล้งผมอีกแล้ว” “เลิกทะเลาะกันได้แล้วรีบกินข้าว” ลูกของเธอไม่รู้จักโตกันเสียที“พ่อแม่รู้หรือยังว่าเรามีพลังเวทด้วย” อยู่ดีๆ พี่ชายของเธอก็ได้พูดออกมา“อ้าว! นี่ลูกไม่เห็นจะเล่าให้แม่ฟังเลย” แม่เธอบ่นออกมาด้วยเสียงน้อยใจนิดหน่อย“ก็หนูเห็นช่วงนี้พ่อกับแม่ยุ่งๆ หนูเลยลืม” หลังจากนั้นเธอก็ได้เล่าเรื่องที่เคยเล่าให้พี่ชายฟัง และได้เล่าเรื่องให้พ่อกับแม่และซีซวนฟังซ้ำอีกรอบ“เมื่อคืนหนูลองเข้าไปในมิติแล้วนะคะ ผักและผลไม้โตเร็วมากๆ แต่ตอนนี้หนูยังไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย หนูว่าจะเข้าไปดูวันนี้แต่ยังไม่มีเวลาเลยค่ะ“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เข้าไปดูสิว่ามันออกลูกหรือยัง” ตงหยางถามน้องสาวออกไป เขาก็อยากรู้เหมือนกัน“ถ้าแบบนั้นหนูขอเข้าไปดูก่อนนะคะ ถ้าผลไม้และผักโตแล้วจะได้เก็บมาทำอาหารกินในวันพรุ่งนี้ เธอหายเข้ามาไปในมิติ ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ตกใจเท่าไหร่ เพราะเริ่มชินกับการที่เธอหายเข้าไปในมิติ และออกมาจากมิติ เป็นปกตินั่นเอง“ซูเมิ่งเดินเข้ามาดูผักและผลไม้ที่เธอได้ปลูกเอาไว้ ซึ้
หลังจากที่ทุกคนทำสิ่งต่างๆ เสร็จแล้ว พ่อของเธอบอกว่าจะมีช่างเข้ามาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แม่ก็เลยคิดว่าจะเตรียมอาหารให้ช่างที่จะมาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในวันนี้กริ้งๆ กริ้งๆ เสียงคนกดออดที่หน้าบ้าน“ใครมา ช่างมาติดตั้งหรือเปล่าไปดูหน่อยซีซวน” “ช่างมาแล้วแม่จะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “สวัสดีครับ พวกผมเป็นทีมงานติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ครับ ที่คุณเซียวกังได้ติดต่อไว้” “พ่อๆ มาดูช่างหน่อยว่าจะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “เดียวให้ติดตั้งตรงหลังคาทั้งหมดเลยนะครับ ว่าแต่ทางคุณรับงานแค่ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อย่างเดียวเหรอ หรือมีรับงานอย่างอื่นด้วย” “ทางบริษัทของเรามีรับทำ เรือนกระจกและทำกำแพงบ้านด้วยครับ” “ผมอยากทำกำแพงบ้านที่มีอยู่ให้แข็งแรงทนทานกว่านี้ พอจะมีแบบให้ดูไหมครับ” “มีครับเป็นแบบอิฐ และที่ทนทานสุดๆ ก็มีแบบอะลูมิเนียมและแบบเหล็กครับ แต่บ้านส่วนมากก็จะทำเป็นแบบอิฐนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเซียวกังสนใจแบบไหนครับ” “ผมอยากได้เป็นแบบเหล็ก พอจะติดตั้งได้เมื่อไหร่” “เดียวผมโทรถามทางบริษัทก่อนนะครับ” หลังจากช่างคุยกับพ่อของเธอเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ส่วนหัวหน้าช่างก็
