จะมีใครเหมือนนางบ้างที่หยุดพักหลังจากเดินไปแค่ไม่กี่ก้าว นางใช้เวลาสี่ชั่วยามเพื่อไปถึงจุดหมายทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาเพียงสองชั่วยามก็ถึงแล้ว“ทางออกอยู่ข้างหน้านี่ เจ้าก็เชื่อฟังหน่อยแล้วกันนะ อย่าคิดที่จะหนี เพราะเจ้าคงไม่อยากรู้ว่าหนอนกู่ในร่างกายของเจ้าจะทำอะไรหลังจากที่เจ้าหนีไป”ซูชิงอู่เลิกคิ้วพลางพูดตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่หนีหรอก”เมื่อเห็นว่าเชลยให้ความร่วมมือ ชายชราก็ดันฝาครอบที่ด้านบนสุดของขั้นบันได หลังจากที่เขาขยับมัน ก็มีแสงเทียนรำไรส่องลงมาจากด้านบนซูชิงอู่เงยหน้ามอง เห็นว่าชายชราดับคบเพลิงในมือและหมุนตัวปีนขึ้นไปด้านบน จากนั้นเขาก็หันกลับมามองนาง “เจ้าก็เคลื่อนที่ให้มันเร็ว ๆ หน่อย ข้างนอกมืดแล้ว”หลังจากได้ยินเช่นนั้น นางก็ปีนขึ้นมาและมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ พบว่าจริง ๆ แล้วมันคือบ้านหลังหนึ่งในห้องตกแต่งเรียบง่าย แต่สะอาดสะอ้าน และนางกับชายชราก็คลานออกมาจากใต้โต๊ะในบ้านหลังนี้แม้ซูชิงอู่จะอยู่ในอุโมงค์ แต่นางก็ใช้ความรู้สึกเพื่อระบุทิศทาง และเดาว่าสถานที่แห่งนี้อาจอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหลินทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงดัง เมื่อซูชิงอู่หันหน้าไปมอง นางก็เห็นว่าชายชราได
ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเป็นปม พลางหาเก้าอี้มานั่งลงอย่างสบาย ๆ “แค่นั้นเองหรือ?”น้ำเสียงของนางแสดงให้เห็นว่ากำลังดูถูกเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองทว่าสำหรับคนธรรมดา แม้แต่ครอบครัวใหญ่บางครอบครัว เงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองนี้ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยมันสามารถช่วยให้ครอบครัวเล็ก ๆ เติบโตและมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองได้และที่เขายอมเสี่ยงอันตรายก็เพื่อเงินก้อนนี้ ทว่าเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองกลับดูไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าซูชิงอู่สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ซูชิงอู่เหยียดนิ้วออกสามนิ้วโดยไม่รีรอ “เงินสามหมื่นตำลึงทอง แลกกับการพาข้ากลับไปเพื่อสอนวิธีทำลูกปัดอสนีบาต”ดูเหมือนบุรุษผู้นั้นจะได้ยินไม่ชัดเจน “จะ...เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”ซูชิงอู่เชิดหน้า “ข้าพูดว่าสามหมื่นตำลึงทอง แคว้นอู๋ตะวันตกดูถูกข้ามากเกินไปแล้วนะ ตัวข้ามีค่าเท่ากับหนึ่งหมื่นตำลึงทองแค่นั้นน่ะรึ?”มุมปากของบุรุษนั้นกระตุกเบา ๆ“อย่ามาคุยโวหน่อยเลย”“คุยโวอะไรกัน? ให้ข้าเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ นี่เป็นข้อตกลงระหว่างเจ้ากับข้า ส่วนเรื่องที่เจ้าลักพาตัวข้ามา ข้าจะไม่ถือโทษเอาผิดเจ้าในภายหลัง”นางเดินมาไกลถึงเพียงนี
จริงด้วย...ในเมื่อเขาสู้แรงของสตรีผู้นี้ไม่ได้!บุรุษผู้นั้นกัดฟันแล้วพูดว่า “อย่าลืมนะว่าเจ้ากินยาของข้าไป ขอเพียงข้าสั่งให้พิษในร่างกายของเจ้าทำงาน เจ้าจะต้องเจ็บปวดทรมาน!”ซูชิงอู่พูดเนิบ ๆ “ก็ลองดูสิ”นางจับดาบสั้นไว้แน่นพลางรออย่างใจเย็นให้อีกฝ่ายลองใช้ทุกวิธีที่มีบุรุษผู้นั้นผิวปากด้วยความไม่เชื่อ เขาผิวปากเป็นเวลานานจนปากของเขาแห้งผากนางไม่เป็นอะไรเลย!บุรุษผู้นั้นตกตะลึงพลางพูดด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร หรือว่าเจ้าไม่ได้กินยาเข้าไป ไม่...เป็นไปไม่ได้ ข้าเห็นเจ้ากินมันเข้าไปด้วยตาของตัวเองเลยนะ…”ซูชิงอู่ตอบว่า “อืม ข้ากินยาไปแล้ว”“แล้วเหตุใดเจ้าถึง...”ซูชิงอู่แค่นยิ้มเบา ๆ “แล้วเหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”บุรุษคนดังกล่าว "……"เขานอนบนพื้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าฆ่าข้าเถอะ”ซูชิงอู่ “...”ขณะนั้นเอง บานประตูก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหันมีร่างสองร่างปรากฏขึ้นที่นอกประตูซูชิงอู่เงยหน้าเห็นบุรุษหนึ่งคนและสตรีหนึ่งคนยืนอยู่ที่ประตู ทั้งสองมองเข้ามาในห้องด้วยความตกตะลึง“นายน้อย!”พวกเขาทั้งสองตะโกนพร้อมกัน และครู่ต่อมาพวกเขาก็หยิบอาวุธออกมาพลางชี้ไปท
