ประกายสีเข้มวาววาบไปทั่วดวงตาเล็ก ๆ ของอันกั๋วโหวเขาลูบคางแล้วพูดว่า “ความคิดดี เป็นแค่สตรีตัวคนเดียวแท้ ๆ ข้างกายไม่มีใครปกป้องแต่ยังกล้าทำอวดดีต่อหน้าข้า คงจะเบื่อกับชีวิตมากสินะ...แต่ว่ารูปร่างหน้าตาของสตรีนางนั้นช่างน่าทึ่งจริง ๆ น่าเสียดายไปหน่อยหากจะฆ่านางทิ้ง ให้ข้าทรมานนางจนพอใจแล้วค่อยฆ่าก็ยังไม่สาย…”“เช่นนั้นก็เอาตามที่ท่านใต้เท้าเห็นสมควรเลยขอรับ”อันกั๋วโหวยิ้มมุมปากพลางทำสีหน้าคิดคำนวนบางอย่าง จากนั้นเขาก็ยกตบไหล่ของคนหนึ่งในนั้น“เดี๋ยวเจ้าเอาอะไรไปใส่ในอาหารสักหน่อย เพราะคนอื่น ๆ ก็ต้องถูกฆ่าทิ้งด้วย”เนื่องด้วยอยู่ในเขตแดนของตัวเอง อันกั๋วโหวจึงไม่เห็นใครหน้าไหนอยู่ในสายตาทั้งนั้นอาหารกลางวันถูกนำมาตั้งโต๊ะอย่างรวดเร็ว บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยเหล้าและอาหารชั้นดีหัวหน้าตระกูลหลิ่วคาดไม่ถึงว่าอันกั๋วโหวจะสุภาพถึงเพียงนี้ เขาขมวดคิ้วและไม่ได้มีท่าทีวางใจอันกั๋วโหวนั่งพุงยื่นอยู่ตรงตำแหน่งเก้าอี้เจ้าบ้าน หยิบจอกเหล้าขึ้นมาพลางยิ้มให้ซูชิงอู่และพูดว่า “ช่างเป็นเกียรติที่พระชายามาเยี่ยมเยียนและทำให้จวนโหวรับเกียรติอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ขอเชิญท่านดื่มสักจอกพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าตระกูลหลิ่วกัดฟัน “อันกั๋วโหว นี่เจ้าคิดจะก่อกบฏรึ? ฝ่ายตรงข้ามคือพระชายาเสวียนนะ ตอนนี้อ๋องเสวียนมีกองทัพขนาดใหญ่ หากเขารู้ว่าเจ้ากล้าทำร้ายพระชายาของเขา เจ้ามีจุดจบไม่สวยแน่!”อันกั๋วโหวยิ้มหยัน “ใครจะรู้เรื่องนี้ล่ะ? ขอเพียงข้ากำจัดพวกเจ้าทุกคนทิ้งได้ ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ”หัวหน้าตระกูลหลิ่วหรี่ตาลง “เจ้านี่มันช่างน่ารังเกียจนัก!”อันกั๋วโหวค่อย ๆ ก้มหน้าลงพลางเอนกายบนเก้าอี้แล้วพูดอย่างสบาย ๆ “ข้าน่ารังเกียจ? หากเจ้ายอมมอบแบบร่างลูกปัดอสนีบาตให้แต่โดยดีข้าก็ไว้ชีวิตที่ไร้ค่าของพวกเจ้าไปแล้ว เป็นเพราะพวกเจ้าตระกูลหลิ่วไม่รู้จักเข้าใจสถานการณ์ ถึงได้ลงเอยเช่นนี้!”เขาหยุดชะงักและตะโกนบอกคนข้างนอกว่า “ใครก็ได้มาพาคนเหล่านี้ไปเข้าคุกน้ำทีซิ!”หัวหน้าตระกูลหลิ่วแค้นจับใจ แต่เมื่อมองบุตรชายของเขาที่ฟุบหมดสติอยู่บนโต๊ะและซูชิงอู่ที่อยู่ตรงข้าม เขาก็ไม่กล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่นพลางคิดว่าตัวเองคงเลอะเลือนไปหมดแล้วถึงได้เชื่อคำพูดของสาวน้อยคนหนึ่งบางทีสาวน้อยผู้นี้อาจทนความยากลำบากไม่ได้ นางจึงติดตามอันกั๋วโหวมาอันกั๋วโหวสนใจนางตั้งแต่แรกพบและคงไม่คิดที่จะปล่อยนางกลับไป