นี่มันภาษาอะไรกัน แต่เธอทำไมอ่านออกแล้วเข้าใจล่ะ เธอยังไม่หายสงสัย ในหัวของเธอก็เกิดเป็นภาพของท่านเทพจิ้งจอกขึ้นมา“ท่านเทพจิ้งจอกสิ่งนี้คืออะไร ตัวหนังสือพวกนี้ทำไม่ท่านถึงทิ้งไว้ให้ข้า แล้วมันคือตำราเกี่ยวกับอะไรกัน” เธอถามคำถามที่คาใจกับท่านเทพจิ้งจอกออกไป“ใจเย็น ค่อยๆ ถาม ที่ข้ามาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะบอกเจ้านี่ไง ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร และทำอะไรได้บ้าง ถ้าตอนนี้เจ้าเห็นข้าแสดงว่าเจ้าได้ครอบครองตำราเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตัวหนังสือที่เจ้าได้รับสืบทอดไปเรียกว่า ตำราอักขระ ที่ได้สืบทอดสำหรับผู้สร้างเท่านั้น ถึงจะครอบครองมันได้ ตอนนั้นที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้า มีพลังไม่มากพอที่จะได้บอกเจ้า พวกข้าเลยทิ้งจิตส่วนหนึ่งเอาไว้ใน ตำราเล่มนี้” “แล้วสิ่งนี้มันทำอะไรได้บางท่านเทพ” “เจ้าก็ลองอ่านสิ่งที่เจ้าได้ไปสิ แล้วเจ้าจะเข้าใจมันเอง ข้าไปล่ะแล้วเจอกัน อีกไม่นานพวกข้าจะออกมาพบเจ้าอีก” “เดียวท่านเทพจิ้งจอก “ทิ้งข้าไปอีกแล้ว ทำให้ข้าสับสนแล้วท่านก็จากไปทุกทีเลย แต่น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเราแน่นอนหลังจากที่เธอได้พูดคุยกับท่านเทพจิ้งจอกไปแล้ว เธอก็ได้ตั้งจิต เข้าไปตรวจสอบอักขระ
และการที่เธอเลื่อนระดับในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ความลับ ของผลเวทสีรุ้งนี้ สิ่งนั้นก็คือ ถ้าเธอเพิ่มพลังเวทในร่างกายให้เป็นสามขั้น ของทุกเวท เธอจะสามารถขอพรอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง เธอคิดออกแล้วว่าสิ่งที่จะขอนั้นคืออะไร แต่ตอนนี้ สิ่งที่ยากกว่า เธอจะทำอย่างไรให้พลังเวททั้งสี่เวทในร่างของเธอ เลื่อนระดับไปถึงสามระดับได้ทั้งหมดกันเธอนึกออกแล้ว เธอมีตัวช่วยนิ มิตินี่ไง คือตัวช่วยที่ดีที่สุดของเธอ ทรัพยากรต่างๆ ที่ใช้ในการเลื่อนพลัง ก็อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว หลังจากที่ซูเมิ่งเพิ่งเลื่อนพลังไป เธอก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ เธอต้องทำให้เวทอีกสามเวทเป็นขั้นที่หนึ่งครบทุกเวทเสียก่อน เธอปรับเวลาในมิติ ให้เวลาข้างในเร็วกว่าข้างนอก ข้างในมิติผ่านไปหนึ่งเดือนข้างนอกจะผ่านไปหนึ่งวันหลังจากที่เธอมุ่งมั่นอยู่กับการเลื่อนระดับพลัง เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนในมิติ แต่ด้านนอกผ่านไปแค่สิบกว่าวันเท่านั้น เธอก็สามารถเลื่อนพลังทั้งสี่เป็นขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว เราเลื่อนระดับหนึ่งทั้งสี่เวทได้สำเร็จแล้ว เธอดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ ทั้งพลังเวทดิน น้ำ พฤกษา และเวทไฟ เธอใช้อย่างชำนาญทั้งหมดแล้ว เธอทั้งฝึกพ
