มีคนคอยดูแลนางอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็นได้มากนักสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเมืองสักเท่าไร ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการไปเชิญหมอมาดังนั้นซูชิงอู่จึงไม่กังวลว่าการปลอมตัวของนางจะถูกเปิดเผยเมื่อถึงเวลานั้นคาดว่าคงจะได้รู้ผลของการต่อสู้แล้วกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปในอากาศ ทั้งสองฝั่งได้ฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายมีศพอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทั้งฝ่ายของอันกั๋วโหวและฝ่ายตระกูลเจียวทันใดนั้น ซูชิงอู่ก็ลืมตาขึ้น ทำเอาคนที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจนายทหารที่เฝ้าอยู่นั้นเบิกตาโพลง “ใต้เท้า!”ซูชิงอู่เช็ดมุมปากแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”“เรียนใต้เท้า การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาทำการสังหารกันอย่างบ้าคลั่งเลยขอรับ…”“อย่างนั้นหรือ?”ดีมาก...นี่คือผลลัพธ์ที่นางต้องการซูชิงอู่ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนกระทำนั้นโหดร้าย เพราะทหารเหล่านั้นล้วนเป็นคนสนิทของอันกั๋วโหวแม้จะมีกองกำลังเป็นแสนนาย แต่ที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นนายนั้นเป็นเพียงคนนอกส่วนคนสามหมื่นคนที่รู้เกี่ยวกับแผนกบฏของอันกั๋วโหว แม้พวกเขาจะตายซูชิงอู่ก็ไม่คิดเมตตานางกระแอ
ครู่ต่อมา ฝูงชนต่างรู้สึกตื่นเต้นมีคำกล่าวที่ว่าขอเพียงยอมปูนบำเหน็จรางวัลอย่างงาม ย่อมต้องมีผู้กล้าเสนอตัวมาทำงานให้ และบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของอันกั๋วโหวล้วนดูมุทะลุดุดันอย่างยิ่ง แม้ผู้คนรอบตัวพวกเขาจะตาย สีหน้าของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนไปพวกเขาช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมนักดวงตาของซูชิงอู่ส่อแววอาฆาตเป็นทวีคูณ แต่สีหน้าของนางกลับยินดีปรีดา“เหล่าพี่น้องที่กลับไปในวันนี้จะได้รับรางวัลเป็นเงินคนละสิบตำลึง!”สิบตำลึง!ทำเอาพวกเขาแทบสติหลุด!คนจำนวนสองหมื่นกว่าคน หากทุกคนได้เงินคนละสิบตำลึง ก็จะรวมเป็นสองแสนตำลึง!นั่นเงินสองแสนตำลึงเชียวนะ...โดยปกติเงินเดือนของกองทัพจะอยู่ที่สามตำลึงเงินเท่านั้น แต่ตอนนี้อันกั๋วโหวกลับทำตัวสบาย ๆ และใจกว้างกับพวกเขา จนทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างรู้สึกตื่นตันเหตุผลที่พวกเขาติดตามอันกั๋วโหวด้วยความจงรักภักดี แน่นอนว่าเพื่อมีชีวิตที่ดีและได้อยู่กินอย่างอิ่มหนำสำราญ อีกทั้งอันกั๋วโหวก็แสดงน้ำใจมากเสียจนพวกเขารู้สึกศรัทธาอย่างสุดหัวใจ“ขอให้ใต้เท้าอายุยืนพัน ๆ ปี!”“ขอให้ใต้เท้าอายุยืนพันปี!”หากเป็นอันกั๋วโหวในอดีต เขาคงไม่มีทางควักเงินออกมามากมายถึ
“รายงานขอรับ ท่าจะไม่ดีแล้วท่านแม่ทัพ เขาคืออันกั๋วโหวขอรับ!”“อันกั๋วโหว?”ดวงตาของซูเชียนหมิงหรี่ลงทันที ลางสังหรณ์ไม่ดีที่เขาสัมผัสได้นั้นกลายเป็นความจริง นั่นทำให้หัวใจของเขาจมดิ่งลง...เขากัดฟันและใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำบางอย่างของอันกั๋วโหวบุรุษผู้นี้ผลักดันให้ฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์ด้วยกำลังของตน อีกทั้งยังทำผลงานเอาไว้มากมาย เขาจึงหยิ่งผยองเป็นอย่างมากและล่าสุดมีข่าวจากสายลับว่าอันกั๋วโหวกำลังวางแผนก่อกบฏเพียงแต่ตอนนี้พวกเขากำลังมีศัตรูจากต่างแดนจึงไม่มีเวลาจัดการกับเรื่องนี้ ทำให้อันกั๋วโหวได้มีโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองฉีคาดไม่ถึงว่าในเวลาเพียงไม่นาน อีกฝ่ายก็ไม่สามารถยับยั้งความคิดจะก่อกบฏของตนได้อีกต่อไปซูเชียนหมิงเหลือบมองผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่รอบตัว ดวงตาของเขาเย็นชาอย่างยิ่ง “ทุกคนจงระวังตัว ฟังคำสั่งจากข้าและเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา!”เขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากอีกด้านหนึ่ง และที่ปลายหุบเขานั้น กองกำลังของอันกั๋วโหวก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆสายตาของซูเชียนหมิงจ้องมองไปที่ผู้นำอันกั๋วโหวซึ่งนั่งอ
