“ตกลงครับ ผมขอซื้อทั้งหมด ถ้าคุณหงส์มีหินหยกแบบนี้อีกนำมาขายให้ผมได้นะครับ สำหรับหินหยกสองก้อนนี้ผมให้ราคาอยู่ที่…..ก้อนละสามล้านหยวน แต่สำหรับหินชิ้นสีเขียวผมให้ราคา ที่มากกว่าเพราะเป็นหินที่คุณภาพดีกว่ามาก ผมให้ราคาอยู่ที่สิบห้าล้านหยวน คุณหงส์พอใจกับราคานี้หรือเปล่าครับ”
เธอไม่คิดว่าราคาหินหยก ที่เธอได้นำมาขายในวันนี้ จะได้ราคาที่สูงมากขนาดนี้ ถ้าตอนไหนที่เธอขาดเงินเธอก็สามารถนำหินที่อยู่ในมิติไปขายก็รวยแล้ว “พอใจกับราคาที่คุณจางเสนอให้มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณหงส์พอใจผมก็ดีใจครับ เพราะทางเราได้ให้ราคาที่สูงที่สุดแล้ว ถ้าคุณหงส์ยังมีหินหยกอีก ผมรับซื้อทั้งหมดนะครับ” เขายินดีที่จะให้ราคาสูงกับลูกค้าคนนี้ เพื่อการซื้อขายในอนาคต “ถ้าแบบนั้นเรามาทำสัญญาซื้อขายกันเลยไหมครับ” “ได้ค่ะ ถ้าฉันมีหินหยกอีก ฉันจะนึกถึงร้านคุณจางเฟินเจินแน่นอนค่ะ” หลังจากที่เธอได้ทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ไหนๆ เธอก็ออกมาข้างนอก เธอคิดว่าจะไปดูรถบ้านสักหน่อย เธออยากได้มานานแล้ว หลังจากที่จางเฟินเจิน ได้ส่งลูกค้าออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเอาหินเวทที่เพิ่งได้รับวันนี้ ไปมอบให้เจ้าของร้านที่แท้จริง เขาขับรถออกมานอกเมืองหลวง สองข้างทางจะมีแต่ต้นไม้ร่มรื่น แต่ไม่ค่อยมีรถส่วนทางมาเท่าไหร่ เขาขับรถมาหน้าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่บนเนินเขา เป็นบ้านหลังใหญ่ที่หน้าบ้าน มีการ์ดเฝ้าประตูอยู่สองคน เขาได้แนะนำตัว และเอาบัตรให้การ์ดที่เฝ้าประตูดู หลังจากที่ตรวจบัตรเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ขับรถเข้ามาในบริเวณบ้าน กว่าจะถึงตัวบ้าน เขาต้องขับรถเข้ามาอีกหนึ่งกิโล ก็ถึงหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ ข้างหน้าบ้านหลังนี้มีต้นไม้และเป็นสระบัว เขาได้จอดรถและเดินเข้าไปในบ้าน “คุณจางเจ้านายผมกำลังรอคุณอยู่ข้างบนครับ” เขาเดินขึ้นบันไดเข้ามาในบ้าน เจอกับรูปปั้นรูปหงส์ ที่ตบแต่งอยู่กลางบ้าน ส่วนใหญ่บ้านหลังนี้ของตบแต่งจะเป็นหงส์ทั้งหมด “มาหาผมมีเรื่องอะไร คุณจางหวังว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ” หลังจากที่เขาเคาะประตูและเดินเข้าห้องมา เขาก็ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มแต่ติดเป็นเสียงที่เย็นชา มาจากชายชุดขาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ได้ถามเขาออกมา “วันนี้ผมได้รับซื้อของสำคัญที่เจ้านายตามหาอยู่ ผมนำกลับมามอบให้ครับ” หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่จางเฟินเจินรายงาน ชายชุดขาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มือที่กำอยู่รู้สึกสั่นเทา เขาไม่คิดว่าจะได้เจอสิ่งของที่เขาตามหามานาน หลังจากที่จางเฟินเจินได้รายงานออกไป เขาก็ได้นำหินหยกก้อนเท่าฝ่ามือ เอาออกมายื่นให้ชายชุดขาวคนนั้น หลังจากที่ชายชุดขาวได้รับหินก้อนนั้นไป เขาได้บอกให้จางเฟินเจินกลับไป หลังจากที่จางเฟินเจินกลับไปแล้ว ชายชุดขาวคนนั้นได้นำหินหยกก้อนนั้นที่เขาเพิ่งได้รับ เอาออกมาดู เขารู้สึกดีใจมากที่ตัวเขาได้พบเจอสิ่งที่เขาต้องการสักที หินก้อนนี้จะช่วยต่อชีวิตของเขาต่อไปได้ หลังจากที่ซูเมิ่งได้เดินเข้ามาที่ศูนย์ ขายรถบ้านหลากหลายสไตล์ เธอได้บอกกับพนักงานขายว่าต้องการรถบ้านแบบไหน และรถบ้านที่เธอจะซื้อนั้นมีฟังก์ชันพิเศษมาก คือสามารถปรับให้กลายเป็นเรือได้ถ้ารถคันนี้ลงน้ำ นี่มันดีมากเป็นสิ่งที่เธอต้องการที่สุด เธอแทบจะไม่ดูรถแบบอื่นเลยแค่ได้ยินที่พนักงานได้อธิบาย นอกจากสามารถดัดแปลงเป็นเรือเมื่อลงน้ำได้แล้วในรถยังมีเตียงนอนสามเตียงและมีเตียงเสริมได้อีกสองเตียง