เช้าวันรุ่งขึ้น ซูชิงอู่สั่งให้คนนำเสบียงที่ทางจวนโหวสำรองไว้ออกมาหรือพูดให้ดูดีก็คือเปิดคลังจ่ายเสบียงสร้างผาสุกให้แก่ราษฎรแม้ผู้ใต้บังคับบัญชาของอันกั๋วโหวจะแปลกใจเล็กน้อยกับคำสั่ง แต่อันกั๋วโหวนั้นได้สั่งสมอำนาจมาเป็นเวลานาน จึงไม่มีใครกล้าถามอะไรนอกจากที่ปรึกษาไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายเขาและตอนนี้บรรดาคนที่อยู่ข้างกายอันกั๋วโหวทั้งหมดก็ถูกนางขังอยู่ในคุกใต้ดินอากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว แต่ในคุกใต้ดินแห่งนี้กลับหนาวเย็นคนเหล่านั้นตัวสั่นและกระจุกรวมตัวกันอยู่ในห้องขัง โดยข้าง ๆ กันนั้นมีซื่อจื่อผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่ราษฎรเมืองฉีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อกองกำลังปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับบอกว่าจะเปิดคลังเสบียงเพื่อแจกจ่ายอาหาร แต่กลับไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งมีคนหยิบถุงเสบียงจากเกวียนของเสบียงของจวนอันกั๋วโหว คนเหล่านั้นจึงได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบและกรูกันเข้ามา...นับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ ราษฎรในเมืองฉีไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน หลังจากจ่ายภาษีกันอย่างหนักหนาสาหัส พวกเขาก็แทบจะไม่มีอาหารตกถึงท้องซูชิงอู่สั่งให้คนและกองทหารรักษาการณ์ทำการเปิดโกดังกับคลังเสบียงที่มีอยู่สิบกว่าแห่งของ
กองกำลังคุ้มกันเสบียงจะมาถึงในเวลากลางคืน พวกเขาจึงจำเป็นต้องไปยังสถานที่กำหนดไว้โดยเฉพาะล่วงหน้าเล็กน้อยเพื่อยืนยันแผนปฏิบัติการในค่ำคืนนี้ซูชิงอู่ทำท่าทางเกียจคร้านพลางควบม้าไปยังสถานที่นั้นอย่างเชื่องช้าสมาชิกในตระกูลเจียวได้มารออยู่ที่นั่นก่อนแล้วเงาดำของกองกำลังได้ครอบครองพื้นที่ไปถึงครึ่งหนึ่งของหุบเขาคนที่ยืนอยู่แถวหน้ารีบลุกขึ้นยืน และบุรุษวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบที่อยู่ด้านหน้าสุดก็ยกมือคำนับมาทางซูชิงอู่ด้วยความเคารพทันที“คารวะใต้เท้า ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้าที่ได้พบท่านด้วยตนเอง!”ซูชิงอู่หรี่ตาสังเกตอีกฝ่ายแม้ใบหน้าจะธรรมดาทว่ากลับดูพิเศษ เคราที่อยู่ตรงสองข้างแก้มและดวงตาคู่นั้นทำให้เขาดูหลักแหลมและมีไหวพริบแม้ซูชิงอู่จะไม่เคยพบอีกฝ่ายมาก่อน แต่นางก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเจียวคนผู้นี้เป็นบุตรของอนุแห่งตระกูลเจียว น้องชายของหัวหน้าตระกูล นามว่าเจียวเถิงซูชิงอู่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วหัวหน้าตระกูลของเจ้าเล่า?”เจียวเถิงรีบพูดด้วยความเคารพ “ไม่ใช่ว่าท่านหัวหน้าตระกูลไม่อยากมาพบใต้เท้าด้วยตนเอง แต่เขายุ่งมากจริง ๆ แล
แม่ทัพจ้าวรีบรุดไปหาอันกั๋วโหวพลางแสดงสีหน้าดุดันไปทางตระกูลเจียว“ใต้เท้าเพียงแค่โต้เถียงกับพวกเจ้า แต่นี่กลับกล้ามุ่งร้ายต่อใต้เท้ารึ!”ซูชิงอู่นอนอยู่บนพื้นพลางกุมหน้าอกของตัวเองและอาเจียนเป็นเลือด ในขณะเดียวกันก็ชี้ไปยังทางตระกูลเจียว “พวกเขาคงอยากใช้โอกาสนี้สังหารข้าและยึดทุกสิ่งที่ข้ามี จงฆ่าพวกเขาเสีย!”นางใช้น้ำเสียงของอันกั๋วโหวประณามตระกูลเจียวอย่างเด็ดขาดเจียวเถิงหน้าถอดสี แต่เมื่อเห็นอาการอาเจียนเป็นเลือดอย่างน่าสมเพชของอันกั๋วโหว มุมปากของเขาก็กระตุกเล็ก ๆ“ใต้เท้าใส่ร้ายกันนี่ หากข้าจะลงมือกำจัดท่านจริง ๆ ข้าก็คงไม่เลือกช่วงเวลานี้หรอก…”แม้ซูชิงอู่จะอาเจียนเป็นเลือด แต่ก็ยังสามารถพูดได้ “แม่ทัพจ้าว ได้ยินแล้วใช่รึไม่ พวกเขาต้องการลงมือกำจัดข้า!”แม่ทัพจ้าว “...”แต่คำสั่งของอันกั๋วโหวนั้นก็ถือเป็นคำสั่งของพวกเขาแม่ทัพจ้าวรีบสั่งให้คนแบกซูชิงอู่ไปยังที่ปลอดภัยด้านหลัง ที่นี่ไม่มีหมอ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพาอันกั๋วโหวไปนอนในรถม้าที่ว่างเปล่า“ใต้เท้านอนพักก่อนนะขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะไปตามหมอมาให้...”“อึ่ก…”ซูชิงอู่ยังคงอาเจียนเป็นเลือดต่อไปเลือดปลอมมากมา
มีคนคอยดูแลนางอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็นได้มากนักสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเมืองสักเท่าไร ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการไปเชิญหมอมาดังนั้นซูชิงอู่จึงไม่กังวลว่าการปลอมตัวของนางจะถูกเปิดเผยเมื่อถึงเวลานั้นคาดว่าคงจะได้รู้ผลของการต่อสู้แล้วกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปในอากาศ ทั้งสองฝั่งได้ฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายมีศพอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทั้งฝ่ายของอันกั๋วโหวและฝ่ายตระกูลเจียวทันใดนั้น ซูชิงอู่ก็ลืมตาขึ้น ทำเอาคนที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจนายทหารที่เฝ้าอยู่นั้นเบิกตาโพลง “ใต้เท้า!”ซูชิงอู่เช็ดมุมปากแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”“เรียนใต้เท้า การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาทำการสังหารกันอย่างบ้าคลั่งเลยขอรับ…”“อย่างนั้นหรือ?”ดีมาก...นี่คือผลลัพธ์ที่นางต้องการซูชิงอู่ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนกระทำนั้นโหดร้าย เพราะทหารเหล่านั้นล้วนเป็นคนสนิทของอันกั๋วโหวแม้จะมีกองกำลังเป็นแสนนาย แต่ที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นนายนั้นเป็นเพียงคนนอกส่วนคนสามหมื่นคนที่รู้เกี่ยวกับแผนกบฏของอันกั๋วโหว แม้พวกเขาจะตายซูชิงอู่ก็ไม่คิดเมตตานางกระแอ
ครู่ต่อมา ฝูงชนต่างรู้สึกตื่นเต้นมีคำกล่าวที่ว่าขอเพียงยอมปูนบำเหน็จรางวัลอย่างงาม ย่อมต้องมีผู้กล้าเสนอตัวมาทำงานให้ และบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของอันกั๋วโหวล้วนดูมุทะลุดุดันอย่างยิ่ง แม้ผู้คนรอบตัวพวกเขาจะตาย สีหน้าของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนไปพวกเขาช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมนักดวงตาของซูชิงอู่ส่อแววอาฆาตเป็นทวีคูณ แต่สีหน้าของนางกลับยินดีปรีดา“เหล่าพี่น้องที่กลับไปในวันนี้จะได้รับรางวัลเป็นเงินคนละสิบตำลึง!”สิบตำลึง!ทำเอาพวกเขาแทบสติหลุด!คนจำนวนสองหมื่นกว่าคน หากทุกคนได้เงินคนละสิบตำลึง ก็จะรวมเป็นสองแสนตำลึง!นั่นเงินสองแสนตำลึงเชียวนะ...โดยปกติเงินเดือนของกองทัพจะอยู่ที่สามตำลึงเงินเท่านั้น แต่ตอนนี้อันกั๋วโหวกลับทำตัวสบาย ๆ และใจกว้างกับพวกเขา จนทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างรู้สึกตื่นตันเหตุผลที่พวกเขาติดตามอันกั๋วโหวด้วยความจงรักภักดี แน่นอนว่าเพื่อมีชีวิตที่ดีและได้อยู่กินอย่างอิ่มหนำสำราญ อีกทั้งอันกั๋วโหวก็แสดงน้ำใจมากเสียจนพวกเขารู้สึกศรัทธาอย่างสุดหัวใจ“ขอให้ใต้เท้าอายุยืนพัน ๆ ปี!”“ขอให้ใต้เท้าอายุยืนพันปี!”หากเป็นอันกั๋วโหวในอดีต เขาคงไม่มีทางควักเงินออกมามากมายถึ
