“เย่ชิวหมิง เจ้าพูดกับแม่เช่นนี้ได้อย่างไร แม่พยายามอย่างหนักเพื่อปูทางให้เจ้าได้เป็นองค์รัชทายาท แล้วเจ้ากลับตอนแทนข้าเช่นนี้น่ะหรือ?”ดวงตาของเจียวกุ้ยเฟยแดงก่ำด้วยความโกรธ และนางก็กล่าวโทษเย่ชิวหมิงอย่างหมดคำพูดเย่ชิวหมิงขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว เจียวกุ้ยเฟยเป็นมารดาของเขา เขาจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อนางได้ ครั้งก่อนที่นางเห็นด้วยเรื่องที่เย่อวิ๋นถูและฮองเฮาส่งคนไปลอบสังหารซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิง นางก็ได้ล้ำเส้นซูชิงอู่ไปแล้วหากมันเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษาชีวิตนางเอาไว้ได้ซูชิงอู่ไม่ชอบให้ใครมาขัดผลประโยชน์ หากเขาไม่ได้รู้มาตั้งแต่แรกว่านางแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็อาจจะลงเอยเหมือนเย่อวิ๋นถูไปแล้วก็เป็นได้ตอนนี้ทั่วทั้งร่ายกายของเขาได้รับบาดเจ็บไปหมด อาการบาดเจ็บครั้งล่าสุดนั้นสาหัสอย่างหนักจนทำเอาเขาเกือบสิ้นชีวิตจากการเสียเลือดมากเกินไป โชคดีที่เขายังมีชีวิตรอด แต่ถึงกระนั้นอาการบาดเจ็บก็ไม่สามารถรักษาให้หายภายในหนึ่งปีได้ยินมาว่าจุดสำคัญบางส่วนที่เขาได้รับบาดเจ็บนั้นแม้ในอนาคตอาการจะหายขาด แต่เขาก็อาจกลายเป็นคนพิการได้“เสด็จแม่ ลูกไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ แต่ท่านก
จะมีใครเหมือนนางบ้างที่หยุดพักหลังจากเดินไปแค่ไม่กี่ก้าว นางใช้เวลาสี่ชั่วยามเพื่อไปถึงจุดหมายทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาเพียงสองชั่วยามก็ถึงแล้ว“ทางออกอยู่ข้างหน้านี่ เจ้าก็เชื่อฟังหน่อยแล้วกันนะ อย่าคิดที่จะหนี เพราะเจ้าคงไม่อยากรู้ว่าหนอนกู่ในร่างกายของเจ้าจะทำอะไรหลังจากที่เจ้าหนีไป”ซูชิงอู่เลิกคิ้วพลางพูดตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่หนีหรอก”เมื่อเห็นว่าเชลยให้ความร่วมมือ ชายชราก็ดันฝาครอบที่ด้านบนสุดของขั้นบันได หลังจากที่เขาขยับมัน ก็มีแสงเทียนรำไรส่องลงมาจากด้านบนซูชิงอู่เงยหน้ามอง เห็นว่าชายชราดับคบเพลิงในมือและหมุนตัวปีนขึ้นไปด้านบน จากนั้นเขาก็หันกลับมามองนาง “เจ้าก็เคลื่อนที่ให้มันเร็ว ๆ หน่อย ข้างนอกมืดแล้ว”หลังจากได้ยินเช่นนั้น นางก็ปีนขึ้นมาและมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ พบว่าจริง ๆ แล้วมันคือบ้านหลังหนึ่งในห้องตกแต่งเรียบง่าย แต่สะอาดสะอ้าน และนางกับชายชราก็คลานออกมาจากใต้โต๊ะในบ้านหลังนี้แม้ซูชิงอู่จะอยู่ในอุโมงค์ แต่นางก็ใช้ความรู้สึกเพื่อระบุทิศทาง และเดาว่าสถานที่แห่งนี้อาจอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหลินทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงดัง เมื่อซูชิงอู่หันหน้าไปมอง นางก็เห็นว่าชายชราได
ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเป็นปม พลางหาเก้าอี้มานั่งลงอย่างสบาย ๆ “แค่นั้นเองหรือ?”น้ำเสียงของนางแสดงให้เห็นว่ากำลังดูถูกเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองทว่าสำหรับคนธรรมดา แม้แต่ครอบครัวใหญ่บางครอบครัว เงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองนี้ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยมันสามารถช่วยให้ครอบครัวเล็ก ๆ เติบโตและมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองได้และที่เขายอมเสี่ยงอันตรายก็เพื่อเงินก้อนนี้ ทว่าเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองกลับดูไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าซูชิงอู่สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ซูชิงอู่เหยียดนิ้วออกสามนิ้วโดยไม่รีรอ “เงินสามหมื่นตำลึงทอง แลกกับการพาข้ากลับไปเพื่อสอนวิธีทำลูกปัดอสนีบาต”ดูเหมือนบุรุษผู้นั้นจะได้ยินไม่ชัดเจน “จะ...เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”ซูชิงอู่เชิดหน้า “ข้าพูดว่าสามหมื่นตำลึงทอง แคว้นอู๋ตะวันตกดูถูกข้ามากเกินไปแล้วนะ ตัวข้ามีค่าเท่ากับหนึ่งหมื่นตำลึงทองแค่นั้นน่ะรึ?”มุมปากของบุรุษนั้นกระตุกเบา ๆ“อย่ามาคุยโวหน่อยเลย”“คุยโวอะไรกัน? ให้ข้าเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ นี่เป็นข้อตกลงระหว่างเจ้ากับข้า ส่วนเรื่องที่เจ้าลักพาตัวข้ามา ข้าจะไม่ถือโทษเอาผิดเจ้าในภายหลัง”นางเดินมาไกลถึงเพียงนี
จริงด้วย...ในเมื่อเขาสู้แรงของสตรีผู้นี้ไม่ได้!บุรุษผู้นั้นกัดฟันแล้วพูดว่า “อย่าลืมนะว่าเจ้ากินยาของข้าไป ขอเพียงข้าสั่งให้พิษในร่างกายของเจ้าทำงาน เจ้าจะต้องเจ็บปวดทรมาน!”ซูชิงอู่พูดเนิบ ๆ “ก็ลองดูสิ”นางจับดาบสั้นไว้แน่นพลางรออย่างใจเย็นให้อีกฝ่ายลองใช้ทุกวิธีที่มีบุรุษผู้นั้นผิวปากด้วยความไม่เชื่อ เขาผิวปากเป็นเวลานานจนปากของเขาแห้งผากนางไม่เป็นอะไรเลย!บุรุษผู้นั้นตกตะลึงพลางพูดด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร หรือว่าเจ้าไม่ได้กินยาเข้าไป ไม่...เป็นไปไม่ได้ ข้าเห็นเจ้ากินมันเข้าไปด้วยตาของตัวเองเลยนะ…”ซูชิงอู่ตอบว่า “อืม ข้ากินยาไปแล้ว”“แล้วเหตุใดเจ้าถึง...”ซูชิงอู่แค่นยิ้มเบา ๆ “แล้วเหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”บุรุษคนดังกล่าว "……"เขานอนบนพื้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าฆ่าข้าเถอะ”ซูชิงอู่ “...”ขณะนั้นเอง บานประตูก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหันมีร่างสองร่างปรากฏขึ้นที่นอกประตูซูชิงอู่เงยหน้าเห็นบุรุษหนึ่งคนและสตรีหนึ่งคนยืนอยู่ที่ประตู ทั้งสองมองเข้ามาในห้องด้วยความตกตะลึง“นายน้อย!”พวกเขาทั้งสองตะโกนพร้อมกัน และครู่ต่อมาพวกเขาก็หยิบอาวุธออกมาพลางชี้ไปท