เมื่อซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าพี่รองของนางไม่ใช่คนดี ดวงตาของนางก็ขรึมลง จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นเขกหัวเขาทันใดนั้นแม่ทัพจ้าวก็รู้สึกว่ามีก้อนเนื้อปูดขึ้นบนศีรษะของตัวเองเขารีบก้มหน้าแล้วลูบศีรษะ“แม่ทัพซูเป็นคนซื่อตรงและใจกว้าง จะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้ากับคนอื่น ๆ ถอยไปเสีย!”แม่ทัพจ้าวไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของอันกั๋วโหวและรีบพาคนอื่น ๆ กระจายตัวออกไปทันทีเมื่อเห็นกองกำลังของจวนอันกั๋วโหวล่าถอยไปแต่โดยดี ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นก็ตกตะลึง รวมไปถึงซูเชียนหมิง ตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องไปที่อันกั๋วโหวซึ่งเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายเขายกมือขึ้นคำนับ “ขอรบกวนใต้เท้าให้เดินทางไปด้วยกัน”ซูชิงอู่ขี่ม้าตามพี่รองของนางไปเพื่อเลี่ยงไม่ให้คนอื่นจับสังเกตได้ ซูชิงอู่จึงไม่ได้ทำตัวผิดแปลก นางเพียงแค่ยัดบางสิ่งใส่มือซูเชียนหมิงในตอนที่นางผ่านเขาไปซูเชียนหมิงรับมันมาโดยไม่ทันตั้งตัว หลังจากเห็นหยกพกชิ้นนั้นอย่างชัดเจน ม่านตาของเขาก็หดตัวลงชั่วขณะหนึ่ง ความอาฆาตแห่งการสังหารแวบเข้ามาในดวงตาของเขา เพราะเขาคิดว่าน้องสาวของเขาถูกอันกั๋วโหวจับตัวไปแต
หัวใจของซูเชียนหมิงเต้นรัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เจ้าคิดจะจัดการกับตระกูลเจียวหรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้าและไม่ปฏิเสธ “ข้าจะแก้แค้นให้พี่รอง”ซูเชียนหมิงเอ่ยเสียงทุ้ม “แม้บุตรอนุของตระกูลผู้นั้นจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีเส้นสายมากมาย รวมไปถึงกองกำลังในเมืองหลวง หากเจ้าคิดจะต่อกรกับพวกเขา เจ้าก็ต้องจับคนสำคัญของฝ่ายนั้นให้ได้ในคราวเดียว”ซูชิงอู่ยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณพี่รองที่เตือน ข้าเข้าใจแล้ว”ระหว่างทางทั้งสองคุยกันอย่างนิ่งสงบ จนกระทั่งกองกำลังคุ้มกันเสบียงออกไปพ้นจากเมือง ซูชิงอู่ถึงได้กลับมาข่าวที่ว่าอันกั๋วโหวได้สังหารคนของตระกูลเจียวได้แพร่สะพัดออกไปราวกับมีปีก และภายในไม่กี่วันข่าวนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงซึ่งในเวลานี้ซูชิงอู่ก็ยังใช้โอกาสนี้ลอบจัดการสายลับจำนวนมากจากแคว้นอู๋ตะวันตกอย่างลับ ๆรวมไปถึงสายลับจากแคว้นอู๋ตะวันตกที่พบกับอันกั๋วโหวอยู่บ่อย ๆพูดให้ดีก็คือคนที่กล้าเปิดเผยสิ่งที่ตนอยากเก็บเป็นความลับนั้นสมควรตายให้หมด!แม้แม่ทัพจ้าวและคนอื่น ๆ จะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอันกั๋วโหว แต่พวกเขาก็ไม่ได้เก็บมาคิดอย่างจริงจัง พวกเขาเพียงแค่คิดว่าอัน
