องครักษ์ผู้นั้นก้มหน้าลงแล้วเล่าว่า “นายน้อยของพวกเราเป็นบุตรชายภรรยาเอกแห่งตระกูลหลิ่วซึ่งเป็นตระกูลสันโดษ...คนในตระกูลหลิ่วจะอยู่แต่ในเส้นทางยุทธภพเท่านั้น และเพราะมีชื่อเสียงในด้านอาวุธเพลิง พวกเขาจึงไม่ถ่ายทอดทักษะอาวุธเพลิงนี้ให้แก่ใครตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลหลิ่ว และได้ยินมาว่าแคว้นอู๋ตะวันตกตั้งค่าหัวท่าน เขาจึงใช้วิธีการสร้างลูกปัดอสนีบาตเพื่อล่อท่านออกมาและจับตัวท่านเอาไว้…”บุรุษผู้นี้เป็นคนซื่อตรงมาก ยังไม่ทันที่ซูชิงอู่จะได้ถามอะไรต่อ เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาเรียบร้อยซูชิงอู่เรียบเรียงความคิดของตัวเองและสามารถคาดเดาคร่าว ๆ ได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นเรื่องจริงนางหรี่ตาจ้องไปยังนายน้อยตระกูลหลิ่วที่รอดพ้นจากความทรมานมาเมื่อครู่ ผู้ซึ่งกำลังนอนพะงาบ ๆ อยู่บนพื้นเหมือนปลาตายอยู่ไม่ไกล“เช่นนี้นี่เอง นายน้อยของพวกเจ้าปลอมตัวเป็นคนแก่มาซื้อใจข้าอย่างนั้นล่ะสิ?”ทหารอารักขารู้สึกละอายพลางคำนับซูชิงอู่ด้วยความเคารพ “เป็นเช่นนั้น”ซูชิงแค่นยิ้มเบา ๆ “แล้วเหตุใดเขาถึงถอดหน้ากากออกและแสดงตัวตนที่แท้จริงให้ข้าเห็นด้วยล่ะ ไม่กลัวว่าหากข้ารอดขึ้นมาแล้วจะตามไปแก้แ
ซูชิงอู่แค่นหัวเราะเบา ๆ “เพื่ออะไรล่ะ? เจ้าป้อนหนอนกู่ให้ข้า ข้าก็ป้อนหนอนกู่ให้เจ้าด้วยอย่างไร ก็ยุติธรรมดีไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้าต้องให้ยาถอนพิษกับนายน้อยหลิ่วด้วยเล่า?”สีหน้าของคนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าล้วนไม่สู้ดี และหลิ่วจ้งอิ๋นก็กัดฟันพูด“แล้วเจ้าจะให้ทำอย่างไรถึงจะยอมถอนพิษกู่ให้?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “เจรจาการค้าก็คือการค้าสิ เงินมาของไป วิธีถอนพิษกู่นั่นเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”“เจ้า…”ซูชิงอู่หลุบตาลง สีหน้าของนางแสดงถึงความเหลืออด “ทำไม อยากต่อรองกับข้ารึ?”หลิ่วจ้งอิ๋นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปซูชิงอู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว”องครักษ์พูดอย่างชาญฉลาด “เชิญพระชายาตามข้าน้อยมาทางนี้ ทางเราได้เตรียมห้องดี ๆ ไว้ให้แล้วขอรับ”“นำทางไปที”คนผู้นั้นเดินนำซูชิงอู่ขึ้นไปชั้นบน ห้องที่อยู่ตรงกลางได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งเตียงก็ปูด้วยผ้าปูที่นอนที่ใหม่และนุ่มข้างนอกมืดสนิทแล้ว ซูชิงอู่จึงหันหลังไปปิดประตู“หาข้าไม่ได้เรียก ก็ห้ามใครเข้าไป”องครักษ์ไม่กล้าปฏิเสธ “ขอรับ”เมื่อรอให้ซูชิงอู่เข้าไปในห้องและไม่มีการเคลื่อนไหวใดอ
