หลังจากที่ทุกคนทำสิ่งต่างๆ เสร็จแล้ว พ่อของเธอบอกว่าจะมีช่างเข้ามาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แม่ก็เลยคิดว่าจะเตรียมอาหารให้ช่างที่จะมาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในวันนี้
กริ้งๆ กริ้งๆ เสียงคนกดออดที่หน้าบ้าน “ใครมา ช่างมาติดตั้งหรือเปล่าไปดูหน่อยซีซวน” “ช่างมาแล้วแม่จะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “สวัสดีครับ พวกผมเป็นทีมงานติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ครับ ที่คุณเซียวกังได้ติดต่อไว้” “พ่อๆ มาดูช่างหน่อยว่าจะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “เดียวให้ติดตั้งตรงหลังคาทั้งหมดเลยนะครับ ว่าแต่ทางคุณรับงานแค่ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อย่างเดียวเหรอ หรือมีรับงานอย่างอื่นด้วย” “ทางบริษัทของเรามีรับทำ เรือนกระจกและทำกำแพงบ้านด้วยครับ” “ผมอยากทำกำแพงบ้านที่มีอยู่ให้แข็งแรงทนทานกว่านี้ พอจะมีแบบให้ดูไหมครับ” “มีครับเป็นแบบอิฐ และที่ทนทานสุดๆ ก็มีแบบอะลูมิเนียมและแบบเหล็กครับ แต่บ้านส่วนมากก็จะทำเป็นแบบอิฐนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเซียวกังสนใจแบบไหนครับ” “ผมอยากได้เป็นแบบเหล็ก พอจะติดตั้งได้เมื่อไหร่” “เดียวผมโทรถามทางบริษัทก่อนนะครับ” หลังจากช่างคุยกับพ่อของเธอเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ส่วนหัวหน้าช่างก็กำลังโทรถามเรื่องการติดตั้งรั้วที่พ่อเธอต้องการ “ซูเมิ่งมาช่วยแม่ทำกับข้าวหน่อย เราไม่ต้องไปดูเขาหรอก “ “ได้ค่า” ซูเมิ่งไปช่วยแม่เธอทำอาหารในครัว ซึ่งมีแกงและผัดผักมีเนื้อ มีแกงไก่ กับข้าววันนี้มีหลายอย่างเชียว ตอนที่เธอช่วยแม่เธอทำอาหาร เธอได้นำน้ำจากในมิติ แอบเอามาเติมในอาหารแต่ละอย่างที่ทำด้วย ทุกคนจะได้หายเหนื่อย หลังจากที่เธอช่วยแม่ทำอาหารเสร็จแล้ว เธอก็ไม่ได้ออกไปดูช่างติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ต่อ มีแค่พ่อพี่ชาย และซีซวนที่คอยดูช่างเท่านั้น เธออยู่ว่างๆ ว่าจะเข้าไปดูผักและผลไม้สักหน่อย เธอเข้ามามิติ ก็ได้เดินมาดูผัก และผลไม้ที่เธอได้ปลูกไว้ ยังคงน่ากินเหมือนเดิม ผลไม้ที่สุกก็ไม่ได้แก่จนเกินไป ยังคงสภาพเหมือนเดิม ถ้าไม่มีคนเก็บแบบนี้ก็ดีสิ เผื่อเธอเก็บไม่ทัน ผักและผลไม้จะได้ไม่เสียหาย เธอลืมเอาตะกร้ามาเก็บพวกผักและผลไม้อีกแล้ว ลองไปดูในบ้านดีกว่าเผื่อมีตะกร้า เธอเดินเข้ามาในบ้านก่อนถึงห้องเก็บของ เธอเจอกับ ตำราที่ท่านเทพจิ้งจอกได้ทิ้งไว้ให้เธอ เธอนึกว่าตัวเองเอาเก็บไปแล้ว เดี๋ยวค่อยเอาไปเก็บแล้วกันไปหาตะกร้าก่อน เธอเดินไปในห้องเก็บของพร้อมตำราเล่มนั้น มีตะกร้าอยู่ด้วย แต่ทำไมมันอยู่สูงแบบนี้ เธอจะขึ้นไปเอาได้ยังไง เธอลองมองไปรอบๆ พบกับเก้าอี้หนึ่งตัววางอยู่ คงใช้ได้นะ เธอยกเก้าอี้ที่ตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่ เอาไปวางตรงที่เธอจะยืน เพื่อจะขึ้นไปเอาตะกร้า เธอขึ้นไปบนเก้าอี้ไม้ตัวนั้น แต่ตะกร้าก็ยังอยู่สูงอยู่ดี ใครเก็บตะกร้าสูงแบบนี้เนี่ย จะไม่ให้เธอใช้เลยใช่ไหม ซูเมิ่งเอื้อมสุดมือเพื่อหยิบตะกร้า เกือบได้แล้ว อีกนิดน่า เธอคว้าตะกร้าได้ แต่อยู่ดีๆ ขาเก้าอี้ที่เคยมั่นคงก็หักลง ทำให้เธอตกลงมาที่พื้นมือของเธอก็ไปเกี่ยวกับขาเก้าอี้ทำให้มีเลือดออก เลือดของเธอหยดลงบนตำราที่เธอทำหล่นไว้อยู่พอดี หลังจากหนังสือเล่มนั้นได้ถูกเลือดของซูเมิ่งที่หยดลงมานั้น ก็เกิดเป็นแสงสว่างออกมา แต่แค่เพียงแป๊บเดียวเท่านั้น ทำให้ซูเมิ่งที่ไม่ทันได้สนใจ เพราะมัวตกใจกับตัวเองที่ตกเก้าอี้อยู่ เจ็บจริงๆ เลย ตัวเธอก็ไม่ใหญ่ ทำไมเจ้าเก้าอี้นี้ถึงหักลงมาได้ ค่อยดูนะเธอจะไปซื้อเก้าอี้ที่ทนกว่านี้เอามาไว้ในมิติแทนเจ้าเน่านี้เลยค่อยดู เธอพูดกับตัวเองด้วยความโมโห