เมื่อเห็นอันกั๋วโหวที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ซูชิงอู่ก็แค่นเสียงเย็น “หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นหลิงจูเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งของข้า ข้าก็คงไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องสกปรกของพวกท่านหรอก”ซูชิงอู่รู้ดีว่าเย่หลิงจูยังจำคนรักในวัยเด็กของนางได้เสมอตอนแรกที่พูดถึงเรื่องนี้กับนาง ตนยังจำท่าทีเขินอายเหมือนสาวน้อยของเย่หลิงจูได้ตัวนางไม่แน่ใจว่าสองคนนี้เหมาะสมกันจริง ๆ หรือไม่ แต่นางรู้ว่าหากในความสัมพันธ์ของทั้งสองที่มี คนหนึ่งเป็นบุตรชายของกบฏ และอีกคนเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์...ช่องว่างของสถานะที่ยากจะฝ่าฝันไปได้ย่อมกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางพวกเขาอย่างแน่นอนในฐานะพี่สะใภ้ จะให้นางเฝ้าดูน้องสามีต้องทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร?แม้ท้ายที่สุดแล้วเย่หลิงจูและถานมู่ชิงจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของพวกเขาและจะไม่มีสิ่งใดอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องดังนั้นนางจึงตัดเส้นทางสู่การก่อกบฏของอันกั๋วโหวไปเสียเลยและอันกั๋วโหวผู้ทรยศต่อแคว้นอู๋ตะวันตกจะไม่ได้มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน...ซูชิงอู่ออกมาจากห้องที่อันกั๋วโหวอยู่ ซึ่งที่ด้านนอกนั้นมีหัวหน้าตระกูลหลิ่วรออยู่นานแล้ว “พระชายา ท่านจะอยู่ที่นี่ต่อหรือไม
ที่แท้เขาก็วางแผนจะทำให้ตัวเองได้นั่งบนบัลลังก์เสียเอง และสิ่งเลวร้ายที่เขาทำอย่างเปิดเผยนั้นก็เป็นการปูทางไปสู่แผนการในอนาคตและเขา...ถูกเก็บเอาไว้อย่างโง่เขลาในความมืด ราวกับคนงี่เง่าที่ไม่รู้อะไรเลย อีกทั้งยังไร้เดียงสามากที่คิดว่าภายภาคหน้าจะสู่ขอองค์หญิงมาเป็นภรรยาของตน...จริง ๆ เลย ชีวิตช่างน่าตลกสิ้นดี!หัวหน้าตระกูลหลิ่วไม่รู้ว่าความจริงที่เขาบอกไปนั้นกระทบกระเทือนจิตใจซื่อจื่อที่ป่วยและอ่อนแอผู้นี้มากเพียงใดหลังจากเรื่องนี้คลี่คลายแล้ว เขาก็พาซูชิงอู่กลับไปยังตระกูลหลิ่วเป็นการชั่วคราวสมาชิกตระกูลหลิ่วที่แต่เดิมอยู่กันกระจัดกระจายก็พากันกลับมา สุดท้ายซูชิงอู่ก็ได้เห็นบ้านหลังเก่าแก่ที่ค่อนข้างใหญ่โตของตระกูลหลิ่วและในที่สุดหลิ่วจ้งอิ๋นก็ถูกปล่อยตัว เขาจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยแม้แต่น้อยทันทีที่เขาไปถึงประตูบ้าน เขาก็ห้ามปากตัวเองเอาไว้ไม่ได้ “ตาแก่ตายยากอันกั๋วโหวนั่นขังขังข้าเอาไว้เสียนาน เล่นเอาข้าตัวเหม็นไปหมด…”แต่ทุกครั้งก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาจะถูกบิดาตบหัวอย่างแรง“หุบปาก”หัวหน้าตระกูลหลิ่วเหลือบมองซูชิงอู่ และเมื่อแน่ใจว่านางไม่ได้โกรธเขาก็พูดว่า “ก่อนหน้
หลิ่วจ้งอิ๋นหน้าซีดด้วยความตกใจและรีบปิดปากของตัวเองทันทีหัวหน้าตระกูลหลิ่วรีบสั่งให้คนปิดประตูพลางมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงมาอยู่ในบ้านของกระหม่อมล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”เย่เสวียนถิงให้ความเคารพหัวหน้าตระกูลหลิ่วมาก เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “มารอพระชายาน่ะ”หัวหน้าตระกูลหลิ่วรู้สึกประหลาดใจ และคนทั้งกลุ่มได้เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับพูดคุยเรื่องข่าวล่าสุดเห็นได้ชัดว่าเย่เสวียนถิงรู้อะไรมาไม่น้อย เขาหรี่ตาลงพลางมองไปที่ใบหน้าของซูชิงอู่ และยกมือลูบหัวนางเขาพูดกับหัวหน้าตระกูลหลิ่ว “ข้ารู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับจวนอันกั๋วโหวหมดแล้ว รับรองว่าหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา เขาจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก”แน่นอนว่าหัวหน้าตระกูลหลิ่วไม่นึกกังขาในคำพูดของเย่เสวียนถิง “ขอขอบพระทัยท่านอ๋องและพระชายาที่ให้ความช่วยเหลือ หากไม่ใช่เพราะท่านทั้งสอง ตระกูลหลิ่วของกระหม่อมก็คงแตกแยกและกระจัดกระจายกันไป นับจากนี้ไป ตราบใดที่กระหม่อมยังมีประโยชน์อยู่ แม้ตายกระหม่อมก็จะไม่หนีไปไหนพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเบา ๆ ตอนนี้หัวหน้าตระกู