มีห้องครัวและห้องน้ำ ห้องอาบน้ำในตัว มีเครื่องปั่นไฟ นี่มันรถในวันสิ้นโลกสุดๆ แถมรถคันนี้ยังใช้ระบบได้สองแบบ ทั้งระบบไฟฟ้า และเติมน้ำมันได้ด้วย เธอสอบถามราคาว่ารถคันนี้ราคาเท่าไหร่ หลังจากที่ได้ฟังราคา เธอแทบจะเอาหินหยกที่อยู่ในมิติ นำไปขายอีกรอบเลย แต่เธอก็ทำไม่ได้ เงินทองค่อยหาใหม่ก็ได้ จ่ายค่ารถบ้านคันนี้ไปสิบห้าล้านบาท ซึ่งเธอขอลดแล้วลดอีก ที่เขาลดให้เพราะช่วงนี้ไม่มีคนมาซื้อรถบ้านกันแล้ว เขาไปซื้ออย่างอื่นกันหมด เธอขอขับรถกลับเองเพราะเธอไม่ได้เอารถมา เธอขับรถเข้าไปเก็บในบ้าน เธอยังไม่ทันเปิดประตูบ้าน และกำลังเข้ามาในบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงของแม่เธอดังออกมา “ซูเมิ่งขับรถอะไรกลับมานะ” “รถบ้านสิแม่” เธอตอบด้วยความภูมิใจ ขายหินสองก้อนเธอก็รวยพอมีเงินซื้อรถบ้านแล้ว “แกมีเงินด้วยเหรอ” พ่อเธอเดินออกมาจากในบ้าน “มีสิพ่อ เดี๋ยวหนูบอกพ่อกับแม่เองล่ะ แล้วมายืนคุยข้างนอกแบบนี้พ่อกับแม่อยากให้คนบ้านอื่นรู้หรือไงกัน พ่อแม่ขึ้นมาดูบนรถบ้านหนูสิ เป็นไง สวยไหมคะ” หลังจากที่พ่อและแม่เดินขึ้น มาดูบนรถบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินมาคุยกับเธอ ว่ารถคันนี้ราคาเท่าไหร่แล้วเธอเอาเงินที่ไหนไปซื้อ เธอบอกท่านว่าได้เอาหินเวทไปขาย เท่านั้นล่ะ หูของเธอแทบดับ เพราะพ่อและแม่ช่วยกันบ่นเธอที่ทำอะไรแบบนี้ ท่านบอกคราวหลังอย่าได้ทำแบบนี้อีก ซึ่งมันอันตรายเกินไป เธอรู้ว่าที่ท่านบ่นเธอเพราะเป็นห่วงเธอ “แม่รถใครมาจอดในบ้านเราน่ะ เท่มากเลย” “เท่ใช่ไหมล่ะ รถของพี่เอง” “ผมขอเอาไปขับบ้างได้ไหมพี่ นะๆ ” “อ้อนให้ตายพี่ก็ไม่ให้เรา เอาไปขับหรอกเราอายุเท่าไหร่กันเชียว ถ้าตำรวจจับพี่ไม่ไปช่วยเธอหรอกนะ” “ขี้งก ยืมแค่นี้ก็ไม่ได้ ผมอายุสิบเจ็ดแล้วนะ เดือนหน้าผมก็จะสิบแปดปีแล้ว ขับรถได้แล้วด้วย” “รอนายสิบแปด แล้วพี่จะให้นายเอาไปขับก็แล้วกัน” “เย้!! พี่สัญญาแล้วนะ” “แน่นอน พี่พูดคำไหนคำนั้น” ตอนนี้เธอปลูกผักไวเยอะมาก เธออยากแบ่งไปขายบ้างแต่ไม่รู้จะขายได้ที่ไหน แต่ก็คงได้แค่คิด เพราะผักและผลไม้ของเธอมันเป็นผลไม้เวททั้งหมดแล้ว ทำได้แค่เอามาให้ที่บ้านกินได้แค่นั้น วันนี้ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ก่อนจะเกิดน้ำท่วมหนัก “นี่คุณ พี่ชายคุณโทรมาหา เมื่อตอนเที่ยงคุณคุยเรื่องอะไรกัน ฉันก็ลืมถามเลย” “ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่ชายผมเขาบอกว่า ที่บ้านน้ำจะท่วมออกไปทำงานไม่ได้ เลยจะมาขอยืมเงิน” “แล้วพ่อให้ยืมไปหรือเปล่า เงียบแบบนี้ให้ยืมอีกแน่เลย” “เรื่องยืมเงินฉันไม่ว่านะ แต่อย่าให้มันเยอะเกินไปเลย ที่พี่คุณยืมไปกี่รอบแล้ว ไม่เคยที่จะมาคืนเลย” “ใช่ครับพ่อ ยิ่งตอนที่ลุงเซียวเอินมาที่บ้านเราทีไร พี่จูไห่ตามมาด้วย ชอบมาขโมยของผมกลับไปอยู่เรื่อย นิสัยไม่ดีเลย ผมไม่ชอบพี่เขาเลย” “เราจะพูดแบบนี้ไม่ได้ซีซวน นั่นมันก็พี่ชายของลูกเหมือนกัน มีอะไรก็แบ่งๆ กันเล่น” “พ่อก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมไม่คุยด้วยแล้ว” หลังจากที่ซีซวนพูดจบก็ขึ้นไปห้องนอนของตัวเอง เขาเบื่อที่พ่อยึดติดกับพี่ชายที่นิสัยไม่ดีของพ่อด้วย ลุงอะไร ลุงที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นเขาก็ไม่นับหรอก“แต่ที่ลูกพูดก็ถูกนะคุณ พี่ชายคุณเขาก็โตแล้ว เขาต้องเลี้ยงดูลูกกับครอบครัวเขาเองได้แล้ว ไม่ใช่อะไรๆ ก็มาพึ่งแต่พวกเรา ครอบครัวเรามีตั้งหลายชีวิต หวังว่าคุณคงไม่บอกว่าพวกเราจะไปอยู่บ้านบนเขานะ เราช่วยได้เท่าที่ช่วยเถอะ ไม่ใช่ว่าฉันเห็นแก่ตัวหรอกน่ะ แต่ฉันก็ทำเพื่อลูกของฉันเหมือนกัน แล้วคุณล่ะ ทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อคนอื่นมากกว่าครอบครัวของเรา” แม่เธอพูดเสร็จแล้วก็เข้าห้องไปอีกคน แม่เธอคงโกรธมากที่พ่อของเธอใจอ่อนแบบนี้ ในเมื่อคนอื่นพูดไปหมดแล้ว เธอก็จะไม่พูดอะไรอีก เธอก็รู้สึกสงสารพ่อของเธอเหมือนกัน อีกฝั่งก็ครอบครัว อีกฝั่งก็พี่น้อง“แล้วเราล่ะ คิดว่าพ่อคนนี้แย่หรือเปล่า” “พ่อ เป็นพ่อที่เท่สำหรับหนูเสมอค่ะ หนูเข้าใจพ่อนะคะ แต่พ่อต้องมองความเป็นจริงด้วย ลุงเซียวเอินก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ หนูเข้าใจพ่อนะคะ” เธอพูดจบแล้วก็เข้าไปกอดพ่อของเธอ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไปอีกคนหลังจากที่ครอบครัวของเขาแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เซียวกังก็นั่งทบทวนตัวเองอยู่คนเดียวอีกสักพัก ก็เดินกลับเข้าห้องไปง้อ ภรรยาของเขา ก่อนเข้าห้องได้เดินไปหน้าห้องของลูกสาวแล้วเคาะประตูบอกให้เธอ ลงไปเก็บรถบ้านเข้ามิติด้วยเธอ
เธอค้นเจอในความทรงจำ เกี่ยวกับอักขระ มีการเขียนเกี่ยวกับเวทเคลื่อนย้ายอยู่ ซึ่งอักขระชนิดนี้นั้น สามารถทำให้เธอไปที่ไหนก็ได้ ที่เธอเคยไป และถ้าเธอวาดอักขระบนสิ่งของอะไร เธอก็สามารถทำให้สิ่งของนั้นเป็นของวิเศษที่สามารถใช้งานได้“แม่ค่ะ หนูมีวิธีที่จะช่วยทุกคนแล้ว หนูค้นเจอเวทเคลื่อนย้ายในตำรา ที่ท่านเวทจิ้งจอกได้ให้ไว้ แม่โทรหาพี่ บอกให้พี่เข้าไปอยู่ในห้องพัก เดี๋ยว หนูจะวาดอักขระตรงหน้าประตูบ้านเรา ให้เชื่อมต่อกับที่พักของพี่ชาย” หลังจากที่แม่เธอได้ฟังที่เธอบอกแล้ว ก็ได้โทรหาพี่ชายของเธอ เพื่อบอกว่าเธอมีทางทำให้พี่กลับมาบ้านได้แล้ว หลังจากที่พี่ตงหยางได้รู้ว่าเธอจะทำสิ่งไหน เขาก็เดินออกมาจากหน้าประตูห้องพักของเขา หลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ซูเมิ่งก็ได้เอามือวาดบนประตูที่บ้านของเธอ และตั้งจิตว่าจะให้ประตูนี้เชื่อมต่อกับที่ไหน แล้ววาดอักขระเชื่อมต่อลงไป หลังจากที่เธอวาดอักขระจบแล้ว หน้าประตูบ้านของเธอก็มีแสงสว่างขึ้นมา ทำให้รู้ว่าการสร้างอักขระครั้งแรกของเธอเป็นผลสำเร็จหลังจากที่เธอทำสำเร็จแล้ว เธอก็ได้เปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อไปพาพี่ชายกลับมาที่บ้าน เธอเปิดประตูเข้ามาที่ห้องของพ
เธออยากให้ครอบครัวของเธอเข้ามาในมิติด้วยจัง เธอจะได้ มีคนช่วยดูแลสิ่งของต่างๆ ภายด้านในมิตินี้ หรือเธอจะลองให้พ่อและแม่เข้ามาดี ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วฝึกพลังอีกสักหน่อยดีกว่า เธอดูดทรัพย์หินเวท และปรับเวลาในมิติให้เป็น เวลาหนึ่งปีภายในมิติ แต่ด้านนอกจะผ่านไปแค่หนึ่งวันเท่านั้น เธอได้ใช้เวลาดูดทรัพย์หินเวท วันแล้ววันเล่า จนครบหนึ่งปีเธอก็ยังไม่สามารถเลื่อนเป็นขั้นสามได้สักทีบ้านหรูบนเขาหลังหนึ่ง เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา สูงโปร่งประมาณเกือบร้อยเก้าสิบ ยืนมองมาทางบ้านของซู่เมิ่งด้วยความสงสัย เพราะเขาเพิ่งย้ายเข้ามาที่บ้านหลังนี้เมื่อครึ่งเดือนก่อนเอง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม บ้านบนเขาหลังนั้นยังว่างอยู่เลย แต่อาจจะมีคนมาอยู่ก่อนแล้ว เขาอาจจะไม่ได้สังเกตก็ได้ หลังจากที่เขาเลิกสนใจบ้านของซูเมิ่งแล้ว เขาก็เดินไปนั่งดูข่าวในหน้าจอโทรทัศน์ หลังจากที่เห็นคนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เขาก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นน่าสงสารในฐานะที่เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำงานเพื่อประชาชน เขาก็อยากให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ผ่านไปสักทีทางด้านทางขึ้นเขา เริ่มมีคนที่จะเดินขึ้นมาบนเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละคนก็หนีน้ำท่วมกันมาทั