“รายงานขอรับ ท่าจะไม่ดีแล้วท่านแม่ทัพ เขาคืออันกั๋วโหวขอรับ!”“อันกั๋วโหว?”ดวงตาของซูเชียนหมิงหรี่ลงทันที ลางสังหรณ์ไม่ดีที่เขาสัมผัสได้นั้นกลายเป็นความจริง นั่นทำให้หัวใจของเขาจมดิ่งลง...เขากัดฟันและใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำบางอย่างของอันกั๋วโหวบุรุษผู้นี้ผลักดันให้ฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์ด้วยกำลังของตน อีกทั้งยังทำผลงานเอาไว้มากมาย เขาจึงหยิ่งผยองเป็นอย่างมากและล่าสุดมีข่าวจากสายลับว่าอันกั๋วโหวกำลังวางแผนก่อกบฏเพียงแต่ตอนนี้พวกเขากำลังมีศัตรูจากต่างแดนจึงไม่มีเวลาจัดการกับเรื่องนี้ ทำให้อันกั๋วโหวได้มีโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองฉีคาดไม่ถึงว่าในเวลาเพียงไม่นาน อีกฝ่ายก็ไม่สามารถยับยั้งความคิดจะก่อกบฏของตนได้อีกต่อไปซูเชียนหมิงเหลือบมองผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่รอบตัว ดวงตาของเขาเย็นชาอย่างยิ่ง “ทุกคนจงระวังตัว ฟังคำสั่งจากข้าและเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา!”เขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากอีกด้านหนึ่ง และที่ปลายหุบเขานั้น กองกำลังของอันกั๋วโหวก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆสายตาของซูเชียนหมิงจ้องมองไปที่ผู้นำอันกั๋วโหวซึ่งนั่งอ
เมื่อซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าพี่รองของนางไม่ใช่คนดี ดวงตาของนางก็ขรึมลง จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นเขกหัวเขาทันใดนั้นแม่ทัพจ้าวก็รู้สึกว่ามีก้อนเนื้อปูดขึ้นบนศีรษะของตัวเองเขารีบก้มหน้าแล้วลูบศีรษะ“แม่ทัพซูเป็นคนซื่อตรงและใจกว้าง จะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้ากับคนอื่น ๆ ถอยไปเสีย!”แม่ทัพจ้าวไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของอันกั๋วโหวและรีบพาคนอื่น ๆ กระจายตัวออกไปทันทีเมื่อเห็นกองกำลังของจวนอันกั๋วโหวล่าถอยไปแต่โดยดี ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นก็ตกตะลึง รวมไปถึงซูเชียนหมิง ตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องไปที่อันกั๋วโหวซึ่งเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายเขายกมือขึ้นคำนับ “ขอรบกวนใต้เท้าให้เดินทางไปด้วยกัน”ซูชิงอู่ขี่ม้าตามพี่รองของนางไปเพื่อเลี่ยงไม่ให้คนอื่นจับสังเกตได้ ซูชิงอู่จึงไม่ได้ทำตัวผิดแปลก นางเพียงแค่ยัดบางสิ่งใส่มือซูเชียนหมิงในตอนที่นางผ่านเขาไปซูเชียนหมิงรับมันมาโดยไม่ทันตั้งตัว หลังจากเห็นหยกพกชิ้นนั้นอย่างชัดเจน ม่านตาของเขาก็หดตัวลงชั่วขณะหนึ่ง ความอาฆาตแห่งการสังหารแวบเข้ามาในดวงตาของเขา เพราะเขาคิดว่าน้องสาวของเขาถูกอันกั๋วโหวจับตัวไปแต
หัวใจของซูเชียนหมิงเต้นรัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เจ้าคิดจะจัดการกับตระกูลเจียวหรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้าและไม่ปฏิเสธ “ข้าจะแก้แค้นให้พี่รอง”ซูเชียนหมิงเอ่ยเสียงทุ้ม “แม้บุตรอนุของตระกูลผู้นั้นจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีเส้นสายมากมาย รวมไปถึงกองกำลังในเมืองหลวง หากเจ้าคิดจะต่อกรกับพวกเขา เจ้าก็ต้องจับคนสำคัญของฝ่ายนั้นให้ได้ในคราวเดียว”ซูชิงอู่ยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณพี่รองที่เตือน ข้าเข้าใจแล้ว”ระหว่างทางทั้งสองคุยกันอย่างนิ่งสงบ จนกระทั่งกองกำลังคุ้มกันเสบียงออกไปพ้นจากเมือง ซูชิงอู่ถึงได้กลับมาข่าวที่ว่าอันกั๋วโหวได้สังหารคนของตระกูลเจียวได้แพร่สะพัดออกไปราวกับมีปีก และภายในไม่กี่วันข่าวนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงซึ่งในเวลานี้ซูชิงอู่ก็ยังใช้โอกาสนี้ลอบจัดการสายลับจำนวนมากจากแคว้นอู๋ตะวันตกอย่างลับ ๆรวมไปถึงสายลับจากแคว้นอู๋ตะวันตกที่พบกับอันกั๋วโหวอยู่บ่อย ๆพูดให้ดีก็คือคนที่กล้าเปิดเผยสิ่งที่ตนอยากเก็บเป็นความลับนั้นสมควรตายให้หมด!แม้แม่ทัพจ้าวและคนอื่น ๆ จะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอันกั๋วโหว แต่พวกเขาก็ไม่ได้เก็บมาคิดอย่างจริงจัง พวกเขาเพียงแค่คิดว่าอัน