ซูชิงอู่ยิ้มบาง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงของตัวเอง “ทายถูก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัลให้…”ที่ปรึกษาทั้งสองกลับมาได้สติอีกครั้ง พวกเขามองซูชิงอู่ที่ปลอมตัวเป็นอัวกั๋วโหวด้วยสายตาตกตะลึง แม้จะมองนางอยู่เป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ไม่เห็นจุดผิดบกพร่องใดบนใบหน้าของนางเพราะซูชิงอู่ปลอมใบหน้าเหมือนแม้กระทั่งไฝเล็ก ๆ บนคางของอันกั๋วโหว...อีกทั้งช่วงนี้อันกั๋วโหวก็ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย ในความคิดของพวกเขา ซูชิงอู่นั้นเหมือนสตรีที่อ่อนแอไร้พลัง พวกเขาจึงคาดไม่ถึงว่าซูชิงอู่ไม่เพียงแต่ต่อสู้ขัดขืนได้ แต่ยังปลอมตัวเป็นอันกั๋วโหวด้วย!ประมาทไปเสียแล้ว!ทั้งสองคนเองก็ฉลาด พวกเขารีบตะโกนไปทางประตูทันที “ช่วยด้วย ใต้เท้าผู้นี้เป็นตัวปลอม ใครก็ได้ช่วยด้วย…”น่าเสียดายที่พวกเขาตะโกนจนสุดปอดอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาซูชิงอู่กล่าวว่า “คิดว่าข้าจะโง่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าพวกเจ้ารึ แล้วจะปล่อยให้คนอื่นมาแอบฟังที่ประตูด้วยเนี่ยนะ?”คราวนี้ทั้งสองคนก็เงียบเสียงในที่สุดขณะนั้นหัวหน้าตระกูลหลิ่วเดินไปหาทั้งสองคนพลางดูเครื่องมือทรมานต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียง เขาไล่สัมผัส
เมื่อหัวหน้าตระกูลหลิ่วนึกได้ว่าสองคนตรงหน้าคอยเป็นมือเป็นเท้าทำงานให้คนชั่ว เขาก็สะบัดแส้ในมือแม้เขาจะชราลงไปทุกปี แต่ความแข็งแกร่งกลับเพิ่มขึ้นตรงกันข้ามกับอายุ เขาโบกสะบัดแส้ในมือราวกับพยัคฆ์กำลังขู่คำราม“พระชายาไม่ต้องกังวล ข้าจะเค้นถามให้มันถ่ายเบาราดกางเกงเหมือนตอนเด็ก ๆ ไปเลย”ซูชิงอู่ “...”ไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นก็ได้นางลุกเดินออกจากคุกใต้ดิน ยืนเอามือไพล่หลังพลางออกคำสั่งกับองครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่อีกด้าน “ซื่อจื่อล่ะ?”“เรียนใต้เท้า ซื่อจื่อยังคงพักผ่อนอยู่ในห้องขอรับ”ซูชิงอู่พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ จากนั้นนางก็ไปยังเรือนด้านหลังที่ถานมู่ชิงอาศัยอยู่ด้วยตัวตนของอันกั๋วโหวพื้นที่แห่งนี้กว้างขวางอย่างมาก ทั้งยังเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบและโอ่อ่าเสียงพิณอันไพเราะที่ดังลอยมาเผยให้เห็นความสง่างามอันบริสุทธิ์ ทำเอาโสตประสาทที่ถูกฉีเทียนหยวนทรมานมาหลายวันบรรเทาลงไปได้มากเมื่อถานมู่ชิงได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นทันทีดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอันกั๋วโหว จากนั้นก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเขารีบลุกขึ้นยืนพลางโน้มตัวทำมือคำ
เมื่อซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกถามตัวตนของนาง นางก็หันหน้ามาโดยไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย“ข้าไม่ใช่ท่านพ่อของเจ้า แต่เป็นบิดาต่างหาก”ทันใดนั้นดวงตาของถานมู่ชิงก็เบิกกว้าง เพราะชิงอู่ตอบเขาด้วยเสียงของสตรี!เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่าง ดวงตาพร่ามัว และครู่ต่อมาเขาก็ล้มฟุบลงบนโต๊ะเล่นพิณของตัวเองซูชิงอู่เดินไปหาเขาอย่างเชื่องช้าพลางถอนหายใจเล็กน้อย นางยื่นมือออกไปหยิบแมลงสีดำตัวเล็ก ๆ บนคอของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องเขม็งมาแล้วยัดกลับเข้าไปในขวดนางตบหัวถานมู่ชิงเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม “โชคดีที่เจ้าไม่รู้อะไร ไม่เช่นนั้นหัวของเจ้าคงหลุดจากบ่า ครั้งนี้เพื่อเห็นแก่หลิงจู ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็แล้วกัน”แท้ที่จริงนางมาเพื่อทดสอบถานมู่ชิงหากอีกฝ่ายรู้แผนการกบฏของบิดาตนเองอยู่แล้ว จุดจบของเขาก็จะเหมือนกับอันกั๋วโหวทุกประการนางจะไม่เมตตาต่อกลุ่มกบฏชั่วช้าหน้าไหนทั้งนั้นก่อนที่นางจะเดินมาที่นี่ นางได้สั่งให้ทหารอารักขาออกไปหมดแล้ว นางจึงแบกถานมู่ชิงที่หมดสติออกมาจากเรือนด้านหลังใช่ แบกออกมา...นอกจากเสื้อผ้าที่ใช้ทำเป็นพุงป่อง ๆ บนร่างกายแล้ว ยังมีสิ่งของมากมายอยู่ใต้