องครักษ์ผู้นั้นก้มหน้าลงแล้วเล่าว่า “นายน้อยของพวกเราเป็นบุตรชายภรรยาเอกแห่งตระกูลหลิ่วซึ่งเป็นตระกูลสันโดษ...คนในตระกูลหลิ่วจะอยู่แต่ในเส้นทางยุทธภพเท่านั้น และเพราะมีชื่อเสียงในด้านอาวุธเพลิง พวกเขาจึงไม่ถ่ายทอดทักษะอาวุธเพลิงนี้ให้แก่ใครตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลหลิ่ว และได้ยินมาว่าแคว้นอู๋ตะวันตกตั้งค่าหัวท่าน เขาจึงใช้วิธีการสร้างลูกปัดอสนีบาตเพื่อล่อท่านออกมาและจับตัวท่านเอาไว้…”บุรุษผู้นี้เป็นคนซื่อตรงมาก ยังไม่ทันที่ซูชิงอู่จะได้ถามอะไรต่อ เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาเรียบร้อยซูชิงอู่เรียบเรียงความคิดของตัวเองและสามารถคาดเดาคร่าว ๆ ได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นเรื่องจริงนางหรี่ตาจ้องไปยังนายน้อยตระกูลหลิ่วที่รอดพ้นจากความทรมานมาเมื่อครู่ ผู้ซึ่งกำลังนอนพะงาบ ๆ อยู่บนพื้นเหมือนปลาตายอยู่ไม่ไกล“เช่นนี้นี่เอง นายน้อยของพวกเจ้าปลอมตัวเป็นคนแก่มาซื้อใจข้าอย่างนั้นล่ะสิ?”ทหารอารักขารู้สึกละอายพลางคำนับซูชิงอู่ด้วยความเคารพ “เป็นเช่นนั้น”ซูชิงแค่นยิ้มเบา ๆ “แล้วเหตุใดเขาถึงถอดหน้ากากออกและแสดงตัวตนที่แท้จริงให้ข้าเห็นด้วยล่ะ ไม่กลัวว่าหากข้ารอดขึ้นมาแล้วจะตามไปแก้แ
ซูชิงอู่แค่นหัวเราะเบา ๆ “เพื่ออะไรล่ะ? เจ้าป้อนหนอนกู่ให้ข้า ข้าก็ป้อนหนอนกู่ให้เจ้าด้วยอย่างไร ก็ยุติธรรมดีไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้าต้องให้ยาถอนพิษกับนายน้อยหลิ่วด้วยเล่า?”สีหน้าของคนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าล้วนไม่สู้ดี และหลิ่วจ้งอิ๋นก็กัดฟันพูด“แล้วเจ้าจะให้ทำอย่างไรถึงจะยอมถอนพิษกู่ให้?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “เจรจาการค้าก็คือการค้าสิ เงินมาของไป วิธีถอนพิษกู่นั่นเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”“เจ้า…”ซูชิงอู่หลุบตาลง สีหน้าของนางแสดงถึงความเหลืออด “ทำไม อยากต่อรองกับข้ารึ?”หลิ่วจ้งอิ๋นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปซูชิงอู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว”องครักษ์พูดอย่างชาญฉลาด “เชิญพระชายาตามข้าน้อยมาทางนี้ ทางเราได้เตรียมห้องดี ๆ ไว้ให้แล้วขอรับ”“นำทางไปที”คนผู้นั้นเดินนำซูชิงอู่ขึ้นไปชั้นบน ห้องที่อยู่ตรงกลางได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งเตียงก็ปูด้วยผ้าปูที่นอนที่ใหม่และนุ่มข้างนอกมืดสนิทแล้ว ซูชิงอู่จึงหันหลังไปปิดประตู“หาข้าไม่ได้เรียก ก็ห้ามใครเข้าไป”องครักษ์ไม่กล้าปฏิเสธ “ขอรับ”เมื่อรอให้ซูชิงอู่เข้าไปในห้องและไม่มีการเคลื่อนไหวใดอ