คู่สามีภรรยาที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านที่พวกเขาเลือกไว้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากบ้านอีกหลังหนึ่ง และทำให้พวกเขาหยุดเดินทันที“พี่ได้ยินเสียงปืนไหม มันดังมาจากบ้านหลังนั้น” เธอชี้มือไปที่บ้านที่มีเสียงปืนดังออกมา ให้สามีได้ดู“ผมก็ได้ยินเหมือนกัน แล้วคุณยังจะไปอยู่อีกไหมล่ะ” “ใครจะยังไปอีก บ้านหลังนี้ก็เดินไม่ถึงสักที บ้านอีกหลังก็มีปืน เรากลับไปรวมกับชาวบ้านก็แล้วกัน” เสียเวลาจริงๆ เลย เดินออกมาตั้งนาน สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่เดิม เหนื่อยจริงๆ!!หลังจากที่ซูเมิ่งเห็นสามีภรรยาคู่นั้นเดินออกไป เธอก็ไม่ได้มาคอยเฝ้าดูแถวชายป่าอีก ส่วนพวกโจรกลุ่มนั้นเธอคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว บ้านหลังนั้นคงเป็นทหาร เพราะเธอได้ยินเสียงปืน คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วแหละ วันนี้เธอคิดว่า จะพาครอบครัวเข้าไปในมิติ ไม่อยากให้ทุกคนเครียดกับข่าวน้ำท่วมมากจนเกินไป เธอเดินมาด้านล่างของบ้าน ก็เจอครอบครัว เปิดโทรทัศน์ดูอยู่“พ่อค่ะ วันนี้หนูจะลองพาทุกคนเข้าไปในมิตินะคะ แต่หนูไม่รับรอง ว่ามันจะเข้าไปได้หรือเปล่า” “จริงเหรอพี่ ผมอยากเข้าไปจะแย่แล้ว” เสียงที่ดีใจของซีซวนดังออกมา“ถ้าอย่างนั้นใครจะลองเข้าไปเป
หลังจากที่ซูเมิ่งได้ยินเสียงเรียกมาจากซีซวน ก็ได้มองไปทางที่น้องที่ยืนอยู่ เหมือนว่าซีซวนจะไม่ได้มาคนเดียวนะ เหมือนอุ้มอะไรมาด้วย เธอเดินเข้าไปหาน้องชาย ก็เห็นว่าที่ซีซวนอุ้มมาเป็นท่านเทพจิ้งจอกนั้นเอง“อ้าว ท่านเทพ ออกจากจำศีลแล้วเหรอคะ ทำไมถึงมาด้วยกันได้” “ผมเจอท่านเทพหน้าบ้าน” ซีซวนตอบเธอหลังจากที่เซียวปิงและเซียวเฟิงได้มองไปที่ซูเมิ่งแล้ว เหมือนว่า พลังในร่างกายของซูเมิ่งจะเลื่อนระดับไปถึงขั้นสองแล้ว คงจะไปที่ขั้นสามไม่ได้สินะ“ดีนี่ ตอนพวกข้าจำศีล ตัวเจ้าก็พัฒนาได้ดี” “หลังจากที่ท่านจำศีล ฉันก็ฝึกฝนตามที่ท่านบอกตลอดเลยค่ะ แต่ติดที่ขั้นสามที่ฉันไม่สามารถข้ามผ่านไปได้” “ถ้าเจ้าติดที่ขั้นนี้ก็ไม่แปลกหรอก เพราะการที่เจ้าจะเพิ่มพลังไปขั้นที่สามได้นั้น เจ้าต้องกินกลีบของดอกบัวที่อยู่ในสระบัวเสียก่อน” “มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันก็ว่าฝึกฝนตั้งนาน พลังของฉันถึงไม่ได้เลื่อนขั้นสักที” “แต่ถึงเจ้าจะกินไปแล้ว ก็ไม่ใช่ใครก็ได้ ที่จะผ่านขั้นสามไปได้ง่ายๆ เจ้าต้องทนกับสายฟ้าฟาดทั้งสี่สายเสียก่อน แต่ถ้ากินผลท้อธรรมดา จะโดนสายฟ้าฟาดแค่หนึ่งส่ายเท่านั้น แต่สำหรับตัวเจ้ามันต่างออกไป เพรา
“ถ้าไม่มีพวกข้า ถึงจะเพิ่มเป็นขั้นสามแล้ว ก็จะไม่สามารถขอพรได้อยู่ดีเป็นอย่างไร มีพวกข้าอยู่มันดีต่อเจ้าใช่ไหมล่ะ เจ้าควรจะดีใจนะที่ได้เจอพวกข้า” หลังจากที่เห็นความภาคภูมิใจของท่านเทพแล้ว เธอชักจะไม่อยากจะขอสะแล้วสิ ท่านเทพน่าจะอยู่ในโลกมนุษย์มากเกินไป“ท่านเทพจิ้งจอกดีที่สุดเลยค่ะ ท่านนี่เทพสมชื่อเลยล่ะ สุดยอด” เธอยกนิ้วโป้งให้เทพจิ้งจอกสองนิ้ว“เห็นว่าเจ้าชมข้าหรอกนะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้พรเจ้าเลยก็แล้วกัน” หลังจากที่ท่านเทพพูดจบ ทั้งสองหัวก็รวบรวมพลังเทพที่อยู่ในร่างกาย หลอมรวมกับพลังเวททั้งสี่กลั่นออกมาเป็นพรให้ซูเมิ่งได้ขอ“เอาละ เจ้าสามารถขอได้เลย ถ้าเจ้าขอพรเสร็จแล้ว ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตามที่เจ้าขอพรไว้ แต่เจ้าไม่สามารถขอพรให้คนฟื้นคืนชีพได้ และไม่สามารถขอโลกใหม่ได้เธอเดินไปยืนอยู่ด้านหน้าท่านเทพจิ้งจอก ที่มีเวทเรืองแสงอยู่ตรงหน้า เธอหลับตาแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอในสิ่งที่เธอต้องการ สิ่งนั้น ก็คือระบบตามใจปรารถนา เป็นระบบที่เธออยากได้อะไรก็ได้ เป็นระบบไฮเทค ที่มีเอไอคอยดูแลควบคุมอยู่ด้วย ที่เธอขอแบบนี้เพราะเธอเป็นคนยุคใหม่ และอีกอย่างมันสะดวกกับเธอมากกว่าการใช้พลังเวท ไม่ใช่พล
