คำพูดของหัวหน้าตระกูลหลิ่วทำให้ซูชิงอู่รู้สึกชื่นชม ชายชราไม่เพียงแต่ใจดีและไม่วางท่าหยิ่งยโส เขายังฉลาดหลักแหลมมองทุกอย่างออกทะลุปรุโปร่ง ซึ่งแตกต่างจากผู้เป็นบุตรชายก่อนที่จะมา ซูชิงอู่ได้เตรียมใจไว้ไม่น้อยและคิดหาวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งแบบร่าง แต่นางคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเสนอตัวมอบแบบร่างให้นางก่อนซูชิงอู่ที่ถือแบบร่างอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปนางหลุบตาลงพลางครุ่นคิดไปมา“ก่อนหน้านี้ข้าทำข้อตกลงกับบุตรชายของท่านไปแล้ว ฉะนั้นเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองจะถูกส่งมาให้ในภายหลัง”หัวหน้าตระกูลหลิ่วส่ายหัว “ไม่จำเป็น นี่คือค่าชดเชยที่ตระกูลหลิ่วขอมอบให้พระชายา เนื่องจากเจ้าลูกชั่วจับตัวพระชายามาและทำให้ท่านต้องตกใจกลัว โปรดให้อภัยกับการกระทำอันชั่วช้าของเขาด้วย!”พูดจบ ชายชราก็ลุดขึ้นคำนับซูชิงอู่อย่างจริงใจซูชิงอู่รีบเดินเข้าไปพยุงอีกฝ่าย “ท่านหัวหน้าตระกูลหลิ่วเกรงใจกันเกินไปแล้ว ในเมื่อทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้วข้าจะผิดคำพูดได้อย่างไร? และเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของตระกูลหลิ่วในตอนนี้ก็คิดว่าจำเป็นต้องการเงินจริง ๆ ”“เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ได้ พวกเราไม่ได้ทำอะไรให้สมกับเงินจำนวนนั้
ซูชิงอู่พยักหน้าเบา ๆ “ท่านหมายความว่าที่ตระกูลหลิ่วมีสภาพอย่างทุกวันนี้เป็นเพราะแบบร่างลูกปัดอสนีบาตหรือ?”หัวหน้าตระกูลหลิ่วพยักหน้า “อืม ไม่นานมานี้ข่าวที่ว่าข้ามีแบบร่างอยู่ในมือได้ถูกเปิดเผย อันกั๋วโหวผู้มีอิทธิพลของเมืองฉีในตอนนี้ได้นำกองกำลังของเขาเข้ายึดตระกูลหลิ่ว ข้าไม่มีทางเลือกจึงได้แต่พาเจ้าลูกชั่วมาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว”สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงเรือนแยกต่างหากของตระกูลหลิ่ว และไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานหากสมาชิกในตระกูลลืมสถานที่รกร้างเช่นนี้ไป พวกเขาก็อาจต้องนอนข้างถนนคงไม่มีอะไรอนาถไปมากกว่านี้แล้วซูชิงอู่พึมพำเสียงเบา “ไม่แปลกใจที่หลิ่วจ้งอิ๋นปล่อยข่าวเกี่ยวกับแบบร่าง ที่แท้ที่ตระกูลหลิ่วของพวกท่านต้องเผชิญเรื่องเช่นนี้ก็เพราะแบบร่าง เขาคงไม่คิดหรอกนะว่าไหน ๆ มันก็ถูกเปิดเผยแล้ว ก็ทำให้คนรู้กันมากขึ้นด้วยเสียเลย…”สีหน้าของหัวหน้าหลิ่วขรึมลงอีกครั้งเมื่อได้ยินซูชิงอู่พูดถึงบุตรชายที่ทำตัวน่าผิดหวังของตนเขาหันหลังมองออกไปข้างนอกพลางเอามือไพล่หลังระหว่างการสนทนา หลิ่วจ้งอิ๋นและคนอื่น ๆ ก็เหงื่อออกท่วมตัวเพราะแสงแดดหากปล่อยทิ้งไว้อีกสักพักก็คงจ
“คนที่รู้ว่าตระกูลหลิ่วมีสมบัติล้ำค่าจะยอมปล่อยพวกท่านไปหรือ? แม้ท่านซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลหลิ่วจะซ่อนตัวอยู่กับสมาชิกตระกูลหลิ่วบางคน ท่านจะซ่อนไปได้ตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ รึท่านจะให้ตระกูลหลิ่วซ่อนตัวเช่นนี้ไปอีกหลายชั่วอายุคน?”หัวหน้าตระกูลหลิ่วมอบแบบร่างให้กับซูชิงอู่ก็เพราะตั้งใจที่จะถอนตัวจากการต่อสู้แย่งชิงเมื่อซูชิงอู่ได้รับแบบร่างและไปจากที่นี่ เขาจะปล่อยข่าวว่าแบบร่างไม่ได้อยู่ในมือของเขาแล้วเมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าคนภายนอกจะต่อสู้ยื้อแย่งอะไรกันมันก็จะไม่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไปอีกทั้งซูชิงอู่เองก็ต้องการแบบร่างนี้ ฉะนั้นจึงไม่ถือว่าเขาทิ้งของไปเสียเปล่าทว่าประโยคบีบหัวใจที่ซูชิงอู่พูดก็ได้ทำลายแผนการอันดีงามของเขาไปไม่เหลือชิ้นดีแม้ซูชิงอู่จะนำแบบร่างไป แต่จิตแห่งความทะเยอทะยานเหล่านั้นก็จะไม่จากตระกูลหลิ่วไปไหนดังคำพูดที่ว่าคนเราไม่ผิด จะผิดก็ผิดที่ครอบครองสิ่งล้ำค่าเอาไว้!ตอนนี้อันกั๋วโหวและคนอื่น ๆ ไม่ได้โจมตีตระกูลหลิ่วโดยตรงเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ แต่เมื่อหมดความอดทน ด้านชั่วร้ายของพวกเขาก็จะถูกเปิดเผยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าตระกูลหลิ่วลังเล
แม้ผู้นำผู้นั้นจะตกตะลึง แต่ก็ยังคงยิ้มหยัน “การทำร้ายเจ้าหน้าที่ถือว่ามีความผิด ซึ่งที่เจ้าทำเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะไปทำความผิดอะไรมาและแอบซ่อนคนที่ก่อกบฏเอาไว้ จงไปเรียกคนมาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาว คนแก่ รวมถึงเด็กที่อยู่ในตระกูลหลิ่วทุกคนก็จับตัวไปให้หมด!”เมื่อคนเป็นผู้นำเห็นหัวหน้าตระกูลหลิ่วลงมือ แทนที่จะโกรธ เขากลับมีความสุขชายชราคนนี้เจ้าเล่ห์มากนัก แม้บ้านของเขาจะถูกรื้อค้นและถูกรังแกถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่ต่อต้านเลย เหตุผลหลักที่อันกั๋วโหวไม่ลงมือกับตระกูลหลิ่วโดยตรงก็เพราะว่ามีคนอยู่เบื้องหลังตระกูลหลิ่วคอยปกป้องพวกเขาอย่างลับ ๆแต่หากมีเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่มีทางที่ผู้อยู่เบื้องหลังจะทำอะไรได้หัวหน้าตระกูลหลิ่วขมวดคิ้ว เขาตะโกนไปหาหลิ่วจ้งอิ๋นที่อยู่ในห้อง “มัวแต่มองอะไรกัน จับพวกมันสิ!”หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของทั้งสามก็ออกจากห้องและรีบไปที่ประตู พุ่งตรงไปโจมตีผู้นำยศน้อยนั้นบนหลังม้าบิดากับบุตรชายของตระกูลหลิ่วไร้ซึ่งความสุภาพและทักทายคนเหล่านั้นอย่างรุนแรงจนเจ้าหน้าที่ซึ่งนำคนมานั้นจมูกช้ำและใบหน้าบวมฉินซานหยิบเชือกมามัดคนเหล่านี้ทั้งหมดด้วยตัวเอง
