ซูเมิ่งเปิดตำรา ข้างในตำราเป็นกระดาษเปล่าทั้งหมด ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา แล้วถ้าในตำราเล่มนี้ไม่มีอะไร ทำไมท่านเทพจิ้งจอกถึงทิ้งไว้ให้เธอล่ะ แปลกจริง มันน่าจะต้องทำอะไรได้บ้าง รอท่านจิ้งจอกตื่นจากจำศีลก่อนแล้วกันเธอค่อยเอาไปถาม ซูเมิ่งเลิกสนใจตำราเล่มนั้นและหันไปสนใจบ้านที่อยู่ในมิติแทน
เธอเข้าไปดูในบ้าน บ้านหลังนี้ที่อยู่ในมิติ เป็นจุดศูนย์กลางที่ทำให้เราเข้ามา และออกจากมิติได้ ซูเมิ่งเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอเจอของบางส่วนที่เธอซื้อไว้วางอยู่กลางบ้าน บ้านหลังนี้ถือว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ปูบ้านด้วยอิฐแดงทั้งหมด ห้องต่างๆ ดูทันสมัยกว่าที่เห็นด้านนอกมาก ซูเมิ่งลองเดินสำรวจจนทั่วแล้ว มีห้องครัวหนึ่งห้องซึ่งมีอุปกรณ์ทำครัวครบครัน มีห้องน้ำที่ทันสมัยเหมือนที่เธอใช้อยู่เป็นประจำ มีห้องนอนทั้งหมดห้าห้อง บ้านหลังนี้เหมือนเตรียมมาเพื่อครอบครัวของเธอเลย แต่ไม่รู้ว่ามิติสามารถนำคนที่อยู่ภายนอก เข้ามาภายอยู่ในมิตินี้ได้หรือเปล่า หลังจากที่เธอเข้ามาสำรวจภายในมิติเป็นเวลานาน ทำให้เธอเริ่มง่วงนอน เธอคิดว่าควรออกไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังมีอะไรที่เธอต้องทำอีกเยอะ เธอออกมาด้านนอกมิติ เธอมองดูเวลาที่เธอได้เข้าไปในมิติ เธอคิดว่าเข้าไปในมิตินานมากแต่ที่จริงแล้ว เวลาผ่านไปแค่สามชั่วโมงเท่านั้นเอง ถ้าเราลองปลูกพืชผักต่างๆ ไว้ภายในมิติ น่าจะโตทันกินแน่นอน ซูเมิ่งคิดพร้อมกับนอนหลับไป เธอคิดว่าเวลาภายในมิติอาจจะปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เธอจะลองถามสิ่งนี้กับท่านเทพจิ้งจอก เมื่อทั้งสองออกจากจำศีลอีกครั้ง เช้าวันต่อมาเธอก็ใช้ชีวิตเหมือนปกติ และได้พูดคุยกับครอบครัวของเธอแล้วตั้งแต่เช้า ซึ่งทุกคนตกลงกันว่าจะไปบ้านของพ่อเธอที่ปลูกอยู่บนภูเขาทางเหนือ วันนี้พ่อและแม่ของเธอก็ไปเตรียมตัวไปซื้อของ ซึ่งของบางอย่างเธอก็ได้บอกท่านไปว่าเธอซื้อมาแล้ว แต่แม่ของเธอก็มั่นใจว่ามันยังไม่พอ ทำให้ตอนนี้เธอมีเงินเหลืออีกเยอะ เพียงพอให้เธอไปซื้อของที่เธออยากได้ วันนี้เธอยังไม่ได้รีบออกจากบ้าน แต่ครอบครัวของเธอออกไปกันหมดแล้ว เธอจะเช็คข่าวสารที่ทางรัฐบาลได้ประกาศให้ประชาชนรู้ หลังจากที่ได้ย้อนเวลากลับมา เธอยังไม่เคยได้เปิดดูข่าวสารทางโทรทัศน์หรือทางอินเทอร์เน็ตเลย เธอมัวแต่ยุ่งเรื่องมิติ และเรื่องซื้อของ “ตอนนี้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เขตทางตอนใต้ของเมืองเหมยโจว ขอให้ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับเมืองเหมยโจว ให้อพยพโดยด่วน” “เกิดพายุฝนตกหนักที่เมืองอันชิง ทำให้เริ่มมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่” เสียงรายงานข่าวจากหลายๆ ช่องทางที่เธอได้เปิดดู เริ่มมีพายุและแผ่นดินไหวในหลายพื้นที่แล้ว เธออยากรู้ว่ามีคนที่ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ครั้งนี้แค่ไหน และบางเหตุการณ์แหล่งข่าวก็อาจจะเข้าไม่ถึง นอกจากแหล่งโซเชียลที่ประชาชนหลากหลายพื้นที่ได้โพสต์ลงทางโลกออนไลน์ สาวน้อย: ตอนนี้บ้านฉันมีลูกเห็บตกลงมาที่หลังคาบ้านด้วย เสียงดังน่ากลัวมาก!!!!" ผู้ลึกลับ: ที่บ้านของฉันเริ่มมีลูกเห็บตกเหมือนกัน โลกมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยย!" กล้ามใหญ่: พวกเธอไม่ได้ยินที่ทางรัฐบาลประกาศว่าโลกจะแตกเหรอ เขาให้เตรียมเสบียงนะ" อยากเป็นทหารตามพ่อ: >กล้ามใหญ่ : พ่อก็บอกผมแบบนี้เหมือนกัน ที่บ้านแม่ผมก็เตรียมของไว้พร้อมมาก ทุกคนอย่าลืมเตรียมเสบียงกันนะครับ ผู้ลึกลับ: โลกเราจะแตกแล้วหรือเนี่ยย!!! ฉันกลัวว!!" และอีกหลายความคิดเห็นของผู้คนที่ได้รับข่าวสารที่ทางรัฐบาลได้ประกาศ และบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยแหล่งข่าวที่เกิดจากประชาชนโลกออนไลน์นี่เอง ที่ทำให้พวกเขารู้ข่าวสารที่มากขึ้น ที่จริงบ้านหลังนี้ที่เธออยู่ก็เป็นทำเลทองที่ดีเลย อยู่ใจกลางเมือง เป็นหมู่บ้านที่สงบมาก ผู้คนก็ใจดีช่วยเหลือกัน แต่พอเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ผู้คนที่เคยใจดีเหล่านั้นกับเห็นแก่ตัวกันหมด เฮ้อ.. ยิ่งคิดก็รู้สึกเวทนาตัวเองในชาติก่อนจริงๆ เธอและครอบครัวไม่ค่อยได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านมากเท่าไหร่นัก ทุกคนก็ต่างคนต่างอยู่มากกว่า หลังจากที่ซูเมิ่งดูข่าวสารต่างๆ แล้ว เธอก็เตรียมตัวเพื่อไปร้านค้าขายพวกเมล็ดพืชผัก และผลไม้ เพราะเธอจะเอาไปปลูกในมิตินั่นเอง เธอขับรถออกมาจากบ้านแล้วเริ่มสังเกตเห็นว่าผู้คนเริ่มที่จะเตรียมซื้อของกันมากขึ้น ผู้คนเริ่มตื่นตัวกันหลังจากได้ฟังข่าวที่ประกาศล่าสุด ซูเมิ่งเลือกร้านค้าที่มีตา และยายขายเมล็ดพืชผลหลากหลายชนิด เธอเดินเข้าไปในร้านค้าซึ่งข้างในดูสะอาดเรียบร้อย และมีเมล็ดผัก และผลไม้แยกตามโซนต่างๆ “สวัสดีจ้า สนใจเมล็ดพันธุ์แบบไหนบอกได้ ยายจะได้ไปหยิบให้” เสียงคุณยายเจ้าของร้านบอกเธอ “ถ้าหนูอยากได้สินค้าของยายทุกอย่างเลย ยายขายเท่าไหร่” “เอาทุกอย่างเลยเหรอหนู เอาไปปลูกหรือเรา” “ที่บ้านหนูทำสวนคะ หลายรูปแบบเลย หนูจะเอาไปไว้ใช้จะได้ไม่ต้องมาซื้อหลายๆ รอบ” “ได้จ้า ยายจะไปเตรียมของให้” หลังจากที่ยายพูดจบ ก็ได้เข้าไปเตรียมของให้เธอ “นี่ ของที่หนูต้องการ พอไหม” “พอคะ ราคาเท่าไหร่คะยาย” คุณยายเตรียมเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ให้เธอเยอะมาก ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะมากพอเลยด้วยซ้ำ “ทั้งหมดห้าพันหยวนจ้า ยายเขียนชื่อและแยกถุงที่เป็นผัก ผลไม้ และมีบางอย่างที่เป็นสมุนไพรด้วย ให้ยายเอาไปไว้ตรงไหนดี” “ไม่เป็นไร หนูจะเดินเอาไปใส่ที่รถเองคะ ขอบคุณนะคะยาย” “ถ้าไม่พอ ก็มาซื้อร้านยายอีกได้นะ “คุณยายพูดและยิ้มให้เธออย่างใจดี ซูเมิ่งกล่าวลายายที่ขายของให้เธอ และได้เอาของที่เพิ่งซื้อมาเก็บเข้าไปในมิติ เพราะเธอต้องไปซื้อ สิ่งของสำคัญอีกอย่าง ที่เธอจะไปเป็นโรงงานทำเครื่องละลายหิมะ แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีคนซื้อกันหรอก เพราะมันไม่ใช่สิ่งของที่จำเป็น แต่สำหรับเธอจำเป็นมากเลยล่ะ ซูเมิ่งขับรถเข้ามาในอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง และได้สอบถามกับยามที่อยู่หน้าประตู ที่เธอไม่ไปซื้อที่ร้านค้าเลย เป็นเพราะเธอต้องการซื้อเยอะมากและถ้าซื้อกับโรงงานโดยตรง เธอจะได้สินค้าที่ราคาถูกกว่าร้านค้า หลังจากที่ยามได้แจ้งกับผู้จัดการโรงงาน ว่ามีคนจะมาซื้อเครื่องละลายหิมะเป็นจำนวนมาก ผู้จัดการก็รีบออกมาหาลูกค้ารายใหญ่ทันที เพราะช่วงนี้ที่โรงงานขาดทุน จนเกือบทำให้โรงงานปิดตัวได้เลย เพราะข่าวที่รัฐบาลแจ้งกับประชาชน ทำให้ประชาชนหันไปซื้อแต่พวกอาหารและเครื่องนุ่งห่มกันหมด ไม่มีคนมาซื้อเครื่องละลายหิมะเท่าไหร่ “สวัสดีครับผมชื่อหลีเนี่ยนเจิน เป็นผู้จัดการโรงงานละลายหิมะครับ” “สวัสดีค่ะฉันชื่อเซียวซูเมิ่ง ฉันสนใจเครื่องละลายหิมะเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบว่าถ้าซื้อเยอะ...” “ถ้าคุณเซียวซูเมิ่งสนใจเครื่องละลายหิมะของเราในจำนวนมาก ทางเราจะมีส่วนลดให้คุณเป็นพิเศษเลยครับ ไม่ทราบว่าคุณเซียวต้องการเครื่องละลายหิมะเท่าไหร่ครับ” ผู้จัดการโรงงานยิ้มอย่างยินดีที่เครื่องละลายหิมะจะได้ขายออกได้เป็นจำนวนมาก “ฉันอยากได้หนึ่งร้อยเครื่อง” เธอจะไม่ถามเรื่องราคา ซึ่งรอให้ทางผู้จัดการเสนอราคาขึ้นมาเองจะดีกว่า “ในเมื่อคุณเซียวสนใจสินค้าของเราเยอะ ทางเราจะลดให้คุณเป็นพิเศษครับปกติทางเราจะขายส่งเครื่องละลายหิมะอยู่ที่ ราคาเครื่องละหนึ่งพันหยวน แต่สำหรับคุณเซียว ทางเราจะลดให้เหลือเครื่องละห้าร้อยหยวนต่อเครื่องครับ” ผู้จัดการโรงงานลดให้สูงสุดแล้ว เพราะเป็นลูกค้ารายใหญ่ ต้องเอาใจเพื่อลูกค้าจะได้กลับมาซื้อสินค้าของ โรงงานอีก อีกอย่างเขาก็จะได้หน้าจากหัวหน้าด้วยกำไลสองต่อเลยล่ะ ถือว่าผู้จัดการโรงงานทำงานได้น่าคบหาอยู่ เธอพอใจราคาที่ผู้จัดการโรงงานเสนอเป็นอย่างมาก “ตกลงค่ะ ฉันพอใจราคาที่คุณเสนอให้ ช่วยนำไปส่งที่อยู่ตามนี้ได้เลย” เธอยื่นกระดาษที่อยู่เป็นโกดังของเพื่อนเธออีกเช่นเคย จะให้ไปส่งที่บ้านก็เป็นที่สะดุดตาของคนอื่นเกินไป เธอเซ็นต์สัญญาซื้อขายและจ่ายเงินมัดจำไปทั้งหมดครึ่งหนึ่งในราคาสองหมื่นห้าพันหยวน และจะจ่ายอีกครึ่งตอนที่สินค้าไปส่งถึงโกดังแล้ว ที่เธอซื้อมาเยอะ เพราะถ้าหลังจากนี้ของสิ่นนี้จะราคาแพงมาก เพราะมีผู้คนต้องการเป็นจำนวนมาก “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อน” “เรียบร้อยแล้วครับ ให้ผมเดินไปส่งคุณซูเมิ่งนะครับ ขอบคุณ คุณเซียวซูเมิ่งที่ไว้ใจในสินค้าของเรา ถ้าคุณเซียวซูเมิ่งสนใจซื้อสินค้าของทางเราอีกติดต่อผมโดยตรงได้เลยครับ” พร้อมกับยื่นนามบัตรให้ซูเมิ่ง “ถ้าฉันสนใจจะซื้อสินค้าอีก จะต้องคิดถึงโรงงานคุณหลีอย่างแน่นอนค่ะ เรียกฉันว่าซูเมิ่งก็ได้นะคุณหลีเนี่ยนเจิน” “ถ้าอย่างนั้นเรียกผมว่าเนี่ยนเจินก็ได้ครับคุณซูเมิ่ง” หลังจากพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยทั้งสองคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของแต่ละคน ส่วนตัวเธอก็คงต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวเดินทางไปบ้านที่อยู่บนเขา หลังจากที่ซูเมิ่งขับรถกลับเข้ามาในบ้านแล้ว เธอลงรถและเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ซึ่งยังไม่เห็นทุกคนกลับมาเลย เธออยู่ว่างๆ ก็มานั่งเช็คเงินที่เหลือ เธอเหลือเงินไม่เยอะเท่าไหร่แล้ว เธอรู้สึกจนมาก เธออยากจะมีเงินเยอะๆ เสียจริง วันนี้เราซื้อเมล็ดพืชผักมา เธอจะเอาไปปลูกในมิติ หลังจากที่ซูเมิ่งเข้ามาในมิติแล้ว เธอก็เดินไปตรงพื้นที่ว่างริมแม่น้ำ เธอเค้นพลังที่อยู่ในร่างกายเพื่อขุดหน้าดิน แต่เธอทำแล้วได้แค่นิดเดียวเอง ทำให้ร่างกายเธอรู้สึกเหนื่อยล้ามันทำให้เธอรู้ว่า ร่างกายของเธอมันช่างอ่อนแอ เธอคิดว่าต้องเริ่มออกกำลังกายบ้างแล้ว เธอเดินกลับไปที่บ้านในมิติ เธอเดินเข้าไปดูที่ห้องเก็บของมีทั้งที่ขุดดินและอุปกรณ์ทำการเกษตรทั้งหมด เธอเอาที่ขุดดินและบัวรดน้ำ นำออกมาจากห้องเก็บของ เธอเอาที่ขุดดินมาพรวนดินที่เธอจะปลูกพืชผัก ดินในมิตินี่ดีจริงๆ เหมาะแก่การปลูกพืชผักหรือสมุนไพร แต่ติดที่เธอปลูกสมุนไพรไม่เป็นก็เท่านั้น หลังจากพรวนดิน และเกลี่ยหน้าดินเรียบร้อยแล้ว เธอก็เลือกเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกมี คะน้า แตงกวา ฟักทองและมะเขือ ปลูกแค่นี้ก่อนแล้วกัน เธอปลูกผักอย่างละสองแถว แล้วก็ไปเอาน้ำมารดตรงแปลงผักที่เธอปลูก เธอมองไปรอบๆ ในมิติมันช่างมีพื้นที่โล่งเหลือเกิน พื้นที่เยอะมาก ให้เธออยู่ในนี้คนเดียว เธอต้องเหงามากแน่ เธอใช้สายตาวัดความกว้างใหญ่ น่าจะมีหนึ่งร้อยกว่าไร่ เธอมองไปสุดสายตายังมองไม่เห็นสุดเขตของพื้นที่เลย เธอยังมีเวลาเหลือ เธอจึงอยากปลูกผลไม้ไว้บ้าง จะขาดผลไม้ไม่ได้ เพราะเธอชอบกินผลไม้มาก เธอจึงปลูกผลไม้ที่ชอบไว้ตรงริมแม่น้ำ มีแตงโม องุ่น สตอว์เบอร์รี มีเงาะ ทุเรียนที่เป็นผลไม้ของประเทศไทยด้วย เธอชอบมาก และปลูกลำไยที่เธอชอบ เธอยิ้มกับตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าการปลูกผักผลไม้ มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป เธอปลูกทุกอย่างที่ต้องการเสร็จแล้ว เธอก็เข้าไปเอาน้ำ ในสระน้ำแห่งชีวิต มาลองรดลงไปที่ผัก และผลไม้ของเธอด้วย แค่เดินไปตรงสระน้ำชีวิตมันทำให้เธอรู้สึกสดชื่น เธอตักน้ำขึ้นมากินก่อนหนึ่งอึก ทำให้ความเหนื่อยล้าของร่างกายหายไป เธออยากรู้ว่าถ้าเอาน้ำแห่งชีวิตนี้ไปรดผักและผลไม้ แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงของผักและผลไม้อย่างไรบ้าง เธอคิดแล้วก็เอาน้ำไปรดพวกมันทันที หลังจากที่รดน้ำแห่งชีวิตไปแล้ว เธอรู้สึกว่าพวกผลไม้และผักของเธอจะมียอดอ่อนโผล่ออกมาแล้วเลย น้ำนี่วิเศษสมคำที่ท่านเทพจิ้งจอกพูดไว้จริงๆ เธอได้ยินเสียงเตือนว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาในบ้าน เธอจึงรีบออกมาจากมิติ เธอออกมาจากมิติ คนแรกที่เธอเจอ เธอนึกว่าจะเป็นพ่อและแม่เสียอีก ที่ไหนได้เป็นพี่ชายของเธอที่หายไปนาน สงสัยแม่ต้องโทรบอก และตามพี่ชายกลับบ้าน เซียวตงหยางเดินเข้ามาในบ้านเขาตกใจมาก ที่อยู่ดีๆ น้องสาวของเขาก็โผล่ออกมาอยู่ตรงหน้าเขา แสดงว่าเรื่องที่แม่บอกเขาก็เป็นเรื่องจริง ที่บอกว่าน้องของเขามีมิติ ความจริงที่แม่ของเขาได้โทรไปบอก ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ ถ้าแม่ไม่บอกให้เขากลับมาบ้าน และได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาคงไม่เชื่อจริงๆ“อ้าวพี่ตงหยางเองเหรอ ฉันนึกว่าเป็นพ่อและแม่เสียอีก” “แล้วพ่อกับแม่ไปไหนล่ะ พี่ไม่เห็นรถของท่านจอดอยู่เลย” “แม่บอกว่าจะไปซื้อของเตรียมไว้วันสิ้นโลก แล้วพี่กลับบ้านมามีธุระอะไรหรือเปล่า” “ก็แม่เราบอกว่าจะไปดูบ้านที่อยู่ทางเหนือ ให้พี่กลับมาจะได้ไปดูพร้อมกัน พี่ก็ลางานเรียบร้อยแล้ว และก็รีบขับรถกลับมาบ้าน อีกอย่างพี่ก็จะมาดูว่าเรามีมิติอย่างที่แม่ได้พูดให้ฟังไหม” “แน่นอนว่าฉันก็ต้องมีอยู่แล้วสิ แล้วก็มีนี่ด้วยนะ” ซูเมิ่งแบมือและเค้นพลังเวทออกมาโชว์ให้พี่ชายของเธอได้ดู///////หลังจากที่ตงหยางได้เห็นว่าที่มือของซูเมิ่งมีแสงออกมา เขาก็ดูตกใจและคิดว่ามันคืออะไรและทำสิ่งใดได้บ้าง“มันคืออะไร และสิ่งนี้ทำอะไรได้บ้าง” นี่มันเกิดเรื่องอะไรกับน้องเขากันแน่ซูเมิ่งยิ้มและยืดอกนิดหน่อยด้วยความรู้สึกภูมิใจ“สิ่งนี้มันคือพลังเวทยังไงละพี่ตงหยาง” “พลังเวทเหรอ? แค่มีมิติพี่ก็ว่าเหลือเชื่อแล้ว นี่เราถึงกลับมีพลังเวทด้วย แล้วพลังเวทของเรามันทำอะไรได้บ้าง” “พลังเวทของฉันตอนนี้มีสองสี มีสีน้ำตาลและสีเขียวอ่อน ฉันลองใช้ทั้งสองอย่างแล้วนะ สีน้ำตาลใช้พรวนดินในการปลูกผักผลไม้สีนี้น่าจะเรียกว