“เจ้านายจะเปิดระบบรับภารกิจหรือไม่” “ถ้าเปิดระบบเพื่อรับเควสเจ้านายจะได้รับเหรียญทองด้วย ในบางภารกิจนั้น เจ้านายยืนยันจะเปิดระบบเพื่อทำภารกิจใช่หรือไม่” “เสียวเหมานายกดดันฉันใช่ไหม ได้ฉันจะรับภารกิจ” หลังจากที่เธอตกลงเปิดระบบรับภารกิจ เพื่อจะได้ทำภารกิจและสิ่งของที่ได้จากการทำภารกิจ แต่ละอย่าง เสียวเหมากดปุ่มเพื่อกดยอมรับเควส และกดติดตั้งระบบอัตโนมัติ“ระบบพร้อมทั้งติดตั้ง เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เจ้านายรับภารกิจแรกเลยหรือไม่” เธอต้องการเหรียญทองเพื่อมาซื้อของในระบบ อยากรู้ว่าเธอจะได้อะไรจากระบบถ้าภารกิจสำเร็จ จะว่าไประบบนี่ก็เหมือนเล่นเกมเลย มีรับภารกิจด้วย เธอขอระบบแบบเกมไปหรือเปล่า?“ตกลงฉันรับ” หลังจากที่เธอตอบรับว่าจะรับภารกิจ เสียวเหมาก็กดปุ่ม เพื่อรับภารกิจ ติ้ด!!!!ๆๆๆๆๆ อยู่ดีๆ ก็มีหน้าจอขึ้นมาตรงหน้าเธอและมีเสียงเอไอร้องดังออกมา“ผู้เล่นได้รับภารกิจแรกช่วยเหลือคนติดเชื้อไวรัสหนึ่งร้อยคน…..ท่านจะทบทวนภารกิจอีกครั้งใช้หรือไม่ ท่านสามารถกดรับเพื่อเรียกภารกิจแรกออกมาดูได้ตลอดเวลา” หลังจากที่ระบบได้ให้ภารกิจที่เธอจะต้องทำจบลง ก็หายไปทันที เหลือแต่หน้าจอออนไลน์ไว้ให้เธอดู
“นี่คุณ ติดต่อน้องชายของคุณได้หรือยัง เราจะอดตายกันอยู่แล้ว” “ผมก็โทรไปแล้วไง มันบอกว่าบ้านมันก็น้ำท่วมเหมือนกัน” “น้องคุณนี่ใจดำจริงๆ ไม่สนใจพี่ชายตัวเองเลย เห็นแก่ตัวที่สุด!” “ปานนี้พวกมันคงกินอย่างสบายไปแล้ว ดูผมสิผอมแห้งหมดแล้ว พ่อแม่ ผมหิวแล้ว เราไปบ้านลุงเซียวกังกันเถอะพ่อ เขาอาจจะโกหกพ่อก็ได้” “แล้วเราจะไปกันยังไงตอนนี้ รถก็ใช้การไม่ได้แถมมีโรคระบาดอีก” “เดียวพ่อโทรหามันอีกที แล้วให้มันขับรถมารับเราเพราะบ้านมันรวยกว่าเรา มันต้องโกหกเราแน่ๆ ไอน้องเฮงซวยไม่สงสารพี่ตัวเอง” “ใช่คุณ ยิ่งนังซูเมิ่งเป็นเด็กเจ้าเล่ห์อยู่ด้วย มันอาจให้พ่อของมันโกหกเราก็ได้ ค่อยดูนะถ้าฉันไปบ้านมันได้ จะด่าพวกมันให้หมดเลย หรือพวกเราจะยึดบ้านที่มันอยู่ดี มันยิ่งเป็นคนซื่อๆ อยู่ด้วย” “ไม่รู้บ้านมันสภาพเป็นแบบไหน เราต้องไปลองดูบ้านมันก่อน” หลังจากครอบครัวเซียวเอินพี่ชายของพ่อซูเมิ่งพูดจบลง ก็มองกันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เพราะเซียวเอินเป็นคนที่ไม่ทำงานทำการอะไร วันๆ เขาก็มีแต่โทรมาขอเงินน้องชายของเขาอยู่ตลอด เพราะน้องชายของเขาทั้งโง่และซื่อหลอกง่าย แต่สิ่งที่เซียวเอินไม่รู้คือ เซียวกังไม่ได้หลอกง่าย
“ต้องจับมือด้วยเหรอถึงเข้าไปได้” เฟยหรงจับมือของหญิงสาวคนนั้น แล้วพากันเดินเข้าไปด้านใน ในตอนที่เขาเดินผ่านไปนั้น เขารู้สึกเหมือนร่างกายของเขาถูกอะไรบางอย่างวาปผ่านไปทั้งตัว“นายลองเอาหน้ากากออกสิ” เฟยหรงทำตาม เขาเอาหน้ากากออก แล้วหายใจเหมือนที่หญิงสาวคนนั้นทำ“ที่ตรงนี้ไม่มีสารพิษและอากาศก็ดีอีกด้วย” “นายมองไปที่พื้นสิ” เฟยหรงมองไปที่พื้นตามที่หญิงสาวได้บอก เขาเห็นว่าบนพื้นดินมีหญ้าเริ่มขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจะเอาเรื่องนี้ไปรายงานท่านผู้นำ เขามองไปที่พื้น และมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง เขารู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก เหมือนเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” ซูเมิ่งมองไปที่ชายคนนั้น เธอรู้สึกคุ้นท่าทาง เธอมองสบตากับชายที่อยู่ตรงหน้า เธอรู้สึกคุ้นสายตาคู่นี้มาก เธอคิดว่าเคยเจอที่ไหนนะ ตาแบบนี้ มันช่างคุ้นซะเหลือเกิน เธอนึกออกแล้วว่าเคยเจอที่ไหน“นาย” “คุณ” ทั้งสองหันมาแล้วพูดพร้อมกัน“เป็นคุณนี่เอง ตอนนั้นผมตามหาคุณ แต่คุณหายไปไหน” “ฉันกลัวมาก ก็เลยหนีออกมานะสิ คุณตามหาฉันทำไมละ” “ก็ ไม่มีอะไรหรอก” ตอนนั้นที่เขาตามหา เพราะเขาอยากถามว่า ทำไมวันนั้นเ
