นับตั้งแต่ที่หลิ่วจ้งอิ๋น...จับซูชิงอู่ได้ เหตุใดคนที่ได้รับบาดเจ็บถึงเป็นเขามาตลอด?หลังจากที่ประตูปิดลง หัวหน้าตระกูลหลิ่วก็มองไปรอบ ๆ และมองไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันใดนั้นเขาก็ได้ยินอันกั๋วโหวพูดว่า “ท่านหัวหน้าตระกูลหลิ่ว...”เสียงของอีกฝ่ายเป็นเสียงของสตรีที่คุ้นเคยอย่างมากหัวหน้าตระกูลหลิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาสงสัยว่าตัวเองหูฝาดหรือไม่เขาจ้องมองไปที่ซูชิงอู่อย่างว่างเปล่าเป็นเวลานานจากนั้นเขาก็ถามด้วยความไม่แน่ใจ “พะ...พระชายา!”ซูชิงอู่พยักหน้าเล็กน้อย “อืม ข้าเอง”เคราของหัวหน้าตระกูลหลิ่วสั่นเทา เขาเดินวนรอบซูชิงอู่อย่างไม่มั่นใจอยู่สองสามครั้ง“ข้าเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาปลอมตัว แต่ไม่เคยเห็นทักษะที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน วิธีการของพระชายานั้นช่างไม่เหมือนใครจริง ๆ …”ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำชมเชยมีคนไม่มากที่รู้ทักษะการปลอมตัวเช่นนี้ รวมไปถึงหลิ่วจ้งอิ๋นที่ได้เรียนรู้มันมาจากโลกยุทธภพ ทว่าการปลอมตัวของบางคนก็ยังเต็มไปด้วยความผิดพลาด และง่ายที่จะบอกได้ว่ามันไม่แนบเนียนเพียงแต่การปลอมตัวของซูชิงอู่นั้นกลับเหมือนจริงมากก
ทั่วทั้งจวนโหวดูเหมือนว่าจะมีเพียงสองคนนี้ที่รู้จักอันกั๋วโหวดีที่สุด ดังนั้นซูชิงอู่จึงรีบจัดการกับพวกเขาก่อนหากเป็นเช่นนี้นางจะได้วางแผนระยะยาวได้หลังจากหัวหน้าตระกูลหลิ่วได้มายืนอยู่ข้างหลังนางแล้ว ซูชิงอู่ก็พูดกับคนที่อยู่รอบตัว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หัวหน้าตระกูลหลิ่วจะเป็นแขกผู้มีเกียรติในจวนของข้า ตอนนี้ข้าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ว่าตระกูลหลิ่วแอบซ่อนสิ่งของของราชวงศ์แล้ว ปรากฎว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ รีบให้คนไปแกะผนึกที่ประตูจวนตระกูลหลิ่วออกแล้วปล่อยให้คนของตระกูลหลิ่วกลับไป!”แม้จะเห็นสีหน้าพึงพอใจของอันกั๋วโหว แต่ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของผู้เป็นนายเพราะคนรอบตัวเขาส่วนใหญ่รู้ว่าตระกูลหลิ่วเพียงแค่ทำให้ท่านใต้เท้าขุ่นเคืองและไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดใดความผิดหรือความบริสุทธิ์ของพวกเขาเป็นเพียงเรื่องที่ขึ้นอยู่กับคำพูดของใต้เท้าเท่านั้น“ขอรับใต้เท้า!”หลังจากมีคำสั่งออกไป คนในจวนโหวก็เริ่มทำงานทันทีซึ่ง ณ เวลานี้ อันกั๋วโหวตัวจริงยังคงนอนหมดสติอยู่บนเตียงยิ่งมีคนรู้เกี่ยวกับตัวตนของนางน้อยเท่าไรก็ยิ่งดี ดั
ซูชิงอู่ยิ้มบาง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงของตัวเอง “ทายถูก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัลให้…”ที่ปรึกษาทั้งสองกลับมาได้สติอีกครั้ง พวกเขามองซูชิงอู่ที่ปลอมตัวเป็นอัวกั๋วโหวด้วยสายตาตกตะลึง แม้จะมองนางอยู่เป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ไม่เห็นจุดผิดบกพร่องใดบนใบหน้าของนางเพราะซูชิงอู่ปลอมใบหน้าเหมือนแม้กระทั่งไฝเล็ก ๆ บนคางของอันกั๋วโหว...อีกทั้งช่วงนี้อันกั๋วโหวก็ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย ในความคิดของพวกเขา ซูชิงอู่นั้นเหมือนสตรีที่อ่อนแอไร้พลัง พวกเขาจึงคาดไม่ถึงว่าซูชิงอู่ไม่เพียงแต่ต่อสู้ขัดขืนได้ แต่ยังปลอมตัวเป็นอันกั๋วโหวด้วย!ประมาทไปเสียแล้ว!ทั้งสองคนเองก็ฉลาด พวกเขารีบตะโกนไปทางประตูทันที “ช่วยด้วย ใต้เท้าผู้นี้เป็นตัวปลอม ใครก็ได้ช่วยด้วย…”น่าเสียดายที่พวกเขาตะโกนจนสุดปอดอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาซูชิงอู่กล่าวว่า “คิดว่าข้าจะโง่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าพวกเจ้ารึ แล้วจะปล่อยให้คนอื่นมาแอบฟังที่ประตูด้วยเนี่ยนะ?”คราวนี้ทั้งสองคนก็เงียบเสียงในที่สุดขณะนั้นหัวหน้าตระกูลหลิ่วเดินไปหาทั้งสองคนพลางดูเครื่องมือทรมานต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียง เขาไล่สัมผัส