“แม่เรานี่เก่งจริงๆ เลย” เสียงของซีซวนประจบแม่“เด็กช่างประจบจริงๆ เลย” เธอมองซีซวนโดยทำหน้าตาล้อเลียน“แม่ดูพี่สิแกล้งผมอีกแล้ว” “เลิกทะเลาะกันได้แล้วรีบกินข้าว” ลูกของเธอไม่รู้จักโตกันเสียที“พ่อแม่รู้หรือยังว่าเรามีพลังเวทด้วย” อยู่ดีๆ พี่ชายของเธอก็ได้พูดออกมา“อ้าว! นี่ลูกไม่เห็นจะเล่าให้แม่ฟังเลย” แม่เธอบ่นออกมาด้วยเสียงน้อยใจนิดหน่อย“ก็หนูเห็นช่วงนี้พ่อกับแม่ยุ่งๆ หนูเลยลืม” หลังจากนั้นเธอก็ได้เล่าเรื่องที่เคยเล่าให้พี่ชายฟัง และได้เล่าเรื่องให้พ่อกับแม่และซีซวนฟังซ้ำอีกรอบ“เมื่อคืนหนูลองเข้าไปในมิติแล้วนะคะ ผักและผลไม้โตเร็วมากๆ แต่ตอนนี้หนูยังไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย หนูว่าจะเข้าไปดูวันนี้แต่ยังไม่มีเวลาเลยค่ะ“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เข้าไปดูสิว่ามันออกลูกหรือยัง” ตงหยางถามน้องสาวออกไป เขาก็อยากรู้เหมือนกัน“ถ้าแบบนั้นหนูขอเข้าไปดูก่อนนะคะ ถ้าผลไม้และผักโตแล้วจะได้เก็บมาทำอาหารกินในวันพรุ่งนี้ เธอหายเข้ามาไปในมิติ ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ตกใจเท่าไหร่ เพราะเริ่มชินกับการที่เธอหายเข้าไปในมิติ และออกมาจากมิติ เป็นปกตินั่นเอง“ซูเมิ่งเดินเข้ามาดูผักและผลไม้ที่เธอได้ปลูกเอาไว้ ซึ้
หลังจากที่ทุกคนทำสิ่งต่างๆ เสร็จแล้ว พ่อของเธอบอกว่าจะมีช่างเข้ามาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แม่ก็เลยคิดว่าจะเตรียมอาหารให้ช่างที่จะมาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในวันนี้กริ้งๆ กริ้งๆ เสียงคนกดออดที่หน้าบ้าน“ใครมา ช่างมาติดตั้งหรือเปล่าไปดูหน่อยซีซวน” “ช่างมาแล้วแม่จะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “สวัสดีครับ พวกผมเป็นทีมงานติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ครับ ที่คุณเซียวกังได้ติดต่อไว้” “พ่อๆ มาดูช่างหน่อยว่าจะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “เดียวให้ติดตั้งตรงหลังคาทั้งหมดเลยนะครับ ว่าแต่ทางคุณรับงานแค่ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อย่างเดียวเหรอ หรือมีรับงานอย่างอื่นด้วย” “ทางบริษัทของเรามีรับทำ เรือนกระจกและทำกำแพงบ้านด้วยครับ” “ผมอยากทำกำแพงบ้านที่มีอยู่ให้แข็งแรงทนทานกว่านี้ พอจะมีแบบให้ดูไหมครับ” “มีครับเป็นแบบอิฐ และที่ทนทานสุดๆ ก็มีแบบอะลูมิเนียมและแบบเหล็กครับ แต่บ้านส่วนมากก็จะทำเป็นแบบอิฐนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเซียวกังสนใจแบบไหนครับ” “ผมอยากได้เป็นแบบเหล็ก พอจะติดตั้งได้เมื่อไหร่” “เดียวผมโทรถามทางบริษัทก่อนนะครับ” หลังจากช่างคุยกับพ่อของเธอเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ส่วนหัวหน้าช่างก็
นี่มันภาษาอะไรกัน แต่เธอทำไมอ่านออกแล้วเข้าใจล่ะ เธอยังไม่หายสงสัย ในหัวของเธอก็เกิดเป็นภาพของท่านเทพจิ้งจอกขึ้นมา“ท่านเทพจิ้งจอกสิ่งนี้คืออะไร ตัวหนังสือพวกนี้ทำไม่ท่านถึงทิ้งไว้ให้ข้า แล้วมันคือตำราเกี่ยวกับอะไรกัน” เธอถามคำถามที่คาใจกับท่านเทพจิ้งจอกออกไป“ใจเย็น ค่อยๆ ถาม ที่ข้ามาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะบอกเจ้านี่ไง ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร และทำอะไรได้บ้าง ถ้าตอนนี้เจ้าเห็นข้าแสดงว่าเจ้าได้ครอบครองตำราเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตัวหนังสือที่เจ้าได้รับสืบทอดไปเรียกว่า ตำราอักขระ ที่ได้สืบทอดสำหรับผู้สร้างเท่านั้น ถึงจะครอบครองมันได้ ตอนนั้นที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้า มีพลังไม่มากพอที่จะได้บอกเจ้า พวกข้าเลยทิ้งจิตส่วนหนึ่งเอาไว้ใน ตำราเล่มนี้” “แล้วสิ่งนี้มันทำอะไรได้บางท่านเทพ” “เจ้าก็ลองอ่านสิ่งที่เจ้าได้ไปสิ แล้วเจ้าจะเข้าใจมันเอง ข้าไปล่ะแล้วเจอกัน อีกไม่นานพวกข้าจะออกมาพบเจ้าอีก” “เดียวท่านเทพจิ้งจอก “ทิ้งข้าไปอีกแล้ว ทำให้ข้าสับสนแล้วท่านก็จากไปทุกทีเลย แต่น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเราแน่นอนหลังจากที่เธอได้พูดคุยกับท่านเทพจิ้งจอกไปแล้ว เธอก็ได้ตั้งจิต เข้าไปตรวจสอบอักขระ
