“เซียวเฝิง สถานการณ์ ณ เมืองชายแดนในตอนนี้คงที่แล้ว ทหารม้าจำนวนสี่แสนนายของแคว้นอู๋ตะวันตกได้รับความพ่ายแพ้ คงไม่มีทางที่จะฟื้นขวัญกำลังใจได้ในเวลาอันสั้น”เซียวเฝิงหลุบตาลงพลางทำมือคำนับ “ท่านอ๋องวางใจได้ กระหม่อมจะไม่มีทางปล่อยให้แคว้นอู๋ตะวันตกก้าวเท้าเข้าสู่แผ่นดินของเราจนกว่าชีวิตจะหาไม่พ่ะย่ะค่ะ!”เย่เสวียนถิงเชื่อในความสามารถของเซียวเฝิง และยังเชื่อในสายตาของอาอู่ด้วย“หากเจ้าสามารถควบคุมกองทัพทั้งสามได้สำเร็จลุล่วง ภายภาคหน้าเจ้าจะได้มีตำแหน่งภายใต้การนำทัพของข้าอย่างแน่นอน”เมื่อเซียวเฝิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็แสดงสีหน้ายินดี “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่มอบโอกาสให้กระหม่อมได้แสดงความสามารถพ่ะย่ะค่ะ”“ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบกองทัพชายแดนทั้งสาม ข้าขอตัวจากไปสักระยะ”เซียวเฝิงกลับมามีท่าทีปกติโดยปราศจากความกังวลใจใดใด“กระหม่อมรับบัญชา ขอท่านอ๋องโปรดวางใจ”ทว่าคนอื่นกลับไม่ได้มีท่าทีเหมือนกันกับเขามีคนรีบยืนขึ้นและทำความเคารพด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องโปรดอย่าทำเช่นนั้นเลย ในยามที่ชายแดนยังต้องการกำลังคน ท่านจะจากไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”รองแม่ทัพเจิ้นเป่ยอีกคนก็ก
เย่เสวียนถิงก้าวไปหาคนที่พูด“มีคนได้ยินแล้วจะเป็นอย่างไรรึ?”รองแม่ทัพผู้นั้นถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกใจแม่ทัพนายกองเหล่านี้เคยร่วมงานกับจ้าวหลี่มาก่อน แต่พวกเขามีความสามารถค่อนข้างมากและไม่ได้ทำอะไรผิด อีกทั้งยังทำหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นเย่เสวียนถิงจึงเก็บพวกเขาไว้“หากมีคนไม่ประสงค์ดีได้ยินเข้าก็อาจจะคิดว่าท่านอ๋องจะ...ก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ...”เขาเอ่ยตอนท้ายของประโยคด้วยเสียงแผ่วเบาเย่เสวียนถิงหลุบตาลงพลางพยักหน้าเบา ๆ “ที่เจ้าพูดก็ถูก เพียงแต่…”คำพูดของเย่เสวียนถิงในวันนี้ทำเอาตกตะลึงไปหลายหน ท่าทางของทุกคนในตอนนี้จึงเปลี่ยนไปใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนกระดาษหากเย่เสวียนถิงก่อกบฏจริง ๆ กองทัพตะวันตกเฉียงเหนือเช่นพวกเขาก็จะเป็น...กบฏไปด้วย!“ผลที่ตามมานั้นจะน่ากลัวยิ่งกว่าการก่อกบฏ”เย่เสวียนถิงมองหางตา สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างยิ่ง ทั้งยังมีไอสังหารอันเดือดดาลคุกรุ่นอยู่ในดวงตาเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาสงบนิ่งราวกับน้ำในบ่อน้ำเก่าแก่“ในสายตาของข้าไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าพระชายา เข้าใจหรือไม่?”ตอนเขาอยู่ในโลกนี้อย่างโดดเดี่ยว เหลือเพียงอาอู่เท่านั้นที่ทำ
