เมื่อเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพูดด้วยเจตนาร้าย ซูเฟยก็โกรธมาก “แล้วอย่างไรเล่า? ตอนนี้มีการค้นหาคนชั่วพวกนั้นไปทั่วทุกแห่ง คงไม่รบกวนให้กุ้ยเฟยต้องมากังวลเรื่องนี้ไปด้วยหรอก”เจียวกุ้ยเฟยหัวเราะเบา ๆ “จะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร พระชายาเสวียนเป็นสตรีที่อ่อนแอบอบบางอีกทั้งยังงดงาม ถูกลักพาตัวไปเป็นเวลานานเช่นนี้ คงจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ข้าจำได้ว่าก่อนที่นางจะแต่งงาน นางได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกโจร ท่านคงรู้ว่าพวกโจรเหล่านั้นเลวทรามมากเพียงใด สตรีทุกคนที่ถูกจับไปยากจะมีชีวิตรอดนอกจากนี้ตอนที่พระชายาเสวียนแต่งงานกับอ๋องเสวียนนางก็ไม่มีแต้มพรหมจรรย์ ข้าว่าซูเฟยควรตรวจสอบให้ดีว่าเด็กทั้งสามคนนั้นเป็นบุตรของท่านอ๋องจริง ๆ หรือไม่เพราะหลังจากแต่งงานเข้าจวนอ๋องไปได้ไม่นานนางก็ตั้งครรภ์ จะไม่ให้คนอื่นคิดมากก็กระไรอยู่นะ”นางเอ่ยคำพูดยาวเหยียดต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งทุกคำล้วนเป็นการใส่ร้ายซูชิงอู่แม้แต่เย่หลิงจูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังทนฟังไม่ได้ นางโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “กุ้ยเฟยกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร?”เมื่อเห็นองค์หญิงห้า เจียวกุ้ยเฟยก็แสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
ยามที่ไม่มีเรื่องอะไรก็ตัดแต่งกิ่งไม้หรือไม่ก็เขียนพู่กันจีนเย่ชิวหมิงจึงรู้สึกอึดอัดที่จู่ ๆ นางก็รุดมาหาเช่นนี้“ในเมื่อเสด็จแม่ไม่มีเรื่องอะไร ลูกคงจะอยู่รับรองท่านต่อไม่ได้ ลูกยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก เสด็จแม่เชิญกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากพูดจบ เขาก็หันกลับไปอ่านฎีกาต่อทันใดนั้นเจียวกุ้ยเฟยก็เข้ามากระซิบ “ชิวหมิง มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่ค่อยเข้าใจ เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเป็นคนส่งเสบียงไปยังชายแดน จะให้เจ้าเด็กจากตระกูลซูนั่นเป็นคนไปส่งทำไม? อีกทั้งเจ้ายังไม่ให้คนสนิทของตัวเองมาทำหน้าที่ตรวจสอบคลังเสบียงและจัดสรรค่าจ้างทหาร แต่กลับส่งมอบหน้าที่นี้ให้คนนอก...คนชื่อสวีชิงโม่อะไรนั่น เขามีภูมิหลังและความสัมพันธ์อย่างไรกับเจ้า?”เย่ชิวหมิงค่อย ๆ เบิกตาพลางมองมารดาของตนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ“เสด็จแม่ เหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา?”หากเป็นเมื่อก่อนเจียวกุ้ยเฟยคงไม่พูดอะไร แต่คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ซูชิงอู่จากเมืองหลวงไป มารดาของเขาก็วิ่งโร่มาพูดเรื่องนี้เหตุใดถึงไม่มอบตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ให้กับคนของตระกูลตัวเองน่ะหรือ?เจียวกุ้ยเฟยเองน่าจะรู้ดียังไม่ต้อ
