“อ้าวพี่ตงหยางเองเหรอ ฉันนึกว่าเป็นพ่อและแม่เสียอีก”
“แล้วพ่อกับแม่ไปไหนล่ะ พี่ไม่เห็นรถของท่านจอดอยู่เลย” “แม่บอกว่าจะไปซื้อของเตรียมไว้วันสิ้นโลก แล้วพี่กลับบ้านมามีธุระอะไรหรือเปล่า” “ก็แม่เราบอกว่าจะไปดูบ้านที่อยู่ทางเหนือ ให้พี่กลับมาจะได้ไปดูพร้อมกัน พี่ก็ลางานเรียบร้อยแล้ว และก็รีบขับรถกลับมาบ้าน อีกอย่างพี่ก็จะมาดูว่าเรามีมิติอย่างที่แม่ได้พูดให้ฟังไหม” “แน่นอนว่าฉันก็ต้องมีอยู่แล้วสิ แล้วก็มีนี่ด้วยนะ” ซูเมิ่งแบมือและเค้นพลังเวทออกมาโชว์ให้พี่ชายของเธอได้ดู /////// หลังจากที่ตงหยางได้เห็นว่าที่มือของซูเมิ่งมีแสงออกมา เขาก็ดูตกใจและคิดว่ามันคืออะไรและทำสิ่งใดได้บ้าง “มันคืออะไร และสิ่งนี้ทำอะไรได้บ้าง” นี่มันเกิดเรื่องอะไรกับน้องเขากันแน่ ซูเมิ่งยิ้มและยืดอกนิดหน่อยด้วยความรู้สึกภูมิใจ “สิ่งนี้มันคือพลังเวทยังไงละพี่ตงหยาง” “พลังเวทเหรอ? แค่มีมิติพี่ก็ว่าเหลือเชื่อแล้ว นี่เราถึงกลับมีพลังเวทด้วย แล้วพลังเวทของเรามันทำอะไรได้บ้าง” “พลังเวทของฉันตอนนี้มีสองสี มีสีน้ำตาลและสีเขียวอ่อน ฉันลองใช้ทั้งสองอย่างแล้วนะ สีน้ำตาลใช้พรวนดินในการปลูกผักผลไม้สีนี้น่าจะเรียกว่าเวทดิน ส่วนสีเขียวอ่อนฉันใช้ในการทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตและผลไม้หรือสิ่งต่างๆ ที่ฉันปลูก ฉันสามารถทำให้เจริญเติบโตหรือมีพลังเวทได้ เวทสีเขียวอ่อนนี้ฉันว่าน่าจะเป็นเวทพฤกษา” “การมีพลังเหนือกว่าคนอื่นก็มีประโยชน์เหมือนกัน พี่อยากจะมีบ้างแล้วสิ” “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเสี่ยงที่ให้ครอบครัวเรากินผลท้อเวทชีวิตนั้นนะพี่ เพราะตอนที่ฉันได้กินเข้าไปมันทำให้ฉันเกือบไม่รอด” “แล้วนี่เธอทำอะไรโดยที่ไม่บอกพ่อแม่เลยเหรอ ถ้าเธอเป็นอะไรไปคนที่เสียใจจะเป็นพ่อแม่และทุกคนในครอบครัวเรานะ ที่หลังห้ามทำอะไรอันตรายแบบนี้อีกเข้าใจไหม!” “เข้าใจแล้วค่ะ” เธอก้มหน้าลงและตอบพี่ชายไป เธอรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ที่เธอทำให้ครอบครัวเป็นห่วง ตงหยางเห็นน้องที่มีท่าทางเศร้าลงก็ไม่อยากต่อว่าอะไรน้องมาก เขาเลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน เสียงรถที่ขับเข้ามาในบ้านบ่งบอกว่า พ่อและแม่ได้กลับมาแล้ว ทั้งสองจึงออกไปหาพวกท่าน “สวัสดีครับพ่อ แม่” “อ้าว…ตงหยางมาเมื่อไหร่ละลูก” “ผมเพิ่งมาก่อนที่พ่อและแม่จะมาถึงแป๊บเดียวเองครับ” “ดีแล้วมาตอนนี้ พรุ่งนี้เราจะได้รีบเดินทางกัน มาช่วยพ่อขนของหน่อย แม่ของลูกซื้อของมาเยอะเลย” “นี่แม่ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย” “แต่ของยังไม่หมดแค่นี้ พรุ่งนี้จะมีแผ่นโซลาร์เซลล์ไปส่งที่โกดังที่พ่อเช่าไว้อีก น่าจะมีห้าสิบกว่าอัน” “ดีเลยค่ะ หนูยังกังวลว่าเรายังไม่ได้ซื้อแผ่นโซลาร์เซลล์มาเลย เพราะเงินของหนูหมดไปแล้ว” พูดเรื่องเงินแล้วเธอก็เศร้าใจจริงๆ “พรุ่งนี้ของจะมาส่งกี่โมง แล้วเราจะไปที่บ้านทางเหนือกันกี่โมง” “พรุ่งนี้ของน่าจะมาส่งแต่เช้า พ่อจะให้เราเอาไปเก็บในมิติก่อนเพื่อจะได้เอาไปติดตั้งที่บ้านบนเขา มิติของลูกเก็บของเยอะได้ใช่ไหม” “ได้สิคะพ่อ เพราะมิติของหนูใหญ่มาก” “แบบนั้นก็ดี พ่อกับแม่ก็กังวลว่าลูกเก็บของได้ไม่หมดเสียอีก” ทุกคนกลับมาบ้านหมดแล้ว ก็กินข้าวและแยกย้ายกันไปเก็บสิ่งของต่างๆ ที่จะไปในวันพรุ่งนี้ พ่อของเธอบอกว่าจะไปพักที่บ้านบนเขาสักสิบวัน เพราะต้องเอาแผ่นโซลาร์เซลล์ไปติดตั้งพร้อมซ่อมบำรุงบ้านหลังนั้นให้ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ เธอลองเข้าไปในมิติเพื่อดูว่าผัก และผลไม้ของเธอได้โตแค่ไหนแล้ว สิ่งแรกที่ซูเมิ่งมองเห็นคือผักและต้นผลไม้ที่โตขึ้นเยอะมาก นี้มันผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ไม่แน่พรุ่งนี้ผักและผลไม้น่าจะออกผลในวันพรุ่งนี้ นี่มันดีมากเลย ถ้าแบบนี้เราไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีผลไม้กินแล้ว เธอจะเอาน้ำในสระน้ำแห่งชีวิตไปรดผักและผลไม้อีกครั้ง พรุ่งนี้คาดว่าเธอจะได้กินทุเรียนที่เธอชอบ แค่คิดก็อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ แล้ว เธอออกมาจากในมิติ และเตรียมสิ่งของใส่ในกระเป๋า เธอตรวจดูของทุกอย่างเตรียมพร้อมครบหมดแล้ว เธอจึงเขานอน เช้าวันต่อมา พ่อของเธอไม่ได้อยู่กินข้าวแต่ออกไปรับแผ่นโซลาร์เซลล์แต่เช้ามืดแล้ว “แม่จะเตรียมข้าวกล่อง ซูเมิ่งมาช่วยแม่หน่อย” “ผมๆ ช่วยด้วยครับแม่” น้องชายของเธอรีบวิ่งเข้าไปหาแม่ทันที “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาช่วยแม่กันทั้งสองคนนี้ล่ะ ไม่ต้องแย่งกัน” เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขในห้องครัว ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นไปอีก นี่สิน่ะการที่เรายังมีครอบครัวอยู่พร้อมหน้า มันดีแบบนี้นี่เอง หลังจากเตรียมสัมภาระ ที่จะเดินทางไปบ้านทางเหนือพร้อมแล้ว ทั้งครอบครัวก็ได้นั่งรถเพื่อไปที่โกดังก่อน เพราะจะไปเก็บของที่พ่อเธอได้เอาลงไว้เมื่อเช้า พอมาถึงโกดัง พ่อก็ได้เปิดเข้าไปข้างในโกดัง เธอเก็บสิ่งของทั้งหมด ที่พ่อและแม่ซื้อไว้ เอาเข้าไปเก็บไว้ในมิติ ทุกคนที่ได้เห็นซูเมิ่งเก็บของเป็นครั้งแรก ถึงกับตกใจกันเลยทีเดียว เธอยิ้มให้กับสีหน้าที่ดูตกใจของทุกคนอย่างขำๆ เธอรีบเก็บของจนเสร็จ ก็รีบเร่งเดินทางไปบ้านบนเขาทันที ระหว่างทางที่ได้ขับรถผ่าน เธอมองไปบนถนน ตลอดทางที่รถของเธอขับผ่าน จะมองเห็นได้ว่าบนรถของแต่ละคน มีสิ่งของบรรทุกไว้เต็มคันรถ แสดงว่าผู้คนทางนี้ต้องตื่นตัวกับเหตุการณ์ที่ทางรัฐบาลได้แจ้ง ส่วนมากคนที่ตื่นตัว และเตรียมสิ่งของจะเป็นคนที่มีฐานะหรือทำงานในหน่วยงานของรัฐ เพราะข้อมูลที่ได้ของเขาน่าเชื่อถือกว่าประชาชนมาก และประชาชนบางส่วนก็ไม่ได้สนใจที่ทางรัฐบาลแจ้งมากนัก หลังจากที่ขับรถมากันหลายชั่วโมง ก็ถึงทางเข้าหมู่บ้านซึ่งก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ก่อนทางขึ้นไปบ้านบนเขา เป็นหมู่บ้านที่มีความเจริญอย่างมาก เพราะบ้านแต่ละหลังดูทันสมัย พื้นที่ตรงนี้มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมายที่ทางรัฐบาล ได้อนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดูแล และได้มาพักผ่อน ถ้ามองขึ้นไปบนเขาก็จะเห็นว่ามีบางแห่ง ที่มีบ้านหรูของคนรวยมาสร้างไว้เพื่อเป็นที่พักผ่อน ส่วนบ้านของเธอที่จะไปนั้น เป็นบ้านยกสูงสองชั้นขนาดหกห้องนอน สามารถมองออกมาจากตัวบ้านชั้นสอง จะมองเห็นหมู่บ้านทั้งหมดได้ และเคยมีคนมาขอซื้อบ้านของเธอด้วย แต่พ่อของเธอไม่ได้ขายออกไป พ่อบอกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ได้แบ่งให้ ไม่อยากที่จะขาย อยากจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงพ่อแม่ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนเข้าไปในบ้าน ได้แยกย้ายไปห้องของแต่ละคน เพื่อเก็บของอาบน้ำและลงมากินข้าวด้านล่าง “วันนี้เราขับรถกันมาไกลมาก เหนื่อยกันหรือเปล่า” แม่ถามพ่อและพี่ชาย “ผมไม่เหนื่อยครับแม่ แค่เพลียนิดหน่อย” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรายังไม่ต้องทำอะไรก็แล้วกัน พักผ่อนกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยเริ่มสำรวจ ดีที่แม่ของลูกได้จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้านและห้องของแต่ละคนไว้หมดแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น เราต้องมาเหนื่อยทำความสะอาดบ้านอีก”“แม่เรานี่เก่งจริงๆ เลย” เสียงของซีซวนประจบแม่“เด็กช่างประจบจริงๆ เลย” เธอมองซีซวนโดยทำหน้าตาล้อเลียน“แม่ดูพี่สิแกล้งผมอีกแล้ว” “เลิกทะเลาะกันได้แล้วรีบกินข้าว” ลูกของเธอไม่รู้จักโตกันเสียที“พ่อแม่รู้หรือยังว่าเรามีพลังเวทด้วย” อยู่ดีๆ พี่ชายของเธอก็ได้พูดออกมา“อ้าว! นี่ลูกไม่เห็นจะเล่าให้แม่ฟังเลย” แม่เธอบ่นออกมาด้วยเสียงน้อยใจนิดหน่อย“ก็หนูเห็นช่วงนี้พ่อกับแม่ยุ่งๆ หนูเลยลืม” หลังจากนั้นเธอก็ได้เล่าเรื่องที่เคยเล่าให้พี่ชายฟัง และได้เล่าเรื่องให้พ่อกับแม่และซีซวนฟังซ้ำอีกรอบ“เมื่อคืนหนูลองเข้าไปในมิติแล้วนะคะ ผักและผลไม้โตเร็วมากๆ แต่ตอนนี้หนูยังไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย หนูว่าจะเข้าไปดูวันนี้แต่ยังไม่มีเวลาเลยค่ะ“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เข้าไปดูสิว่ามันออกลูกหรือยัง” ตงหยางถามน้องสาวออกไป เขาก็อยากรู้เหมือนกัน“ถ้าแบบนั้นหนูขอเข้าไปดูก่อนนะคะ ถ้าผลไม้และผักโตแล้วจะได้เก็บมาทำอาหารกินในวันพรุ่งนี้ เธอหายเข้ามาไปในมิติ ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ตกใจเท่าไหร่ เพราะเริ่มชินกับการที่เธอหายเข้าไปในมิติ และออกมาจากมิติ เป็นปกตินั่นเอง“ซูเมิ่งเดินเข้ามาดูผักและผลไม้ที่เธอได้ปลูกเอาไว้ ซึ้
หลังจากที่ทุกคนทำสิ่งต่างๆ เสร็จแล้ว พ่อของเธอบอกว่าจะมีช่างเข้ามาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แม่ก็เลยคิดว่าจะเตรียมอาหารให้ช่างที่จะมาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในวันนี้กริ้งๆ กริ้งๆ เสียงคนกดออดที่หน้าบ้าน“ใครมา ช่างมาติดตั้งหรือเปล่าไปดูหน่อยซีซวน” “ช่างมาแล้วแม่จะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “สวัสดีครับ พวกผมเป็นทีมงานติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ครับ ที่คุณเซียวกังได้ติดต่อไว้” “พ่อๆ มาดูช่างหน่อยว่าจะให้เขาติดตั้งตรงไหน” “เดียวให้ติดตั้งตรงหลังคาทั้งหมดเลยนะครับ ว่าแต่ทางคุณรับงานแค่ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อย่างเดียวเหรอ หรือมีรับงานอย่างอื่นด้วย” “ทางบริษัทของเรามีรับทำ เรือนกระจกและทำกำแพงบ้านด้วยครับ” “ผมอยากทำกำแพงบ้านที่มีอยู่ให้แข็งแรงทนทานกว่านี้ พอจะมีแบบให้ดูไหมครับ” “มีครับเป็นแบบอิฐ และที่ทนทานสุดๆ ก็มีแบบอะลูมิเนียมและแบบเหล็กครับ แต่บ้านส่วนมากก็จะทำเป็นแบบอิฐนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเซียวกังสนใจแบบไหนครับ” “ผมอยากได้เป็นแบบเหล็ก พอจะติดตั้งได้เมื่อไหร่” “เดียวผมโทรถามทางบริษัทก่อนนะครับ” หลังจากช่างคุยกับพ่อของเธอเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ส่วนหัวหน้าช่างก็
นี่มันภาษาอะไรกัน แต่เธอทำไมอ่านออกแล้วเข้าใจล่ะ เธอยังไม่หายสงสัย ในหัวของเธอก็เกิดเป็นภาพของท่านเทพจิ้งจอกขึ้นมา“ท่านเทพจิ้งจอกสิ่งนี้คืออะไร ตัวหนังสือพวกนี้ทำไม่ท่านถึงทิ้งไว้ให้ข้า แล้วมันคือตำราเกี่ยวกับอะไรกัน” เธอถามคำถามที่คาใจกับท่านเทพจิ้งจอกออกไป“ใจเย็น ค่อยๆ ถาม ที่ข้ามาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะบอกเจ้านี่ไง ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร และทำอะไรได้บ้าง ถ้าตอนนี้เจ้าเห็นข้าแสดงว่าเจ้าได้ครอบครองตำราเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตัวหนังสือที่เจ้าได้รับสืบทอดไปเรียกว่า ตำราอักขระ ที่ได้สืบทอดสำหรับผู้สร้างเท่านั้น ถึงจะครอบครองมันได้ ตอนนั้นที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้า มีพลังไม่มากพอที่จะได้บอกเจ้า พวกข้าเลยทิ้งจิตส่วนหนึ่งเอาไว้ใน ตำราเล่มนี้” “แล้วสิ่งนี้มันทำอะไรได้บางท่านเทพ” “เจ้าก็ลองอ่านสิ่งที่เจ้าได้ไปสิ แล้วเจ้าจะเข้าใจมันเอง ข้าไปล่ะแล้วเจอกัน อีกไม่นานพวกข้าจะออกมาพบเจ้าอีก” “เดียวท่านเทพจิ้งจอก “ทิ้งข้าไปอีกแล้ว ทำให้ข้าสับสนแล้วท่านก็จากไปทุกทีเลย แต่น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเราแน่นอนหลังจากที่เธอได้พูดคุยกับท่านเทพจิ้งจอกไปแล้ว เธอก็ได้ตั้งจิต เข้าไปตรวจสอบอักขระ
และการที่เธอเลื่อนระดับในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ความลับ ของผลเวทสีรุ้งนี้ สิ่งนั้นก็คือ ถ้าเธอเพิ่มพลังเวทในร่างกายให้เป็นสามขั้น ของทุกเวท เธอจะสามารถขอพรอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง เธอคิดออกแล้วว่าสิ่งที่จะขอนั้นคืออะไร แต่ตอนนี้ สิ่งที่ยากกว่า เธอจะทำอย่างไรให้พลังเวททั้งสี่เวทในร่างของเธอ เลื่อนระดับไปถึงสามระดับได้ทั้งหมดกันเธอนึกออกแล้ว เธอมีตัวช่วยนิ มิตินี่ไง คือตัวช่วยที่ดีที่สุดของเธอ ทรัพยากรต่างๆ ที่ใช้ในการเลื่อนพลัง ก็อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว หลังจากที่ซูเมิ่งเพิ่งเลื่อนพลังไป เธอก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ เธอต้องทำให้เวทอีกสามเวทเป็นขั้นที่หนึ่งครบทุกเวทเสียก่อน เธอปรับเวลาในมิติ ให้เวลาข้างในเร็วกว่าข้างนอก ข้างในมิติผ่านไปหนึ่งเดือนข้างนอกจะผ่านไปหนึ่งวันหลังจากที่เธอมุ่งมั่นอยู่กับการเลื่อนระดับพลัง เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนในมิติ แต่ด้านนอกผ่านไปแค่สิบกว่าวันเท่านั้น เธอก็สามารถเลื่อนพลังทั้งสี่เป็นขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว เราเลื่อนระดับหนึ่งทั้งสี่เวทได้สำเร็จแล้ว เธอดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ ทั้งพลังเวทดิน น้ำ พฤกษา และเวทไฟ เธอใช้อย่างชำนาญทั้งหมดแล้ว เธอทั้งฝึกพ
“ตกลงครับ ผมขอซื้อทั้งหมด ถ้าคุณหงส์มีหินหยกแบบนี้อีกนำมาขายให้ผมได้นะครับ สำหรับหินหยกสองก้อนนี้ผมให้ราคาอยู่ที่…..ก้อนละสามล้านหยวน แต่สำหรับหินชิ้นสีเขียวผมให้ราคา ที่มากกว่าเพราะเป็นหินที่คุณภาพดีกว่ามาก ผมให้ราคาอยู่ที่สิบห้าล้านหยวน คุณหงส์พอใจกับราคานี้หรือเปล่าครับ” เธอไม่คิดว่าราคาหินหยก ที่เธอได้นำมาขายในวันนี้ จะได้ราคาที่สูงมากขนาดนี้ ถ้าตอนไหนที่เธอขาดเงินเธอก็สามารถนำหินที่อยู่ในมิติไปขายก็รวยแล้ว “พอใจกับราคาที่คุณจางเสนอให้มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณหงส์พอใจผมก็ดีใจครับ เพราะทางเราได้ให้ราคาที่สูงที่สุดแล้ว ถ้าคุณหงส์ยังมีหินหยกอีก ผมรับซื้อทั้งหมดนะครับ” เขายินดีที่จะให้ราคาสูงกับลูกค้าคนนี้ เพื่อการซื้อขายในอนาคต“ถ้าแบบนั้นเรามาทำสัญญาซื้อขายกันเลยไหมครับ” “ได้ค่ะ ถ้าฉันมีหินหยกอีก ฉันจะนึกถึงร้านคุณจางเฟินเจินแน่นอนค่ะ” หลังจากที่เธอได้ทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ไหนๆ เธอก็ออกมาข้างนอก เธอคิดว่าจะไปดูรถบ้านสักหน่อย เธออยากได้มานานแล้วหลังจากที่จางเฟินเจิน ได้ส่งลูกค้าออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเอาหินเวทที่เพิ่งได้รับวันนี้ ไปมอบให้เจ้าของร้านที่แท้
“แต่ที่ลูกพูดก็ถูกนะคุณ พี่ชายคุณเขาก็โตแล้ว เขาต้องเลี้ยงดูลูกกับครอบครัวเขาเองได้แล้ว ไม่ใช่อะไรๆ ก็มาพึ่งแต่พวกเรา ครอบครัวเรามีตั้งหลายชีวิต หวังว่าคุณคงไม่บอกว่าพวกเราจะไปอยู่บ้านบนเขานะ เราช่วยได้เท่าที่ช่วยเถอะ ไม่ใช่ว่าฉันเห็นแก่ตัวหรอกน่ะ แต่ฉันก็ทำเพื่อลูกของฉันเหมือนกัน แล้วคุณล่ะ ทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อคนอื่นมากกว่าครอบครัวของเรา” แม่เธอพูดเสร็จแล้วก็เข้าห้องไปอีกคน แม่เธอคงโกรธมากที่พ่อของเธอใจอ่อนแบบนี้ ในเมื่อคนอื่นพูดไปหมดแล้ว เธอก็จะไม่พูดอะไรอีก เธอก็รู้สึกสงสารพ่อของเธอเหมือนกัน อีกฝั่งก็ครอบครัว อีกฝั่งก็พี่น้อง“แล้วเราล่ะ คิดว่าพ่อคนนี้แย่หรือเปล่า” “พ่อ เป็นพ่อที่เท่สำหรับหนูเสมอค่ะ หนูเข้าใจพ่อนะคะ แต่พ่อต้องมองความเป็นจริงด้วย ลุงเซียวเอินก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ หนูเข้าใจพ่อนะคะ” เธอพูดจบแล้วก็เข้าไปกอดพ่อของเธอ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไปอีกคนหลังจากที่ครอบครัวของเขาแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เซียวกังก็นั่งทบทวนตัวเองอยู่คนเดียวอีกสักพัก ก็เดินกลับเข้าห้องไปง้อ ภรรยาของเขา ก่อนเข้าห้องได้เดินไปหน้าห้องของลูกสาวแล้วเคาะประตูบอกให้เธอ ลงไปเก็บรถบ้านเข้ามิติด้วยเธอ