เมื่อหัวหน้าตระกูลหลิ่วนึกได้ว่าสองคนตรงหน้าคอยเป็นมือเป็นเท้าทำงานให้คนชั่ว เขาก็สะบัดแส้ในมือแม้เขาจะชราลงไปทุกปี แต่ความแข็งแกร่งกลับเพิ่มขึ้นตรงกันข้ามกับอายุ เขาโบกสะบัดแส้ในมือราวกับพยัคฆ์กำลังขู่คำราม“พระชายาไม่ต้องกังวล ข้าจะเค้นถามให้มันถ่ายเบาราดกางเกงเหมือนตอนเด็ก ๆ ไปเลย”ซูชิงอู่ “...”ไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นก็ได้นางลุกเดินออกจากคุกใต้ดิน ยืนเอามือไพล่หลังพลางออกคำสั่งกับองครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่อีกด้าน “ซื่อจื่อล่ะ?”“เรียนใต้เท้า ซื่อจื่อยังคงพักผ่อนอยู่ในห้องขอรับ”ซูชิงอู่พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ จากนั้นนางก็ไปยังเรือนด้านหลังที่ถานมู่ชิงอาศัยอยู่ด้วยตัวตนของอันกั๋วโหวพื้นที่แห่งนี้กว้างขวางอย่างมาก ทั้งยังเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบและโอ่อ่าเสียงพิณอันไพเราะที่ดังลอยมาเผยให้เห็นความสง่างามอันบริสุทธิ์ ทำเอาโสตประสาทที่ถูกฉีเทียนหยวนทรมานมาหลายวันบรรเทาลงไปได้มากเมื่อถานมู่ชิงได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นทันทีดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอันกั๋วโหว จากนั้นก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเขารีบลุกขึ้นยืนพลางโน้มตัวทำมือคำ
เมื่อซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกถามตัวตนของนาง นางก็หันหน้ามาโดยไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย“ข้าไม่ใช่ท่านพ่อของเจ้า แต่เป็นบิดาต่างหาก”ทันใดนั้นดวงตาของถานมู่ชิงก็เบิกกว้าง เพราะชิงอู่ตอบเขาด้วยเสียงของสตรี!เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่าง ดวงตาพร่ามัว และครู่ต่อมาเขาก็ล้มฟุบลงบนโต๊ะเล่นพิณของตัวเองซูชิงอู่เดินไปหาเขาอย่างเชื่องช้าพลางถอนหายใจเล็กน้อย นางยื่นมือออกไปหยิบแมลงสีดำตัวเล็ก ๆ บนคอของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องเขม็งมาแล้วยัดกลับเข้าไปในขวดนางตบหัวถานมู่ชิงเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม “โชคดีที่เจ้าไม่รู้อะไร ไม่เช่นนั้นหัวของเจ้าคงหลุดจากบ่า ครั้งนี้เพื่อเห็นแก่หลิงจู ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็แล้วกัน”แท้ที่จริงนางมาเพื่อทดสอบถานมู่ชิงหากอีกฝ่ายรู้แผนการกบฏของบิดาตนเองอยู่แล้ว จุดจบของเขาก็จะเหมือนกับอันกั๋วโหวทุกประการนางจะไม่เมตตาต่อกลุ่มกบฏชั่วช้าหน้าไหนทั้งนั้นก่อนที่นางจะเดินมาที่นี่ นางได้สั่งให้ทหารอารักขาออกไปหมดแล้ว นางจึงแบกถานมู่ชิงที่หมดสติออกมาจากเรือนด้านหลังใช่ แบกออกมา...นอกจากเสื้อผ้าที่ใช้ทำเป็นพุงป่อง ๆ บนร่างกายแล้ว ยังมีสิ่งของมากมายอยู่ใต้