และการที่เธอเลื่อนระดับในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ความลับ ของผลเวทสีรุ้งนี้ สิ่งนั้นก็คือ ถ้าเธอเพิ่มพลังเวทในร่างกายให้เป็นสามขั้น ของทุกเวท เธอจะสามารถขอพรอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง เธอคิดออกแล้วว่าสิ่งที่จะขอนั้นคืออะไร แต่ตอนนี้ สิ่งที่ยากกว่า เธอจะทำอย่างไรให้พลังเวททั้งสี่เวทในร่างของเธอ เลื่อนระดับไปถึงสามระดับได้ทั้งหมดกันเธอนึกออกแล้ว เธอมีตัวช่วยนิ มิตินี่ไง คือตัวช่วยที่ดีที่สุดของเธอ ทรัพยากรต่างๆ ที่ใช้ในการเลื่อนพลัง ก็อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว หลังจากที่ซูเมิ่งเพิ่งเลื่อนพลังไป เธอก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ เธอต้องทำให้เวทอีกสามเวทเป็นขั้นที่หนึ่งครบทุกเวทเสียก่อน เธอปรับเวลาในมิติ ให้เวลาข้างในเร็วกว่าข้างนอก ข้างในมิติผ่านไปหนึ่งเดือนข้างนอกจะผ่านไปหนึ่งวันหลังจากที่เธอมุ่งมั่นอยู่กับการเลื่อนระดับพลัง เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนในมิติ แต่ด้านนอกผ่านไปแค่สิบกว่าวันเท่านั้น เธอก็สามารถเลื่อนพลังทั้งสี่เป็นขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว เราเลื่อนระดับหนึ่งทั้งสี่เวทได้สำเร็จแล้ว เธอดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ ทั้งพลังเวทดิน น้ำ พฤกษา และเวทไฟ เธอใช้อย่างชำนาญทั้งหมดแล้ว เธอทั้งฝึกพ
“ตกลงครับ ผมขอซื้อทั้งหมด ถ้าคุณหงส์มีหินหยกแบบนี้อีกนำมาขายให้ผมได้นะครับ สำหรับหินหยกสองก้อนนี้ผมให้ราคาอยู่ที่…..ก้อนละสามล้านหยวน แต่สำหรับหินชิ้นสีเขียวผมให้ราคา ที่มากกว่าเพราะเป็นหินที่คุณภาพดีกว่ามาก ผมให้ราคาอยู่ที่สิบห้าล้านหยวน คุณหงส์พอใจกับราคานี้หรือเปล่าครับ” เธอไม่คิดว่าราคาหินหยก ที่เธอได้นำมาขายในวันนี้ จะได้ราคาที่สูงมากขนาดนี้ ถ้าตอนไหนที่เธอขาดเงินเธอก็สามารถนำหินที่อยู่ในมิติไปขายก็รวยแล้ว “พอใจกับราคาที่คุณจางเสนอให้มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณหงส์พอใจผมก็ดีใจครับ เพราะทางเราได้ให้ราคาที่สูงที่สุดแล้ว ถ้าคุณหงส์ยังมีหินหยกอีก ผมรับซื้อทั้งหมดนะครับ” เขายินดีที่จะให้ราคาสูงกับลูกค้าคนนี้ เพื่อการซื้อขายในอนาคต“ถ้าแบบนั้นเรามาทำสัญญาซื้อขายกันเลยไหมครับ” “ได้ค่ะ ถ้าฉันมีหินหยกอีก ฉันจะนึกถึงร้านคุณจางเฟินเจินแน่นอนค่ะ” หลังจากที่เธอได้ทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ไหนๆ เธอก็ออกมาข้างนอก เธอคิดว่าจะไปดูรถบ้านสักหน่อย เธออยากได้มานานแล้วหลังจากที่จางเฟินเจิน ได้ส่งลูกค้าออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเอาหินเวทที่เพิ่งได้รับวันนี้ ไปมอบให้เจ้าของร้านที่แท้
“แต่ที่ลูกพูดก็ถูกนะคุณ พี่ชายคุณเขาก็โตแล้ว เขาต้องเลี้ยงดูลูกกับครอบครัวเขาเองได้แล้ว ไม่ใช่อะไรๆ ก็มาพึ่งแต่พวกเรา ครอบครัวเรามีตั้งหลายชีวิต หวังว่าคุณคงไม่บอกว่าพวกเราจะไปอยู่บ้านบนเขานะ เราช่วยได้เท่าที่ช่วยเถอะ ไม่ใช่ว่าฉันเห็นแก่ตัวหรอกน่ะ แต่ฉันก็ทำเพื่อลูกของฉันเหมือนกัน แล้วคุณล่ะ ทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อคนอื่นมากกว่าครอบครัวของเรา” แม่เธอพูดเสร็จแล้วก็เข้าห้องไปอีกคน แม่เธอคงโกรธมากที่พ่อของเธอใจอ่อนแบบนี้ ในเมื่อคนอื่นพูดไปหมดแล้ว เธอก็จะไม่พูดอะไรอีก เธอก็รู้สึกสงสารพ่อของเธอเหมือนกัน อีกฝั่งก็ครอบครัว อีกฝั่งก็พี่น้อง“แล้วเราล่ะ คิดว่าพ่อคนนี้แย่หรือเปล่า” “พ่อ เป็นพ่อที่เท่สำหรับหนูเสมอค่ะ หนูเข้าใจพ่อนะคะ แต่พ่อต้องมองความเป็นจริงด้วย ลุงเซียวเอินก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ หนูเข้าใจพ่อนะคะ” เธอพูดจบแล้วก็เข้าไปกอดพ่อของเธอ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไปอีกคนหลังจากที่ครอบครัวของเขาแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เซียวกังก็นั่งทบทวนตัวเองอยู่คนเดียวอีกสักพัก ก็เดินกลับเข้าห้องไปง้อ ภรรยาของเขา ก่อนเข้าห้องได้เดินไปหน้าห้องของลูกสาวแล้วเคาะประตูบอกให้เธอ ลงไปเก็บรถบ้านเข้ามิติด้วยเธอ