“เสียวเหมา เราออกไปสำรวจด้านนอกกันเถอะ ฉันอยากหาพื้นที่ ที่จะใช้สร้างเมือง ตอนที่นายไปสำรวจ เจอพื้นที่ตรงไหนที่มีสารพิษไม่เยอะบ้างไหม” “ได้ครับเจ้านาย เสียวเหมาอยากให้ลองไปดูเมืองตงไห ทางเหนือครับ ตอนที่ได้คำสั่งให้ไปตรวจ เสียวเหมาเห็นว่าแถวนั้นน่าจะยังพอใช้ได้ เพราะหินอุกกาบาตแถวนั้นเป็นหินก้อนเล็กๆ ครับ เลยไม่มีสารพิษที่รุนแรงมากนัก” “ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปกันเลย” เธอใช้เวทอักขระเคลื่อนย้ายไปตามพื้นที่ ที่เสียวเหมาได้ไปเจอมา พอเธอได้มาเห็นด้วยตา มีพื้นที่แบบนี้อยู่ทางเหนือด้วยเหรอ เธอไม่เคยเห็นที่แห่งนี้เลยสักครั้ง เป็นพื้นที่กว้างมาก มีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง รอบๆ แม่น้ำเป็นเนินราบสูงแต่เป็นพื้นที่ราบ และรอบข้างของพื้นที่ราบ ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาที่ไม่สูงเท่าไหร่ ถ้าตอนที่ยังมีหญ้าหรือดอกไม้ขึ้นอยู่พื้นที่นี้ คงจะสวยมากเลยจริงๆ ที่ตรงนี้เป็นที่เดียวที่ไม่มีบ้านคนและไม่มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่ แต่อากาศและน้ำก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะมีสารพิษ แต่ไม่เยอะเท่าพื้นที่เมืองด้านนอก เธอจะเอาที่นี่ เป็นที่ตั้งเมืองแห่งใหม่ของเธอเธอเข้ามาในมิติ และเรียกทุกคนออกมาด้านนอก เพื่อให้ทุกคนใช้พลังเวทในการชำระสา
”นายคิดถูกแล้ว ผมจะให้พวกคุณ วิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศและหินอุกกาบาตที่ตกลงมา เราจะได้คิดค้นยาและวิธีที่พวกเราจะสามารถอยู่บนพื้นดินได้ ก่อนที่ทุกคนจะทำงานผมอยากให้ทุกคน มาสแกนหน้าเพื่อเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้เสียก่อน คุณเฟยหรง คุณสแกนหน้าก่อนเลย” ท่านผู้นำไปยืนตรงหน้าเครื่องสแกน เพื่อกดอนุญาตให้คนอื่นเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้ ร้านค้าวิเศษหลังจากที่ขายคอนโดให้พวกเขาแล้ว ก็ให้ตัวเขาที่เป็นผู้นำเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ เขาจะให้ใครเข้าพักก็ได้ หรือจะให้ใครออกจากห้องพักก็ได้อีกเหมือนกัน“ได้ครับท่าน” เฟยหรงที่โดนเรียกชื่อ เขาได้เดินไปทางหน้าประตูคอนโด กดปุ่มสแกนหน้าขึ้นมา เครื่องสแกนหน้าก็เริ่มทำงานทันที หลังจากที่เขาสแกนหน้าเสร็จแล้ว จะมีหน้าจอขึ้นมาให้เขากดเลือกห้องพัก เขากดเลือกห้องที่อยู่สูงที่สุด เพราะเขาจะได้ระวังภัยได้ง่ายขึ้น เขากดชื่อลงไป และระบบของคอนโดก็มีเสียงแจ้งเตือนซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง“ผู้เข้าพักห้อง ห้าหนึ่งห้าชื่อเฟยหรงทำรายการสำเร็จแล้ว” หลังจากที่เขาสแกนหน้าสำเร็จแล้ว เขาก็หลีกทางให้คนอื่นๆ สแกนหน้าต่อ คอนโดนี้มีทั้งหมดสิบห้อง ชั้นละสามห้องเท่านั้น มีทั้งหมด หกชั้น ชั้นที่อยู่บนสุ