“ตกลงครับ ผมขอซื้อทั้งหมด ถ้าคุณหงส์มีหินหยกแบบนี้อีกนำมาขายให้ผมได้นะครับ สำหรับหินหยกสองก้อนนี้ผมให้ราคาอยู่ที่…..ก้อนละสามล้านหยวน แต่สำหรับหินชิ้นสีเขียวผมให้ราคา ที่มากกว่าเพราะเป็นหินที่คุณภาพดีกว่ามาก ผมให้ราคาอยู่ที่สิบห้าล้านหยวน คุณหงส์พอใจกับราคานี้หรือเปล่าครับ” เธอไม่คิดว่าราคาหินหยก ที่เธอได้นำมาขายในวันนี้ จะได้ราคาที่สูงมากขนาดนี้ ถ้าตอนไหนที่เธอขาดเงินเธอก็สามารถนำหินที่อยู่ในมิติไปขายก็รวยแล้ว “พอใจกับราคาที่คุณจางเสนอให้มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณหงส์พอใจผมก็ดีใจครับ เพราะทางเราได้ให้ราคาที่สูงที่สุดแล้ว ถ้าคุณหงส์ยังมีหินหยกอีก ผมรับซื้อทั้งหมดนะครับ” เขายินดีที่จะให้ราคาสูงกับลูกค้าคนนี้ เพื่อการซื้อขายในอนาคต“ถ้าแบบนั้นเรามาทำสัญญาซื้อขายกันเลยไหมครับ” “ได้ค่ะ ถ้าฉันมีหินหยกอีก ฉันจะนึกถึงร้านคุณจางเฟินเจินแน่นอนค่ะ” หลังจากที่เธอได้ทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ไหนๆ เธอก็ออกมาข้างนอก เธอคิดว่าจะไปดูรถบ้านสักหน่อย เธออยากได้มานานแล้วหลังจากที่จางเฟินเจิน ได้ส่งลูกค้าออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเอาหินเวทที่เพิ่งได้รับวันนี้ ไปมอบให้เจ้าของร้านที่แท้
“แต่ที่ลูกพูดก็ถูกนะคุณ พี่ชายคุณเขาก็โตแล้ว เขาต้องเลี้ยงดูลูกกับครอบครัวเขาเองได้แล้ว ไม่ใช่อะไรๆ ก็มาพึ่งแต่พวกเรา ครอบครัวเรามีตั้งหลายชีวิต หวังว่าคุณคงไม่บอกว่าพวกเราจะไปอยู่บ้านบนเขานะ เราช่วยได้เท่าที่ช่วยเถอะ ไม่ใช่ว่าฉันเห็นแก่ตัวหรอกน่ะ แต่ฉันก็ทำเพื่อลูกของฉันเหมือนกัน แล้วคุณล่ะ ทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อคนอื่นมากกว่าครอบครัวของเรา” แม่เธอพูดเสร็จแล้วก็เข้าห้องไปอีกคน แม่เธอคงโกรธมากที่พ่อของเธอใจอ่อนแบบนี้ ในเมื่อคนอื่นพูดไปหมดแล้ว เธอก็จะไม่พูดอะไรอีก เธอก็รู้สึกสงสารพ่อของเธอเหมือนกัน อีกฝั่งก็ครอบครัว อีกฝั่งก็พี่น้อง“แล้วเราล่ะ คิดว่าพ่อคนนี้แย่หรือเปล่า” “พ่อ เป็นพ่อที่เท่สำหรับหนูเสมอค่ะ หนูเข้าใจพ่อนะคะ แต่พ่อต้องมองความเป็นจริงด้วย ลุงเซียวเอินก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ หนูเข้าใจพ่อนะคะ” เธอพูดจบแล้วก็เข้าไปกอดพ่อของเธอ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไปอีกคนหลังจากที่ครอบครัวของเขาแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เซียวกังก็นั่งทบทวนตัวเองอยู่คนเดียวอีกสักพัก ก็เดินกลับเข้าห้องไปง้อ ภรรยาของเขา ก่อนเข้าห้องได้เดินไปหน้าห้องของลูกสาวแล้วเคาะประตูบอกให้เธอ ลงไปเก็บรถบ้านเข้ามิติด้วยเธอ
เธอค้นเจอในความทรงจำ เกี่ยวกับอักขระ มีการเขียนเกี่ยวกับเวทเคลื่อนย้ายอยู่ ซึ่งอักขระชนิดนี้นั้น สามารถทำให้เธอไปที่ไหนก็ได้ ที่เธอเคยไป และถ้าเธอวาดอักขระบนสิ่งของอะไร เธอก็สามารถทำให้สิ่งของนั้นเป็นของวิเศษที่สามารถใช้งานได้“แม่ค่ะ หนูมีวิธีที่จะช่วยทุกคนแล้ว หนูค้นเจอเวทเคลื่อนย้ายในตำรา ที่ท่านเวทจิ้งจอกได้ให้ไว้ แม่โทรหาพี่ บอกให้พี่เข้าไปอยู่ในห้องพัก เดี๋ยว หนูจะวาดอักขระตรงหน้าประตูบ้านเรา ให้เชื่อมต่อกับที่พักของพี่ชาย” หลังจากที่แม่เธอได้ฟังที่เธอบอกแล้ว ก็ได้โทรหาพี่ชายของเธอ เพื่อบอกว่าเธอมีทางทำให้พี่กลับมาบ้านได้แล้ว หลังจากที่พี่ตงหยางได้รู้ว่าเธอจะทำสิ่งไหน เขาก็เดินออกมาจากหน้าประตูห้องพักของเขา หลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ซูเมิ่งก็ได้เอามือวาดบนประตูที่บ้านของเธอ และตั้งจิตว่าจะให้ประตูนี้เชื่อมต่อกับที่ไหน แล้ววาดอักขระเชื่อมต่อลงไป หลังจากที่เธอวาดอักขระจบแล้ว หน้าประตูบ้านของเธอก็มีแสงสว่างขึ้นมา ทำให้รู้ว่าการสร้างอักขระครั้งแรกของเธอเป็นผลสำเร็จหลังจากที่เธอทำสำเร็จแล้ว เธอก็ได้เปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อไปพาพี่ชายกลับมาที่บ้าน เธอเปิดประตูเข้ามาที่ห้องของพ
“เสียวเหมา เราออกไปสำรวจด้านนอกกันเถอะ ฉันอยากหาพื้นที่ ที่จะใช้สร้างเมือง ตอนที่นายไปสำรวจ เจอพื้นที่ตรงไหนที่มีสารพิษไม่เยอะบ้างไหม” “ได้ครับเจ้านาย เสียวเหมาอยากให้ลองไปดูเมืองตงไห ทางเหนือครับ ตอนที่ได้คำสั่งให้ไปตรวจ เสียวเหมาเห็นว่าแถวนั้นน่าจะยังพอใช้ได้ เพราะหินอุกกาบาตแถวนั้นเป็นหินก้อนเล็กๆ ครับ เลยไม่มีสารพิษที่รุนแรงมากนัก” “ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปกันเลย” เธอใช้เวทอักขระเคลื่อนย้ายไปตามพื้นที่ ที่เสียวเหมาได้ไปเจอมา พอเธอได้มาเห็นด้วยตา มีพื้นที่แบบนี้อยู่ทางเหนือด้วยเหรอ เธอไม่เคยเห็นที่แห่งนี้เลยสักครั้ง เป็นพื้นที่กว้างมาก มีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง รอบๆ แม่น้ำเป็นเนินราบสูงแต่เป็นพื้นที่ราบ และรอบข้างของพื้นที่ราบ ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาที่ไม่สูงเท่าไหร่ ถ้าตอนที่ยังมีหญ้าหรือดอกไม้ขึ้นอยู่พื้นที่นี้ คงจะสวยมากเลยจริงๆ ที่ตรงนี้เป็นที่เดียวที่ไม่มีบ้านคนและไม่มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่ แต่อากาศและน้ำก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะมีสารพิษ แต่ไม่เยอะเท่าพื้นที่เมืองด้านนอก เธอจะเอาที่นี่ เป็นที่ตั้งเมืองแห่งใหม่ของเธอเธอเข้ามาในมิติ และเรียกทุกคนออกมาด้านนอก เพื่อให้ทุกคนใช้พลังเวทในการชำระสา