เธอค้นเจอในความทรงจำ เกี่ยวกับอักขระ มีการเขียนเกี่ยวกับเวทเคลื่อนย้ายอยู่ ซึ่งอักขระชนิดนี้นั้น สามารถทำให้เธอไปที่ไหนก็ได้ ที่เธอเคยไป และถ้าเธอวาดอักขระบนสิ่งของอะไร เธอก็สามารถทำให้สิ่งของนั้นเป็นของวิเศษที่สามารถใช้งานได้“แม่ค่ะ หนูมีวิธีที่จะช่วยทุกคนแล้ว หนูค้นเจอเวทเคลื่อนย้ายในตำรา ที่ท่านเวทจิ้งจอกได้ให้ไว้ แม่โทรหาพี่ บอกให้พี่เข้าไปอยู่ในห้องพัก เดี๋ยว หนูจะวาดอักขระตรงหน้าประตูบ้านเรา ให้เชื่อมต่อกับที่พักของพี่ชาย” หลังจากที่แม่เธอได้ฟังที่เธอบอกแล้ว ก็ได้โทรหาพี่ชายของเธอ เพื่อบอกว่าเธอมีทางทำให้พี่กลับมาบ้านได้แล้ว หลังจากที่พี่ตงหยางได้รู้ว่าเธอจะทำสิ่งไหน เขาก็เดินออกมาจากหน้าประตูห้องพักของเขา หลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ซูเมิ่งก็ได้เอามือวาดบนประตูที่บ้านของเธอ และตั้งจิตว่าจะให้ประตูนี้เชื่อมต่อกับที่ไหน แล้ววาดอักขระเชื่อมต่อลงไป หลังจากที่เธอวาดอักขระจบแล้ว หน้าประตูบ้านของเธอก็มีแสงสว่างขึ้นมา ทำให้รู้ว่าการสร้างอักขระครั้งแรกของเธอเป็นผลสำเร็จหลังจากที่เธอทำสำเร็จแล้ว เธอก็ได้เปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อไปพาพี่ชายกลับมาที่บ้าน เธอเปิดประตูเข้ามาที่ห้องของพ
“นายท่าน พวกเราได้ไปตรวจดูบริเวณโดยรอบแล้ว ไม่มีร่องรอยของคนอื่นเลยขอรับ” “เฝ้าระวังต่อไป อย่าเพิ่งวางใจพวกเราเดินทางกันสะดวกเกินไป” เขาสั่งงานกับลูกน้องที่เขาไว้ใจพาเดินทางมาด้วยสามสิบคน เป็นคนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ที่สุดแล้ว“โอ้ย! ปวดท้อง ข้าปวดท้องเหลือเกิน!” ซีห่าวได้ยินเสียงร้องของภรรยา ก็รีบเข้ามาดู“น้องจะคลอดแล้วหรือ เราหยุดพักรถม้ากันตรงนี้ก่อน พวกเจ้าไปเตรียมก่อไฟและต้มน้ำ แม่นมภรรยาข้าเป็นอย่างไรบ้าง” “เด็กกลับหัวพอดีเลยคะนายท่าน ดูท่าจะคลอดง่าย” เขาได้ฟังที่แม่นมรายงานก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น และเตรียมสิ่งของที่หมอตำแยได้บอกให้เตรียมไว้ เขาได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากในรถม้า“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรง นายหญิงปลอดภัยดีเจ้าคะ” หลีซีห่าวได้ฟังรายงานจากแม่นม เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขามองขึ้นไปบนฟ้า เป็นคืนที่พระจันทร์ทรงกลดพอดีกระสุนปืนยิงเข้ามาที่รถม้าของพวกเขา ในช่วงที่พวกเขาลดการระวังตัว“มีคนร้ายทุกคนกันนายหญิงให้ดี” เขารีบสั่งลูกน้องให้เข้าปกป้องลูกและภรรยาที่อยู่ในรถม้าก่อน หน้าของลูกเขาก็ยังไม่ทันได้เห็นเลย“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นด้านนอก ท่านปลอดภ
เวลาผ่านไปหลายปี จิ้งจอกน้อยตามหาเจ้านายของเขาไปทั่วทุกหนแห่งแต่ก็ไม่พบ อยู่มาวันหนึ่งพวกเขาบังเอิญได้มาที่สระบัวแห่งหนึ่ง และพบกับดอกบัวที่มีพลังงานหนาแน่นเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงเก็บดอกบัวสีขาวที่มีสีแดงตรงปลาย ดอกบัวดอกนี้ให้ความคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างมาก เหมือนว่าเจ้าดอกบัวนี้ จะเป็นสิ่งที่พวกเขาตามหาอยู่ พวกเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ตอนที่พวกเขากำลังเข้าไปจับที่ดอกบัวดอกนั้น จิ้งจอกน้อยรู้สึกว่าดอกบัวกำลังดีใจที่ได้พบกับพวกเขา และพวกเขาก็สามารถเก็บดอกบัวไปปลูกได้อย่างง่ายดาย จิ้งจอกสองหัวรู้สึกแปลกใจกับความง่ายดายนี้ ถ้าเป็นพืชที่วิเศษ จะต้องใช้แรงกายในการเอาสิ่งนั้นมาได้ยากมาก แต่ดอกบัวดอกนี้ยินยอมที่จะไปอยู่กับพวกเขาเอง พวกเขานำดอกบัวไปปลูกไว้ที่สระน้ำแห่งชีวิต ตั้งแต่ที่ได้นำดอกบัวเข้ามาปลูก พลังงานบริสุทธิ์ภายในมิติยิ่งเพิ่มมากขึ้น และสระน้ำแห่งชีวิตก็บริสุทธิ์มากขึ้นเช่นกันเวลาผ่านไปหลายปี จนถึงปีหนึ่งที่พวกเขากำลังนั่งจำศีลกันอยู่พวกเขาได้ปล่อยจิตรับรู้เอาไว้ อีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขาจะต้องไปทำงานที่เจ้านายได้สั่งไว้ก่อนที่จะหายตัวไป“เสี่ยวปิง แล้วพวกเราจะต้องไปช่วยเด
มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เธออาศัยอยู่ในป่าลึกพร้อมกับเพื่อนคู่ใจ เป็นจิ้งจอกตัวน้อยสองหัว ที่เธอได้ช่วยเหลือไว้ตอนที่แม่ของพวกมันถูกฆ่าตาย เธอตั้งชื่อให้ทั้งสองหัวว่า เสี่ยวเฟิง และเสี่ยวปิง จิ้งจอกน้อยทั้งสองตัว ติดตามเธอคอยช่วยเหลือและเฝ้าดูแลพื้นที่ในมิติแทนเธอ ผู้เป็นเจ้าของในที่แห่งนี้จิ้งจอกน้อยอยู่กับนายของมัน เธอเป็นหญิงสาวที่เงียบขรึม ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ชีวิตในแต่ละวันของเธอ ก็จะอยู่ภายในมิติมากกว่าอยู่ด้านนอกมิติ เธอชอบคิดค้นยาหรือหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาปลูกภายในมิติอยู่เสมอ พวกเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งที่เจ้านายได้นำเข้ามาปลูกด้วยเช่นกัน“เจ้าจิ้งจอกน้อย อย่าไปเล่นซนกับต้นสมุนไพรของข้าละ สมุนไพรชนิดนี้สำคัญมาก และก็มีราคาที่แพงด้วย” “พวกข้าจะไม่ไปเล่นซนตรงนั้นอย่างแน่นอน ข้าแค่สงสัยกลิ่นของสมุนไพรแปลกๆ พวกนี้” “ดีแล้วเด็กดีตัวน้อย” หญิงสาวอุ้มจิ้งจอกสองหัวขึ้นมากอด และก็เกาไปที่พุงของพวกมันเบาๆจิ้งจอกน้อยทั้งสองตัวมีความสุขกับเจ้านายของพวกมันมาก และพวกมันก็รักเจ้านายคนนี้มากด้วยเช่นกัน ตอนที่พวกเขาได้พบเจอกับเจ้านายคนนี้ พวกเขาก็เกือบจะตายกันไปแล้ว อยู่มาวัน
“เด็กน้อยของแม่ ลูกหน้าเหมือนพี่เฟยหรงเลยนะคะ” เธอเอานิ้วถูไปที่แก้มลูกเบาๆ“ตอนนี้ยังดูไม่ค่อยออกหรอกว่าหน้าเหมือนใคร ต้องรอไปสักสองถึงสามเดือนถึงจะดูออก” ซูซ่านพูดบอกลูกสาวของเธอไป" อ่อ แบบนี้นี่เอง " เธอเล่นกับลูกอีกสักพัก ลูกเธอก็ร้องขึ้นมา เธอต้องส่งลูกให้คุณพยาบาลพาไปป้อนนม เพราะน้ำนมเธอยังไม่มากพอให้เด็กทั้งสองคนได้กินทั้งครอบครัวของเธอและคุณปู่เห็นว่าเธอและลูกปลอดภัยหายห่วงแล้ว ก็พากันกลับบ้าน เหลือแค่เธอกับพี่เฟยหรงแค่สองคนเท่านั้น“เหนื่อยไหมครับคนเก่ง” เฟยหรงเอาผ้าชุบน้ำนำมาเช็ดหน้าและเช็ดตามตัวของภรรยา เพื่อให้เธอได้นอนพักผ่อนอย่างสบายตัว“มีคนดูแลดีแบบนี้น้องหายเหนื่อยไปตั้งนานแล้วค่ะ” เธอนอนให้สามีคอยเช็ดตัวให้ เพราะเธอยังรู้สึกเจ็บแผลที่คลอดอยู่มาก“พี่เช็ดตัวให้น้องจะได้นอนหลับอย่างสบายนะครับ คืนนี้พยาบาลบอกว่าให้น้องนอนพักได้เลย พรุ่งนี้ถึงจะพาลูกมาให้เราฝึกดูแล” “ดีเหมือนกัน น้องคงดูแลไม่ไหวแน่วันนี้น้องขอนอนพักก่อนนะคะ” เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วก็นอนหลับไปเพราะยาที่ได้กิน และความเหนื่อยล้าจากร่างกาย เฟยหรงนั่งเฝ้าภรรยาและตัวเขาก็หลับไปพร้อมกันเวลาผ่านไปหล
หลังจากที่เธอได้ไปฝากครรภ์ ตอนนี้ก็ผ่านมาห้าเดือนแล้ว ท้องของเธอใหญ่มาก ใหญ่เกินไปด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะท้องลูกคนแรก หรือเธอจะท้องลูกแฝดหรือเปล่า เพราะเธอท้องใหญ่เกินกว่าจะท้องลูกคนเดียว ช่วงนี้เธอว่างเกินไปจริงๆ ตั้งแต่ที่เธอท้องพี่เฟยหรงก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลยวันๆ เธอมีหน้าที่แค่กินและนอนเท่านั้น เธอบันทึกประจำวันในแต่ละวันว่าทำอะไรบ้างลงในสมุดการตั้งครรภ์ ทุกเดือนเธอต้องแบกท้องกลมโตไปให้หมอตรวจ หมอก็บอกเธอว่าอาจจะได้ลูกแฝด เสียดายที่ไม่มีเครื่องตรวจ เธอก็เลยไม่รู้ว่าลูกเธอเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายกันแน่ แต่ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชาย เธอก็รักเด็กคนนี้เสมอ“พ่อกลับมาแล้วครับ วันนี้เด็กน้อยดื้อกับแม่หรือเปล่าครับ” พี่เฟยหรงกลับบ้านเร็วทุกวัน เพราะกลัวว่าเธอจะอยู่คนเดียวที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ทุกครั้งตอนกลับถึงบ้านพี่เฟยหรงก็จะเข้ามาจูบที่ท้องของเธอ และเล่นกับลูกในท้อง เด็กน้อยทั้งสองเหมือนว่าจะรู้ว่าพ่อเขามาเล่นด้วย ก็จะดิ้นทักทายตอบกลับพี่เฟยหรงทุกครั้ง ทำให้เธอเจ็บท้องไปหมด แต่เป็นความเจ็บปวดที่เธอมีความสุขตอนนี้เข้าเดือนที่แปดแล้ว เธอมานอนอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่เพราะกลัวว่าเธอจะปวดท้
“ไม่โกรธคะ แต่เป็นห่วงมากกว่ากลัวว่าพี่จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วคราวหน้าถ้าพี่เฟยหรงจะกลับบ้านช้า หรือทำอะไรที่เป็นอันตรายจะต้องบอกน้องไว้ก่อนนะคะ อย่าหายไปแบบนี้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นน้องจะโกรธพี่เฟยหรงจริงๆ ด้วย” “ได้ครับ ครั้งหน้าพี่จะรายงานภรรยาตัวน้อยของพี่ทุกอย่าง จะไม่ลืมเลย” เธอหยอกล้อเล่นกับสามีอยู่ พี่เฟยหรงก็ทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนอยากจะอ้วกขึ้นมา“พี่เฟยหรงเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” “พี่ไม่ได้เป็นอะไร แค่ช่วงนี้พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและอยากจะอ้วกอยู่บ่อยๆ ” หรือพี่เฟยหรงจะแพ้ท้องแทนเธอกัน เขาว่าถ้าคนไหนรักเมียมากก็จะแพ้ท้องแทนเมีย เธอไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่พี่เฟยหรงก็รักเธอจริง“พี่อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ หรือเปล่า” “ใช่แล้วพี่รู้สึกอยากกินของเปรี้ยวมากเลย” “ถ้าแบบนั้น เดี๋ยวน้องต้มน้ำแกงใส่ผักกาดดองให้พี่ดีไหม ที่บ้านเรายังมีลูกท้ออยู่ เดี๋ยวน้องจะไปเตรียมไว้ให้ พี่นอนพักก่อนก็ได้นะคะ ถ้าน้องทำเสร็จแล้วจะเอามาให้ที่เตียง” เธอลุกเดินไปล้างหน้า และเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อไปเตรียมอาหารให้คนแพ้ท้องแทนเมียกิน ดีที่แม่ได้เตรียมผักกาดดองมาให้เธอเมื่อวานนี้