ณ ชายแดนเมืองซีเป่ยเย่เสวียนถิงนั่งอยู่คนเดียวในห้องที่ค่อนข้างเงียบสงบ พลางหยิบจดหมายที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ออกมา และอ่านมันอีกหลายรอบไม่มีใครรู้ว่าอ๋องเสวียนไม่ได้ออกจากซีเป่ยองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดเคาะประตูจากด้านนอกแล้วเดินเข้าไป เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องของตนถูจดหมายจนกระดาษเกือบจะแยกออกมาเป็นชั้น ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านอ๋องเป็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เปล่า”จิตใจของเย่เสวียนถิงค่อย ๆ สงบลง นิ้วของเขาหยุดอยู่ที่ตัวอักษรไม่กี่ตัวบนจดหมายนี่คือรหัสลับที่พวกเขาสองคนใช้เวลาต้องการจะสื่อสารกันอย่างลับ ๆโดยวิธีการคือให้นำสิ่งที่อยากพูดมาแฝงอยู่ในรูปแบบของตัวเลขที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ ขอเพียงเชื่อมโยงความหมายได้ ก็จะสามารถทราบความคิดและข้อความของอีกฝ่ายได้เย่เสวียนถิงหลุบตาอ่านคำเหล่านั้นล่องูออกจากรู อย่าได้กังวลแม้เขาจะรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของนาง แต่จะไม่ให้เขากังวลได้อย่างไร“ท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าตอนนี้พระชายาอยู่ที่ใด พวกเราจะออกไปตามหานางกันเมื่อไหร่ดีพ่ะย่ะค่ะ?”เย่เสวียนถิงเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงแผนของซูชิงอู่ เขาถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้“อาอู่สังเกตเห็นว
“อะ…อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดตกใจเป็นอย่างมากเขาคิดว่าหลังจากที่ได้ฟังแผนการของท่านอ๋องและพระชายาแล้ว เขาเพียงแค่ต้องช่วยในเรื่องต่าง ๆ เท่านั้น แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะถูกสั่งให้ปลอมตัวเป็นท่านอ๋องด้วย!“ท่านอ๋อง แต่เสียงกับรูปลักษณ์ของกระหม่อม…”เย่เสวียนถิงหยิบเครื่องมือบางอย่างออกมาจากกล่องที่อยู่อีกด้านสิ่งของที่อยู่ข้างในล้วนถูกซูชิงอู่เขียนวิธีใช้งานกำกับเอาไว้หมดแล้วเขาเห็นคำว่ายายืดอายุขัยเขียนอยู่บนกล่องใบหนึ่งและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอุ่นใจ เขาเก็บของลงไป แล้วยื่นขวดอีกใบให้อีกฝ่าย“นี่คือยาเปลี่ยนเสียง หลังจากกินเข้าไปแล้ว เจ้าจะสามารถเลียนแบบเสียงของข้าได้อย่างง่ายดาย ส่วนรูปลักษณ์…”เย่เสวียนถิงยื่นถุงเครื่องมือข้างกายให้อีกฝ่าย “ใช้ภาพนี้ก็ได้แล้ว ง่ายมาก”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดรับของที่ท่านอ๋องมอบให้ ของเหล่านั้นไม่หนักและของข้างในก็มีรายละเอียดเขียนอยู่มากเขาเงยหน้ามองใบหน้าของท่านอ๋อง และย้อนกลับมามองใบหน้าของตัวเองเขาทำได้เพียงกัดฟันยอมรับงานนี้“กระหม่อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่อาอู่มอบให้เขาคาดไม่ถึงว่าจะไ