ทิวทัศน์ในเมืองฉีนั้นไม่เลวเลย แต่อากาศร้อนเกินไปซูชิงอู่คาดไม่ถึงว่าอากาศที่นี่จะร้อนเพียงนี้ ทำเอาต้นไม้ริมทางที่แต่เดิมเขียวชอุ่มถึงกับเหี่ยวเฉากลุ่มคนซ่อนตัวอยู่ในรถม้าท่ามกลางอากาศร้อนเช่นนี้ ระหว่างทางที่มาซูชิงอู่ที่เป็นสตรีอ่อนแอบอบบาง กลับไม่รู้สึกอะไร แต่นายน้อยหลิ่วจ้งอิ๋นกลับแทบจะทนไม่ไหว“ถึงแล้ว ตระกูลหลิ่วของข้าอยู่ข้างหน้าใกล้ ๆ นี่แหละ”ซูชิงอู่เหลือบมองเขา “เจ้าบอกว่าตระกูลหลิ่วของเจ้าเป็นตระกูลสันโดษไม่ใช่หรือ?”หลิ่วจ้งอิ๋นพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ ซ่อนตัวอยู่ในเมืองอย่างไรเล่า”ซูชิงอู่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่นางรู้สึกว่ามันก็ดูสมเหตุสมผลมีหลิ่วจ้งอิ๋นเป็นตัวประกันอยู่ในมือ นางก็ไม่กลัวว่าตระกูลหลิ่วจะทำอันตรายกับนาง และแม้จะมีใครกล้า พวกเขาก็ต้องมีฝีมือสักหน่อยตอนนี้นางได้ศึกษาเภสัชตำรับของตระกูลฟางอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วในชีวิตชาติก่อน นางคาดไม่ถึงว่าเภสัชตำรับเล่มเล็ก ๆ จะทรงพลังได้ขนาดนี้ แม้จะเป็นเพียงการจำแนกข้อมูลสมุนไพรธรรมดาและไม่มีอะไรพิเศษ แต่ซูชิงอู่ที่ตอนนี้เข้าใจในศาสตร์แห่งยาสมุนไพรแล้ว ก็ได้รู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของเภสัชตำรับเล่มนั้นเพราะมันม
หลิ่วจ้งอิ๋นพยักหน้า“นายน้อย?”หลิ่วจ้งอิ๋นพยักหน้าอีกครั้งซูชิงอู่ยกมือปิดหน้ากุมขมับ “ตระกูลหลิ่วของเจ้าตกอยู่ในสภาพรกร้างเช่นนี้ได้อย่างไร?”หลิ่วจ้งอิ๋นกัดฟัน “ก็เพราะอันกั๋วโหวน่ะสิ!”หากไม่ได้ประสบปัญหาจริง ๆ ตระกูลหลิ่วของเขาจะลงเอยในสภาพนี้ได้อย่างไร แล้วเขาจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อไปจับตัวซูชิงอู่ทำไมถึงสุดท้ายจะจับตัวมาได้ก็เถอะ ที่จริงเขาน่าจะเป็นฝ่ายถูกจับมามากกว่าซูชิงอู่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนางไม่ได้มาที่นี่เพื่อความเพลิดเพลิน แต่มาเพื่อแบบร่างลูกปัดอสนีบาตสิ่งนี้สามารถทำให้กองทัพของเย่เสวียนถิงมีโอกาสชนะมากขึ้น และยังทำให้แคว้นหนานเย่แข็งแกร่งขึ้นด้วยหลิ่วจ้งอิ๋นเดินไปข้างหน้า และทันทีที่เขาเข้าไปในลานบ้าน ประตูไม้ที่อยู่ตรงกลางก็ถูกเปิดออกและชายชราตัวจริงก็ได้ปรากฎตัวต่อหน้าซูชิงอู่จากนั้น ซูชิงอู่ก็ตกตะลึงอีกครั้งเพราะใบหน้าของเขาเหมือนกับที่หลิ่วจ้งอิ๋นปลอมตัวทุกประการ!ซูชิงอู่เหลือบมองหลิ่วจ้งอิ๋น และเห็นหลิ่วจ้งอิ๋นขยิบตาให้นางพลางส่ายหัวรัว ๆนางเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อ ซึ่งก็คือห้ามบอกอีกฝ่ายว่าเขาปลอมตัวเป็นชายชรานางจะไม่บอก...ได้อย่า