เมื่อเห็นคนทั้งสามยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูเหมือนท่อนซุง ซูชิงอู่ก็ถามว่า “พวกเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องใด?”ฉินซานเป็นคนแรกที่ได้สติและรีบนำอาหารมาส่งให้ “ข้าน้อยได้เตรียมอาหารไว้สำหรับท่านโดยเฉพาะขอรับ”ซูชิงอู่พยักหน้า “วางได้เลย”นางนั่งที่โต๊ะโดยไม่สนใจว่ามีดวงตาสามคู่กำลังจ้องมองนางอยู่พลางหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารชิมอาหารรสชาติไม่เลว ที่ซึ่งไม่มีใครอยู่เช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าคนทำอาหารคงจะเป็นองครักษ์นางหันไปมองทางคนที่อยู่ตรงประตูแล้วเลิกคิ้ว “พวกเจ้าไม่กินรึ?”แม้หลินอิงจะเป็นสตรี แต่นางก็ตะลึงกับใบหน้าของซูชิงอู่ นางไม่เคยเห็นคนที่งดงามขนาดนี้มาก่อนแม้แต่สตรีด้วยกันก็ต้องยอมรับในความงามของซูชิงอู่...นางกัดริมฝีปากและเมื่อนางหันไปก็เห็นว่านายน้อยของนางยังคงเหม่อลอยนางรีบเตือนอย่างรวดเร็ว “นายน้อย หยุดมองได้แล้วเจ้าค่ะ”จากนั้นหลิ่วจ้งอิ๋นก็กลับมามีสติอีกครั้ง เขาลูบจมูกตัวเองและหูแดงเล็กน้อยเขาไม่เคยพบสตรีที่งดงามหยาดเยิ้มขนาดนี้มาก่อนเมื่อวานเขาคิดว่านางเป็นเสียงสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้พลิกกลับแล้ว เขาจึงมีเวลาสังเกตรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายมากข
เมื่อรวมกับการลดหย่อนภาษี และพี่ห้าได้ซื้อเสบียงนำเข้ามาจากภายนอกเป็นจำนวนมาก จึงง่ายมากที่จะรอดจากภัยแล้งนี้ไปได้หลิ่วจ้งอิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า “ในเมืองฉีที่ตระกูลหลิ่วของข้าอาศัยอยู่ อันกั๋วโหวเป็นตัวตั้งตัวตีในการกักตุนอาหาร ผู้คนจำนวนมากในเมืองจึงอดอยาก พระชายาไม่รู้เรื่องนี้หรือ?”อันกั๋วโหว...ซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าคนผู้นี้คือใครทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวของนาง และนางก็นึกถึงใครบางคน...คู่หมั้นขององค์หญิงห้าเย่หลิงจู ดูเหมือนจะเป็นซื่อจื่อแห่งจวนอันกั๋วโหวตอนที่ยังร่ำเรียนอยู่สำนักศึกษาหลวงในเมืองหลวง เขาได้สานสัมพันธ์กับองค์หญิงห้าเย่หลิงจูและทั้งสองยังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต...ซูชิงอู่ไม่ได้รู้จักคนผู้นี้มากนัก เพราะเย่หลิงจูได้ออกจากแคว้นหนานเย่ไปแต่งงานอยู่ที่อื่นตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นชะตากรรมระหว่างทั้งสองจึงสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ อีกทั้งซื่อจื่อผู้นั้นก็ไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้ด้วยคาดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาและไปที่เมืองหลวงเพื่อพบกับเย่หลิงจู ตนจึงมีโอกาสได้พบกับเขาก่อนหน้านี้ซู่ชิงอู่ค