เธอค้นเจอในความทรงจำ เกี่ยวกับอักขระ มีการเขียนเกี่ยวกับเวทเคลื่อนย้ายอยู่ ซึ่งอักขระชนิดนี้นั้น สามารถทำให้เธอไปที่ไหนก็ได้ ที่เธอเคยไป และถ้าเธอวาดอักขระบนสิ่งของอะไร เธอก็สามารถทำให้สิ่งของนั้นเป็นของวิเศษที่สามารถใช้งานได้“แม่ค่ะ หนูมีวิธีที่จะช่วยทุกคนแล้ว หนูค้นเจอเวทเคลื่อนย้ายในตำรา ที่ท่านเวทจิ้งจอกได้ให้ไว้ แม่โทรหาพี่ บอกให้พี่เข้าไปอยู่ในห้องพัก เดี๋ยว หนูจะวาดอักขระตรงหน้าประตูบ้านเรา ให้เชื่อมต่อกับที่พักของพี่ชาย” หลังจากที่แม่เธอได้ฟังที่เธอบอกแล้ว ก็ได้โทรหาพี่ชายของเธอ เพื่อบอกว่าเธอมีทางทำให้พี่กลับมาบ้านได้แล้ว หลังจากที่พี่ตงหยางได้รู้ว่าเธอจะทำสิ่งไหน เขาก็เดินออกมาจากหน้าประตูห้องพักของเขา หลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ซูเมิ่งก็ได้เอามือวาดบนประตูที่บ้านของเธอ และตั้งจิตว่าจะให้ประตูนี้เชื่อมต่อกับที่ไหน แล้ววาดอักขระเชื่อมต่อลงไป หลังจากที่เธอวาดอักขระจบแล้ว หน้าประตูบ้านของเธอก็มีแสงสว่างขึ้นมา ทำให้รู้ว่าการสร้างอักขระครั้งแรกของเธอเป็นผลสำเร็จหลังจากที่เธอทำสำเร็จแล้ว เธอก็ได้เปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อไปพาพี่ชายกลับมาที่บ้าน เธอเปิดประตูเข้ามาที่ห้องของพ
เธออยากให้ครอบครัวของเธอเข้ามาในมิติด้วยจัง เธอจะได้ มีคนช่วยดูแลสิ่งของต่างๆ ภายด้านในมิตินี้ หรือเธอจะลองให้พ่อและแม่เข้ามาดี ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วฝึกพลังอีกสักหน่อยดีกว่า เธอดูดทรัพย์หินเวท และปรับเวลาในมิติให้เป็น เวลาหนึ่งปีภายในมิติ แต่ด้านนอกจะผ่านไปแค่หนึ่งวันเท่านั้น เธอได้ใช้เวลาดูดทรัพย์หินเวท วันแล้ววันเล่า จนครบหนึ่งปีเธอก็ยังไม่สามารถเลื่อนเป็นขั้นสามได้สักทีบ้านหรูบนเขาหลังหนึ่ง เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา สูงโปร่งประมาณเกือบร้อยเก้าสิบ ยืนมองมาทางบ้านของซู่เมิ่งด้วยความสงสัย เพราะเขาเพิ่งย้ายเข้ามาที่บ้านหลังนี้เมื่อครึ่งเดือนก่อนเอง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม บ้านบนเขาหลังนั้นยังว่างอยู่เลย แต่อาจจะมีคนมาอยู่ก่อนแล้ว เขาอาจจะไม่ได้สังเกตก็ได้ หลังจากที่เขาเลิกสนใจบ้านของซูเมิ่งแล้ว เขาก็เดินไปนั่งดูข่าวในหน้าจอโทรทัศน์ หลังจากที่เห็นคนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เขาก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นน่าสงสารในฐานะที่เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำงานเพื่อประชาชน เขาก็อยากให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ผ่านไปสักทีทางด้านทางขึ้นเขา เริ่มมีคนที่จะเดินขึ้นมาบนเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละคนก็หนีน้ำท่วมกันมาทั