เธอหันไปเห็นตำราที่เธอถือมา ‘ตำราเปื้อนเลือดหมดเลย’ เธอเอามือไปเช็ดเลือดที่เปื้อนตรงตำราเล่มนั้นออก เธอลุกขึ้นเก็บเก้าอี้และถือตำรา พร้อมกับตะกร้าต้นเหตุของเรื่องออกมา เธอเอาตะกร้าไปเก็บผัก และผลไม้เผื่อนำออกไปรับแขก ให้ช่างที่มาทำงานวันนี้กิน คงจะไม่เป็นไรหรอกนะ เธอออกมาด้านนอก เธอลืมเก็บตำราเล่มนี้ เผลอถือติดมือออกมาจนได้ เธอเอาตำราเล่มนั้นวางไว้บนเตียงและถือตะกร้าออกไปด้านนอก “ถืออะไรมา” แม่ถามเธอ “เป็นผลไม้กับผักในมิติค่ะ ลองเอามาให้ช่างกินดู เอาให้ช่างกินได้ใช่ไหมคะ” “ถ้าให้ไม่เยอะก็ได้อยู่ แบ่งๆ กันกินคงไม่เป็นไรหรอก” “แล้วนี่ช่างติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เสร็จหรือยังคะ” “ใกล้เสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีก นิดหน่อย” “นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว เอาอาหารไปให้ช่างด้วยนะ แล้วเรียกพ่อกับทุกคนเข้ามากินข้าวด้วย” หลังจากที่เธอรับปากแม่แล้วก็เตรียมอาหารที่ได้ทำวันนี้ นำออกไปให้ช่างได้กิน พร้อมทั้งยกตะกร้าผลไม้ เอาไปให้ช่างได้ลองกินด้วย “ถืออะไรมานะเรา" พี่ชายถามเธอ "เอาอาหารกลางวันมาให้ทุกคนค่ะ" “ขอบคุณมากนะครับ เกรงใจมากเลย” “นี่เป็นผลไม้ค่ะ” ซูเมิ่งพูดพร้อมยื่นตะกร้าผลไม้ให้ช่างได้ลองกิน “กินได้เต็มที่เลยนะครับ บ้านผมซื้อมาเยอะ ถ้ากินไม่หมดนำกลับไปกินที่บ้านได้เลย” “ขอบคุณมากเลยครับ แค่นี้พวกผมก็เกรงใจมากแล้ว ส่วนเรื่องรั้วที่คุณเซียวกังอยากจะทำ ที่โรงงานมีของพอดีครับ เดี๋ยว พรุ่งนี้พวกผมจะเข้ามาทำให้” “ดีเลยครับ ผมอยากให้รั้วบ้านเสร็จเร็วๆ ถ้าเพิ่มคนทำได้ไหม เพราะเดี๋ยวครอบครัวผมจะต้องกลับบ้านกันแล้ว” “ถ้าแบบนั้นเพิ่มอีกสองคนดีไหมครับ รวมทีมงานวันนี้ก็เป็นห้าคน น่าจะพอสำหรับทำรั้วให้เสร็จภายในสองวันนี้” “ถ้าแบบนั้นก็ดีเลยแต่ของานเร็ว แต่รั่วบ้านต้องทนทานทุกสภาพอากาศนะครับ” เซียวกังคุยกับช่างอีกสักพักก็ออกมานั่งกินข้าวกับคนในครอบครัว และแจ้งเรื่องที่ พรุ่งนี้ช่างจะเข้ามาทำรั้วบ้าน ให้ทุกคนได้รับรู้ “คุณเซียวกังครับ พวกผมติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เสร็จแล้วนะครับ เดี๋ยว พวกผมจะขอกลับก่อนเลยแล้วกัน ขอบคุณสำหรับอาหารและผลไม้ด้วยนะครับ อร่อยมาก โดยเฉพาะผลไม้ผมไม่เคยกินผลไม้ที่ไหน อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย” พ่อเธอยิ้มแต่ก็บอกไปแค่ว่าซื้อมาจากที่อื่น แม่ของเธอนำผลไม้ใส่ถุงอย่างละนิด ละหน่อยนำไปให้ช่างคนละหนึ่งถุง แม่บอกช่างว่า ซื้อมาเยอะกลัวจะกินไม่หมด จะเน่าเสียก่อน แบ่งๆ กันเอาไปกิน หลังจากที่ช่างได้รับผลไม้กันคนละหนึ่งถุงแล้ว ก็ขับรถพากันกลับบ้าน “เจ้าของบ้านที่นี่ดีมากเลยนะหัวหน้า เลี้ยงข้าวแล้วยังแบ่งผลไม้ให้พวกเรากินอีกด้วย แถมผลไม้นี้ยังอร่อยมาก กินแล้วรู้สึกสดชื่น” “นั่นสิ ตอนแรกที่ผมกิน ความเหนื่อยล้าที่ทำงานมาก็รู้สึกว่าหายไปทั้งหมด” “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะลองถามคุณเซียวกังสักหน่อยว่าซื้อมาจากที่ไหน เผื่อวันหลังอยากกินจะได้ไปซื้อบ้าง” หลังจากช่างคุยกันเสร็จแล้ว ต่างคนต่างคิดว่า อยากกินผลไม้พวกนี้อยู่ตลอด ถึงจะได้เป็นของตอบแทนมาแล้ว แต่ถ้าอยากกิน ก็จะได้รู้แหล่งที่ซื้อไว้ก็ยังดี ซูเมิ่งเดินเข้ามาในห้องเธอ เธอมองเห็นตำราที่มีรอยเลือดของเธอ วางอยู่บนเตียง เธอหยิบตำราเล่มนั้นมาเปิดดู ตัวหนังสือที่ไม่คิดว่าจะมีในตำราเล่มนั้นตอนนี้กลับมีขึ้นมา เธอลองเอามือไปรูปตัวหนังสือ ตัวหนังสือที่ตอนแรกอยู่บนหน้ากระดาษ ก็ค่อยๆ ลอยขึ้นๆ แล้วพุ่งเข้ามาใส่หัวของเธออย่างเร็ว ตัวหนังสือเรียงตัวกันเข้ามาในหัวของเธอจนหมดทั้งเล่ม ทำให้เธอรู้สึกเวียนหัว เพราะต้องปรับตัวกับตัวหนังสือมากมายที่อยู่ในหัวของเธอตอนนี้นี่มันภาษาอะไรกัน แต่เธอทำไมอ่านออกแล้วเข้าใจล่ะ เธอยังไม่หายสงสัย ในหัวของเธอก็เกิดเป็นภาพของท่านเทพจิ้งจอกขึ้นมา“ท่านเทพจิ้งจอกสิ่งนี้คืออะไร ตัวหนังสือพวกนี้ทำไม่ท่านถึงทิ้งไว้ให้ข้า แล้วมันคือตำราเกี่ยวกับอะไรกัน” เธอถามคำถามที่คาใจกับท่านเทพจิ้งจอกออกไป“ใจเย็น ค่อยๆ ถาม ที่ข้ามาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะบอกเจ้านี่ไง ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร และทำอะไรได้บ้าง ถ้าตอนนี้เจ้าเห็นข้าแสดงว่าเจ้าได้ครอบครองตำราเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตัวหนังสือที่เจ้าได้รับสืบทอดไปเรียกว่า ตำราอักขระ ที่ได้สืบทอดสำหรับผู้สร้างเท่านั้น ถึงจะครอบครองมันได้ ตอนนั้นที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้า มีพลังไม่มากพอที่จะได้บอกเจ้า พวกข้าเลยทิ้งจิตส่วนหนึ่งเอาไว้ใน ตำราเล่มนี้” “แล้วสิ่งนี้มันทำอะไรได้บางท่านเทพ” “เจ้าก็ลองอ่านสิ่งที่เจ้าได้ไปสิ แล้วเจ้าจะเข้าใจมันเอง ข้าไปล่ะแล้วเจอกัน อีกไม่นานพวกข้าจะออกมาพบเจ้าอีก” “เดียวท่านเทพจิ้งจอก “ทิ้งข้าไปอีกแล้ว ทำให้ข้าสับสนแล้วท่านก็จากไปทุกทีเลย แต่น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเราแน่นอนหลังจากที่เธอได้พูดคุยกับท่านเทพจิ้งจอกไปแล้ว เธอก็ได้ตั้งจิต เข้าไปตรวจสอบอักขระ
และการที่เธอเลื่อนระดับในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ความลับ ของผลเวทสีรุ้งนี้ สิ่งนั้นก็คือ ถ้าเธอเพิ่มพลังเวทในร่างกายให้เป็นสามขั้น ของทุกเวท เธอจะสามารถขอพรอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง เธอคิดออกแล้วว่าสิ่งที่จะขอนั้นคืออะไร แต่ตอนนี้ สิ่งที่ยากกว่า เธอจะทำอย่างไรให้พลังเวททั้งสี่เวทในร่างของเธอ เลื่อนระดับไปถึงสามระดับได้ทั้งหมดกันเธอนึกออกแล้ว เธอมีตัวช่วยนิ มิตินี่ไง คือตัวช่วยที่ดีที่สุดของเธอ ทรัพยากรต่างๆ ที่ใช้ในการเลื่อนพลัง ก็อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว หลังจากที่ซูเมิ่งเพิ่งเลื่อนพลังไป เธอก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ เธอต้องทำให้เวทอีกสามเวทเป็นขั้นที่หนึ่งครบทุกเวทเสียก่อน เธอปรับเวลาในมิติ ให้เวลาข้างในเร็วกว่าข้างนอก ข้างในมิติผ่านไปหนึ่งเดือนข้างนอกจะผ่านไปหนึ่งวันหลังจากที่เธอมุ่งมั่นอยู่กับการเลื่อนระดับพลัง เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนในมิติ แต่ด้านนอกผ่านไปแค่สิบกว่าวันเท่านั้น เธอก็สามารถเลื่อนพลังทั้งสี่เป็นขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว เราเลื่อนระดับหนึ่งทั้งสี่เวทได้สำเร็จแล้ว เธอดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ ทั้งพลังเวทดิน น้ำ พฤกษา และเวทไฟ เธอใช้อย่างชำนาญทั้งหมดแล้ว เธอทั้งฝึกพ
“ตกลงครับ ผมขอซื้อทั้งหมด ถ้าคุณหงส์มีหินหยกแบบนี้อีกนำมาขายให้ผมได้นะครับ สำหรับหินหยกสองก้อนนี้ผมให้ราคาอยู่ที่…..ก้อนละสามล้านหยวน แต่สำหรับหินชิ้นสีเขียวผมให้ราคา ที่มากกว่าเพราะเป็นหินที่คุณภาพดีกว่ามาก ผมให้ราคาอยู่ที่สิบห้าล้านหยวน คุณหงส์พอใจกับราคานี้หรือเปล่าครับ” เธอไม่คิดว่าราคาหินหยก ที่เธอได้นำมาขายในวันนี้ จะได้ราคาที่สูงมากขนาดนี้ ถ้าตอนไหนที่เธอขาดเงินเธอก็สามารถนำหินที่อยู่ในมิติไปขายก็รวยแล้ว “พอใจกับราคาที่คุณจางเสนอให้มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณหงส์พอใจผมก็ดีใจครับ เพราะทางเราได้ให้ราคาที่สูงที่สุดแล้ว ถ้าคุณหงส์ยังมีหินหยกอีก ผมรับซื้อทั้งหมดนะครับ” เขายินดีที่จะให้ราคาสูงกับลูกค้าคนนี้ เพื่อการซื้อขายในอนาคต“ถ้าแบบนั้นเรามาทำสัญญาซื้อขายกันเลยไหมครับ” “ได้ค่ะ ถ้าฉันมีหินหยกอีก ฉันจะนึกถึงร้านคุณจางเฟินเจินแน่นอนค่ะ” หลังจากที่เธอได้ทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ไหนๆ เธอก็ออกมาข้างนอก เธอคิดว่าจะไปดูรถบ้านสักหน่อย เธออยากได้มานานแล้วหลังจากที่จางเฟินเจิน ได้ส่งลูกค้าออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเอาหินเวทที่เพิ่งได้รับวันนี้ ไปมอบให้เจ้าของร้านที่แท้