“ช่วงนี้หนูไม่ได้ไปหาหมอเลยคะ แต่อาการแบบนี้จะเป็นทุกครั้งหลังจากที่หนูฝึกพลังเวทเสร็จนะคะ” “ท้องหรือเปล่าลูก ตอนแม่ท้องแม่ก็อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ เหมือนกัน” หรือเธอจะท้องกัน เพราะประจำเดือนของเธอเลยกำหนดมาหลายวันแล้ว“หนูก็ไม่รู้ค่ะ เอาไว้หนูจะลองตรวจดู” “พ่อว่าท้องก็ดี เฟยหรงจะได้สมใจอยากสักที สามีลูกมาบ่นให้พ่อฟังตลอดเลย มาถามหาเคล็ดลับอะไรก็ไม่รู้กับพี่ชายของลูกด้วย” “พี่เฟยหรงทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ สงสัยจะอยากมีลูกมากจริงๆ ไม่แน่หนูอาจจะท้องก็ได้นะคะ” “ระบบก็อยู่กับลูก ก็ลองซื้อมาตรวจสะตอนนี้เลย แม่จะได้ช่วยดูด้วย” “ก็ได้ค่ะ” เธอเปิดระบบร้านค้าขึ้นมาดู แล้วเลือกไปที่ตรวจการตั้งครรภ์ เธอเลือกเอาที่ตรวจง่ายๆ มาสองอัน เพื่อป้องกันความผิดพลาด เธอกดจ่ายแต้มในมิติไป สองร้อยแต้ม ตอนนี้แต้มในมิติที่เคยมีอยู่ก็ยังใช้ได้เหมือนเดิม แต่ถ้าอยากมีแต้มที่มากขึ้น เธอจะได้แต้มนี้มาจากการขายของในระบบ ก็คือหาของมาขายให้ระบบอีกที เธอถึงจะได้แต้มมาซื้อของในร้านค้า เพราะเธอไม่ได้เปิดร้านค้าออนไลน์อีกต่อไปแล้ว ระบบเลยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ที่เธอเป็นอยู่“ได้มาแล้วค่ะแม่ หนูจะเอาไปตรว
“นี่เฟยหรงใช่ไหม” หงเปาร้องเรียกชายหนุ่มที่อยู่ตรงทางออกประตูด้านหน้าเขา“ผมเฟยหรงเองครับท่านผู้ช่วย ตอนนี้ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับท่านผู้นำ ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านทำอะไรอยู่” “ตอนนี้ท่านผู้นำท่านได้พาทุกคนออกไปด้านนอกแล้ว” “แสดงว่า ที่ใต้ดินแห่งนี้มีทางออกหลายทางเหรอครับ” “ใช่แล้ว นายไม่เคยอยู่ในเมืองใต้ดินแห่งนี้ นายคงไม่รู้ว่ายังมีทางออกเชื่อมไปตามเมืองต่าง ๆ อีก” “ที่ผมจะคุยกับท่านก็เรื่องที่พื้นดินด้านบน สามารถอยู่ได้แล้ว ถ้าตอนนี้ท่านรู้แล้ว ผมขอกลับไปหาครอบครัวของผมก่อนนะครับ พวกเราต้องสร้างบ้านหลังใหม่” “ถ้านายทำเรื่องทางฝั่งของครอบครัวนายเสร็จแล้ว ก็มาพบกับท่านผู้นำอีกครั้งก็แล้วกัน ฉันจะบอกท่านไว้ให้” “ขอบคุณมากครับ” เฟยหรงพูดพร้อมกับความสบายใจ และได้เร่งเดินทางกลับมาหาครอบครัวของเขา“พี่เฟยหรงไปไหนมาคะ” ซูเมิ่งถามสามีของเธอออกไป เธอไม่เห็นเฟยหรงตั้งแต่เช้าแล้ว“พี่ไปแจ้งเรื่องท่านผู้นำมา แต่ไม่เจอท่าน” “อ่อ เรื่องนี้นี่เอง พี่น่าจะถามฉันก่อนนะคะ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา ที่สามีของเธอใจร้อน ไปหาท่านผู้นำครั้งนี้ พี่เฟยหรงคงจะไปไม่พบกับท่านผู้นำแน่เฟยหรงเขาก็
“ เจ้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับข้ากัน” เฟยฉีดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอด เขาได้พบเจอเสียที “ผมน่าจะเคยรู้จักท่านเทพมาก่อนครับ ผมได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานมากแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ผมได้เป็นเด็ก ท่านเทพใช่คนเดียวกันกับ คนที่เอาเด็กน้อยและบันทึกตระกูลมาวางไว้ที่หน้าบ้านผม เมื่อครั้งนั้นใช่ไหมครับ ““เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นพวกข้า” “ผมแค่รู้สึกได้ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยที่ออกมาจากตัวเด็กที่ท่านได้วางไว้เมื่อครั้งนั้น” ใช่แล้ว วันนั้นเป็นเศษเสี้ยวดวงจิตของพวกเขาเอง ที่ได้ทิ้งไว้ส่วนหนึ่งก่อนที่จะจำศีล เพื่อที่จะทำตามคำขอของเจ้านายคนเก่า ให้เอาเด็กน้อยไปวางไว้ที่หน้าบ้านของเขาคนนี้ ตามคำสั่งของเจ้าของมิติคนก่อน“ใช่แล้ว เป็นพวกข้าเองที่นำเด็กไปวางไว้ เจ้าของมิติคนเก่าของข้าได้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ พวกข้าก็แค่ส่งคืนญาติของเด็กที่น่าสงสารเท่านั้นเอง” “เจ้าของมิติคนเก่าของท่านก็ฝันเห็นนิมิตเหมือนกันใช่ไหมครับ ผมเคยได้ยินว่าถ้าฝึกเวทผ่านไปจนถึงขั้นสูงสุดจะฝันเห็นนิมิตได้” “สิ่งนั้นก็เป็นเรื่องจริง เจ้าของมิติคนเก่าของข้า แค่บอกว่า โชคชะตาจะนำพาให้พานพบกันอีกครั้ง ทุกสิ่งที่เกิด