“ใต้เท้า ซื่อจื่อยังเด็กจึงไม่เข้าใจท่าน เมื่อภายภาคหน้าท่านประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เขาก็จะทราบถึงเจตนาดีของท่านเอง”อันกั๋วโหวหรี่ตา ทำให้ดวงตาเล็กลงไปอีก“ข้ามีทั้งทหารและเงิน แต่ดันติดอยู่ในที่เล็ก ๆ อย่างเมืองฉีมาหลายปี ฮ่องเต้เฒ่ากลัวข้ามาโดยตลอดและไม่ยอมให้ข้าได้ชีวิตอย่างเป็นสุข เขาคงลืมไปหมดแล้วว่าข้าเคยช่วยเหลือเขาอย่างไรให้ได้นั่งบัลลังก์!”เสียงของอันกั๋วโหวเริ่มเยือกเย็น “ข้าได้สานความสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นอู๋ตะวันตกเอาไว้ หากในภายภาคหน้าแคว้นหนานเย่พ่ายแพ้ ข้าก็จะเอาแคว้นหนานเย่อันใหญ่โตนี้มาอยู่ภายใต้การดูแลของข้า…”เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วโหวก็ยิ้มมุมปากอย่างชัดเจนยิ่งกว่าเดิม ราวกับชีวิตเช่นดังที่หวังอยู่ใกล้แค่เอื้อมสำหรับเขา การโจมตีแคว้นหนานเย่ไม่ใช่เรื่องยาก คนจากตระกูลเจียวนั้นไม่น่ากลัวแม้แต่น้อย แต่คนเพียงผู้เดียวที่รับมือได้ยากคือเย่เสวียนถิง!อ๋องผู้เป็นเทพเจ้าสงครามผู้นี้เชี่ยวชาญในการใช้ความอ่อนแอสยบความแข็งแกร่ง แม้แคว้นหนานเย่จะมีทหารและม้าไม่มากนัก แต่เขาก็ยังเอาชนะศัตรูมาได้นั่นน่าทึ่งอย่างมาก!แต่ก็ใช่ว่าเย่เสวียนถิงจะไร้จุ
อันกั๋วโหวรู้สึกเหมือนถูกทึ้งหัวและวิงเวียนอยู่ครู่หนึ่ง เขาอ้วนอยู่แล้วอีกทั้งยังเคลื่อนไหวลำบาก เขาจึงไม่สามารถตอบสนองกับสิ่งใดได้ในขณะที่เขารู้สึกตัวและกำลังจะตะโกน ซูชิงอู่ก็พุ่งมาหาแล้วและกดหมอนนุ่ม ๆ ลงบนใบหน้าของเขาเขาหายใจไม่ออกและไม่สามารถส่งเสียงใดได้ และถูกตรึงไว้แน่นหนาจนไม่สามารถเป็นอิสระได้แม้ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างสุดชีวิตก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวซูชิงอู่ดึงหมอนนุ่ม ๆ ออกมา เมื่อนางเห็นว่าอีกฝ่ายอาการหนักเนื่องจากหายใจไม่ออก นางก็ยิ้มุมปากจากนั้นนางหยิบยาออกมา ง้างปากของอีกฝ่ายแล้วป้อนเข้าไป“คิดจะใช้เล่ห์กลกับข้ารึ?”ซูชิงอู่ค่อย ๆ หรี่ตาพลางยกยิ้มมุมปาก นางลากอันกั๋วโหวไปที่เตียงด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็พันธนาการเขาด้วยผ้าม่านที่ขาดแล้วมัดไว้กับหัวเตียงเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่รู้สึกตัวของเขา ซูชิงอู่ก็หยิบดาบสั้นออกมาและจัดท่าทางให้เขา แต่นางก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความสะอาดหากมีเลือดเปื้อนตามร่างกายนางลุกขึ้นยืนสำรวจห้องเพื่อดูว่ามีอะไรที่นางสามารถใช้ได้หรือไม่ จากนั้นจึงหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อันกั๋วโหวยังไม่ได้ใส่ออกมา