หลังจากที่ผู้เป็นมารดาเสียชีวิต อันกั๋วโหวก็ได้รู้ว่าตนไม่สามารถมีลูกได้อีก และทั้งชีวิตนี้ก็เหลือบุตรชายเพียงคนเดียว เขาจึงพาบุตรกลับมาอยู่ด้วยกันซูชิงอู่พยักหน้า ไม่แปลกใจที่นิสัยของถานมู่ชิงดูเหมือนจะไม่เหมาะกับจวนอันกั๋วโหว“ข้าเองก็ค่อนข้างเห็นใจซื่อจื่อผู้นี้ แต่ท่านผู้นำตระกูลหลิ่วเองก็รู้ดีว่าอันกั๋วโหวต้องการที่จะนำแบบร่างลูกปัดอสนีบาตของตระกูลหลิ่วไปมอบให้กับแคว้นอู๋ตะวันตก เขามีความผิดในข้อหากบฏและต้องโทษประหารล้างตระกูล แม้เขาเป็นเพียงเด็กน้อยแสนโง่เขลา แต่สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี”หัวหน้าตระกูลหลิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขามีความโกรธคุกรุ่นอยู่ในนั้น ในใจก็นึกชิงชังอันกั๋วโหวเหลือคณา“คนดี ๆ อย่างซื่อจื่อมีบิดาเช่นนั้นได้อย่างไรกันนะ”ซูชิงอู่ถามว่า “เขาไม่เคยรับรู้ถึงการกระทำอันเลวร้ายของบิดาตนเองเลยหรืออย่างไร?”หัวหน้าตระกูลหลิ่วถอนหายใจ “คงจะรู้ว่าอันกั๋วโหวต้องการจับกุมทุกคนในตระกูลหลิ่ว เพื่อขู่ให้ข้ายอมมอบแบบร่าง แต่ซื่อจื่อได้ขอร้องเอาไว้จึงช่วยให้ตระกูลหลิ่วรอดพ้นจากหายนะมาได้ อันกั๋วโหวชอบที่บุตรชายทำตัวเด็ดเดี่ยวต่อหน้าเขา และซื่อจื่อเองก็ไม่ค่อยได้ออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูชิงอู่สั่งให้คนนำเสบียงที่ทางจวนโหวสำรองไว้ออกมาหรือพูดให้ดูดีก็คือเปิดคลังจ่ายเสบียงสร้างผาสุกให้แก่ราษฎรแม้ผู้ใต้บังคับบัญชาของอันกั๋วโหวจะแปลกใจเล็กน้อยกับคำสั่ง แต่อันกั๋วโหวนั้นได้สั่งสมอำนาจมาเป็นเวลานาน จึงไม่มีใครกล้าถามอะไรนอกจากที่ปรึกษาไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายเขาและตอนนี้บรรดาคนที่อยู่ข้างกายอันกั๋วโหวทั้งหมดก็ถูกนางขังอยู่ในคุกใต้ดินอากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว แต่ในคุกใต้ดินแห่งนี้กลับหนาวเย็นคนเหล่านั้นตัวสั่นและกระจุกรวมตัวกันอยู่ในห้องขัง โดยข้าง ๆ กันนั้นมีซื่อจื่อผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่ราษฎรเมืองฉีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อกองกำลังปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับบอกว่าจะเปิดคลังเสบียงเพื่อแจกจ่ายอาหาร แต่กลับไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งมีคนหยิบถุงเสบียงจากเกวียนของเสบียงของจวนอันกั๋วโหว คนเหล่านั้นจึงได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบและกรูกันเข้ามา...นับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ ราษฎรในเมืองฉีไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน หลังจากจ่ายภาษีกันอย่างหนักหนาสาหัส พวกเขาก็แทบจะไม่มีอาหารตกถึงท้องซูชิงอู่สั่งให้คนและกองทหารรักษาการณ์ทำการเปิดโกดังกับคลังเสบียงที่มีอยู่สิบกว่าแห่งของ