”นายคิดถูกแล้ว ผมจะให้พวกคุณ วิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศและหินอุกกาบาตที่ตกลงมา เราจะได้คิดค้นยาและวิธีที่พวกเราจะสามารถอยู่บนพื้นดินได้ ก่อนที่ทุกคนจะทำงานผมอยากให้ทุกคน มาสแกนหน้าเพื่อเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้เสียก่อน คุณเฟยหรง คุณสแกนหน้าก่อนเลย” ท่านผู้นำไปยืนตรงหน้าเครื่องสแกน เพื่อกดอนุญาตให้คนอื่นเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้ ร้านค้าวิเศษหลังจากที่ขายคอนโดให้พวกเขาแล้ว ก็ให้ตัวเขาที่เป็นผู้นำเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ เขาจะให้ใครเข้าพักก็ได้ หรือจะให้ใครออกจากห้องพักก็ได้อีกเหมือนกัน“ได้ครับท่าน” เฟยหรงที่โดนเรียกชื่อ เขาได้เดินไปทางหน้าประตูคอนโด กดปุ่มสแกนหน้าขึ้นมา เครื่องสแกนหน้าก็เริ่มทำงานทันที หลังจากที่เขาสแกนหน้าเสร็จแล้ว จะมีหน้าจอขึ้นมาให้เขากดเลือกห้องพัก เขากดเลือกห้องที่อยู่สูงที่สุด เพราะเขาจะได้ระวังภัยได้ง่ายขึ้น เขากดชื่อลงไป และระบบของคอนโดก็มีเสียงแจ้งเตือนซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง“ผู้เข้าพักห้อง ห้าหนึ่งห้าชื่อเฟยหรงทำรายการสำเร็จแล้ว” หลังจากที่เขาสแกนหน้าสำเร็จแล้ว เขาก็หลีกทางให้คนอื่นๆ สแกนหน้าต่อ คอนโดนี้มีทั้งหมดสิบห้อง ชั้นละสามห้องเท่านั้น มีทั้งหมด หกชั้น ชั้นที่อยู่บนสุ
“แม่ค่ะ ทำไมเราต้องมาอยู่ในที่ ที่มันแคบเท่ารูหนูนี่ด้วย หนูอยากกลับบ้าน เมื่อไหร่ด้านนอกจะสงบสักที” เสียงที่ดังโวยวายขึ้นมา เป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่มองดูภายนอกแล้ว เป็นคนที่หน้าตาดี น่าจะเป็นครอบครัวของคนที่ร่ำรวยอย่างมาก“เฟยหยา อย่าเสียงดัง อยู่เงียบๆ กันหน่อย คิดว่าไม่มีใครอยากที่จะออกไปหรือไง ไม่ได้ยินที่เขาแจ้งเตือนเหรอ หรือลูกอยากออกไปเป็นศพอย่างภาพนั้น ที่เราได้ดูกัน” “แต่พวกมันอาจโกหกก็ได้นี่ค่ะ มันคงไม่อยากให้เราออกไปกันน่ะสิ มันถึงเอาข่าวปลอมๆ มาหลอกพวกเราก็ได้” เสียงเฟยถิง ผู้เป็นน้องสาวของเฟยหยา พูดเถียงออกมา เธอไม่เชื่อหรอกว่าข่าวนั้นจะเป็นเรื่องจริง“นั่นสิคุณ ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เราลองออกไปดูกันไหม” “ถ้าคุณอยากออกไปตาย ก็ออกไปคนเดียวไม่ต้องพาลูกๆ ออกไปด้วย แต่ถ้าออกไปแล้วร่างกายติดสารพิษเข้ามา ถึงพวกเรามีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยคุณกับลูกได้หรอกนะ ตอนนี้ท่านผู้นำยังไม่มีข่าวประกาศออกมาเลย อย่าใจร้อนกันนักเลย” เขาเบื่อที่พวกลูกของเขาและภรรยา ช่างเอาแต่ใจกันขนาดนี้ ต้องโทษเขาที่ตามใจมากเกินไปเฟยฮวา และลูกๆ ทั้งสอง ได้ฟังพ่อของเธอดุเป็นครั้งแรก ก็รู
ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวัน หลังจากที่เกิดเหตุอุกกาบาตตกทั่วเมือง ไม่มีที่ไหน ที่อุกกาบาตจะไม่ตกเลย เธอให้หน้าจอแต่ละหมายเลข ถ่ายวิดีโอจากภาพด้านนอกมิติ ให้ทั่วทุกที่ เธอคิดว่าหน้าจอแค่ห้าอัน คงไม่พอ เธอเลยซื้อเพิ่มไปอีกห้าตัว และก็ตั้งชื่อเรียงกันเหมือนเดิม ไฟที่เกิดจากอุกกาบาตตกลงมานั้น ได้ดับลงแล้วในบางพื้นที่ แต่บนเขาที่อุกกาบาตตกลงมา เสียหายเป็นจำนวนมาก ไฟที่ลามเข้ามาเผาไหม้ในบ้านเมือง บางเมืองแทบมองไม่ออกว่าเมื่อก่อนเคยเป็นแบบไหนมาก่อนเธอเข้าไปในระบบ เปิดร้านค้าขั้นที่สอง กดซื้อของเป็นหน้ากากกันสารพิษและมีออกซิเจนในตัวมาหนึ่งเครื่อง เธอจะลองขึ้นไปด้านนอกดู เธอใส่หน้ากากกันสารพิษ เตรียมพร้อมจะออกไปดูด้านนอกมิติ“เสียวเหมา เดี๋ยวนายออกไปด้านนอกกับฉันหน่อยนะ” “ได้ครับเจ้านาย” เธอและเสียวเหมา ออกมาจากหินมิติ สิ่งแรกที่เห็นก็ไม่ต่างจากที่เธอได้ดูถ่ายทอดสดเท่าไหร่“เสียวเหมา นายลองสแกนอากาศที่อยู่รอบๆ ตัวฉันได้หรือเปล่า ลองสแกนพื้นดินและตรงนั้น ตรงที่อุกกาบาตตกลงมาด้วย” “เสียวเหมาทำได้” เสียวเหมาเริ่มสแกนทุกสิ่งรอบตัว และดินบริเวณที่หินอุกกาบาตได้ตกลงมาด้วย“เป็นยังไงบ้าง นายเจออะไ
“คุณ ช่วยกันคิดสิ เราจะทำยังไงกันดี ฉันยังไม่อยากตาย ฮื่อ!ๆ ” เสียงร้องของครอบครัวเซียวเอิน ดังไปทั่วบริเวณที่เขาอยู่ ไม่มีใครที่ได้ยินเสียงพวกเขาอีก นอกจากตัวของพวกเขาเอง เซียวเอินมองดูไปรอบๆ ตัว ไฟเริ่มลามเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นไปทุกที นี่พวกเขาทำอะไรผิด สวรรค์ถึงได้ลงโทษพวกเขาแบบนี้ ต้องเป็นเพราะเจ้าเซียวกังแน่ๆ ที่มันเอาหินปลอมมาหลอกพวกเขา“เราวิ่งฝ่าไฟกันออกไปเถอะ อยู่แบบนี้ ก็มีแต่จะตายกันเปล่าๆ ” ทั้งสามคนจับมือกันเพื่อจะวิ่งฝ่าวงล้อมของไฟออกไป ตอนที่พวกเขากำลังจะก้าวผ่านไปนั้น ก็มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่บ้าน ที่พวกเขาอยู่ แหลกลงไปพร้อมกับร่างพวกเขาทั้งครอบครัวจบกันสักที ลุงจะมาโทษฉันไม่ได้ ถ้าลุงไม่ทำร้ายครอบครัวฉันก่อน ถ้าลุงไม่คิดร้ายกับพวกฉัน จุดจบมันคงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก ซูเมิ่งที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธออโหสิให้ก็แล้วกัน เพราะลุง ก็ได้ชดใช้ให้กับครอบครัวของเธอแล้ว เธอนั่งดูหน้าจอออนไลน์ ที่จอห้าได้ไปถ่ายทอดสดมาให้เธอได้ดู เรื่องนี้เธอไม่ได้บอกใครสักคน ให้ทุกอย่างมันจบแค่เธอก็พอ“จอห้า ไม่ต้องถ่ายตรงนี้แล้ว นายไปถ่ายจุดต่อไปบนแผนที่เลย” เธอส่งกระแสจิตไปบอกเธอเดินออกไ