องครักษ์ผู้นั้นก้มหน้าลงแล้วเล่าว่า “นายน้อยของพวกเราเป็นบุตรชายภรรยาเอกแห่งตระกูลหลิ่วซึ่งเป็นตระกูลสันโดษ...คนในตระกูลหลิ่วจะอยู่แต่ในเส้นทางยุทธภพเท่านั้น และเพราะมีชื่อเสียงในด้านอาวุธเพลิง พวกเขาจึงไม่ถ่ายทอดทักษะอาวุธเพลิงนี้ให้แก่ใครตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลหลิ่ว และได้ยินมาว่าแคว้นอู๋ตะวันตกตั้งค่าหัวท่าน เขาจึงใช้วิธีการสร้างลูกปัดอสนีบาตเพื่อล่อท่านออกมาและจับตัวท่านเอาไว้…”บุรุษผู้นี้เป็นคนซื่อตรงมาก ยังไม่ทันที่ซูชิงอู่จะได้ถามอะไรต่อ เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาเรียบร้อยซูชิงอู่เรียบเรียงความคิดของตัวเองและสามารถคาดเดาคร่าว ๆ ได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นเรื่องจริงนางหรี่ตาจ้องไปยังนายน้อยตระกูลหลิ่วที่รอดพ้นจากความทรมานมาเมื่อครู่ ผู้ซึ่งกำลังนอนพะงาบ ๆ อยู่บนพื้นเหมือนปลาตายอยู่ไม่ไกล“เช่นนี้นี่เอง นายน้อยของพวกเจ้าปลอมตัวเป็นคนแก่มาซื้อใจข้าอย่างนั้นล่ะสิ?”ทหารอารักขารู้สึกละอายพลางคำนับซูชิงอู่ด้วยความเคารพ “เป็นเช่นนั้น”ซูชิงแค่นยิ้มเบา ๆ “แล้วเหตุใดเขาถึงถอดหน้ากากออกและแสดงตัวตนที่แท้จริงให้ข้าเห็นด้วยล่ะ ไม่กลัวว่าหากข้ารอดขึ้นมาแล้วจะตามไปแก้แ
ซูชิงอู่แค่นหัวเราะเบา ๆ “เพื่ออะไรล่ะ? เจ้าป้อนหนอนกู่ให้ข้า ข้าก็ป้อนหนอนกู่ให้เจ้าด้วยอย่างไร ก็ยุติธรรมดีไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้าต้องให้ยาถอนพิษกับนายน้อยหลิ่วด้วยเล่า?”สีหน้าของคนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าล้วนไม่สู้ดี และหลิ่วจ้งอิ๋นก็กัดฟันพูด“แล้วเจ้าจะให้ทำอย่างไรถึงจะยอมถอนพิษกู่ให้?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “เจรจาการค้าก็คือการค้าสิ เงินมาของไป วิธีถอนพิษกู่นั่นเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”“เจ้า…”ซูชิงอู่หลุบตาลง สีหน้าของนางแสดงถึงความเหลืออด “ทำไม อยากต่อรองกับข้ารึ?”หลิ่วจ้งอิ๋นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปซูชิงอู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว”องครักษ์พูดอย่างชาญฉลาด “เชิญพระชายาตามข้าน้อยมาทางนี้ ทางเราได้เตรียมห้องดี ๆ ไว้ให้แล้วขอรับ”“นำทางไปที”คนผู้นั้นเดินนำซูชิงอู่ขึ้นไปชั้นบน ห้องที่อยู่ตรงกลางได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งเตียงก็ปูด้วยผ้าปูที่นอนที่ใหม่และนุ่มข้างนอกมืดสนิทแล้ว ซูชิงอู่จึงหันหลังไปปิดประตู“หาข้าไม่ได้เรียก ก็ห้ามใครเข้าไป”องครักษ์ไม่กล้าปฏิเสธ “ขอรับ”เมื่อรอให้ซูชิงอู่เข้าไปในห้องและไม่มีการเคลื่อนไหวใดอ