“แต่ที่ลูกพูดก็ถูกนะคุณ พี่ชายคุณเขาก็โตแล้ว เขาต้องเลี้ยงดูลูกกับครอบครัวเขาเองได้แล้ว ไม่ใช่อะไรๆ ก็มาพึ่งแต่พวกเรา ครอบครัวเรามีตั้งหลายชีวิต หวังว่าคุณคงไม่บอกว่าพวกเราจะไปอยู่บ้านบนเขานะ เราช่วยได้เท่าที่ช่วยเถอะ ไม่ใช่ว่าฉันเห็นแก่ตัวหรอกน่ะ แต่ฉันก็ทำเพื่อลูกของฉันเหมือนกัน แล้วคุณล่ะ ทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อคนอื่นมากกว่าครอบครัวของเรา” แม่เธอพูดเสร็จแล้วก็เข้าห้องไปอีกคน แม่เธอคงโกรธมากที่พ่อของเธอใจอ่อนแบบนี้ ในเมื่อคนอื่นพูดไปหมดแล้ว เธอก็จะไม่พูดอะไรอีก เธอก็รู้สึกสงสารพ่อของเธอเหมือนกัน อีกฝั่งก็ครอบครัว อีกฝั่งก็พี่น้อง“แล้วเราล่ะ คิดว่าพ่อคนนี้แย่หรือเปล่า” “พ่อ เป็นพ่อที่เท่สำหรับหนูเสมอค่ะ หนูเข้าใจพ่อนะคะ แต่พ่อต้องมองความเป็นจริงด้วย ลุงเซียวเอินก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ หนูเข้าใจพ่อนะคะ” เธอพูดจบแล้วก็เข้าไปกอดพ่อของเธอ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไปอีกคนหลังจากที่ครอบครัวของเขาแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เซียวกังก็นั่งทบทวนตัวเองอยู่คนเดียวอีกสักพัก ก็เดินกลับเข้าห้องไปง้อ ภรรยาของเขา ก่อนเข้าห้องได้เดินไปหน้าห้องของลูกสาวแล้วเคาะประตูบอกให้เธอ ลงไปเก็บรถบ้านเข้ามิติด้วยเธอ
เธอค้นเจอในความทรงจำ เกี่ยวกับอักขระ มีการเขียนเกี่ยวกับเวทเคลื่อนย้ายอยู่ ซึ่งอักขระชนิดนี้นั้น สามารถทำให้เธอไปที่ไหนก็ได้ ที่เธอเคยไป และถ้าเธอวาดอักขระบนสิ่งของอะไร เธอก็สามารถทำให้สิ่งของนั้นเป็นของวิเศษที่สามารถใช้งานได้“แม่ค่ะ หนูมีวิธีที่จะช่วยทุกคนแล้ว หนูค้นเจอเวทเคลื่อนย้ายในตำรา ที่ท่านเวทจิ้งจอกได้ให้ไว้ แม่โทรหาพี่ บอกให้พี่เข้าไปอยู่ในห้องพัก เดี๋ยว หนูจะวาดอักขระตรงหน้าประตูบ้านเรา ให้เชื่อมต่อกับที่พักของพี่ชาย” หลังจากที่แม่เธอได้ฟังที่เธอบอกแล้ว ก็ได้โทรหาพี่ชายของเธอ เพื่อบอกว่าเธอมีทางทำให้พี่กลับมาบ้านได้แล้ว หลังจากที่พี่ตงหยางได้รู้ว่าเธอจะทำสิ่งไหน เขาก็เดินออกมาจากหน้าประตูห้องพักของเขา หลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ซูเมิ่งก็ได้เอามือวาดบนประตูที่บ้านของเธอ และตั้งจิตว่าจะให้ประตูนี้เชื่อมต่อกับที่ไหน แล้ววาดอักขระเชื่อมต่อลงไป หลังจากที่เธอวาดอักขระจบแล้ว หน้าประตูบ้านของเธอก็มีแสงสว่างขึ้นมา ทำให้รู้ว่าการสร้างอักขระครั้งแรกของเธอเป็นผลสำเร็จหลังจากที่เธอทำสำเร็จแล้ว เธอก็ได้เปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อไปพาพี่ชายกลับมาที่บ้าน เธอเปิดประตูเข้ามาที่ห้องของพ
เธออยากให้ครอบครัวของเธอเข้ามาในมิติด้วยจัง เธอจะได้ มีคนช่วยดูแลสิ่งของต่างๆ ภายด้านในมิตินี้ หรือเธอจะลองให้พ่อและแม่เข้ามาดี ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วฝึกพลังอีกสักหน่อยดีกว่า เธอดูดทรัพย์หินเวท และปรับเวลาในมิติให้เป็น เวลาหนึ่งปีภายในมิติ แต่ด้านนอกจะผ่านไปแค่หนึ่งวันเท่านั้น เธอได้ใช้เวลาดูดทรัพย์หินเวท วันแล้ววันเล่า จนครบหนึ่งปีเธอก็ยังไม่สามารถเลื่อนเป็นขั้นสามได้สักทีบ้านหรูบนเขาหลังหนึ่ง เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา สูงโปร่งประมาณเกือบร้อยเก้าสิบ ยืนมองมาทางบ้านของซู่เมิ่งด้วยความสงสัย เพราะเขาเพิ่งย้ายเข้ามาที่บ้านหลังนี้เมื่อครึ่งเดือนก่อนเอง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม บ้านบนเขาหลังนั้นยังว่างอยู่เลย แต่อาจจะมีคนมาอยู่ก่อนแล้ว