นี่มันภาษาอะไรกัน แต่เธอทำไมอ่านออกแล้วเข้าใจล่ะ เธอยังไม่หายสงสัย ในหัวของเธอก็เกิดเป็นภาพของท่านเทพจิ้งจอกขึ้นมา
“ท่านเทพจิ้งจอกสิ่งนี้คืออะไร ตัวหนังสือพวกนี้ทำไม่ท่านถึงทิ้งไว้ให้ข้า แล้วมันคือตำราเกี่ยวกับอะไรกัน” เธอถามคำถามที่คาใจกับท่านเทพจิ้งจอกออกไป “ใจเย็น ค่อยๆ ถาม ที่ข้ามาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะบอกเจ้านี่ไง ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร และทำอะไรได้บ้าง ถ้าตอนนี้เจ้าเห็นข้าแสดงว่าเจ้าได้ครอบครองตำราเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตัวหนังสือที่เจ้าได้รับสืบทอดไปเรียกว่า ตำราอักขระ ที่ได้สืบทอดสำหรับผู้สร้างเท่านั้น ถึงจะครอบครองมันได้ ตอนนั้นที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้า มีพลังไม่มากพอที่จะได้บอกเจ้า พวกข้าเลยทิ้งจิตส่วนหนึ่งเอาไว้ใน ตำราเล่มนี้” “แล้วสิ่งนี้มันทำอะไรได้บางท่านเทพ” “เจ้าก็ลองอ่านสิ่งที่เจ้าได้ไปสิ แล้วเจ้าจะเข้าใจมันเอง ข้าไปล่ะแล้วเจอกัน อีกไม่นานพวกข้าจะออกมาพบเจ้าอีก” “เดียวท่านเทพจิ้งจอก “ทิ้งข้าไปอีกแล้ว ทำให้ข้าสับสนแล้วท่านก็จากไปทุกทีเลย แต่น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเราแน่นอน หลังจากที่เธอได้พูดคุยกับท่านเทพจิ้งจอกไปแล้ว เธอก็ได้ตั้งจิต เข้าไปตรวจสอบอักขระแต่ละอย่างที่ได้มา แค่เธอได้ทำความเข้าใจ เธอก็สามารถสร้างอักขระได้ทันที สิ่งนี้มันดีมาก เธอค้นในหัวที่มีอาคมหลายร้อยชนิดรวบรวมอยู่ สิ่งที่เธออยากได้ตอนนี้เลยคืออักขระ ที่ทำให้เธอ สามารถทะลุไปอีกที่หนึ่งได้ และอักขระป้องกัน ถ้าเธอสร้างอักขระป้องกันได้ เธอก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำรั้วที่ดีมากก็ได้จริงไหม แต่การที่เธอจะสร้างอักขระได้แต่ละอักขระนั้น เธอต้องมีพลังเวทที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ สิ่งนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ แข็งแกร่งมากพอ ของที่ดีมักจะมีเงื่อนไขที่ยากตามไปด้วย ถ้าเธอจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอคิดว่าจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง และถ้าท่านเทพจิ้งจอกออกมาจากจำศีลเมื่อไหร่ เธอจะลองให้พี่ชายของเธอ ได้ลองกินผลท้อเวทชีวิตเป็นคนแรก หลังจากที่เธอทำความเข้าใจกับอักขระที่ได้รับถ่ายทอดมาอีกสักพัก เธอก็พักเรื่องนั้นไว้ก่อนตอนนี้สิ่งที่เธออยากได้คือ อยากลองเลี้ยงสัตว์ไว้ในมิติ เธอคิดไว้แล้วว่าเธอจะเลี้ยงสัตว์ชนิดไหนบ้าง เธอจะเลี้ยงไก่ วัวนม แล้วก็ หมู ถึงเธอจะไม่ค่อยชอบกลิ่นหมูสักเท่าไหร่ เพราะมันเหม็นมาก เธอค่อยค้นดูว่ามีมิติที่จะเก็บกลิ่นไว้ในพื้นที่แยกออกไปได้หรือเปล่า ก่อนที่เธอจะนอนทุกครั้งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เธอจะเปิดเช็คข่าวสารในอินเทอร์เน็ต เมื่อชาติที่แล้ว สิ่งที่จะเกิดอย่างแรกเลยคือน้ำท่วม วิกฤตวันสิ้นโลกครั้งนี้ร้ายแรงมาก ทุกพื้นที่จะเกิดน้ำท่วมทั้งหมด จะมีทั้งคนตายและอดอยากภายในวันนั้น ช่วงนี้ในหลายพื้นที่เริ่มมีฝนตกหนักแล้ว มีข่าวทุกพื้นที่มีฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน ทำให้ทางรัฐส่งอาหารและเครื่องดื่มไปช่วยเหลือ ตอนนี้ก็ยังช่วยได้ แต่ถ้าน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทางรัฐบาลก็ช่วยไม่ได้เท่าไหร่หรอก อีกไม่นานแล้วสิน่ะ พี่ชายของพ่อเธอต้องมาขออาศัยอยู่ที่บ้าน เธอต้องรีบเพิ่มพลังแล้ว หวังว่าเธอจะมีกำลังที่มากพอช่วยเหลือทุกคนได้ หลังจากที่ช่างมาสร้างรั้ว และครอบครัวของเธอจัดการบ้านตรงพื้นที่นี่เสร็จแล้ว ก็ตกลงกันว่าจะกลับกันเลย เพราะช่วงนี้มีฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้การเดินทางขัดข้องในหลายพื้นที่ “เก็บของหมดหรือยัง” “เก็บหมดแล้วค่ะ” “เรียบร้อยครับ” แต่ละคนตอบแม่ของเธอออกไป “ตงหยางลูกจะกลับวิลัยเลยไหม” “ผมว่าจะกลับเลยครับ ยังมีอีกหลายอย่างให้จัดการอีกเยอะ” “ดีแล้ว ถ้าที่บ้านหรือทางประเทศเราเกิดเหตุอันตรายขึ้นจริงๆ แม่ก็อยากให้เรากลับมาอยู่บ้านนะ” “ผมจะกลับไปคิดดูนะครับ” พี่ชายเธอคุยกับแม่ เธอเพิ่งได้สังเกตว่าพี่ของเธอซึ่งแตกต่างจากเธอมาก ทั้งที่อายุห่างกันแค่สามปีเท่านั้น เป็นคนพูดน้อย หน้าตาหล่อ ตาชั้นเดียวคมเข้ม แต่สวมแว่นตาและเรียนเยอะอยู่แบบนี้ ถึงไม่มีแฟนสักที เสียของจริงๆ พี่ของเธอเห็นเธอมองเขาอยู่ ก็ส่งสายตาดุใส่เธอ นึกว่าจะกลัว เชอะ กลัวก็ได้ เห็นว่าเป็นพี่หรอกนะถึงยอมให้ หลังจากที่พูดคุยกันแล้วทุกคนก็ขึ้นรถ ดูของทุกอย่างครบ ก็เริ่มที่จะเดินทางกลับบ้านกัน เพราะกว่าจะถึงบ้านก็น่าจะดึกมากแล้ว ตลอดเส้นทางที่กลับบ้าน มันดูแย่ลงกว่าตอนมาเสียอีก เพราะแต่ละพื้นที่เริ่มมีน้ำท่วมทำให้ครอบครัวของเธอต้องขับรถอ้อมไปอีกเส้นทางที่ไกลกว่าเดิม /////// กว่าจะถึงบ้านก็เย็นมากแล้ว พวกเธอมัวแต่ขับรถอ้อมไปอ้อมมา หลังจากที่ขนของลงรถกันหมด ก็ได้แยกย้ายกันไปนอน เพราะก่อนถึงบ้านก็ได้กินอาหารกันมาบ้างแล้ว จึงทำให้ไม่มีใครหิว ถึงร่างกายจะเหนื่อยล้าแค่ไหนพอเข้ามานอนเธอกลับนอนไม่หลับ เธอคิดอะไรหลายๆ อย่างในช่วงนี้ ไม่ว่าจะข่าวที่ทางรัฐบาลแจ้ง แต่ที่เธอกังวลมากกว่าคือ เธอจะเพิ่มพลังได้ก่อนที่วิกฤตวันสิ้นโลก จะเกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า ไหนๆ เธอก็นอนไม่หลับ เข้าไปในมิติเพื่อ เพิ่มพลังเวทดีกว่า หลังจากที่เธอเข้ามาในมิติแล้ว เธอไม่ได้เดินไปดูผักและผลไม้ที่ปลูกไว้ แต่เดินตรงไปอีกทาง ตรงแม่น้ำที่มีหินหลากสีอยู่ เธอเดินไปหยิบหินขึ้นมาหนึ่งก้อน ซึ่งเป็นก้อนที่ใหญ่พอสมควร เป็นก้อนหินที่มีสีเขียวมรกต เป็นหินที่มีสีใสเหมือนหินหยก ถ้าเราเอาสิ่งนี้ออกไปขายจะขายได้หรือเปล่านะ เอาไว้เราค่อยลองเอาออกไปขายดูก็แล้วกัน เธอลองทำตามที่ท่านเทพจิ้งจอกได้สอนเอาไว้ เธอนั่งสมาธิและกำหนดจิตไปตรงธาตุพฤกษา แล้วค่อยๆ ดูดซับพลังเวท จากหินเวทสีเขียว พลังเวทค่อยๆ ไหลออกมาจากหินเวท เข้ามาในร่างกายของเธอ เธอรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอจะมีพลังมากขึ้น เธอกำลังจะเลื่อนระดับ ซูเมิ่งค่อยๆ รวบรวมพลังในร่างกาย ถ่ายเทไปยังจุดตันเถียนส่วนล่าง ทำให้เธอเลื่อนระดับเป็นเวทขั้นที่หนึ่ง คือร่างกาย ทำให้ร่างกายของเธอปรับเปลี่ยน กระดูกต่างๆ ในร่างกายแข็งแรงขึ้น ผิวที่เคยหยาบกร้าน ค่อยๆ ลอกคราบออก กลิ่นอะไรเนี่ย ทำไมตัวของเรามีคราบเหนี่ยวๆ เต็มไปหมดเลย ตอนนี้ เธออยากอาบน้ำมาก หลังจากที่เธอเลื่อนระดับแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำคือไปอาบน้ำ เพราะทนไม่ไหวกับการที่เวทเลื่อนระดับ แล้วขับของเสียออกมาจากร่างกายเธอทั้งหมด ทำให้ตัวเธอมีคราบดำๆ ไหลเยิ้มเต็มไปหมด หลังจากที่ซูเมิ่งอาบน้ำ ชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็มาตรวจดูพลังในร่างกายว่ามีสิ่งไหนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เธอรู้สึกว่าตัวของเธอมีผิวพรรณที่ใส่ขึ้น เธอเดินไปส่องกระจก นี่ใครกันทำไมสวยแบบนี้ นี่คือฉันเหรอเนี่ย เธอลองเอามือจับแก้มตัวเอง ตัวเราจริงๆ ด้วย หลังจากที่เธอชื่นชมกับหน้าตาตัวเองที่ดีขึ้นแล้ว เธอก็ตรวจดูพลังภายในร่างกาย ซึ่งร่างกายของเธอแข็งแกร่งขึ้นมาก เธอลองรวบรวมเวท แล้วขว้างไปตรงแม่น้ำ ตู้มม!! เสียงพลังเวท ที่กระแทกกับพื้นผิวน้ำ พลังของเราเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยสินะ ตอนนี้เธอสามารถบังคับเถาวัลย์ให้ทำตามที่เธอสั่งได้แล้ว นี่คือการพัฒนา หลังจากที่เธอได้เลื่อนระดับพลังในครั้งนี้ ทำให้เธอเข้าใจกฎการเลื่อนระดับของพลังเวทมากขึ้น การที่เธอจะเลื่อนระดับพลังเวทแต่ละเวทนั้น ต้องใช้หินเวทเป็นจำนวนมาก ที่เธอเลื่อนระดับได้เร็ว ก็เป็นเพราะ ตอนที่เธอได้กินผลเวทชีวิตสายรุ้งไปนั้น ท่านเทพจิ้งจอกได้ถ่ายเทพลังเวท เข้ามาในร่างกายของเธอด้วย ทำให้เธอเลื่อนระดับได้เร็วและการที่เธอเลื่อนระดับในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ความลับ ของผลเวทสีรุ้งนี้ สิ่งนั้นก็คือ ถ้าเธอเพิ่มพลังเวทในร่างกายให้เป็นสามขั้น ของทุกเวท เธอจะสามารถขอพรอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง เธอคิดออกแล้วว่าสิ่งที่จะขอนั้นคืออะไร แต่ตอนนี้ สิ่งที่ยากกว่า เธอจะทำอย่างไรให้พลังเวททั้งสี่เวทในร่างของเธอ เลื่อนระดับไปถึงสามระดับได้ทั้งหมดกันเธอนึกออกแล้ว เธอมีตัวช่วยนิ มิตินี่ไง คือตัวช่วยที่ดีที่สุดของเธอ ทรัพยากรต่างๆ ที่ใช้ในการเลื่อนพลัง ก็อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว หลังจากที่ซูเมิ่งเพิ่งเลื่อนพลังไป เธอก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ เธอต้องทำให้เวทอีกสามเวทเป็นขั้นที่หนึ่งครบทุกเวทเสียก่อน เธอปรับเวลาในมิติ ให้เวลาข้างในเร็วกว่าข้างนอก ข้างในมิติผ่านไปหนึ่งเดือนข้างนอกจะผ่านไปหนึ่งวันหลังจากที่เธอมุ่งมั่นอยู่กับการเลื่อนระดับพลัง เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนในมิติ แต่ด้านนอกผ่านไปแค่สิบกว่าวันเท่านั้น เธอก็สามารถเลื่อนพลังทั้งสี่เป็นขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว เราเลื่อนระดับหนึ่งทั้งสี่เวทได้สำเร็จแล้ว เธอดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ ทั้งพลังเวทดิน น้ำ พฤกษา และเวทไฟ เธอใช้อย่างชำนาญทั้งหมดแล้ว เธอทั้งฝึกพ
“ตกลงครับ ผมขอซื้อทั้งหมด ถ้าคุณหงส์มีหินหยกแบบนี้อีกนำมาขายให้ผมได้นะครับ สำหรับหินหยกสองก้อนนี้ผมให้ราคาอยู่ที่…..ก้อนละสามล้านหยวน แต่สำหรับหินชิ้นสีเขียวผมให้ราคา ที่มากกว่าเพราะเป็นหินที่คุณภาพดีกว่ามาก ผมให้ราคาอยู่ที่สิบห้าล้านหยวน คุณหงส์พอใจกับราคานี้หรือเปล่าครับ” เธอไม่คิดว่าราคาหินหยก ที่เธอได้นำมาขายในวันนี้ จะได้ราคาที่สูงมากขนาดนี้ ถ้าตอนไหนที่เธอขาดเงินเธอก็สามารถนำหินที่อยู่ในมิติไปขายก็รวยแล้ว “พอใจกับราคาที่คุณจางเสนอให้มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณหงส์พอใจผมก็ดีใจครับ เพราะทางเราได้ให้ราคาที่สูงที่สุดแล้ว ถ้าคุณหงส์ยังมีหินหยกอีก ผมรับซื้อทั้งหมดนะครับ” เขายินดีที่จะให้ราคาสูงกับลูกค้าคนนี้ เพื่อการซื้อขายในอนาคต“ถ้าแบบนั้นเรามาทำสัญญาซื้อขายกันเลยไหมครับ” “ได้ค่ะ ถ้าฉันมีหินหยกอีก ฉันจะนึกถึงร้านคุณจางเฟินเจินแน่นอนค่ะ” หลังจากที่เธอได้ทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ไหนๆ เธอก็ออกมาข้างนอก เธอคิดว่าจะไปดูรถบ้านสักหน่อย เธออยากได้มานานแล้วหลังจากที่จางเฟินเจิน ได้ส่งลูกค้าออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเอาหินเวทที่เพิ่งได้รับวันนี้ ไปมอบให้เจ้าของร้านที่แท้
“แต่ที่ลูกพูดก็ถูกนะคุณ พี่ชายคุณเขาก็โตแล้ว เขาต้องเลี้ยงดูลูกกับครอบครัวเขาเองได้แล้ว ไม่ใช่อะไรๆ ก็มาพึ่งแต่พวกเรา ครอบครัวเรามีตั้งหลายชีวิต หวังว่าคุณคงไม่บอกว่าพวกเราจะไปอยู่บ้านบนเขานะ เราช่วยได้เท่าที่ช่วยเถอะ ไม่ใช่ว่าฉันเห็นแก่ตัวหรอกน่ะ แต่ฉันก็ทำเพื่อลูกของฉันเหมือนกัน แล้วคุณล่ะ ทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อคนอื่นมากกว่าครอบครัวของเรา” แม่เธอพูดเสร็จแล้วก็เข้าห้องไปอีกคน แม่เธอคงโกรธมากที่พ่อของเธอใจอ่อนแบบนี้ ในเมื่อคนอื่นพูดไปหมดแล้ว เธอก็จะไม่พูดอะไรอีก เธอก็รู้สึกสงสารพ่อของเธอเหมือนกัน อีกฝั่งก็ครอบครัว อีกฝั่งก็พี่น้อง“แล้วเราล่ะ คิดว่าพ่อคนนี้แย่หรือเปล่า” “พ่อ เป็นพ่อที่เท่สำหรับหนูเสมอค่ะ หนูเข้าใจพ่อนะคะ แต่พ่อต้องมองความเป็นจริงด้วย ลุงเซียวเอินก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ หนูเข้าใจพ่อนะคะ” เธอพูดจบแล้วก็เข้าไปกอดพ่อของเธอ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไปอีกคนหลังจากที่ครอบครัวของเขาแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เซียวกังก็นั่งทบทวนตัวเองอยู่คนเดียวอีกสักพัก ก็เดินกลับเข้าห้องไปง้อ ภรรยาของเขา ก่อนเข้าห้องได้เดินไปหน้าห้องของลูกสาวแล้วเคาะประตูบอกให้เธอ ลงไปเก็บรถบ้านเข้ามิติด้วยเธอ