คำพูดของหัวหน้าตระกูลหลิ่วทำให้ซูชิงอู่รู้สึกชื่นชม ชายชราไม่เพียงแต่ใจดีและไม่วางท่าหยิ่งยโส เขายังฉลาดหลักแหลมมองทุกอย่างออกทะลุปรุโปร่ง ซึ่งแตกต่างจากผู้เป็นบุตรชายก่อนที่จะมา ซูชิงอู่ได้เตรียมใจไว้ไม่น้อยและคิดหาวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งแบบร่าง แต่นางคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเสนอตัวมอบแบบร่างให้นางก่อนซูชิงอู่ที่ถือแบบร่างอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปนางหลุบตาลงพลางครุ่นคิดไปมา“ก่อนหน้านี้ข้าทำข้อตกลงกับบุตรชายของท่านไปแล้ว ฉะนั้นเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองจะถูกส่งมาให้ในภายหลัง”หัวหน้าตระกูลหลิ่วส่ายหัว “ไม่จำเป็น นี่คือค่าชดเชยที่ตระกูลหลิ่วขอมอบให้พระชายา เนื่องจากเจ้าลูกชั่วจับตัวพระชายามาและทำให้ท่านต้องตกใจกลัว โปรดให้อภัยกับการกระทำอันชั่วช้าของเขาด้วย!”พูดจบ ชายชราก็ลุดขึ้นคำนับซูชิงอู่อย่างจริงใจซูชิงอู่รีบเดินเข้าไปพยุงอีกฝ่าย “ท่านหัวหน้าตระกูลหลิ่วเกรงใจกันเกินไปแล้ว ในเมื่อทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้วข้าจะผิดคำพูดได้อย่างไร? และเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของตระกูลหลิ่วในตอนนี้ก็คิดว่าจำเป็นต้องการเงินจริง ๆ ”“เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ได้ พวกเราไม่ได้ทำอะไรให้สมกับเงินจำนวนนั้
ซูชิงอู่พยักหน้าเบา ๆ “ท่านหมายความว่าที่ตระกูลหลิ่วมีสภาพอย่างทุกวันนี้เป็นเพราะแบบร่างลูกปัดอสนีบาตหรือ?”หัวหน้าตระกูลหลิ่วพยักหน้า “อืม ไม่นานมานี้ข่าวที่ว่าข้ามีแบบร่างอยู่ในมือได้ถูกเปิดเผย อันกั๋วโหวผู้มีอิทธิพลของเมืองฉีในตอนนี้ได้นำกองกำลังของเขาเข้ายึดตระกูลหลิ่ว ข้าไม่มีทางเลือกจึงได้แต่พาเจ้าลูกชั่วมาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว”สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงเรือนแยกต่างหากของตระกูลหลิ่ว และไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานหากสมาชิกในตระกูลลืมสถานที่รกร้างเช่นนี้ไป พวกเขาก็อาจต้องนอนข้างถนนคงไม่มีอะไรอนาถไปมากกว่านี้แล้วซูชิงอู่พึมพำเสียงเบา “ไม่แปลกใจที่หลิ่วจ้งอิ๋นปล่อยข่าวเกี่ยวกับแบบร่าง ที่แท้ที่ตระกูลหลิ่วของพวกท่านต้องเผชิญเรื่องเช่นนี้ก็เพราะแบบร่าง เขาคงไม่คิดหรอกนะว่าไหน ๆ มันก็ถูกเปิดเผยแล้ว ก็ทำให้คนรู้กันมากขึ้นด้วยเสียเลย…”สีหน้าของหัวหน้าหลิ่วขรึมลงอีกครั้งเมื่อได้ยินซูชิงอู่พูดถึงบุตรชายที่ทำตัวน่าผิดหวังของตนเขาหันหลังมองออกไปข้างนอกพลางเอามือไพล่หลังระหว่างการสนทนา หลิ่วจ้งอิ๋นและคนอื่น ๆ ก็เหงื่อออกท่วมตัวเพราะแสงแดดหากปล่อยทิ้งไว้อีกสักพักก็คงจ