“แม่ค่ะ ทำไมเราต้องมาอยู่ในที่ ที่มันแคบเท่ารูหนูนี่ด้วย หนูอยากกลับบ้าน เมื่อไหร่ด้านนอกจะสงบสักที” เสียงที่ดังโวยวายขึ้นมา เป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่มองดูภายนอกแล้ว เป็นคนที่หน้าตาดี น่าจะเป็นครอบครัวของคนที่ร่ำรวยอย่างมาก“เฟยหยา อย่าเสียงดัง อยู่เงียบๆ กันหน่อย คิดว่าไม่มีใครอยากที่จะออกไปหรือไง ไม่ได้ยินที่เขาแจ้งเตือนเหรอ หรือลูกอยากออกไปเป็นศพอย่างภาพนั้น ที่เราได้ดูกัน” “แต่พวกมันอาจโกหกก็ได้นี่ค่ะ มันคงไม่อยากให้เราออกไปกันน่ะสิ มันถึงเอาข่าวปลอมๆ มาหลอกพวกเราก็ได้” เสียงเฟยถิง ผู้เป็นน้องสาวของเฟยหยา พูดเถียงออกมา เธอไม่เชื่อหรอกว่าข่าวนั้นจะเป็นเรื่องจริง“นั่นสิคุณ ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เราลองออกไปดูกันไหม” “ถ้าคุณอยากออกไปตาย ก็ออกไปคนเดียวไม่ต้องพาลูกๆ ออกไปด้วย แต่ถ้าออกไปแล้วร่างกายติดสารพิษเข้ามา ถึงพวกเรามีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยคุณกับลูกได้หรอกนะ ตอนนี้ท่านผู้นำยังไม่มีข่าวประกาศออกมาเลย อย่าใจร้อนกันนักเลย” เขาเบื่อที่พวกลูกของเขาและภรรยา ช่างเอาแต่ใจกันขนาดนี้ ต้องโทษเขาที่ตามใจมากเกินไปเฟยฮวา และลูกๆ ทั้งสอง ได้ฟังพ่อของเธอดุเป็นครั้งแรก ก็รู
ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวัน หลังจากที่เกิดเหตุอุกกาบาตตกทั่วเมือง ไม่มีที่ไหน ที่อุกกาบาตจะไม่ตกเลย เธอให้หน้าจอแต่ละหมายเลข ถ่ายวิดีโอจากภาพด้านนอกมิติ ให้ทั่วทุกที่ เธอคิดว่าหน้าจอแค่ห้าอัน คงไม่พอ เธอเลยซื้อเพิ่มไปอีกห้าตัว และก็ตั้งชื่อเรียงกันเหมือนเดิม ไฟที่เกิดจากอุกกาบาตตกลงมานั้น ได้ดับลงแล้วในบางพื้นที่ แต่บนเขาที่อุกกาบาตตกลงมา เสียหายเป็นจำนวนมาก ไฟที่ลามเข้ามาเผาไหม้ในบ้านเมือง บางเมืองแทบมองไม่ออกว่าเมื่อก่อนเคยเป็นแบบไหนมาก่อนเธอเข้าไปในระบบ เปิดร้านค้าขั้นที่สอง กดซื้อของเป็นหน้ากากกันสารพิษและมีออกซิเจนในตัวมาหนึ่งเครื่อง เธอจะลองขึ้นไปด้านนอกดู เธอใส่หน้ากากกันสารพิษ เตรียมพร้อมจะออกไปดูด้านนอกมิติ“เสียวเหมา เดี๋ยวนายออกไปด้านนอกกับฉันหน่อยนะ” “ได้ครับเจ้านาย” เธอและเสียวเหมา ออกมาจากหินมิติ สิ่งแรกที่เห็นก็ไม่ต่างจากที่เธอได้ดูถ่ายทอดสดเท่าไหร่“เสียวเหมา นายลองสแกนอากาศที่อยู่รอบๆ ตัวฉันได้หรือเปล่า ลองสแกนพื้นดินและตรงนั้น ตรงที่อุกกาบาตตกลงมาด้วย” “เสียวเหมาทำได้” เสียวเหมาเริ่มสแกนทุกสิ่งรอบตัว และดินบริเวณที่หินอุกกาบาตได้ตกลงมาด้วย“เป็นยังไงบ้าง นายเจออะไ
“คุณ ช่วยกันคิดสิ เราจะทำยังไงกันดี ฉันยังไม่อยากตาย ฮื่อ!ๆ ” เสียงร้องของครอบครัวเซียวเอิน ดังไปทั่วบริเวณที่เขาอยู่ ไม่มีใครที่ได้ยินเสียงพวกเขาอีก นอกจากตัวของพวกเขาเอง เซียวเอินมองดูไปรอบๆ ตัว ไฟเริ่มลามเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นไปทุกที นี่พวกเขาทำอะไรผิด สวรรค์ถึงได้ลงโทษพวกเขาแบบนี้ ต้องเป็นเพราะเจ้าเซียวกังแน่ๆ ที่มันเอาหินปลอมมาหลอกพวกเขา“เราวิ่งฝ่าไฟกันออกไปเถอะ อยู่แบบนี้ ก็มีแต่จะตายกันเปล่าๆ ” ทั้งสามคนจับมือกันเพื่อจะวิ่งฝ่าวงล้อมของไฟออกไป ตอนที่พวกเขากำลังจะก้าวผ่านไปนั้น ก็มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่บ้าน ที่พวกเขาอยู่ แหลกลงไปพร้อมกับร่างพวกเขาทั้งครอบครัวจบกันสักที ลุงจะมาโทษฉันไม่ได้ ถ้าลุงไม่ทำร้ายครอบครัวฉันก่อน ถ้าลุงไม่คิดร้ายกับพวกฉัน จุดจบมันคงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก ซูเมิ่งที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธออโหสิให้ก็แล้วกัน เพราะลุง ก็ได้ชดใช้ให้กับครอบครัวของเธอแล้ว เธอนั่งดูหน้าจอออนไลน์ ที่จอห้าได้ไปถ่ายทอดสดมาให้เธอได้ดู เรื่องนี้เธอไม่ได้บอกใครสักคน ให้ทุกอย่างมันจบแค่เธอก็พอ“จอห้า ไม่ต้องถ่ายตรงนี้แล้ว นายไปถ่ายจุดต่อไปบนแผนที่เลย” เธอส่งกระแสจิตไปบอกเธอเดินออกไ