นับตั้งแต่ที่หลิ่วจ้งอิ๋น...จับซูชิงอู่ได้ เหตุใดคนที่ได้รับบาดเจ็บถึงเป็นเขามาตลอด?หลังจากที่ประตูปิดลง หัวหน้าตระกูลหลิ่วก็มองไปรอบ ๆ และมองไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันใดนั้นเขาก็ได้ยินอันกั๋วโหวพูดว่า “ท่านหัวหน้าตระกูลหลิ่ว...”เสียงของอีกฝ่ายเป็นเสียงของสตรีที่คุ้นเคยอย่างมากหัวหน้าตระกูลหลิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาสงสัยว่าตัวเองหูฝาดหรือไม่เขาจ้องมองไปที่ซูชิงอู่อย่างว่างเปล่าเป็นเวลานานจากนั้นเขาก็ถามด้วยความไม่แน่ใจ “พะ...พระชายา!”ซูชิงอู่พยักหน้าเล็กน้อย “อืม ข้าเอง”เคราของหัวหน้าตระกูลหลิ่วสั่นเทา เขาเดินวนรอบซูชิงอู่อย่างไม่มั่นใจอยู่สองสามครั้ง“ข้าเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาปลอมตัว แต่ไม่เคยเห็นทักษะที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน วิธีการของพระชายานั้นช่างไม่เหมือนใครจริง ๆ …”ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำชมเชยมีคนไม่มากที่รู้ทักษะการปลอมตัวเช่นนี้ รวมไปถึงหลิ่วจ้งอิ๋นที่ได้เรียนรู้มันมาจากโลกยุทธภพ ทว่าการปลอมตัวของบางคนก็ยังเต็มไปด้วยความผิดพลาด และง่ายที่จะบอกได้ว่ามันไม่แนบเนียนเพียงแต่การปลอมตัวของซูชิงอู่นั้นกลับเหมือนจริงมากก
ทั่วทั้งจวนโหวดูเหมือนว่าจะมีเพียงสองคนนี้ที่รู้จักอันกั๋วโหวดีที่สุด ดังนั้นซูชิงอู่จึงรีบจัดการกับพวกเขาก่อนหากเป็นเช่นนี้นางจะได้วางแผนระยะยาวได้หลังจากหัวหน้าตระกูลหลิ่วได้มายืนอยู่ข้างหลังนางแล้ว ซูชิงอู่ก็พูดกับคนที่อยู่รอบตัว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หัวหน้าตระกูลหลิ่วจะเป็นแขกผู้มีเกียรติในจวนของข้า ตอนนี้ข้าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ว่าตระกูลหลิ่วแอบซ่อนสิ่งของของราชวงศ์แล้ว ปรากฎว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ รีบให้คนไปแกะผนึกที่ประตูจวนตระกูลหลิ่วออกแล้วปล่อยให้คนของตระกูลหลิ่วกลับไป!”แม้จะเห็นสีหน้าพึงพอใจของอันกั๋วโหว แต่ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของผู้เป็นนายเพราะคนรอบตัวเขาส่วนใหญ่รู้ว่าตระกูลหลิ่วเพียงแค่ทำให้ท่านใต้เท้าขุ่นเคืองและไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดใดความผิดหรือความบริสุทธิ์ของพวกเขาเป็นเพียงเรื่องที่ขึ้นอยู่กับคำพูดของใต้เท้าเท่านั้น“ขอรับใต้เท้า!”หลังจากมีคำสั่งออกไป คนในจวนโหวก็เริ่มทำงานทันทีซึ่ง ณ เวลานี้ อันกั๋วโหวตัวจริงยังคงนอนหมดสติอยู่บนเตียงยิ่งมีคนรู้เกี่ยวกับตัวตนของนางน้อยเท่าไรก็ยิ่งดี ดั