กองกำลังคุ้มกันเสบียงจะมาถึงในเวลากลางคืน พวกเขาจึงจำเป็นต้องไปยังสถานที่กำหนดไว้โดยเฉพาะล่วงหน้าเล็กน้อยเพื่อยืนยันแผนปฏิบัติการในค่ำคืนนี้ซูชิงอู่ทำท่าทางเกียจคร้านพลางควบม้าไปยังสถานที่นั้นอย่างเชื่องช้าสมาชิกในตระกูลเจียวได้มารออยู่ที่นั่นก่อนแล้วเงาดำของกองกำลังได้ครอบครองพื้นที่ไปถึงครึ่งหนึ่งของหุบเขาคนที่ยืนอยู่แถวหน้ารีบลุกขึ้นยืน และบุรุษวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบที่อยู่ด้านหน้าสุดก็ยกมือคำนับมาทางซูชิงอู่ด้วยความเคารพทันที“คารวะใต้เท้า ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้าที่ได้พบท่านด้วยตนเอง!”ซูชิงอู่หรี่ตาสังเกตอีกฝ่ายแม้ใบหน้าจะธรรมดาทว่ากลับดูพิเศษ เคราที่อยู่ตรงสองข้างแก้มและดวงตาคู่นั้นทำให้เขาดูหลักแหลมและมีไหวพริบแม้ซูชิงอู่จะไม่เคยพบอีกฝ่ายมาก่อน แต่นางก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเจียวคนผู้นี้เป็นบุตรของอนุแห่งตระกูลเจียว น้องชายของหัวหน้าตระกูล นามว่าเจียวเถิงซูชิงอู่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วหัวหน้าตระกูลของเจ้าเล่า?”เจียวเถิงรีบพูดด้วยความเคารพ “ไม่ใช่ว่าท่านหัวหน้าตระกูลไม่อยากมาพบใต้เท้าด้วยตนเอง แต่เขายุ่งมากจริง ๆ แล
แม่ทัพจ้าวรีบรุดไปหาอันกั๋วโหวพลางแสดงสีหน้าดุดันไปทางตระกูลเจียว“ใต้เท้าเพียงแค่โต้เถียงกับพวกเจ้า แต่นี่กลับกล้ามุ่งร้ายต่อใต้เท้ารึ!”ซูชิงอู่นอนอยู่บนพื้นพลางกุมหน้าอกของตัวเองและอาเจียนเป็นเลือด ในขณะเดียวกันก็ชี้ไปยังทางตระกูลเจียว “พวกเขาคงอยากใช้โอกาสนี้สังหารข้าและยึดทุกสิ่งที่ข้ามี จงฆ่าพวกเขาเสีย!”นางใช้น้ำเสียงของอันกั๋วโหวประณามตระกูลเจียวอย่างเด็ดขาดเจียวเถิงหน้าถอดสี แต่เมื่อเห็นอาการอาเจียนเป็นเลือดอย่างน่าสมเพชของอันกั๋วโหว มุมปากของเขาก็กระตุกเล็ก ๆ“ใต้เท้าใส่ร้ายกันนี่ หากข้าจะลงมือกำจัดท่านจริง ๆ ข้าก็คงไม่เลือกช่วงเวลานี้หรอก…”แม้ซูชิงอู่จะอาเจียนเป็นเลือด แต่ก็ยังสามารถพูดได้ “แม่ทัพจ้าว ได้ยินแล้วใช่รึไม่ พวกเขาต้องการลงมือกำจัดข้า!”แม่ทัพจ้าว “...”แต่คำสั่งของอันกั๋วโหวนั้นก็ถือเป็นคำสั่งของพวกเขาแม่ทัพจ้าวรีบสั่งให้คนแบกซูชิงอู่ไปยังที่ปลอดภัยด้านหลัง ที่นี่ไม่มีหมอ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพาอันกั๋วโหวไปนอนในรถม้าที่ว่างเปล่า“ใต้เท้านอนพักก่อนนะขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะไปตามหมอมาให้...”“อึ่ก…”ซูชิงอู่ยังคงอาเจียนเป็นเลือดต่อไปเลือดปลอมมากมา
มีคนคอยดูแลนางอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็นได้มากนักสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเมืองสักเท่าไร ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการไปเชิญหมอมาดังนั้นซูชิงอู่จึงไม่กังวลว่าการปลอมตัวของนางจะถูกเปิดเผยเมื่อถึงเวลานั้นคาดว่าคงจะได้รู้ผลของการต่อสู้แล้วกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปในอากาศ ทั้งสองฝั่งได้ฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายมีศพอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทั้งฝ่ายของอันกั๋วโหวและฝ่ายตระกูลเจียวทันใดนั้น ซูชิงอู่ก็ลืมตาขึ้น ทำเอาคนที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจนายทหารที่เฝ้าอยู่นั้นเบิกตาโพลง “ใต้เท้า!”ซูชิงอู่เช็ดมุมปากแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”“เรียนใต้เท้า การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาทำการสังหารกันอย่างบ้าคลั่งเลยขอรับ…”“อย่างนั้นหรือ?”ดีมาก...นี่คือผลลัพธ์ที่นางต้องการซูชิงอู่ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนกระทำนั้นโหดร้าย เพราะทหารเหล่านั้นล้วนเป็นคนสนิทของอันกั๋วโหวแม้จะมีกองกำลังเป็นแสนนาย แต่ที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นนายนั้นเป็นเพียงคนนอกส่วนคนสามหมื่นคนที่รู้เกี่ยวกับแผนกบฏของอันกั๋วโหว แม้พวกเขาจะตายซูชิงอู่ก็ไม่คิดเมตตานางกระแอ
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้