“ใครยังมีหินมิติเหลืออีกบ้าง ใครมีหลายก้อน ผมขอแลกกับอาหารได้ไหมครับ ครอบครัวผมมีกันห้าคน พวกผมหาไม่ทันจริงๆ” “เขาประกาศข่าวก่อนตั้งเกือบเดือน ทำไมพวกแกไม่เตรียมความพร้อมกันให้ดี มาขอตอนนี้ใครจะให้พวกแกกัน” “ฉันก็อยากช่วยนะ แต่ครอบครัวฉันก็มีแค่อันเดียว ฉันไม่มีให้หรอก” ขณะที่ครอบครัว ของชายหนุ่มกำลังสิ้นหวัง ก็มีชายคนหนึ่งส่งหินมิติให้เขาไปหนึ่งก้อน “เอาไปสิ ลูกพี่ของเราให้เอามาให้” ครอบครัวของชายคนนั้นมองไปตาม ปลายนิ้วมือที่ชี้ให้เขาดู ก็มองเห็นชายคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหล่า คมเข้ม น่าจะสูงสักหนึ่งร้อยเก้าสิบได้ มองมาทางพวกเขา ครอบครัวของพวกเขาก็ก้มหัวขอบคุณ ผู้มีพระคุณ พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลยหลายๆ คนเห็นชายคนนั้น เอาหินมิติให้ครอบครัวหนึ่ง ก็เกิดความโลภที่อยากจะได้บ้าง มีบางคนที่ใจกล้า เดินเข้าไปขอก็ถูกไล่ออกมา“พี่เฟยหรง พวกชาวบ้านพวกนี้ มีแต่พวกโลภมากทั้งนั้น ไม่น่าช่วยเหลือเลยสักคน พวกเราเข้าไปในมิติกันดีกว่า” เฟยหรงมองดูพวกชาวบ้าน ที่ยังไม่เกิดอุกกาบาตชนโลก ก็เริ่มเห็นแก่ตัวกันหมดแล้ว เขาได้เข้ามาในมิติกับเพื่อนที่อยู่ในหน่วยลับเดียวกัน ด้านในนี้มีหน้าจอถ่ายทอดสดให้ดู ไม่
ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ตกลงมีหินพลังเวท ที่ผมต้องการหรือเปล่าครับร้านค้าวิเศษ : คนที่ต้องการใช้หินพลังเวท มีพลังธาตุอะไรผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : เป็นผู้ฝึกพลังธาตุน้ำครับร้านค้าพิเศษ : ทางเรามีหินธาตุน้ำอยู่หนึ่งก้อน ท่านต้องการหรือไม่ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ผมต้องการครับ ขอบคุณมากครับเจ้าของร้านร้านค้าพิเศษ : สำหรับหินพลังเวท ทางเราขายก้อนละยี่สิบล้านหยวน ถ้าท่านต้องการ กรุณาชำระเงินและกรอกที่อยู่ได้เลยผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ได้ครับ ทางร้านค้าพิเศษ ยังมีหินพลังเวทเหลืออยู่อีกไหมครับร้านค้าพิเศษ : มีหรือไม่มี ขึ้นอยู่แต่อารมณ์ของผู้ขายผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ครับ ชำระเงินแล้วนะครับ'เจ้าของร้านวิเศษเป็นคนที่กวนเหมือนกัน เราต้องทำดีกับเจ้าของร้านค้านี้เข้าไว้’เธอเลือกความเสี่ยง ที่ขายของออกไป นี่ร้านของเธอ ร้านค้าวิเศษ ของที่ขายก็ต้องเป็นของวิเศษไม่ใช่เหรอ ที่เธอตั้งชื่อร้านนี้ขึ้นมา ก็เพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่า ของในร้านเธอมันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอยู่แล้วเวลาผ่านไปเรื่อยๆ วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ อุกกาบาตชนโลก เธอเตรียมความพร้อมสำหรับครอบครัวเธอหมดแล้ว เธอม
ตอนเช้าวันต่อมา “พี่เซียวเอิน พวกผมจะออกไปหาซื้อของกินแล้วไปธุระหน่อยนะพี่ ฝากทั้งสองคนดูแลบ้านด้วยนะครับ พี่สะใภ้ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก พี่ยิ่งแพ้ท้องอยู่ด้วย” “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะดูแลบ้านให้แกเอง ไปทำธุระให้สบายใจเถอะ” “นั่นสิ น้องเซียวกังไม่ต้องเป็นห่วงพี่สะใภ้ ตอนนี้ ไม่ค่อยแพ้ท้องเท่าไหร่แล้ว อย่าลืมซื้อของกินมาเยอะๆ และฝากซื้อ บ๊วยดองมาด้วย” ฝากบ้านเสร็จแล้วครอบครัวเซียวกังก็ขึ้นรถ แล้วก็ขับรถออกไป “น้องจะให้พี่ขับรถไปจอดไว้ตรงไหน” พี่ตงหยางถามเธอ“เอาไว้ใกล้ๆ นี่ล่ะ แล้วเราเข้าไปในมิติกันเถอะ จะได้ดูว่าพวกนั้นทำอะไรกันบ้าง” เมื่อวานหลังจากที่ตกลงกันทำตามแผน เธอก็ได้ให้เสียวเหมา เอาจอที่ถ่ายทอดสด เอามาติดตั้งในห้องพ่อเธอ และตามห้องต่างๆ ในบ้านและเธอร่ายเวท อักขระปิดบังเอาไว้ ดีที่เธอไปค้นในระบบพบว่ามีจอแบบนี้ขายอยู่พอดี เธอเลยซื้อมาเพิ่มอีกห้าจอ ในราคาตัวละแค่หนึ่งหมื่นทอง เธอไม่ค่อยได้ใช้เงินกับระบบเท่าไหร่“เป็นยังไงซีซวน มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง” เธอให้น้องคอยดูกล้องอยู่ตลอด“ยังปกติดีพี่ ผมว่าอีกไม่นานหรอก” ทางด้านของครอบครัวลุง “คุณพวกมันไปกันแล้ว ตอนนี้ทางสะ