เมื่อเห็นคนทั้งสามยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูเหมือนท่อนซุง ซูชิงอู่ก็ถามว่า “พวกเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องใด?”ฉินซานเป็นคนแรกที่ได้สติและรีบนำอาหารมาส่งให้ “ข้าน้อยได้เตรียมอาหารไว้สำหรับท่านโดยเฉพาะขอรับ”ซูชิงอู่พยักหน้า “วางได้เลย”นางนั่งที่โต๊ะโดยไม่สนใจว่ามีดวงตาสามคู่กำลังจ้องมองนางอยู่พลางหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารชิมอาหารรสชาติไม่เลว ที่ซึ่งไม่มีใครอยู่เช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าคนทำอาหารคงจะเป็นองครักษ์นางหันไปมองทางคนที่อยู่ตรงประตูแล้วเลิกคิ้ว “พวกเจ้าไม่กินรึ?”แม้หลินอิงจะเป็นสตรี แต่นางก็ตะลึงกับใบหน้าของซูชิงอู่ นางไม่เคยเห็นคนที่งดงามขนาดนี้มาก่อนแม้แต่สตรีด้วยกันก็ต้องยอมรับในความงามของซูชิงอู่...นางกัดริมฝีปากและเมื่อนางหันไปก็เห็นว่านายน้อยของนางยังคงเหม่อลอยนางรีบเตือนอย่างรวดเร็ว “นายน้อย หยุดมองได้แล้วเจ้าค่ะ”จากนั้นหลิ่วจ้งอิ๋นก็กลับมามีสติอีกครั้ง เขาลูบจมูกตัวเองและหูแดงเล็กน้อยเขาไม่เคยพบสตรีที่งดงามหยาดเยิ้มขนาดนี้มาก่อนเมื่อวานเขาคิดว่านางเป็นเสียงสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้พลิกกลับแล้ว เขาจึงมีเวลาสังเกตรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายมากข
เมื่อรวมกับการลดหย่อนภาษี และพี่ห้าได้ซื้อเสบียงนำเข้ามาจากภายนอกเป็นจำนวนมาก จึงง่ายมากที่จะรอดจากภัยแล้งนี้ไปได้หลิ่วจ้งอิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า “ในเมืองฉีที่ตระกูลหลิ่วของข้าอาศัยอยู่ อันกั๋วโหวเป็นตัวตั้งตัวตีในการกักตุนอาหาร ผู้คนจำนวนมากในเมืองจึงอดอยาก พระชายาไม่รู้เรื่องนี้หรือ?”อันกั๋วโหว...ซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าคนผู้นี้คือใครทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวของนาง และนางก็นึกถึงใครบางคน...คู่หมั้นขององค์หญิงห้าเย่หลิงจู ดูเหมือนจะเป็นซื่อจื่อแห่งจวนอันกั๋วโหวตอนที่ยังร่ำเรียนอยู่สำนักศึกษาหลวงในเมืองหลวง เขาได้สานสัมพันธ์กับองค์หญิงห้าเย่หลิงจูและทั้งสองยังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต...ซูชิงอู่ไม่ได้รู้จักคนผู้นี้มากนัก เพราะเย่หลิงจูได้ออกจากแคว้นหนานเย่ไปแต่งงานอยู่ที่อื่นตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นชะตากรรมระหว่างทั้งสองจึงสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ อีกทั้งซื่อจื่อผู้นั้นก็ไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้ด้วยคาดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาและไปที่เมืองหลวงเพื่อพบกับเย่หลิงจู ตนจึงมีโอกาสได้พบกับเขาก่อนหน้านี้ซู่ชิงอู่ค
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้