เธอค้นเจอในความทรงจำ เกี่ยวกับอักขระ มีการเขียนเกี่ยวกับเวทเคลื่อนย้ายอยู่ ซึ่งอักขระชนิดนี้นั้น สามารถทำให้เธอไปที่ไหนก็ได้ ที่เธอเคยไป และถ้าเธอวาดอักขระบนสิ่งของอะไร เธอก็สามารถทำให้สิ่งของนั้นเป็นของวิเศษที่สามารถใช้งานได้“แม่ค่ะ หนูมีวิธีที่จะช่วยทุกคนแล้ว หนูค้นเจอเวทเคลื่อนย้ายในตำรา ที่ท่านเวทจิ้งจอกได้ให้ไว้ แม่โทรหาพี่ บอกให้พี่เข้าไปอยู่ในห้องพัก เดี๋ยว หนูจะวาดอักขระตรงหน้าประตูบ้านเรา ให้เชื่อมต่อกับที่พักของพี่ชาย” หลังจากที่แม่เธอได้ฟังที่เธอบอกแล้ว ก็ได้โทรหาพี่ชายของเธอ เพื่อบอกว่าเธอมีทางทำให้พี่กลับมาบ้านได้แล้ว หลังจากที่พี่ตงหยางได้รู้ว่าเธอจะทำสิ่งไหน เขาก็เดินออกมาจากหน้าประตูห้องพักของเขา หลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ซูเมิ่งก็ได้เอามือวาดบนประตูที่บ้านของเธอ และตั้งจิตว่าจะให้ประตูนี้เชื่อมต่อกับที่ไหน แล้ววาดอักขระเชื่อมต่อลงไป หลังจากที่เธอวาดอักขระจบแล้ว หน้าประตูบ้านของเธอก็มีแสงสว่างขึ้นมา ทำให้รู้ว่าการสร้างอักขระครั้งแรกของเธอเป็นผลสำเร็จหลังจากที่เธอทำสำเร็จแล้ว เธอก็ได้เปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อไปพาพี่ชายกลับมาที่บ้าน เธอเปิดประตูเข้ามาที่ห้องของพ
เธออยากให้ครอบครัวของเธอเข้ามาในมิติด้วยจัง เธอจะได้ มีคนช่วยดูแลสิ่งของต่างๆ ภายด้านในมิตินี้ หรือเธอจะลองให้พ่อและแม่เข้ามาดี ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วฝึกพลังอีกสักหน่อยดีกว่า เธอดูดทรัพย์หินเวท และปรับเวลาในมิติให้เป็น เวลาหนึ่งปีภายในมิติ แต่ด้านนอกจะผ่านไปแค่หนึ่งวันเท่านั้น เธอได้ใช้เวลาดูดทรัพย์หินเวท วันแล้ววันเล่า จนครบหนึ่งปีเธอก็ยังไม่สามารถเลื่อนเป็นขั้นสามได้สักทีบ้านหรูบนเขาหลังหนึ่ง เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา สูงโปร่งประมาณเกือบร้อยเก้าสิบ ยืนมองมาทางบ้านของซู่เมิ่งด้วยความสงสัย เพราะเขาเพิ่งย้ายเข้ามาที่บ้านหลังนี้เมื่อครึ่งเดือนก่อนเอง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม บ้านบนเขาหลังนั้นยังว่างอยู่เลย แต่อาจจะมีคนมาอยู่ก่อนแล้ว เขาอาจจะไม่ได้สังเกตก็ได้ หลังจากที่เขาเลิกสนใจบ้านของซูเมิ่งแล้ว เขาก็เดินไปนั่งดูข่าวในหน้าจอโทรทัศน์ หลังจากที่เห็นคนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เขาก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นน่าสงสารในฐานะที่เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำงานเพื่อประชาชน เขาก็อยากให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ผ่านไปสักทีทางด้านทางขึ้นเขา เริ่มมีคนที่จะเดินขึ้นมาบนเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละคนก็หนีน้ำท่วมกันมาทั
คู่สามีภรรยาที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านที่พวกเขาเลือกไว้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากบ้านอีกหลังหนึ่ง และทำให้พวกเขาหยุดเดินทันที“พี่ได้ยินเสียงปืนไหม มันดังมาจากบ้านหลังนั้น” เธอชี้มือไปที่บ้านที่มีเสียงปืนดังออกมา ให้สามีได้ดู“ผมก็ได้ยินเหมือนกัน แล้วคุณยังจะไปอยู่อีกไหมล่ะ” “ใครจะยังไปอีก บ้านหลังนี้ก็เดินไม่ถึงสักที บ้านอีกหลังก็มีปืน เรากลับไปรวมกับชาวบ้านก็แล้วกัน” เสียเวลาจริงๆ เลย เดินออกมาตั้งนาน สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่เดิม เหนื่อยจริงๆ!!