เขาอาจจะไม่ได้สังเกตก็ได้ หลังจากที่เขาเลิกสนใจบ้านของซูเมิ่งแล้ว เขาก็เดินไปนั่งดูข่าวในหน้าจอโทรทัศน์ หลังจากที่เห็นคนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เขาก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นน่าสงสารในฐานะที่เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำงานเพื่อประชาชน เขาก็อยากให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ผ่านไปสักทีทางด้านทางขึ้นเขา เริ่มมีคนที่จะเดินขึ้นมาบนเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละคนก็หนีน้ำท่วมกันมาทั
คู่สามีภรรยาที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านที่พวกเขาเลือกไว้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากบ้านอีกหลังหนึ่ง และทำให้พวกเขาหยุดเดินทันที“พี่ได้ยินเสียงปืนไหม มันดังมาจากบ้านหลังนั้น” เธอชี้มือไปที่บ้านที่มีเสียงปืนดังออกมา ให้สามีได้ดู“ผมก็ได้ยินเหมือนกัน แล้วคุณยังจะไปอยู่อีกไหมล่ะ” “ใครจะยังไปอีก บ้านหลังนี้ก็เดินไม่ถึงสักที บ้านอีกหลังก็มีปืน เรากลับไปรวมกับชาวบ้านก็แล้วกัน” เสียเวลาจริงๆ เลย เดินออกมาตั้งนาน สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่เดิม เหนื่อยจริงๆ!!หลังจากที่ซูเมิ่งเห็นสามีภรรยาคู่นั้นเดินออกไป เธอก็ไม่ได้มาคอยเฝ้าดูแถวชายป่าอีก ส่วนพวกโจรกลุ่มนั้นเธอคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว บ้านหลังนั้นคงเป็นทหาร เพราะเธอได้ยินเสียงปืน คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วแหละ วันนี้เธอคิดว่า จะพาครอบครัวเข้าไปในมิติ ไม่อยากให้ทุกคนเครียดกับข่าวน้ำท่วมมากจนเกินไป เธอเดินมาด้านล่างของบ้าน ก็เจอครอบครัว เปิดโทรทัศน์ดูอยู่“พ่อค่ะ วันนี้หนูจะลองพาทุกคนเข้าไปในมิตินะคะ แต่หนูไม่รับรอง ว่ามันจะเข้าไปได้หรือเปล่า” “จริงเหรอพี่ ผมอยากเข้าไปจะแย่แล้ว” เสียงที่ดีใจของซีซวนดังออกมา“ถ้าอย่างนั้นใครจะลองเข้าไปเป
หลังจากที่ซูเมิ่งได้ยินเสียงเรียกมาจากซีซวน ก็ได้มองไปทางที่น้องที่ยืนอยู่ เหมือนว่าซีซวนจะไม่ได้มาคนเดียวนะ เหมือนอุ้มอะไรมาด้วย เธอเดินเข้าไปหาน้องชาย ก็เห็นว่าที่ซีซวนอุ้มมาเป็นท่านเทพจิ้งจอกนั้นเอง“อ้าว ท่านเทพ ออกจากจำศีลแล้วเหรอคะ ทำไมถึงมาด้วยกันได้” “ผมเจอท่านเทพหน้าบ้าน” ซีซวนตอบเธอหลังจากที่เซียวปิงและเซียวเฟิงได้มองไปที่ซูเมิ่งแล้ว เหมือนว่า พลังในร่างกายของซูเมิ่งจะเลื่อนระดับไปถึงขั้นสองแล้ว คงจะไปที่ขั้นสามไม่ได้สินะ“ดีนี่ ตอนพวกข้าจำศีล ตัวเจ้าก็พัฒนาได้ดี” “หลังจากที่ท่านจำศีล ฉันก็ฝึกฝนตามที่ท่านบอกตลอดเลยค่ะ แต่ติดที่ขั้นสามที่ฉันไม่สามารถข้ามผ่านไปได้” “ถ้าเจ้าติดที่ขั้นนี้ก็ไม่แปลกหรอก เพราะการที่เจ้าจะเพิ่มพลังไปขั้นที่สามได้นั้น เจ้าต้องกินกลีบของดอกบัวที่อยู่ในสระบัวเสียก่อน” “มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันก็ว่าฝึกฝนตั้งนาน พลังของฉันถึงไม่ได้เลื่อนขั้นสักที” “แต่ถึงเจ้าจะกินไปแล้ว ก็ไม่ใช่ใครก็ได้ ที่จะผ่านขั้นสามไปได้ง่ายๆ เจ้าต้องทนกับสายฟ้าฟาดทั้งสี่สายเสียก่อน แต่ถ้ากินผลท้อธรรมดา จะโดนสายฟ้าฟาดแค่หนึ่งส่ายเท่านั้น แต่สำหรับตัวเจ้ามันต่างออกไป เพรา
“เสียวเหมา เราออกไปสำรวจด้านนอกกันเถอะ ฉันอยากหาพื้นที่ ที่จะใช้สร้างเมือง ตอนที่นายไปสำรวจ เจอพื้นที่ตรงไหนที่มีสารพิษไม่เยอะบ้างไหม” “ได้ครับเจ้านาย เสียวเหมาอยากให้ลองไปดูเมืองตงไห ทางเหนือครับ ตอนที่ได้คำสั่งให้ไปตรวจ เสียวเหมาเห็นว่าแถวนั้นน่าจะยังพอใช้ได้ เพราะหินอุกกาบาตแถวนั้นเป็นหินก้อนเล็กๆ ครับ เลยไม่มีสารพิษที่รุนแรงมากนัก” “ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปกันเลย” เธอใช้เวทอักขระเคลื่อนย้ายไปตามพื้นที่ ที่เสียวเหมาได้ไปเจอมา พอเธอได้มาเห็นด้วยตา