“เสียวเหมา เราออกไปสำรวจด้านนอกกันเถอะ ฉันอยากหาพื้นที่ ที่จะใช้สร้างเมือง ตอนที่นายไปสำรวจ เจอพื้นที่ตรงไหนที่มีสารพิษไม่เยอะบ้างไหม” “ได้ครับเจ้านาย เสียวเหมาอยากให้ลองไปดูเมืองตงไห ทางเหนือครับ ตอนที่ได้คำสั่งให้ไปตรวจ เสียวเหมาเห็นว่าแถวนั้นน่าจะยังพอใช้ได้ เพราะหินอุกกาบาตแถวนั้นเป็นหินก้อนเล็กๆ ครับ เลยไม่มีสารพิษที่รุนแรงมากนัก” “ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปกันเลย” เธอใช้เวทอักขระเคลื่อนย้ายไปตามพื้นที่ ที่เสียวเหมาได้ไปเจอมา พอเธอได้มาเห็นด้วยตา มีพื้นที่แบบนี้อยู่ทางเหนือด้วยเหรอ เธอไม่เคยเห็นที่แห่งนี้เลยสักครั้ง เป็นพื้นที่กว้างมาก มีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง รอบๆ แม่น้ำเป็นเนินราบสูงแต่เป็นพื้นที่ราบ และรอบข้างของพื้นที่ราบ ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาที่ไม่สูงเท่าไหร่ ถ้าตอนที่ยังมีหญ้าหรือดอกไม้ขึ้นอยู่พื้นที่นี้ คงจะสวยมากเลยจริงๆ ที่ตรงนี้เป็นที่เดียวที่ไม่มีบ้านคนและไม่มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่ แต่อากาศและน้ำก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะมีสารพิษ แต่ไม่เยอะเท่าพื้นที่เมืองด้านนอก เธอจะเอาที่นี่ เป็นที่ตั้งเมืองแห่งใหม่ของเธอเธอเข้ามาในมิติ และเรียกทุกคนออกมาด้านนอก เพื่อให้ทุกคนใช้พลังเวทในการชำระสา
”นายคิดถูกแล้ว ผมจะให้พวกคุณ วิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศและหินอุกกาบาตที่ตกลงมา เราจะได้คิดค้นยาและวิธีที่พวกเราจะสามารถอยู่บนพื้นดินได้ ก่อนที่ทุกคนจะทำงานผมอยากให้ทุกคน มาสแกนหน้าเพื่อเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้เสียก่อน คุณเฟยหรง คุณสแกนหน้าก่อนเลย” ท่านผู้นำไปยืนตรงหน้าเครื่องสแกน เพื่อกดอนุญาตให้คนอื่นเข้าพักที่คอนโดแห่งนี้ ร้านค้าวิเศษหลังจากที่ขายคอนโดให้พวกเขาแล้ว ก็ให้ตัวเขาที่เป็นผู้นำเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ เขาจะให้ใครเข้าพักก็ได้ หรือจะให้ใครออกจากห้องพักก็ได้อีกเหมือนกัน“ได้ครับท่าน” เฟยหรงที่โดนเรียกชื่อ เขาได้เดินไปทางหน้าประตูคอนโด กดปุ่มสแกนหน้าขึ้นมา เครื่องสแกนหน้าก็เริ่มทำงานทันที หลังจากที่เขาสแกนหน้าเสร็จแล้ว จะมีหน้าจอขึ้นมาให้เขากดเลือกห้องพัก เขากดเลือกห้องที่อยู่สูงที่สุด เพราะเขาจะได้ระวังภัยได้ง่ายขึ้น เขากดชื่อลงไป และระบบของคอนโดก็มีเสียงแจ้งเตือนซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง“ผู้เข้าพักห้อง ห้าหนึ่งห้าชื่อเฟยหรงทำรายการสำเร็จแล้ว” หลังจากที่เขาสแกนหน้าสำเร็จแล้ว เขาก็หลีกทางให้คนอื่นๆ สแกนหน้าต่อ คอนโดนี้มีทั้งหมดสิบห้อง ชั้นละสามห้องเท่านั้น มีทั้งหมด หกชั้น ชั้นที่อยู่บนสุ
“แม่ค่ะ ทำไมเราต้องมาอยู่ในที่ ที่มันแคบเท่ารูหนูนี่ด้วย หนูอยากกลับบ้าน เมื่อไหร่ด้านนอกจะสงบสักที” เสียงที่ดังโวยวายขึ้นมา เป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่มองดูภายนอกแล้ว เป็นคนที่หน้าตาดี น่าจะเป็นครอบครัวของคนที่ร่ำรวยอย่างมาก“เฟยหยา อย่าเสียงดัง อยู่เงียบๆ กันหน่อย คิดว่าไม่มีใครอยากที่จะออกไปหรือไง ไม่ได้ยินที่เขาแจ้งเตือนเหรอ หรือลูกอยากออกไปเป็นศพอย่างภาพนั้น ที่เราได้ดูกัน” “แต่พวกมันอาจโกหกก็ได้นี่ค่ะ มันคงไม่อยากให้เราออกไปกันน่ะสิ มันถึงเอาข่าวปลอมๆ มาหลอกพวกเราก็ได้” เสียงเฟยถิง ผู้เป็นน้องสาวของเฟยหยา พูดเถียงออกมา เธอไม่เชื่อหรอกว่าข่าวนั้นจะเป็นเรื่องจริง“นั่นสิคุณ ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เราลองออกไปดูกันไหม” “ถ้าคุณอยากออกไปตาย ก็ออกไปคนเดียวไม่ต้องพาลูกๆ ออกไปด้วย แต่ถ้าออกไปแล้วร่างกายติดสารพิษเข้ามา ถึงพวกเรามีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยคุณกับลูกได้หรอกนะ ตอนนี้ท่านผู้นำยังไม่มีข่าวประกาศออกมาเลย อย่าใจร้อนกันนักเลย” เขาเบื่อที่พวกลูกของเขาและภรรยา ช่างเอาแต่ใจกันขนาดนี้ ต้องโทษเขาที่ตามใจมากเกินไปเฟยฮวา และลูกๆ ทั้งสอง ได้ฟังพ่อของเธอดุเป็นครั้งแรก ก็รู
ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวัน หลังจากที่เกิดเหตุอุกกาบาตตกทั่วเมือง ไม่มีที่ไหน ที่อุกกาบาตจะไม่ตกเลย เธอให้หน้าจอแต่ละหมายเลข ถ่ายวิดีโอจากภาพด้านนอกมิติ ให้ทั่วทุกที่ เธอคิดว่าหน้าจอแค่ห้าอัน คงไม่พอ เธอเลยซื้อเพิ่มไปอีกห้าตัว และก็ตั้งชื่อเรียงกันเหมือนเดิม ไฟที่เกิดจากอุกกาบาตตกลงมานั้น ได้ดับลงแล้วในบางพื้นที่ แต่บนเขาที่อุกกาบาตตกลงมา เสียหายเป็นจำนวนมาก ไฟที่ลามเข้ามาเผาไหม้ในบ้านเมือง บางเมืองแทบมองไม่ออกว่าเมื่อก่อนเคยเป็นแบบไหนมาก่อนเธอเข้าไปในระบบ เปิดร้านค้าขั้นที่สอง กดซื้อของเป็นหน้ากากกันสารพิษและมีออกซิเจนในตัวมาหนึ่งเครื่อง เธอจะลองขึ้นไปด้านนอกดู เธอใส่หน้ากากกันสารพิษ เตรียมพร้อมจะออกไปดูด้านนอกมิติ“เสียวเหมา เดี๋ยวนายออกไปด้านนอกกับฉันหน่อยนะ” “ได้ครับเจ้านาย” เธอและเสียวเหมา ออกมาจากหินมิติ สิ่งแรกที่เห็นก็ไม่ต่างจากที่เธอได้ดูถ่ายทอดสดเท่าไหร่“เสียวเหมา นายลองสแกนอากาศที่อยู่รอบๆ ตัวฉันได้หรือเปล่า ลองสแกนพื้นดินและตรงนั้น ตรงที่อุกกาบาตตกลงมาด้วย” “เสียวเหมาทำได้” เสียวเหมาเริ่มสแกนทุกสิ่งรอบตัว และดินบริเวณที่หินอุกกาบาตได้ตกลงมาด้วย“เป็นยังไงบ้าง นายเจออะไ
“คุณ ช่วยกันคิดสิ เราจะทำยังไงกันดี ฉันยังไม่อยากตาย ฮื่อ!ๆ ” เสียงร้องของครอบครัวเซียวเอิน ดังไปทั่วบริเวณที่เขาอยู่ ไม่มีใครที่ได้ยินเสียงพวกเขาอีก นอกจากตัวของพวกเขาเอง เซียวเอินมองดูไปรอบๆ ตัว ไฟเริ่มลามเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นไปทุกที นี่พวกเขาทำอะไรผิด สวรรค์ถึงได้ลงโทษพวกเขาแบบนี้ ต้องเป็นเพราะเจ้าเซียวกังแน่ๆ ที่มันเอาหินปลอมมาหลอกพวกเขา“เราวิ่งฝ่าไฟกันออกไปเถอะ อยู่แบบนี้ ก็มีแต่จะตายกันเปล่าๆ ” ทั้งสามคนจับมือกันเพื่อจะวิ่งฝ่าวงล้อมของไฟออกไป ตอนที่พวกเขากำลังจะก้าวผ่านไปนั้น ก็มีหินอุกกาบาตตกลงมาใส่บ้าน ที่พวกเขาอยู่ แหลกลงไปพร้อมกับร่างพวกเขาทั้งครอบครัวจบกันสักที ลุงจะมาโทษฉันไม่ได้ ถ้าลุงไม่ทำร้ายครอบครัวฉันก่อน ถ้าลุงไม่คิดร้ายกับพวกฉัน จุดจบมันคงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก ซูเมิ่งที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธออโหสิให้ก็แล้วกัน เพราะลุง ก็ได้ชดใช้ให้กับครอบครัวของเธอแล้ว เธอนั่งดูหน้าจอออนไลน์ ที่จอห้าได้ไปถ่ายทอดสดมาให้เธอได้ดู เรื่องนี้เธอไม่ได้บอกใครสักคน ให้ทุกอย่างมันจบแค่เธอก็พอ“จอห้า ไม่ต้องถ่ายตรงนี้แล้ว นายไปถ่ายจุดต่อไปบนแผนที่เลย” เธอส่งกระแสจิตไปบอกเธอเดินออกไ
“ใครยังมีหินมิติเหลืออีกบ้าง ใครมีหลายก้อน ผมขอแลกกับอาหารได้ไหมครับ ครอบครัวผมมีกันห้าคน พวกผมหาไม่ทันจริงๆ” “เขาประกาศข่าวก่อนตั้งเกือบเดือน ทำไมพวกแกไม่เตรียมความพร้อมกันให้ดี มาขอตอนนี้ใครจะให้พวกแกกัน” “ฉันก็อยากช่วยนะ แต่ครอบครัวฉันก็มีแค่อันเดียว ฉันไม่มีให้หรอก” ขณะที่ครอบครัว ของชายหนุ่มกำลังสิ้นหวัง ก็มีชายคนหนึ่งส่งหินมิติให้เขาไปหนึ่งก้อน “เอาไปสิ ลูกพี่ของเราให้เอามาให้” ครอบครัวของชายคนนั้นมองไปตาม ปลายนิ้วมือที่ชี้ให้เขาดู ก็มองเห็นชายคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหล่า คมเข้ม น่าจะสูงสักหนึ่งร้อยเก้าสิบได้ มองมาทางพวกเขา ครอบครัวของพวกเขาก็ก้มหัวขอบคุณ ผู้มีพระคุณ พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลยหลายๆ คนเห็นชายคนนั้น เอาหินมิติให้ครอบครัวหนึ่ง ก็เกิดความโลภที่อยากจะได้บ้าง มีบางคนที่ใจกล้า เดินเข้าไปขอก็ถูกไล่ออกมา“พี่เฟยหรง พวกชาวบ้านพวกนี้ มีแต่พวกโลภมากทั้งนั้น ไม่น่าช่วยเหลือเลยสักคน พวกเราเข้าไปในมิติกันดีกว่า” เฟยหรงมองดูพวกชาวบ้าน ที่ยังไม่เกิดอุกกาบาตชนโลก ก็เริ่มเห็นแก่ตัวกันหมดแล้ว เขาได้เข้ามาในมิติกับเพื่อนที่อยู่ในหน่วยลับเดียวกัน ด้านในนี้มีหน้าจอถ่ายทอดสดให้ดู ไม่
ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ตกลงมีหินพลังเวท ที่ผมต้องการหรือเปล่าครับร้านค้าวิเศษ : คนที่ต้องการใช้หินพลังเวท มีพลังธาตุอะไรผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : เป็นผู้ฝึกพลังธาตุน้ำครับร้านค้าพิเศษ : ทางเรามีหินธาตุน้ำอยู่หนึ่งก้อน ท่านต้องการหรือไม่ผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ผมต้องการครับ ขอบคุณมากครับเจ้าของร้านร้านค้าพิเศษ : สำหรับหินพลังเวท ทางเราขายก้อนละยี่สิบล้านหยวน ถ้าท่านต้องการ กรุณาชำระเงินและกรอกที่อยู่ได้เลยผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ได้ครับ ทางร้านค้าพิเศษ ยังมีหินพลังเวทเหลืออยู่อีกไหมครับร้านค้าพิเศษ : มีหรือไม่มี ขึ้นอยู่แต่อารมณ์ของผู้ขายผู้มีพลังที่ยังหลงเหลือ : ครับ ชำระเงินแล้วนะครับ'เจ้าของร้านวิเศษเป็นคนที่กวนเหมือนกัน เราต้องทำดีกับเจ้าของร้านค้านี้เข้าไว้’เธอเลือกความเสี่ยง ที่ขายของออกไป นี่ร้านของเธอ ร้านค้าวิเศษ ของที่ขายก็ต้องเป็นของวิเศษไม่ใช่เหรอ ที่เธอตั้งชื่อร้านนี้ขึ้นมา ก็เพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่า ของในร้านเธอมันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอยู่แล้วเวลาผ่านไปเรื่อยๆ วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ อุกกาบาตชนโลก เธอเตรียมความพร้อมสำหรับครอบครัวเธอหมดแล้ว เธอม
ตอนเช้าวันต่อมา “พี่เซียวเอิน พวกผมจะออกไปหาซื้อของกินแล้วไปธุระหน่อยนะพี่ ฝากทั้งสองคนดูแลบ้านด้วยนะครับ พี่สะใภ้ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก พี่ยิ่งแพ้ท้องอยู่ด้วย” “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะดูแลบ้านให้แกเอง ไปทำธุระให้สบายใจเถอะ” “นั่นสิ น้องเซียวกังไม่ต้องเป็นห่วงพี่สะใภ้ ตอนนี้ ไม่ค่อยแพ้ท้องเท่าไหร่แล้ว อย่าลืมซื้อของกินมาเยอะๆ และฝากซื้อ บ๊วยดองมาด้วย” ฝากบ้านเสร็จแล้วครอบครัวเซียวกังก็ขึ้นรถ แล้วก็ขับรถออกไป “น้องจะให้พี่ขับรถไปจอดไว้ตรงไหน” พี่ตงหยางถามเธอ“เอาไว้ใกล้ๆ นี่ล่ะ แล้วเราเข้าไปในมิติกันเถอะ จะได้ดูว่าพวกนั้นทำอะไรกันบ้าง” เมื่อวานหลังจากที่ตกลงกันทำตามแผน เธอก็ได้ให้เสียวเหมา เอาจอที่ถ่ายทอดสด เอามาติดตั้งในห้องพ่อเธอ และตามห้องต่างๆ ในบ้านและเธอร่ายเวท อักขระปิดบังเอาไว้ ดีที่เธอไปค้นในระบบพบว่ามีจอแบบนี้ขายอยู่พอดี เธอเลยซื้อมาเพิ่มอีกห้าจอ ในราคาตัวละแค่หนึ่งหมื่นทอง เธอไม่ค่อยได้ใช้เงินกับระบบเท่าไหร่“เป็นยังไงซีซวน มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง” เธอให้น้องคอยดูกล้องอยู่ตลอด“ยังปกติดีพี่ ผมว่าอีกไม่นานหรอก” ทางด้านของครอบครัวลุง “คุณพวกมันไปกันแล้ว ตอนนี้ทางสะ
‘ทำไมข้อความนี้ ส่งมาหาเธอเยอะจัง หรือจะมีเรื่องด่วนอะไร’ เธอกดตอบรับ ร้านค้าวิเศษ: สวัสดีค่ะ ร้านค้าวิเศษยินดีให้บริการค่ะสายลับ: คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหมร้านค้าวิเศษ: ใช้แล้ว คุณต้องการสิ่งใดสายลับ: ผมติดต่อมาจากหน่วยลับพิเศษ ทางเราต้องการหินมิติจากคุณในจำนวนมากร้านค้าวิเศษ: คุณต้องการหินมิติเท่าไหร่สายลับ: ผมต้องการห้าแสนก้อน เพื่อใช้ในหน่วยลับและกองทหารทั่วประเทศร้านค้าวิเศษ: ทางเรามีของให้คุณ กรุณากดสั่งซื้อได้เลย ภายในครึ่งชั่วโมง ของจะส่งถึงที่อยู่ของคุณที่จริงเธอมีของอยู่ห้าล้านก้อนเลยล่ะ แต่เธอจะเก็บไว้ขายให้ประชาชนที่พอซื้อได้ก่อน เดี๋ยวอีกวันเธอค่อยส่งให้ทางรัฐบาลแล้วกัน พวกเธอจัดการของทุกอย่างเรียบร้อย ภายในเวลาหนึ่งเดือนในมิติ และหนึ่งวันด้านนอก ไม่รู้ด้านนอกจะเป็นยังไงบ้าง ลุงของเธอคงจะโวยวายน่าดูไอเจ้าเซียวกังมันหายไปไหนของมัน ข้าวปลาก็ไม่ทำไว้ให้กิน บ้านก็เงียบ อยู่ดีๆ พวกมันหายไปไหนกันหมด เขาบ่นไม่ทันไร ก็เห็นซูเมิ่งเดินเข้ามาพอดี “ไปไหนกันมา” เสียงแรกที่เธอได้ยิน ก็คือเสียงลุงของเธอเอง “ไปหาเพื่อนมาค่า” “ฉันไม่เชื่อหรอก พวกแกเล่นหายกันไปหมดบ้าน