หลังจากที่ซูเมิ่งเห็นสามีภรรยาคู่นั้นเดินออกไป เธอก็ไม่ได้มาคอยเฝ้าดูแถวชายป่าอีก ส่วนพวกโจรกลุ่มนั้นเธอคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว บ้านหลังนั้นคงเป็นทหาร เพราะเธอได้ยินเสียงปืน คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วแหละ วันนี้เธอคิดว่า จะพาครอบครัวเข้าไปในมิติ ไม่อยากให้ทุกคนเครียดกับข่าวน้ำท่วมมากจนเกินไป เธอเดินมาด้านล่างของบ้าน ก็เจอครอบครัว เปิดโทรทัศน์ดูอยู่“พ่อค่ะ วันนี้หนูจะลองพาทุกคนเข้าไปในมิตินะคะ แต่หนูไม่รับรอง ว่ามันจะเข้าไปได้หรือเปล่า” “จริงเหรอพี่ ผมอยากเข้าไปจะแย่แล้ว” เสียงที่ดีใจของซีซวนดังออกมา“ถ้าอย่างนั้นใครจะลองเข้าไปเป
หลังจากที่ซูเมิ่งได้ยินเสียงเรียกมาจากซีซวน ก็ได้มองไปทางที่น้องที่ยืนอยู่ เหมือนว่าซีซวนจะไม่ได้มาคนเดียวนะ เหมือนอุ้มอะไรมาด้วย เธอเดินเข้าไปหาน้องชาย ก็เห็นว่าที่ซีซวนอุ้มมาเป็นท่านเทพจิ้งจอกนั้นเอง“อ้าว ท่านเทพ ออกจากจำศีลแล้วเหรอคะ ทำไมถึงมาด้วยกันได้” “ผมเจอท่านเทพหน้าบ้าน” ซีซวนตอบเธอหลังจากที่เซียวปิงและเซียวเฟิงได้มองไปที่ซูเมิ่งแล้ว เหมือนว่า พลังในร่างกายของซูเมิ่งจะเลื่อนระดับไปถึงขั้นสองแล้ว คงจะไปที่ขั้นสามไม่ได้สินะ“ดีนี่ ตอนพวกข้าจำศีล ตัวเจ้าก็พัฒนาได้ดี” “หลังจากที่ท่านจำศีล ฉันก็ฝึกฝนตามที่ท่านบอกตลอดเลยค่ะ แต่ติดที่ขั้นสามที่ฉันไม่สามารถข้ามผ่านไปได้” “ถ้าเจ้าติดที่ขั้นนี้ก็ไม่แปลกหรอก เพราะการที่เจ้าจะเพิ่มพลังไปขั้นที่สามได้นั้น เจ้าต้องกินกลีบของดอกบัวที่อยู่ในสระบัวเสียก่อน” “มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันก็ว่าฝึกฝนตั้งนาน พลังของฉันถึงไม่ได้เลื่อนขั้นสักที” “แต่ถึงเจ้าจะกินไปแล้ว ก็ไม่ใช่ใครก็ได้ ที่จะผ่านขั้นสามไปได้ง่ายๆ เจ้าต้องทนกับสายฟ้าฟาดทั้งสี่สายเสียก่อน แต่ถ้ากินผลท้อธรรมดา จะโดนสายฟ้าฟาดแค่หนึ่งส่ายเท่านั้น แต่สำหรับตัวเจ้ามันต่างออกไป เพรา
“ถ้าไม่มีพวกข้า ถึงจะเพิ่มเป็นขั้นสามแล้ว ก็จะไม่สามารถขอพรได้อยู่ดีเป็นอย่างไร มีพวกข้าอยู่มันดีต่อเจ้าใช่ไหมล่ะ เจ้าควรจะดีใจนะที่ได้เจอพวกข้า” หลังจากที่เห็นความภาคภูมิใจของท่านเทพแล้ว เธอชักจะไม่อยากจะขอสะแล้วสิ ท่านเทพน่าจะอยู่ในโลกมนุษย์มากเกินไป“ท่านเทพจิ้งจอกดีที่สุดเลยค่ะ ท่านนี่เทพสมชื่อเลยล่ะ สุดยอด” เธอยกนิ้วโป้งให้เทพจิ้งจอกสองนิ้ว“เห็นว่าเจ้าชมข้าหรอกนะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้พรเจ้าเลยก็แล้วกัน” หลังจากที่ท่านเทพพูดจบ ทั้งสองหัวก็รวบรวมพลังเทพที่อยู่ในร่างกาย หลอมรวมกับพลังเวททั้งสี่กลั่นออกมาเป็นพรให้ซูเมิ่งได้ขอ“เอาละ เจ้าสามารถขอได้เลย ถ้าเจ้าขอพรเสร็จแล้ว ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตามที่เจ้าขอพรไว้ แต่เจ้าไม่สามารถขอพรให้คนฟื้นคืนชีพได้ และไม่สามารถขอโลกใหม่ได้เธอเดินไปยืนอยู่ด้านหน้าท่านเทพจิ้งจอก ที่มีเวทเรืองแสงอยู่ตรงหน้า เธอหลับตาแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอในสิ่งที่เธอต้องการ สิ่งนั้น ก็คือระบบตามใจปรารถนา เป็นระบบที่เธออยากได้อะไรก็ได้ เป็นระบบไฮเทค ที่มีเอไอคอยดูแลควบคุมอยู่ด้วย ที่เธอขอแบบนี้เพราะเธอเป็นคนยุคใหม่ และอีกอย่างมันสะดวกกับเธอมากกว่าการใช้พลังเวท ไม่ใช่พล
“นายท่าน พวกเราได้ไปตรวจดูบริเวณโดยรอบแล้ว ไม่มีร่องรอยของคนอื่นเลยขอรับ” “เฝ้าระวังต่อไป อย่าเพิ่งวางใจพวกเราเดินทางกันสะดวกเกินไป” เขาสั่งงานกับลูกน้องที่เขาไว้ใจพาเดินทางมาด้วยสามสิบคน เป็นคนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ที่สุดแล้ว“โอ้ย! ปวดท้อง ข้าปวดท้องเหลือเกิน!” ซีห่าวได้ยินเสียงร้องของภรรยา ก็รีบเข้ามาดู“น้องจะคลอดแล้วหรือ เราหยุดพักรถม้ากันตรงนี้ก่อน พวกเจ้าไปเตรียมก่อไฟและต้มน้ำ แม่นมภรรยาข้าเป็นอย่างไรบ้าง” “เด็กกลับหัวพอดีเลยคะนายท่าน ดูท่าจะคลอดง่าย” เขาได้ฟังที่แม่นมรายงานก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น