“เซียวเฝิง สถานการณ์ ณ เมืองชายแดนในตอนนี้คงที่แล้ว ทหารม้าจำนวนสี่แสนนายของแคว้นอู๋ตะวันตกได้รับความพ่ายแพ้ คงไม่มีทางที่จะฟื้นขวัญกำลังใจได้ในเวลาอันสั้น”เซียวเฝิงหลุบตาลงพลางทำมือคำนับ “ท่านอ๋องวางใจได้ กระหม่อมจะไม่มีทางปล่อยให้แคว้นอู๋ตะวันตกก้าวเท้าเข้าสู่แผ่นดินของเราจนกว่าชีวิตจะหาไม่พ่ะย่ะค่ะ!”เย่เสวียนถิงเชื่อในความสามารถของเซียวเฝิง และยังเชื่อในสายตาของอาอู่ด้วย“หากเจ้าสามารถควบคุมกองทัพทั้งสามได้สำเร็จลุล่วง ภายภาคหน้าเจ้าจะได้มีตำแหน่งภายใต้การนำทัพของข้าอย่างแน่นอน”เมื่อเซียวเฝิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็แสดงสีหน้ายินดี “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่มอบโอกาสให้กระหม่อมได้แสดงความสามารถพ่ะย่ะค่ะ”“ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบกองทัพชายแดนทั้งสาม ข้าขอตัวจากไปสักระยะ”เซียวเฝิงกลับมามีท่าทีปกติโดยปราศจากความกังวลใจใดใด“กระหม่อมรับบัญชา ขอท่านอ๋องโปรดวางใจ”ทว่าคนอื่นกลับไม่ได้มีท่าทีเหมือนกันกับเขามีคนรีบยืนขึ้นและทำความเคารพด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องโปรดอย่าทำเช่นนั้นเลย ในยามที่ชายแดนยังต้องการกำลังคน ท่านจะจากไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”รองแม่ทัพเจิ้นเป่ยอีกคนก็ก
เย่เสวียนถิงก้าวไปหาคนที่พูด“มีคนได้ยินแล้วจะเป็นอย่างไรรึ?”รองแม่ทัพผู้นั้นถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกใจแม่ทัพนายกองเหล่านี้เคยร่วมงานกับจ้าวหลี่มาก่อน แต่พวกเขามีความสามารถค่อนข้างมากและไม่ได้ทำอะไรผิด อีกทั้งยังทำหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นเย่เสวียนถิงจึงเก็บพวกเขาไว้“หากมีคนไม่ประสงค์ดีได้ยินเข้าก็อาจจะคิดว่าท่านอ๋องจะ...ก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ...”เขาเอ่ยตอนท้ายของประโยคด้วยเสียงแผ่วเบาเย่เสวียนถิงหลุบตาลงพลางพยักหน้าเบา ๆ “ที่เจ้าพูดก็ถูก เพียงแต่…”คำพูดของเย่เสวียนถิงในวันนี้ทำเอาตกตะลึงไปหลายหน ท่าทางของทุกคนในตอนนี้จึงเปลี่ยนไปใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนกระดาษหากเย่เสวียนถิงก่อกบฏจริง ๆ กองทัพตะวันตกเฉียงเหนือเช่นพวกเขาก็จะเป็น...กบฏไปด้วย!“ผลที่ตามมานั้นจะน่ากลัวยิ่งกว่าการก่อกบฏ”เย่เสวียนถิงมองหางตา สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างยิ่ง ทั้งยังมีไอสังหารอันเดือดดาลคุกรุ่นอยู่ในดวงตาเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาสงบนิ่งราวกับน้ำในบ่อน้ำเก่าแก่“ในสายตาของข้าไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าพระชายา เข้าใจหรือไม่?”ตอนเขาอยู่ในโลกนี้อย่างโดดเดี่ยว เหลือเพียงอาอู่เท่านั้นที่ทำ