อันกั๋วโหวตกใจกับคำตอบไปชั่วขณะแม้จะไม่เคยเจอหน้า แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเพราะในช่วงเวลานี้ ผู้คนในเมืองหลวงต่างตามหาพระชายาเสวียนไปทั่ว และภาพเหมือนของนางก็ถูกติดไว้ในทุกสถานที่เพียงแต่ว่าภาพที่วาดบนกระดาษนั้นแตกต่างจากคนผู้นี้ อันกั๋วโหวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พวกเจ้าใครมีภาพเหมือนของพระชายาเสวียนบ้าง?”มีองครักษ์วิ่งมาจากทางด้านหลัง “ใต้เท้า มีอยู่แผ่นหนึ่งขอรับ!”อันกั๋วโหวเปิดกระดาษภาพเหมือน จากนั้นก็มองไปมาและทำการเปรียบเทียบเขาพบว่าซูชิงอู่งดงามกว่าในภาพเหมือนเสียอีกไม่แปลกใจที่เขาจำคนผู้นี้ไม่ได้ เพราะคนในภาพเหมือนไม่ทรงเสน่ห์มากเท่ากับตัวจริงเลยเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสตรีงามผู้โด่งดังอันดับหนึ่งในเมืองหลวงมานานแล้ว เดิมทีเขาเพียงคิดว่าคนนอกก็ลือกันมั่ว ๆ ไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้พบนางก็คิดว่านั่นเป็นฉายาที่นางสมควรได้รับแต่น่าเสียดาย...ชั่วครู่หนึ่ง อันกั๋วโหวมีความคิดนับไม่ถ้วนไหลอยู่ในหัวของเขาเขาหลุบตาลงพร้อมกับที่ไขมันบนใบหน้ามีการสั่นกระเพื่อมหาได้ยากที่ซูชิงอู่จะเจอคนที่อ้วนกว่าองค์ชายกง เพียงแค่เห็นก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเขากินแต
เขาใบหน้าของเขาฉายแววดุร้าย ผิวหนังบนใบหน้าของเขาสั่นด้วยความโกรธ แต่เมื่อเขามองไปที่ซูชิงอู่ สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลง“ตอนนี้คนทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังตามหาพระชายา พวกเขาคิดว่าพระชายาหายตัวไป ในเมื่อตอนนี้พระชายาไม่ได้เป็นอะไร เหตุใดถึงไม่ส่งจดหมายไปที่เมืองหลวงล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ซูชิงอู่รู้ว่าอีกฝ่ายแค่ถามลองเชิง “ข้าตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ แต่หัวหน้าตระกูลหลิ่วเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้”ที่นางพูดก็ถือว่าไม่ผิดถึงนางจะถูกคุณชายของตระกูลหลิ่วลักพาตัวมาก็เถอะ“พระชายามีฐานะสูงส่ง เชิญมาพำนักที่จวนของกระหม่อมก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะให้คนรีบไปส่งข่าวที่เมืองหลวงเพื่อบอกพวกเขาว่าตอนนี้พระชายาอยู่กับกระหม่อมอย่างปลอดภัย”ซูชิงอู่พยักหน้า “เช่นนั้นข้าขอรบกวนท่านใต้เท้าด้วย ข้าไม่มีที่ไปอยู่พอดี”อันกั๋วโหวหันไปพูดว่า “รีบเตรียมรถม้า พาพระชายาไปยังจวนโหว!”“ขอรับ!”หัวหน้าตระกูลหลิ่ว หลิ่วจ้งอิ๋นและคนรับใช้ติดตามไปอย่างรวดเร็วแม้ตระกูลหลิ่วจะมีแค่พวกเขาไม่กี่คน แต่หัวหน้าตระกูลหลิ่วก็แยกตัวออกมาจากตระกูลของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งห้าคนถูกส่งไปยังคฤหาสน์ขอ