และเตรียมสิ่งของที่หมอตำแยได้บอกให้เตรียมไว้ เขาได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากในรถม้า“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรง นายหญิงปลอดภัยดีเจ้าคะ” หลีซีห่าวได้ฟังรายงานจากแม่นม เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขามองขึ้นไปบนฟ้า เป็นคืนที่พระจันทร์ทรงกลดพอดีกระสุนปืนยิงเข้ามาที่รถม้าของพวกเขา ในช่วงที่พวกเขาลดการระวังตัว“มีคนร้ายทุกคนกันนายหญิงให้ดี” เขารีบสั่งลูกน้องให้เข้าปกป้องลูกและภรรยาที่อยู่ในรถม้าก่อน หน้าของลูกเขาก็ยังไม่ทันได้เห็นเลย“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นด้านนอก ท่านปลอดภ
เวลาผ่านไปหลายปี จิ้งจอกน้อยตามหาเจ้านายของเขาไปทั่วทุกหนแห่งแต่ก็ไม่พบ อยู่มาวันหนึ่งพวกเขาบังเอิญได้มาที่สระบัวแห่งหนึ่ง และพบกับดอกบัวที่มีพลังงานหนาแน่นเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงเก็บดอกบัวสีขาวที่มีสีแดงตรงปลาย ดอกบัวดอกนี้ให้ความคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างมาก เหมือนว่าเจ้าดอกบัวนี้ จะเป็นสิ่งที่พวกเขาตามหาอยู่ พวกเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ตอนที่พวกเขากำลังเข้าไปจับที่ดอกบัวดอกนั้น จิ้งจอกน้อยรู้สึกว่าดอกบัวกำลังดีใจที่ได้พบกับพวกเขา และพวกเขาก็สามารถเก็บดอกบัวไปปลูกได้อย่างง่ายดาย จิ้งจอกสองหัวรู้สึกแปลกใจกับความง่ายดายนี้ ถ้าเป็นพืชที่วิเศษ จะต้องใช้แรงกายในการเอาสิ่งนั้นมาได้ยากมาก แต่ดอกบัวดอกนี้ยินยอมที่จะไปอยู่กับพวกเขาเอง พวกเขานำดอกบัวไปปลูกไว้ที่สระน้ำแห่งชีวิต ตั้งแต่ที่ได้นำดอกบัวเข้ามาปลูก พลังงานบริสุทธิ์ภายในมิติยิ่งเพิ่มมากขึ้น และสระน้ำแห่งชีวิตก็บริสุทธิ์มากขึ้นเช่นกันเวลาผ่านไปหลายปี จนถึงปีหนึ่งที่พวกเขากำลังนั่งจำศีลกันอยู่พวกเขาได้ปล่อยจิตรับรู้เอาไว้ อีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขาจะต้องไปทำงานที่เจ้านายได้สั่งไว้ก่อนที่จะหายตัวไป“เสี่ยวปิง แล้วพวกเราจะต้องไปช่วยเด
มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เธออาศัยอยู่ในป่าลึกพร้อมกับเพื่อนคู่ใจ เป็นจิ้งจอกตัวน้อยสองหัว ที่เธอได้ช่วยเหลือไว้ตอนที่แม่ของพวกมันถูกฆ่าตาย เธอตั้งชื่อให้ทั้งสองหัวว่า เสี่ยวเฟิง และเสี่ยวปิง จิ้งจอกน้อยทั้งสองตัว ติดตามเธอคอยช่วยเหลือและเฝ้าดูแลพื้นที่ในมิติแทนเธอ ผู้เป็นเจ้าของในที่แห่งนี้จิ้งจอกน้อยอยู่กับนายของมัน เธอเป็นหญิงสาวที่เงียบขรึม ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ชีวิตในแต่ละวันของเธอ ก็จะอยู่ภายในมิติมากกว่าอยู่ด้านนอกมิติ เธอชอบคิดค้นยาหรือหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาปลูกภายในมิติอยู่เสมอ พวกเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งที่เจ้านายได้นำเข้ามาปลูกด้วยเช่นกัน“เจ้าจิ้งจอกน้อย อย่าไปเล่นซนกับต้นสมุนไพรของข้าละ สมุนไพรชนิดนี้สำคัญมาก และก็มีราคาที่แพงด้วย” “พวกข้าจะไม่ไปเล่นซนตรงนั้นอย่างแน่นอน ข้าแค่สงสัยกลิ่นของสมุนไพรแปลกๆ พวกนี้” “ดีแล้วเด็กดีตัวน้อย” หญิงสาวอุ้มจิ้งจอกสองหัวขึ้นมากอด และก็เกาไปที่พุงของพวกมันเบาๆจิ้งจอกน้อยทั้งสองตัวมีความสุขกับเจ้านายของพวกมันมาก และพวกมันก็รักเจ้านายคนนี้มากด้วยเช่นกัน ตอนที่พวกเขาได้พบเจอกับเจ้านายคนนี้ พวกเขาก็เกือบจะตายกันไปแล้ว อยู่มาวัน