หลังจากที่ผู้เป็นมารดาเสียชีวิต อันกั๋วโหวก็ได้รู้ว่าตนไม่สามารถมีลูกได้อีก และทั้งชีวิตนี้ก็เหลือบุตรชายเพียงคนเดียว เขาจึงพาบุตรกลับมาอยู่ด้วยกันซูชิงอู่พยักหน้า ไม่แปลกใจที่นิสัยของถานมู่ชิงดูเหมือนจะไม่เหมาะกับจวนอันกั๋วโหว“ข้าเองก็ค่อนข้างเห็นใจซื่อจื่อผู้นี้ แต่ท่านผู้นำตระกูลหลิ่วเองก็รู้ดีว่าอันกั๋วโหวต้องการที่จะนำแบบร่างลูกปัดอสนีบาตของตระกูลหลิ่วไปมอบให้กับแคว้นอู๋ตะวันตก เขามีความผิดในข้อหากบฏและต้องโทษประหารล้างตระกูล แม้เขาเป็นเพียงเด็กน้อยแสนโง่เขลา แต่สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี”หัวหน้าตระกูลหลิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขามีความโกรธคุกรุ่นอยู่ในนั้น ในใจก็นึกชิงชังอันกั๋วโหวเหลือคณา“คนดี ๆ อย่างซื่อจื่อมีบิดาเช่นนั้นได้อย่างไรกันนะ”ซูชิงอู่ถามว่า “เขาไม่เคยรับรู้ถึงการกระทำอันเลวร้ายของบิดาตนเองเลยหรืออย่างไร?”หัวหน้าตระกูลหลิ่วถอนหายใจ “คงจะรู้ว่าอันกั๋วโหวต้องการจับกุมทุกคนในตระกูลหลิ่ว เพื่อขู่ให้ข้ายอมมอบแบบร่าง แต่ซื่อจื่อได้ขอร้องเอาไว้จึงช่วยให้ตระกูลหลิ่วรอดพ้นจากหายนะมาได้ อันกั๋วโหวชอบที่บุตรชายทำตัวเด็ดเดี่ยวต่อหน้าเขา และซื่อจื่อเองก็ไม่ค่อยได้ออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูชิงอู่สั่งให้คนนำเสบียงที่ทางจวนโหวสำรองไว้ออกมาหรือพูดให้ดูดีก็คือเปิดคลังจ่ายเสบียงสร้างผาสุกให้แก่ราษฎรแม้ผู้ใต้บังคับบัญชาของอันกั๋วโหวจะแปลกใจเล็กน้อยกับคำสั่ง แต่อันกั๋วโหวนั้นได้สั่งสมอำนาจมาเป็นเวลานาน จึงไม่มีใครกล้าถามอะไรนอกจากที่ปรึกษาไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายเขาและตอนนี้บรรดาคนที่อยู่ข้างกายอันกั๋วโหวทั้งหมดก็ถูกนางขังอยู่ในคุกใต้ดินอากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว แต่ในคุกใต้ดินแห่งนี้กลับหนาวเย็นคนเหล่านั้นตัวสั่นและกระจุกรวมตัวกันอยู่ในห้องขัง โดยข้าง ๆ กันนั้นมีซื่อจื่อผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่ราษฎรเมืองฉีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อกองกำลังปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับบอกว่าจะเปิดคลังเสบียงเพื่อแจกจ่ายอาหาร แต่กลับไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งมีคนหยิบถุงเสบียงจากเกวียนของเสบียงของจวนอันกั๋วโหว คนเหล่านั้นจึงได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบและกรูกันเข้ามา...นับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ ราษฎรในเมืองฉีไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน หลังจากจ่ายภาษีกันอย่างหนักหนาสาหัส พวกเขาก็แทบจะไม่มีอาหารตกถึงท้องซูชิงอู่สั่งให้คนและกองทหารรักษาการณ์ทำการเปิดโกดังกับคลังเสบียงที่มีอยู่สิบกว่าแห่งของ
กองกำลังคุ้มกันเสบียงจะมาถึงในเวลากลางคืน พวกเขาจึงจำเป็นต้องไปยังสถานที่กำหนดไว้โดยเฉพาะล่วงหน้าเล็กน้อยเพื่อยืนยันแผนปฏิบัติการในค่ำคืนนี้ซูชิงอู่ทำท่าทางเกียจคร้านพลางควบม้าไปยังสถานที่นั้นอย่างเชื่องช้าสมาชิกในตระกูลเจียวได้มารออยู่ที่นั่นก่อนแล้วเงาดำของกองกำลังได้ครอบครองพื้นที่ไปถึงครึ่งหนึ่งของหุบเขาคนที่ยืนอยู่แถวหน้ารีบลุกขึ้นยืน และบุรุษวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบที่อยู่ด้านหน้าสุดก็ยกมือคำนับมาทางซูชิงอู่ด้วยความเคารพทันที“คารวะใต้เท้า ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้าที่ได้พบท่านด้วยตนเอง!”ซูชิงอู่หรี่ตาสังเกตอีกฝ่ายแม้ใบหน้าจะธรรมดาทว่ากลับดูพิเศษ เคราที่อยู่ตรงสองข้างแก้มและดวงตาคู่นั้นทำให้เขาดูหลักแหลมและมีไหวพริบแม้ซูชิงอู่จะไม่เคยพบอีกฝ่ายมาก่อน แต่นางก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเจียวคนผู้นี้เป็นบุตรของอนุแห่งตระกูลเจียว น้องชายของหัวหน้าตระกูล นามว่าเจียวเถิงซูชิงอู่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วหัวหน้าตระกูลของเจ้าเล่า?”เจียวเถิงรีบพูดด้วยความเคารพ “ไม่ใช่ว่าท่านหัวหน้าตระกูลไม่อยากมาพบใต้เท้าด้วยตนเอง แต่เขายุ่งมากจริง ๆ แล