“คนที่รู้ว่าตระกูลหลิ่วมีสมบัติล้ำค่าจะยอมปล่อยพวกท่านไปหรือ? แม้ท่านซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลหลิ่วจะซ่อนตัวอยู่กับสมาชิกตระกูลหลิ่วบางคน ท่านจะซ่อนไปได้ตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ รึท่านจะให้ตระกูลหลิ่วซ่อนตัวเช่นนี้ไปอีกหลายชั่วอายุคน?”หัวหน้าตระกูลหลิ่วมอบแบบร่างให้กับซูชิงอู่ก็เพราะตั้งใจที่จะถอนตัวจากการต่อสู้แย่งชิงเมื่อซูชิงอู่ได้รับแบบร่างและไปจากที่นี่ เขาจะปล่อยข่าวว่าแบบร่างไม่ได้อยู่ในมือของเขาแล้วเมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าคนภายนอกจะต่อสู้ยื้อแย่งอะไรกันมันก็จะไม่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไปอีกทั้งซูชิงอู่เองก็ต้องการแบบร่างนี้ ฉะนั้นจึงไม่ถือว่าเขาทิ้งของไปเสียเปล่าทว่าประโยคบีบหัวใจที่ซูชิงอู่พูดก็ได้ทำลายแผนการอันดีงามของเขาไปไม่เหลือชิ้นดีแม้ซูชิงอู่จะนำแบบร่างไป แต่จิตแห่งความทะเยอทะยานเหล่านั้นก็จะไม่จากตระกูลหลิ่วไปไหนดังคำพูดที่ว่าคนเราไม่ผิด จะผิดก็ผิดที่ครอบครองสิ่งล้ำค่าเอาไว้!ตอนนี้อันกั๋วโหวและคนอื่น ๆ ไม่ได้โจมตีตระกูลหลิ่วโดยตรงเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ แต่เมื่อหมดความอดทน ด้านชั่วร้ายของพวกเขาก็จะถูกเปิดเผยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าตระกูลหลิ่วลังเล
แม้ผู้นำผู้นั้นจะตกตะลึง แต่ก็ยังคงยิ้มหยัน “การทำร้ายเจ้าหน้าที่ถือว่ามีความผิด ซึ่งที่เจ้าทำเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะไปทำความผิดอะไรมาและแอบซ่อนคนที่ก่อกบฏเอาไว้ จงไปเรียกคนมาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาว คนแก่ รวมถึงเด็กที่อยู่ในตระกูลหลิ่วทุกคนก็จับตัวไปให้หมด!”เมื่อคนเป็นผู้นำเห็นหัวหน้าตระกูลหลิ่วลงมือ แทนที่จะโกรธ เขากลับมีความสุขชายชราคนนี้เจ้าเล่ห์มากนัก แม้บ้านของเขาจะถูกรื้อค้นและถูกรังแกถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่ต่อต้านเลย เหตุผลหลักที่อันกั๋วโหวไม่ลงมือกับตระกูลหลิ่วโดยตรงก็เพราะว่ามีคนอยู่เบื้องหลังตระกูลหลิ่วคอยปกป้องพวกเขาอย่างลับ ๆแต่หากมีเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่มีทางที่ผู้อยู่เบื้องหลังจะทำอะไรได้หัวหน้าตระกูลหลิ่วขมวดคิ้ว เขาตะโกนไปหาหลิ่วจ้งอิ๋นที่อยู่ในห้อง “มัวแต่มองอะไรกัน จับพวกมันสิ!”หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของทั้งสามก็ออกจากห้องและรีบไปที่ประตู พุ่งตรงไปโจมตีผู้นำยศน้อยนั้นบนหลังม้าบิดากับบุตรชายของตระกูลหลิ่วไร้ซึ่งความสุภาพและทักทายคนเหล่านั้นอย่างรุนแรงจนเจ้าหน้าที่ซึ่งนำคนมานั้นจมูกช้ำและใบหน้าบวมฉินซานหยิบเชือกมามัดคนเหล่านี้ทั้งหมดด้วยตัวเอง