ทิวทัศน์ในเมืองฉีนั้นไม่เลวเลย แต่อากาศร้อนเกินไปซูชิงอู่คาดไม่ถึงว่าอากาศที่นี่จะร้อนเพียงนี้ ทำเอาต้นไม้ริมทางที่แต่เดิมเขียวชอุ่มถึงกับเหี่ยวเฉากลุ่มคนซ่อนตัวอยู่ในรถม้าท่ามกลางอากาศร้อนเช่นนี้ ระหว่างทางที่มาซูชิงอู่ที่เป็นสตรีอ่อนแอบอบบาง กลับไม่รู้สึกอะไร แต่นายน้อยหลิ่วจ้งอิ๋นกลับแทบจะทนไม่ไหว“ถึงแล้ว ตระกูลหลิ่วของข้าอยู่ข้างหน้าใกล้ ๆ นี่แหละ”ซูชิงอู่เหลือบมองเขา “เจ้าบอกว่าตระกูลหลิ่วของเจ้าเป็นตระกูลสันโดษไม่ใช่หรือ?”หลิ่วจ้งอิ๋นพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ ซ่อนตัวอยู่ในเมืองอย่างไรเล่า”ซูชิงอู่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่นางรู้สึกว่ามันก็ดูสมเหตุสมผลมีหลิ่วจ้งอิ๋นเป็นตัวประกันอยู่ในมือ นางก็ไม่กลัวว่าตระกูลหลิ่วจะทำอันตรายกับนาง และแม้จะมีใครกล้า พวกเขาก็ต้องมีฝีมือสักหน่อยตอนนี้นางได้ศึกษาเภสัชตำรับของตระกูลฟางอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วในชีวิตชาติก่อน นางคาดไม่ถึงว่าเภสัชตำรับเล่มเล็ก ๆ จะทรงพลังได้ขนาดนี้ แม้จะเป็นเพียงการจำแนกข้อมูลสมุนไพรธรรมดาและไม่มีอะไรพิเศษ แต่ซูชิงอู่ที่ตอนนี้เข้าใจในศาสตร์แห่งยาสมุนไพรแล้ว ก็ได้รู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของเภสัชตำรับเล่มนั้นเพราะมันม
หลิ่วจ้งอิ๋นพยักหน้า“นายน้อย?”หลิ่วจ้งอิ๋นพยักหน้าอีกครั้งซูชิงอู่ยกมือปิดหน้ากุมขมับ “ตระกูลหลิ่วของเจ้าตกอยู่ในสภาพรกร้างเช่นนี้ได้อย่างไร?”หลิ่วจ้งอิ๋นกัดฟัน “ก็เพราะอันกั๋วโหวน่ะสิ!”หากไม่ได้ประสบปัญหาจริง ๆ ตระกูลหลิ่วของเขาจะลงเอยในสภาพนี้ได้อย่างไร แล้วเขาจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อไปจับตัวซูชิงอู่ทำไมถึงสุดท้ายจะจับตัวมาได้ก็เถอะ ที่จริงเขาน่าจะเป็นฝ่ายถูกจับมามากกว่าซูชิงอู่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนางไม่ได้มาที่นี่เพื่อความเพลิดเพลิน แต่มาเพื่อแบบร่างลูกปัดอสนีบาตสิ่งนี้สามารถทำให้กองทัพของเย่เสวียนถิงมีโอกาสชนะมากขึ้น และยังทำให้แคว้นหนานเย่แข็งแกร่งขึ้นด้วยหลิ่วจ้งอิ๋นเดินไปข้างหน้า และทันทีที่เขาเข้าไปในลานบ้าน ประตูไม้ที่อยู่ตรงกลางก็ถูกเปิดออกและชายชราตัวจริงก็ได้ปรากฎตัวต่อหน้าซูชิงอู่จากนั้น ซูชิงอู่ก็ตกตะลึงอีกครั้งเพราะใบหน้าของเขาเหมือนกับที่หลิ่วจ้งอิ๋นปลอมตัวทุกประการ!ซูชิงอู่เหลือบมองหลิ่วจ้งอิ๋น และเห็นหลิ่วจ้งอิ๋นขยิบตาให้นางพลางส่ายหัวรัว ๆนางเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อ ซึ่งก็คือห้ามบอกอีกฝ่ายว่าเขาปลอมตัวเป็นชายชรานางจะไม่บอก...ได้อย่า