“เด็กน้อยของแม่ ลูกหน้าเหมือนพี่เฟยหรงเลยนะคะ” เธอเอานิ้วถูไปที่แก้มลูกเบาๆ“ตอนนี้ยังดูไม่ค่อยออกหรอกว่าหน้าเหมือนใคร ต้องรอไปสักสองถึงสามเดือนถึงจะดูออก” ซูซ่านพูดบอกลูกสาวของเธอไป" อ่อ แบบนี้นี่เอง " เธอเล่นกับลูกอีกสักพัก ลูกเธอก็ร้องขึ้นมา เธอต้องส่งลูกให้คุณพยาบาลพาไปป้อนนม เพราะน้ำนมเธอยังไม่มากพอให้เด็กทั้งสองคนได้กินทั้งครอบครัวของเธอและคุณปู่เห็นว่าเธอและลูกปลอดภัยหายห่วงแล้ว ก็พากันกลับบ้าน เหลือแค่เธอกับพี่เฟยหรงแค่สองคนเท่านั้น“เหนื่อยไหมครับคนเก่ง” เฟยหรงเอาผ้าชุบน้ำนำมาเช็ดหน้าและเช็ดตามตัวของภรรยา เพื่อให้เธอได้นอนพักผ่อนอย่างสบายตัว“มีคนดูแลดีแบบนี้น้องหายเหนื่อยไปตั้งนานแล้วค่ะ” เธอนอนให้สามีคอยเช็ดตัวให้ เพราะเธอยังรู้สึกเจ็บแผลที่คลอดอยู่มาก“พี่เช็ดตัวให้น้องจะได้นอนหลับอย่างสบายนะครับ คืนนี้พยาบาลบอกว่าให้น้องนอนพักได้เลย พรุ่งนี้ถึงจะพาลูกมาให้เราฝึกดูแล” “ดีเหมือนกัน น้องคงดูแลไม่ไหวแน่วันนี้น้องขอนอนพักก่อนนะคะ” เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วก็นอนหลับไปเพราะยาที่ได้กิน และความเหนื่อยล้าจากร่างกาย เฟยหรงนั่งเฝ้าภรรยาและตัวเขาก็หลับไปพร้อมกันเวลาผ่านไปหล
หลังจากที่เธอได้ไปฝากครรภ์ ตอนนี้ก็ผ่านมาห้าเดือนแล้ว ท้องของเธอใหญ่มาก ใหญ่เกินไปด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะท้องลูกคนแรก หรือเธอจะท้องลูกแฝดหรือเปล่า เพราะเธอท้องใหญ่เกินกว่าจะท้องลูกคนเดียว ช่วงนี้เธอว่างเกินไปจริงๆ ตั้งแต่ที่เธอท้องพี่เฟยหรงก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลยวันๆ เธอมีหน้าที่แค่กินและนอนเท่านั้น เธอบันทึกประจำวันในแต่ละวันว่าทำอะไรบ้างลงในสมุดการตั้งครรภ์ ทุกเดือนเธอต้องแบกท้องกลมโตไปให้หมอตรวจ หมอก็บอกเธอว่าอาจจะได้ลูกแฝด เสียดายที่ไม่มีเครื่องตรวจ เธอก็เลยไม่รู้ว่าลูกเธอเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายกันแน่ แต่ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชาย เธอก็รักเด็กคนนี้เสมอ“พ่อกลับมาแล้วครับ วันนี้เด็กน้อยดื้อกับแม่หรือเปล่าครับ” พี่เฟยหรงกลับบ้านเร็วทุกวัน เพราะกลัวว่าเธอจะอยู่คนเดียวที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ทุกครั้งตอนกลับถึงบ้านพี่เฟยหรงก็จะเข้ามาจูบที่ท้องของเธอ และเล่นกับลูกในท้อง เด็กน้อยทั้งสองเหมือนว่าจะรู้ว่าพ่อเขามาเล่นด้วย ก็จะดิ้นทักทายตอบกลับพี่เฟยหรงทุกครั้ง ทำให้เธอเจ็บท้องไปหมด แต่เป็นความเจ็บปวดที่เธอมีความสุขตอนนี้เข้าเดือนที่แปดแล้ว เธอมานอนอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่เพราะกลัวว่าเธอจะปวดท้
“ไม่โกรธคะ แต่เป็นห่วงมากกว่ากลัวว่าพี่จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วคราวหน้าถ้าพี่เฟยหรงจะกลับบ้านช้า หรือทำอะไรที่เป็นอันตรายจะต้องบอกน้องไว้ก่อนนะคะ อย่าหายไปแบบนี้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นน้องจะโกรธพี่เฟยหรงจริงๆ ด้วย” “ได้ครับ ครั้งหน้าพี่จะรายงานภรรยาตัวน้อยของพี่ทุกอย่าง จะไม่ลืมเลย” เธอหยอกล้อเล่นกับสามีอยู่ พี่เฟยหรงก็ทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนอยากจะอ้วกขึ้นมา“พี่เฟยหรงเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” “พี่ไม่ได้เป็นอะไร แค่ช่วงนี้พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและอยากจะอ้วกอยู่บ่อยๆ ” หรือพี่เฟยหรงจะแพ้ท้องแทนเธอกัน เขาว่าถ้าคนไหนรักเมียมากก็จะแพ้ท้องแทนเมีย เธอไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่พี่เฟยหรงก็รักเธอจริง“พี่อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ หรือเปล่า” “ใช่แล้วพี่รู้สึกอยากกินของเปรี้ยวมากเลย” “ถ้าแบบนั้น เดี๋ยวน้องต้มน้ำแกงใส่ผักกาดดองให้พี่ดีไหม ที่บ้านเรายังมีลูกท้ออยู่ เดี๋ยวน้องจะไปเตรียมไว้ให้ พี่นอนพักก่อนก็ได้นะคะ ถ้าน้องทำเสร็จแล้วจะเอามาให้ที่เตียง” เธอลุกเดินไปล้างหน้า และเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อไปเตรียมอาหารให้คนแพ้ท้องแทนเมียกิน ดีที่แม่ได้เตรียมผักกาดดองมาให้เธอเมื่อวานนี้