“ใครยังมีหินมิติเหลืออีกบ้าง ใครมีหลายก้อน ผมขอแลกกับอาหารได้ไหมครับ ครอบครัวผมมีกันห้าคน พวกผมหาไม่ทันจริงๆ” “เขาประกาศข่าวก่อนตั้งเกือบเดือน ทำไมพวกแกไม่เตรียมความพร้อมกันให้ดี มาขอตอนนี้ใครจะให้พวกแกกัน” “ฉันก็อยากช่วยนะ แต่ครอบครัวฉันก็มีแค่อันเดียว ฉันไม่มีให้หรอก” ขณะที่ครอบครัว ของชายหนุ่มกำลังสิ้นหวัง ก็มีชายคนหนึ่งส่งหินมิติให้เขาไปหนึ่งก้อน “เอาไปสิ ลูกพี่ของเราให้เอามาให้” ครอบครัวของชายคนนั้นมองไปตาม ปลายนิ้วมือที่ชี้ให้เขาดู ก็มองเห็นชายคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหล่า คมเข้ม น่าจะสูงสักหนึ่งร้อยเก้าสิบได้ มองมาทางพวกเขา ครอบครัวของพวกเขาก็ก้มหัวขอบคุณ ผู้มีพระคุณ พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลยหลายๆ คนเห็นชายคนนั้น เอาหินมิติให้ครอบครัวหนึ่ง ก็เกิดความโลภที่อยากจะได้บ้าง มีบางคนที่ใจกล้า เดินเข้าไปขอก็ถูกไล่ออกมา“พี่เฟยหรง พวกชาวบ้านพวกนี้ มีแต่พวกโลภมากทั้งนั้น ไม่น่าช่วยเหลือเลยสักคน พวกเราเข้าไปในมิติกันดีกว่า” เฟยหรงมองดูพวกชาวบ้าน ที่ยังไม่เกิดอุกกาบาตชนโลก ก็เริ่มเห็นแก่ตัวกันหมดแล้ว เขาได้เข้ามาในมิติกับเพื่อนที่อยู่ในหน่วยลับเดียวกัน ด้านในนี้มีหน้าจอถ่ายทอดสดให้ดู ไม่
ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ตกลงมีหินพลังเวท ที่ผมต้องการหรือเปล่าครับร้านค้าวิเศษ : คนที่ต้องการใช้หินพลังเวท มีพลังธาตุอะไรผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : เป็นผู้ฝึกพลังธาตุน้ำครับร้านค้าพิเศษ : ทางเรามีหินธาตุน้ำอยู่หนึ่งก้อน ท่านต้องการหรือไม่ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ผมต้องการครับ ขอบคุณมากครับเจ้าของร้านร้านค้าพิเศษ : สำหรับหินพลังเวท ทางเราขายก้อนละยี่สิบล้านหยวน ถ้าท่านต้องการ กรุณาชำระเงินและกรอกที่อยู่ได้เลยผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ได้ครับ ทางร้านค้าพิเศษ ยังมีหินพลังเวทเหลืออยู่อีกไหมครับร้านค้าพิเศษ : มีหรือไม่มี ขึ้นอยู่แต่อารมณ์ของผู้ขายผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ครับ ชำระเงินแล้วนะครับ'เจ้าของร้านวิเศษเป็นคนที่กวนเหมือนกัน เราต้องทำดีกับเจ้าของร้านค้านี้เข้าไว้’เธอเลือกความเสี่ยง ที่ขายของออกไป นี่ร้านของเธอ ร้านค้าวิเศษ ของที่ขายก็ต้องเป็นของวิเศษไม่ใช่เหรอ ที่เธอตั้งชื่อร้านนี้ขึ้นมา ก็เพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่า ของในร้านเธอมันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอยู่แล้วเวลาผ่านไปเรื่อยๆ วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ อุกกาบาตชนโลก เธอเตรียมความพร้อมสำหรับครอบครัวเธอหมดแล้ว เธอม