เมื่อเห็นคนทั้งสามยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูเหมือนท่อนซุง ซูชิงอู่ก็ถามว่า “พวกเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องใด?”ฉินซานเป็นคนแรกที่ได้สติและรีบนำอาหารมาส่งให้ “ข้าน้อยได้เตรียมอาหารไว้สำหรับท่านโดยเฉพาะขอรับ”ซูชิงอู่พยักหน้า “วางได้เลย”นางนั่งที่โต๊ะโดยไม่สนใจว่ามีดวงตาสามคู่กำลังจ้องมองนางอยู่พลางหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารชิมอาหารรสชาติไม่เลว ที่ซึ่งไม่มีใครอยู่เช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าคนทำอาหารคงจะเป็นองครักษ์นางหันไปมองทางคนที่อยู่ตรงประตูแล้วเลิกคิ้ว “พวกเจ้าไม่กินรึ?”แม้หลินอิงจะเป็นสตรี แต่นางก็ตะลึงกับใบหน้าของซูชิงอู่ นางไม่เคยเห็นคนที่งดงามขนาดนี้มาก่อนแม้แต่สตรีด้วยกันก็ต้องยอมรับในความงามของซูชิงอู่...นางกัดริมฝีปากและเมื่อนางหันไปก็เห็นว่านายน้อยของนางยังคงเหม่อลอยนางรีบเตือนอย่างรวดเร็ว “นายน้อย หยุดมองได้แล้วเจ้าค่ะ”จากนั้นหลิ่วจ้งอิ๋นก็กลับมามีสติอีกครั้ง เขาลูบจมูกตัวเองและหูแดงเล็กน้อยเขาไม่เคยพบสตรีที่งดงามหยาดเยิ้มขนาดนี้มาก่อนเมื่อวานเขาคิดว่านางเป็นเสียงสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้พลิกกลับแล้ว เขาจึงมีเวลาสังเกตรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายมากข
เมื่อรวมกับการลดหย่อนภาษี และพี่ห้าได้ซื้อเสบียงนำเข้ามาจากภายนอกเป็นจำนวนมาก จึงง่ายมากที่จะรอดจากภัยแล้งนี้ไปได้หลิ่วจ้งอิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า “ในเมืองฉีที่ตระกูลหลิ่วของข้าอาศัยอยู่ อันกั๋วโหวเป็นตัวตั้งตัวตีในการกักตุนอาหาร ผู้คนจำนวนมากในเมืองจึงอดอยาก พระชายาไม่รู้เรื่องนี้หรือ?”อันกั๋วโหว...ซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าคนผู้นี้คือใครทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวของนาง และนางก็นึกถึงใครบางคน...คู่หมั้นขององค์หญิงห้าเย่หลิงจู ดูเหมือนจะเป็นซื่อจื่อแห่งจวนอันกั๋วโหวตอนที่ยังร่ำเรียนอยู่สำนักศึกษาหลวงในเมืองหลวง เขาได้สานสัมพันธ์กับองค์หญิงห้าเย่หลิงจูและทั้งสองยังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต...ซูชิงอู่ไม่ได้รู้จักคนผู้นี้มากนัก เพราะเย่หลิงจูได้ออกจากแคว้นหนานเย่ไปแต่งงานอยู่ที่อื่นตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นชะตากรรมระหว่างทั้งสองจึงสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ อีกทั้งซื่อจื่อผู้นั้นก็ไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้ด้วยคาดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาและไปที่เมืองหลวงเพื่อพบกับเย่หลิงจู ตนจึงมีโอกาสได้พบกับเขาก่อนหน้านี้ซู่ชิงอู่ค
“เซียวเฝิง สถานการณ์ ณ เมืองชายแดนในตอนนี้คงที่แล้ว ทหารม้าจำนวนสี่แสนนายของแคว้นอู๋ตะวันตกได้รับความพ่ายแพ้ คงไม่มีทางที่จะฟื้นขวัญกำลังใจได้ในเวลาอันสั้น”เซียวเฝิงหลุบตาลงพลางทำมือคำนับ “ท่านอ๋องวางใจได้ กระหม่อมจะไม่มีทางปล่อยให้แคว้นอู๋ตะวันตกก้าวเท้าเข้าสู่แผ่นดินของเราจนกว่าชีวิตจะหาไม่พ่ะย่ะค่ะ!”เย่เสวียนถิงเชื่อในความสามารถของเซียวเฝิง และยังเชื่อในสายตาของอาอู่ด้วย“หากเจ้าสามารถควบคุมกองทัพทั้งสามได้สำเร็จลุล่วง ภายภาคหน้าเจ้าจะได้มีตำแหน่งภายใต้การนำทัพของข้าอย่างแน่นอน”เมื่อเซียวเฝิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็แสดงสีหน้ายินดี “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่มอบโอกาสให้กระหม่อมได้แสดงความสามารถพ่ะย่ะค่ะ”“ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบกองทัพชายแดนทั้งสาม ข้าขอตัวจากไปสักระยะ”เซียวเฝิงกลับมามีท่าทีปกติโดยปราศจากความกังวลใจใดใด“กระหม่อมรับบัญชา ขอท่านอ๋องโปรดวางใจ”ทว่าคนอื่นกลับไม่ได้มีท่าทีเหมือนกันกับเขามีคนรีบยืนขึ้นและทำความเคารพด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องโปรดอย่าทำเช่นนั้นเลย ในยามที่ชายแดนยังต้องการกำลังคน ท่านจะจากไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”รองแม่ทัพเจิ้นเป่ยอีกคนก็ก