“ช่วงนี้หนูไม่ได้ไปหาหมอเลยคะ แต่อาการแบบนี้จะเป็นทุกครั้งหลังจากที่หนูฝึกพลังเวทเสร็จนะคะ” “ท้องหรือเปล่าลูก ตอนแม่ท้องแม่ก็อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ เหมือนกัน” หรือเธอจะท้องกัน เพราะประจำเดือนของเธอเลยกำหนดมาหลายวันแล้ว“หนูก็ไม่รู้ค่ะ เอาไว้หนูจะลองตรวจดู” “พ่อว่าท้องก็ดี เฟยหรงจะได้สมใจอยากสักที สามีลูกมาบ่นให้พ่อฟังตลอดเลย มาถามหาเคล็ดลับอะไรก็ไม่รู้กับพี่ชายของลูกด้วย” “พี่เฟยหรงทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ สงสัยจะอยากมีลูกมากจริงๆ ไม่แน่หนูอาจจะท้องก็ได้นะคะ” “ระบบก็อยู่กับลูก ก็ลองซื้อมาตรวจสะตอนนี้เลย แม่จะได้ช่วยดูด้วย” “ก็ได้ค่ะ” เธอเปิดระบบร้านค้าขึ้นมาดู แล้วเลือกไปที่ตรวจการตั้งครรภ์ เธอเลือกเอาที่ตรวจง่ายๆ มาสองอัน เพื่อป้องกันความผิดพลาด เธอกดจ่ายแต้มในมิติไป สองร้อยแต้ม ตอนนี้แต้มในมิติที่เคยมีอยู่ก็ยังใช้ได้เหมือนเดิม แต่ถ้าอยากมีแต้มที่มากขึ้น เธอจะได้แต้มนี้มาจากการขายของในระบบ ก็คือหาของมาขายให้ระบบอีกที เธอถึงจะได้แต้มมาซื้อของในร้านค้า เพราะเธอไม่ได้เปิดร้านค้าออนไลน์อีกต่อไปแล้ว ระบบเลยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ที่เธอเป็นอยู่“ได้มาแล้วค่ะแม่ หนูจะเอาไปตรว
“นี่เฟยหรงใช่ไหม” หงเปาร้องเรียกชายหนุ่มที่อยู่ตรงทางออกประตูด้านหน้าเขา“ผมเฟยหรงเองครับท่านผู้ช่วย ตอนนี้ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับท่านผู้นำ ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านทำอะไรอยู่” “ตอนนี้ท่านผู้นำท่านได้พาทุกคนออกไปด้านนอกแล้ว” “แสดงว่า ที่ใต้ดินแห่งนี้มีทางออกหลายทางเหรอครับ” “ใช่แล้ว นายไม่เคยอยู่ในเมืองใต้ดินแห่งนี้ นายคงไม่รู้ว่ายังมีทางออกเชื่อมไปตามเมืองต่าง ๆ อีก” “ที่ผมจะคุยกับท่านก็เรื่องที่พื้นดินด้านบน สามารถอยู่ได้แล้ว ถ้าตอนนี้ท่านรู้แล้ว ผมขอกลับไปหาครอบครัวของผมก่อนนะครับ พวกเราต้องสร้างบ้านหลังใหม่” “ถ้านายทำเรื่องทางฝั่งของครอบครัวนายเสร็จแล้ว ก็มาพบกับท่านผู้นำอีกครั้งก็แล้วกัน ฉันจะบอกท่านไว้ให้” “ขอบคุณมากครับ” เฟยหรงพูดพร้อมกับความสบายใจ และได้เร่งเดินทางกลับมาหาครอบครัวของเขา“พี่เฟยหรงไปไหนมาคะ” ซูเมิ่งถามสามีของเธอออกไป เธอไม่เห็นเฟยหรงตั้งแต่เช้าแล้ว“พี่ไปแจ้งเรื่องท่านผู้นำมา แต่ไม่เจอท่าน” “อ่อ เรื่องนี้นี่เอง พี่น่าจะถามฉันก่อนนะคะ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา ที่สามีของเธอใจร้อน ไปหาท่านผู้นำครั้งนี้ พี่เฟยหรงคงจะไปไม่พบกับท่านผู้นำแน่เฟยหรงเขาก็
“ เจ้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับข้ากัน” เฟยฉีดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอด เขาได้พบเจอเสียที “ผมน่าจะเคยรู้จักท่านเทพมาก่อนครับ ผมได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานมากแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ผมได้เป็นเด็ก ท่านเทพใช่คนเดียวกันกับ คนที่เอาเด็กน้อยและบันทึกตระกูลมาวางไว้ที่หน้าบ้านผม เมื่อครั้งนั้นใช่ไหมครับ ““เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นพวกข้า” “ผมแค่รู้สึกได้ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยที่ออกมาจากตัวเด็กที่ท่านได้วางไว้เมื่อครั้งนั้น” ใช่แล้ว วันนั้นเป็นเศษเสี้ยวดวงจิตของพวกเขาเอง ที่ได้ทิ้งไว้ส่วนหนึ่งก่อนที่จะจำศีล เพื่อที่จะทำตามคำขอของเจ้านายคนเก่า ให้เอาเด็กน้อยไปวางไว้ที่หน้าบ้านของเขาคนนี้ ตามคำสั่งของเจ้าของมิติคนก่อน“ใช่แล้ว เป็นพวกข้าเองที่นำเด็กไปวางไว้ เจ้าของมิติคนเก่าของข้าได้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไว้ พวกข้าก็แค่ส่งคืนญาติของเด็กที่น่าสงสารเท่านั้นเอง” “เจ้าของมิติคนเก่าของท่านก็ฝันเห็นนิมิตเหมือนกันใช่ไหมครับ ผมเคยได้ยินว่าถ้าฝึกเวทผ่านไปจนถึงขั้นสูงสุดจะฝันเห็นนิมิตได้” “สิ่งนั้นก็เป็นเรื่องจริง เจ้าของมิติคนเก่าของข้า แค่บอกว่า โชคชะตาจะนำพาให้พานพบกันอีกครั้ง ทุกสิ่งที่เกิด