ตอนเช้าวันต่อมา “พี่เซียวเอิน พวกผมจะออกไปหาซื้อของกินแล้วไปธุระหน่อยนะพี่ ฝากทั้งสองคนดูแลบ้านด้วยนะครับ พี่สะใภ้ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก พี่ยิ่งแพ้ท้องอยู่ด้วย” “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะดูแลบ้านให้แกเอง ไปทำธุระให้สบายใจเถอะ” “นั่นสิ น้องเซียวกังไม่ต้องเป็นห่วงพี่สะใภ้ ตอนนี้ ไม่ค่อยแพ้ท้องเท่าไหร่แล้ว อย่าลืมซื้อของกินมาเยอะๆ และฝากซื้อ บ๊วยดองมาด้วย” ฝากบ้านเสร็จแล้วครอบครัวเซียวกังก็ขึ้นรถ แล้วก็ขับรถออกไป “น้องจะให้พี่ขับรถไปจอดไว้ตรงไหน” พี่ตงหยางถามเธอ“เอาไว้ใกล้ๆ นี่ล่ะ แล้วเราเข้าไปในมิติกันเถอะ จะได้ดูว่าพวกนั้นทำอะไรกันบ้าง” เมื่อวานหลังจากที่ตกลงกันทำตามแผน เธอก็ได้ให้เสียวเหมา เอาจอที่ถ่ายทอดสด เอามาติดตั้งในห้องพ่อเธอ และตามห้องต่างๆ ในบ้านและเธอร่ายเวท อักขระปิดบังเอาไว้ ดีที่เธอไปค้นในระบบพบว่ามีจอแบบนี้ขายอยู่พอดี เธอเลยซื้อมาเพิ่มอีกห้าจอ ในราคาตัวละแค่หนึ่งหมื่นทอง เธอไม่ค่อยได้ใช้เงินกับระบบเท่าไหร่“เป็นยังไงซีซวน มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง” เธอให้น้องคอยดูกล้องอยู่ตลอด“ยังปกติดีพี่ ผมว่าอีกไม่นานหรอก” ทางด้านของครอบครัวลุง “คุณพวกมันไปกันแล้ว ตอนนี้ทางสะ
‘ทำไมข้อความนี้ ส่งมาหาเธอเยอะจัง หรือจะมีเรื่องด่วนอะไร’ เธอกดตอบรับ ร้านค้าวิเศษ: สวัสดีค่ะ ร้านค้าวิเศษยินดีให้บริการค่ะสายลับ: คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหมร้านค้าวิเศษ: ใช้แล้ว คุณต้องการสิ่งใดสายลับ: ผมติดต่อมาจากหน่วยลับพิเศษ ทางเราต้องการหินมิติจากคุณในจำนวนมากร้านค้าวิเศษ: คุณต้องการหินมิติเท่าไหร่สายลับ: ผมต้องการห้าแสนก้อน เพื่อใช้ในหน่วยลับและกองทหารทั่วประเทศร้านค้าวิเศษ: ทางเรามีของให้คุณ กรุณากดสั่งซื้อได้เลย ภายในครึ่งชั่วโมง ของจะส่งถึงที่อยู่ของคุณที่จริงเธอมีของอยู่ห้าล้านก้อนเลยล่ะ แต่เธอจะเก็บไว้ขายให้ประชาชนที่พอซื้อได้ก่อน เดี๋ยวอีกวันเธอค่อยส่งให้ทางรัฐบาลแล้วกัน พวกเธอจัดการของทุกอย่างเรียบร้อย ภายในเวลาหนึ่งเดือนในมิติ และหนึ่งวันด้านนอก ไม่รู้ด้านนอกจะเป็นยังไงบ้าง ลุงของเธอคงจะโวยวายน่าดูไอเจ้าเซียวกังมันหายไปไหนของมัน ข้าวปลาก็ไม่ทำไว้ให้กิน บ้านก็เงียบ อยู่ดีๆ พวกมันหายไปไหนกันหมด เขาบ่นไม่ทันไร ก็เห็นซูเมิ่งเดินเข้ามาพอดี “ไปไหนกันมา” เสียงแรกที่เธอได้ยิน ก็คือเสียงลุงของเธอเอง “ไปหาเพื่อนมาค่า” “ฉันไม่เชื่อหรอก พวกแกเล่นหายกันไปหมดบ้าน