ซูชิงอู่ยิ้มบาง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงของตัวเอง “ทายถูก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัลให้…”ที่ปรึกษาทั้งสองกลับมาได้สติอีกครั้ง พวกเขามองซูชิงอู่ที่ปลอมตัวเป็นอัวกั๋วโหวด้วยสายตาตกตะลึง แม้จะมองนางอยู่เป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ไม่เห็นจุดผิดบกพร่องใดบนใบหน้าของนางเพราะซูชิงอู่ปลอมใบหน้าเหมือนแม้กระทั่งไฝเล็ก ๆ บนคางของอันกั๋วโหว...อีกทั้งช่วงนี้อันกั๋วโหวก็ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย ในความคิดของพวกเขา ซูชิงอู่นั้นเหมือนสตรีที่อ่อนแอไร้พลัง พวกเขาจึงคาดไม่ถึงว่าซูชิงอู่ไม่เพียงแต่ต่อสู้ขัดขืนได้ แต่ยังปลอมตัวเป็นอันกั๋วโหวด้วย!ประมาทไปเสียแล้ว!ทั้งสองคนเองก็ฉลาด พวกเขารีบตะโกนไปทางประตูทันที “ช่วยด้วย ใต้เท้าผู้นี้เป็นตัวปลอม ใครก็ได้ช่วยด้วย…”น่าเสียดายที่พวกเขาตะโกนจนสุดปอดอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาซูชิงอู่กล่าวว่า “คิดว่าข้าจะโง่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าพวกเจ้ารึ แล้วจะปล่อยให้คนอื่นมาแอบฟังที่ประตูด้วยเนี่ยนะ?”คราวนี้ทั้งสองคนก็เงียบเสียงในที่สุดขณะนั้นหัวหน้าตระกูลหลิ่วเดินไปหาทั้งสองคนพลางดูเครื่องมือทรมานต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียง เขาไล่สัมผัส
เมื่อหัวหน้าตระกูลหลิ่วนึกได้ว่าสองคนตรงหน้าคอยเป็นมือเป็นเท้าทำงานให้คนชั่ว เขาก็สะบัดแส้ในมือแม้เขาจะชราลงไปทุกปี แต่ความแข็งแกร่งกลับเพิ่มขึ้นตรงกันข้ามกับอายุ เขาโบกสะบัดแส้ในมือราวกับพยัคฆ์กำลังขู่คำราม“พระชายาไม่ต้องกังวล ข้าจะเค้นถามให้มันถ่ายเบาราดกางเกงเหมือนตอนเด็ก ๆ ไปเลย”ซูชิงอู่ “...”ไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นก็ได้นางลุกเดินออกจากคุกใต้ดิน ยืนเอามือไพล่หลังพลางออกคำสั่งกับองครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่อีกด้าน “ซื่อจื่อล่ะ?”“เรียนใต้เท้า ซื่อจื่อยังคงพักผ่อนอยู่ในห้องขอรับ”ซูชิงอู่พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ จากนั้นนางก็ไปยังเรือนด้านหลังที่ถานมู่ชิงอาศัยอยู่ด้วยตัวตนของอันกั๋วโหวพื้นที่แห่งนี้กว้างขวางอย่างมาก ทั้งยังเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบและโอ่อ่าเสียงพิณอันไพเราะที่ดังลอยมาเผยให้เห็นความสง่างามอันบริสุทธิ์ ทำเอาโสตประสาทที่ถูกฉีเทียนหยวนทรมานมาหลายวันบรรเทาลงไปได้มากเมื่อถานมู่ชิงได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นทันทีดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอันกั๋วโหว จากนั้นก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเขารีบลุกขึ้นยืนพลางโน้มตัวทำมือคำ