มีพื้นที่แบบนี้อยู่ทางเหนือด้วยเหรอ เธอไม่เคยเห็นที่แห่งนี้เลยสักครั้ง เป็นพื้นที่กว้างมาก มีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง รอบๆ แม่น้ำเป็นเนินราบสูงแต่เป็นพื้นที่ราบ และรอบข้างของพื้นที่ราบ ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาที่ไม่สูงเท่าไหร่ ถ้าตอนที่ยังมีหญ้าหรือดอกไม้ขึ้นอยู่พื้นที่นี้ คงจะสวยมากเลยจริงๆ ที่ตรงนี้เป็นที่เดียวที่ไม่มีบ้านคนและไม่มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่ แต่อากาศและน้ำก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะมีสารพิษ แต่ไม่เยอะเท่าพื้นที่เมืองด้านนอก เธอจะเอาที่นี่ เป็นที่ตั้งเมืองแห่งใหม่ของเธอเธอเข้ามาในมิติ และเรียกทุกคนออกมาด้านนอก เพื่อให้ทุกคนใช้พลังเวทในการชำระสา
”นายคิดถูกแล้ว ผมจะให้พวกคุณ วิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศและหินอุกกาบาตที่ตกลงมา เราจะได้คิดค้นยาและวิธีที่พวกเราจะสามารถอยู่บนพื้นดินได้ ก่อนที่ทุกคนจะทำงานผมอยากให้ทุกคน มาสแกนหน้าเพื่อเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้เสียก่อน คุณเฟยหรง คุณสแกนหน้าก่อนเลย” ท่านผู้นำไปยืนตรงหน้าเครื่องสแกน เพื่อกดอนุญาตให้คนอื่นเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้ ร้านค้าวิเศษหลังจากที่ขายคอนโดให้พวกเขาแล้ว ก็ให้ตัวเขาที่เป็นผู้นำเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ เขาจะให้ใครเข้าพักก็ได้ หรือจะให้ใครออกจากห้องพักก็ได้อีกเหมือนกัน“ได้ครับท่าน” เฟยหรงที่โดนเรียกชื่อ เขาได้เดินไปทางหน้าประตูคอนโด กดปุ่มสแกนหน้าขึ้นมา เครื่องสแกนหน้าก็เริ่มทำงานทันที หลังจากที่เขาสแกนหน้าเสร็จแล้ว จะมีหน้าจอขึ้นมาให้เขากดเลือกห้องพัก เขากดเลือกห้องที่อยู่สูงที่สุด เพราะเขาจะได้ระวังภัยได้ง่ายขึ้น เขากดชื่อลงไป และระบบของคอนโดก็มีเสียงแจ้งเตือนซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง“ผู้เข้าพักห้อง ห้าหนึ่งห้าชื่อเฟยหรงทำรายการสำเร็จแล้ว” หลังจากที่เขาสแกนหน้าสำเร็จแล้ว เขาก็หลีกทางให้คนอื่นๆ สแกนหน้าต่อ คอนโดนี้มีทั้งหมดสิบห้อง ชั้นละสามห้องเท่านั้น มีทั้งหมด หกชั้น ชั้นที่อยู่บนสุ
“แม่ค่ะ ทำไมเราต้องมาอยู่ในที่ ที่มันแคบเท่ารูหนูนี่ด้วย หนูอยากกลับบ้าน เมื่อไหร่ด้านนอกจะสงบสักที” เสียงที่ดังโวยวายขึ้นมา เป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่มองดูภายนอกแล้ว เป็นคนที่หน้าตาดี น่าจะเป็นครอบครัวของคนที่ร่ำรวยอย่างมาก“เฟยหยา อย่าเสียงดัง อยู่เงียบๆ กันหน่อย คิดว่าไม่มีใครอยากที่จะออกไปหรือไง ไม่ได้ยินที่เขาแจ้งเตือนเหรอ หรือลูกอยากออกไปเป็นศพอย่างภาพนั้น ที่เราได้ดูกัน” “แต่พวกมันอาจโกหกก็ได้นี่ค่ะ มันคงไม่อยากให้เราออกไปกันน่ะสิ มันถึงเอาข่าวปลอมๆ มาหลอกพวกเราก็ได้” เสียงเฟยถิง ผู้เป็นน้องสาวของเฟยหยา พูดเถียงออกมา เธอไม่เชื่อหรอกว่าข่าวนั้นจะเป็นเรื่องจริง“นั่นสิคุณ ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เราลองออกไปดูกันไหม” “ถ้าคุณอยากออกไปตาย ก็ออกไปคนเดียวไม่ต้องพาลูกๆ ออกไปด้วย แต่ถ้าออกไปแล้วร่างกายติดสารพิษเข้ามา ถึงพวกเรามีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยคุณกับลูกได้หรอกนะ ตอนนี้ท่านผู้นำยังไม่มีข่าวประกาศออกมาเลย อย่าใจร้อนกันนักเลย” เขาเบื่อที่พวกลูกของเขาและภรรยา ช่างเอาแต่ใจกันขนาดนี้ ต้องโทษเขาที่ตามใจมากเกินไปเฟยฮวา และลูกๆ ทั้งสอง ได้ฟังพ่อของเธอดุเป็นครั้งแรก ก็รู
ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวัน หลังจากที่เกิดเหตุอุกกาบาตตกทั่วเมือง ไม่มีที่ไหน ที่อุกกาบาตจะไม่ตกเลย เธอให้หน้าจอแต่ละหมายเลข ถ่ายวิดีโอจากภาพด้านนอกมิติ ให้ทั่วทุกที่ เธอคิดว่าหน้าจอแค่ห้าอัน คงไม่พอ เธอเลยซื้อเพิ่มไปอีกห้าตัว และก็ตั้งชื่อเรียงกันเหมือนเดิม ไฟที่เกิดจากอุกกาบาตตกลงมานั้น ได้ดับลงแล้วในบางพื้นที่ แต่บนเขาที่อุกกาบาตตกลงมา เสียหายเป็นจำนวนมาก ไฟที่ลามเข้ามาเผาไหม้ในบ้านเมือง บางเมืองแทบมองไม่ออกว่าเมื่อก่อนเคยเป็นแบบไหนมาก่อนเธอเข้าไปในระบบ เปิดร้านค้าขั้นที่สอง กดซื้อของเป็นหน้ากากกันสารพิษและมีออกซิเจนในตัวมาหนึ่งเครื่อง เธอจะลองขึ้นไปด้านนอกดู เธอใส่หน้ากากกันสารพิษ เตรียมพร้อมจะออกไปดูด้านนอกมิติ“เสียวเหมา เดี๋ยวนายออกไปด้านนอกกับฉันหน่อยนะ” “ได้ครับเจ้านาย” เธอและเสียวเหมา ออกมาจากหินมิติ สิ่งแรกที่เห็นก็ไม่ต่างจากที่เธอได้ดูถ่ายทอดสดเท่าไหร่“เสียวเหมา นายลองสแกนอากาศที่อยู่รอบๆ ตัวฉันได้หรือเปล่า ลองสแกนพื้นดินและตรงนั้น ตรงที่อุกกาบาตตกลงมาด้วย” “เสียวเหมาทำได้” เสียวเหมาเริ่มสแกนทุกสิ่งรอบตัว และดินบริเวณที่หินอุกกาบาตได้ตกลงมาด้วย“เป็นยังไงบ้าง นายเจออะไ
“คุณ ช่วยกันคิดสิ เราจะทำยังไงกันดี ฉันยังไม่อยากตาย ฮื่อ!ๆ ” เสียงร้องของครอบครัวเซียวเอิน ดังไปทั่วบริเวณที่เขาอยู่ ไม่มีใครที่ได้ยินเสียงพวกเขาอีก นอกจากตัวของพวกเขาเอง เซียวเอินมองดูไปรอบๆ ตัว ไฟเริ่มลามเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นไปทุกที นี่พวกเขาทำอะไรผิด สวรรค์ถึงได้ลงโทษพวกเขาแบบนี้ ต้องเป็นเพราะเจ้าเซียวกังแน่ๆ ที่มันเอาหินปลอมมาหลอกพวกเขา“เราวิ่งฝ่าไฟกันออกไปเถอะ อยู่แบบนี้ ก็มีแต่จะตายกันเปล่าๆ ” ทั้งสามคนจับมือกันเพื่อจะวิ่งฝ่าวงล้อมของไฟออกไป ตอนที่พวกเขากำลังจะก้าวผ่านไปนั้น ก็มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่บ้าน ที่พวกเขาอยู่ แหลกลงไปพร้อมกับร่างพวกเขาทั้งครอบครัวจบกันสักที ลุงจะมาโทษฉันไม่ได้ ถ้าลุงไม่ทำร้ายครอบครัวฉันก่อน ถ้าลุงไม่คิดร้ายกับพวกฉัน จุดจบมันคงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก ซูเมิ่งที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธออโหสิให้ก็แล้วกัน เพราะลุง ก็ได้ชดใช้ให้กับครอบครัวของเธอแล้ว เธอนั่งดูหน้าจอออนไลน์ ที่จอห้าได้ไปถ่ายทอดสดมาให้เธอได้ดู เรื่องนี้เธอไม่ได้บอกใครสักคน ให้ทุกอย่างมันจบแค่เธอก็พอ“จอห้า ไม่ต้องถ่ายตรงนี้แล้ว นายไปถ่ายจุดต่อไปบนแผนที่เลย” เธอส่งกระแสจิตไปบอกเธอเดินออกไ
“ใครยังมีหินมิติเหลืออีกบ้าง ใครมีหลายก้อน ผมขอแลกกับอาหารได้ไหมครับ ครอบครัวผมมีกันห้าคน พวกผมหาไม่ทันจริงๆ” “เขาประกาศข่าวก่อนตั้งเกือบเดือน ทำไมพวกแกไม่เตรียมความพร้อมกันให้ดี มาขอตอนนี้ใครจะให้พวกแกกัน” “ฉันก็อยากช่วยนะ แต่ครอบครัวฉันก็มีแค่อันเดียว ฉันไม่มีให้หรอก” ขณะที่ครอบครัว ของชายหนุ่มกำลังสิ้นหวัง ก็มีชายคนหนึ่งส่งหินมิติให้เขาไปหนึ่งก้อน “เอาไปสิ ลูกพี่ของเราให้เอามาให้” ครอบครัวของชายคนนั้นมองไปตาม ปลายนิ้วมือที่ชี้ให้เขาดู ก็มองเห็นชายคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหล่า คมเข้ม น่าจะสูงสักหนึ่งร้อยเก้าสิบได้ มองมาทางพวกเขา ครอบครัวของพวกเขาก็ก้มหัวขอบคุณ ผู้มีพระคุณ พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลยหลายๆ คนเห็นชายคนนั้น เอาหินมิติให้ครอบครัวหนึ่ง ก็เกิดความโลภที่อยากจะได้บ้าง มีบางคนที่ใจกล้า เดินเข้าไปขอก็ถูกไล่ออกมา“พี่เฟยหรง พวกชาวบ้านพวกนี้ มีแต่พวกโลภมากทั้งนั้น ไม่น่าช่วยเหลือเลยสักคน พวกเราเข้าไปในมิติกันดีกว่า” เฟยหรงมองดูพวกชาวบ้าน ที่ยังไม่เกิดอุกกาบาตชนโลก ก็เริ่มเห็นแก่ตัวกันหมดแล้ว เขาได้เข้ามาในมิติกับเพื่อนที่อยู่ในหน่วยลับเดียวกัน ด้านในนี้มีหน้าจอถ่ายทอดสดให้ดู ไม่
ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ตกลงมีหินพลังเวท ที่ผมต้องการหรือเปล่าครับร้านค้าวิเศษ : คนที่ต้องการใช้หินพลังเวท มีพลังธาตุอะไรผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : เป็นผู้ฝึกพลังธาตุน้ำครับร้านค้าพิเศษ : ทางเรามีหินธาตุน้ำอยู่หนึ่งก้อน ท่านต้องการหรือไม่ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ผมต้องการครับ ขอบคุณมากครับเจ้าของร้านร้านค้าพิเศษ : สำหรับหินพลังเวท ทางเราขายก้อนละยี่สิบล้านหยวน ถ้าท่านต้องการ กรุณาชำระเงินและกรอกที่อยู่ได้เลยผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ได้ครับ ทางร้านค้าพิเศษ ยังมีหินพลังเวทเหลืออยู่อีกไหมครับร้านค้าพิเศษ : มีหรือไม่มี ขึ้นอยู่แต่อารมณ์ของผู้ขายผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ครับ ชำระเงินแล้วนะครับ'เจ้าของร้านวิเศษเป็นคนที่กวนเหมือนกัน เราต้องทำดีกับเจ้าของร้านค้านี้เข้าไว้’เธอเลือกความเสี่ยง ที่ขายของออกไป นี่ร้านของเธอ ร้านค้าวิเศษ ของที่ขายก็ต้องเป็นของวิเศษไม่ใช่เหรอ ที่เธอตั้งชื่อร้านนี้ขึ้นมา ก็เพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่า ของในร้านเธอมันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอยู่แล้วเวลาผ่านไปเรื่อยๆ วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ อุกกาบาตชนโลก เธอเตรียมความพร้อมสำหรับครอบครัวเธอหมดแล้ว เธอม
ตอนเช้าวันต่อมา “พี่เซียวเอิน พวกผมจะออกไปหาซื้อของกินแล้วไปธุระหน่อยนะพี่ ฝากทั้งสองคนดูแลบ้านด้วยนะครับ พี่สะใภ้ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก พี่ยิ่งแพ้ท้องอยู่ด้วย” “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะดูแลบ้านให้แกเอง ไปทำธุระให้สบายใจเถอะ” “นั่นสิ น้องเซียวกังไม่ต้องเป็นห่วงพี่สะใภ้ ตอนนี้ ไม่ค่อยแพ้ท้องเท่าไหร่แล้ว อย่าลืมซื้อของกินมาเยอะๆ และฝากซื้อ บ๊วยดองมาด้วย” ฝากบ้านเสร็จแล้วครอบครัวเซียวกังก็ขึ้นรถ แล้วก็ขับรถออกไป “น้องจะให้พี่ขับรถไปจอดไว้ตรงไหน” พี่ตงหยางถามเธอ“เอาไว้ใกล้ๆ นี่ล่ะ แล้วเราเข้าไปในมิติกันเถอะ จะได้ดูว่าพวกนั้นทำอะไรกันบ้าง” เมื่อวานหลังจากที่ตกลงกันทำตามแผน เธอก็ได้ให้เสียวเหมา เอาจอที่ถ่ายทอดสด เอามาติดตั้งในห้องพ่อเธอ และตามห้องต่างๆ ในบ้านและเธอร่ายเวท อักขระปิดบังเอาไว้ ดีที่เธอไปค้นในระบบพบว่ามีจอแบบนี้ขายอยู่พอดี เธอเลยซื้อมาเพิ่มอีกห้าจอ ในราคาตัวละแค่หนึ่งหมื่นทอง เธอไม่ค่อยได้ใช้เงินกับระบบเท่าไหร่“เป็นยังไงซีซวน มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง” เธอให้น้องคอยดูกล้องอยู่ตลอด“ยังปกติดีพี่ ผมว่าอีกไม่นานหรอก” ทางด้านของครอบครัวลุง “คุณพวกมันไปกันแล้ว ตอนนี้ทางสะ
‘ทำไมข้อความนี้ ส่งมาหาเธอเยอะจัง หรือจะมีเรื่องด่วนอะไร’ เธอกดตอบรับ ร้านค้าวิเศษ: สวัสดีค่ะ ร้านค้าวิเศษยินดีให้บริการค่ะสายลับ: คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหมร้านค้าวิเศษ: ใช้แล้ว คุณต้องการสิ่งใดสายลับ: ผมติดต่อมาจากหน่วยลับพิเศษ ทางเราต้องการหินมิติจากคุณในจำนวนมากร้านค้าวิเศษ: คุณต้องการหินมิติเท่าไหร่สายลับ: ผมต้องการห้าแสนก้อน เพื่อใช้ในหน่วยลับและกองทหารทั่วประเทศร้านค้าวิเศษ: ทางเรามีของให้คุณ กรุณากดสั่งซื้อได้เลย ภายในครึ่งชั่วโมง ของจะส่งถึงที่อยู่ของคุณที่จริงเธอมีของอยู่ห้าล้านก้อนเลยล่ะ แต่เธอจะเก็บไว้ขายให้ประชาชนที่พอซื้อได้ก่อน เดี๋ยวอีกวันเธอค่อยส่งให้ทางรัฐบาลแล้วกัน พวกเธอจัดการของทุกอย่างเรียบร้อย ภายในเวลาหนึ่งเดือนในมิติ และหนึ่งวันด้านนอก ไม่รู้ด้านนอกจะเป็นยังไงบ้าง ลุงของเธอคงจะโวยวายน่าดูไอเจ้าเซียวกังมันหายไปไหนของมัน ข้าวปลาก็ไม่ทำไว้ให้กิน บ้านก็เงียบ อยู่ดีๆ พวกมันหายไปไหนกันหมด เขาบ่นไม่ทันไร ก็เห็นซูเมิ่งเดินเข้ามาพอดี “ไปไหนกันมา” เสียงแรกที่เธอได้ยิน ก็คือเสียงลุงของเธอเอง “ไปหาเพื่อนมาค่า” “ฉันไม่เชื่อหรอก พวกแกเล่นหายกันไปหมดบ้าน