“เย่ชิวหมิง เจ้าพูดกับแม่เช่นนี้ได้อย่างไร แม่พยายามอย่างหนักเพื่อปูทางให้เจ้าได้เป็นองค์รัชทายาท แล้วเจ้ากลับตอนแทนข้าเช่นนี้น่ะหรือ?”ดวงตาของเจียวกุ้ยเฟยแดงก่ำด้วยความโกรธ และนางก็กล่าวโทษเย่ชิวหมิงอย่างหมดคำพูดเย่ชิวหมิงขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว เจียวกุ้ยเฟยเป็นมารดาของเขา เขาจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อนางได้ ครั้งก่อนที่นางเห็นด้วยเรื่องที่เย่อวิ๋นถูและฮองเฮาส่งคนไปลอบสังหารซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิง นางก็ได้ล้ำเส้นซูชิงอู่ไปแล้วหากมันเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษาชีวิตนางเอาไว้ได้ซูชิงอู่ไม่ชอบให้ใครมาขัดผลประโยชน์ หากเขาไม่ได้รู้มาตั้งแต่แรกว่านางแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็อาจจะลงเอยเหมือนเย่อวิ๋นถูไปแล้วก็เป็นได้ตอนนี้ทั่วทั้งร่ายกายของเขาได้รับบาดเจ็บไปหมด อาการบาดเจ็บครั้งล่าสุดนั้นสาหัสอย่างหนักจนทำเอาเขาเกือบสิ้นชีวิตจากการเสียเลือดมากเกินไป โชคดีที่เขายังมีชีวิตรอด แต่ถึงกระนั้นอาการบาดเจ็บก็ไม่สามารถรักษาให้หายภายในหนึ่งปีได้ยินมาว่าจุดสำคัญบางส่วนที่เขาได้รับบาดเจ็บนั้นแม้ในอนาคตอาการจะหายขาด แต่เขาก็อาจกลายเป็นคนพิการได้“เสด็จแม่ ลูกไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ แต่ท่านก
ซูชิงอู่กำลังตั้งครรภ์ ทว่าอุ้มท้องมาสามปีกลับไม่เกิดอันใดขึ้นเลยนั่นเพราะทารกตายทั้งกลมไปนานแล้วซูชิงอู่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ท้องน้อยนูนป่องมีเลือดปนหนองส่งกลิ่นเน่าเหม็นไหลมิหยุดราวกับสัตว์ประหลาดมีเพียงม่านตาดำขลับคู่นั้นที่ยังคงเด่นชัดสุกสกาว ราวกับน้ำค้างแข็งอันสว่างบริสุทธิ์สุดใต้นภานางเดินพลางใช้สองมือคลึงเคล้าหน้าท้องเบา ๆ พร้อมเสียงแหบฟังไม่รื่นหู“ลูกเอ๋ย แม่มาล้างแค้นให้เจ้าแล้ว”ซูชิงอู่ผู้ถูกจองจำอยู่คุกอันห่างไกลของวังหลวงและต้องกลายเป็นหนูทดลองมาตลอดสามปีเต็มเป็นอิสระแล้ว!ไฟโหมกระหน่ำเบื้องหลังกำลังแผดเผาพระราชวังอันเรืองรองอย่างไม่หยุดยั้ง แสงเพลิงส่องสว่างท่วมฟ้ายามค่ำคืนใบหน้าศพทรมานบิดเบี้ยวนอนราบภายในพระราชวังร่างแล้วร่างเล่า…“ซูชิงอู่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง เจ้ามิใช่ว่าชอบพี่อวิ๋นถูหรือ? ข้าจะยกให้เจ้า ข้าจะยกให้เจ้าดีหรือไม่?!”ฮองเฮาซูเชียนหลิงผู้สูงศักดิ์สวมเสื้อคลุมลายหงส์ ศีระซึ่งประดับด้วยปิ่นหงส์โขกกับพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน“บุรุษที่เจ้ากำลังพูดถึงน่ะหรือ?”น้ำเสียงซูชิงอู่แหบแห้งฟังไม่รื่นหู ราวกับเส้นเสียงฉีกขาดทั้ง
“พระชายา ยาขับเลือดต้มได้ที่แล้วเพคะ…”เสียงคุ้นเคยระลอกหนึ่งดังข้างหูซูชิงอู่นอนอยู่บนเตียงลืมตาด้วยความตกตะลึง เอียงศีรษะมองไปข้างเตียงอย่างเหลือเชื่อ แม่นมหลินที่ควรจะเสียชีวิตไปนานแล้วกำลังยกยาต้มมาให้นางยันกายลุกขึ้นพลางมองไปรอบตัว ทั่วห้องล้วนเป็นสีแดง บนหน้าต่างแปะอักษรมงคล 'มีสุข' แผ่นใหม่เอี่ยมชุดแต่งงานหลายตัวทิ้งอยู่บนพื้นกระจัดกระจาย ซูชิงอู่รู้กระจ่างได้ทันทีว่าที่นี่คือเรือนหอนางปวดเมื่อยทั้งตัวราวกับโดนหินทับก็มิปานครั้นหวนนึก ความทรงจำในสมองก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้นนางย้อนกลับมายังเจ็ดปีก่อน จนวันนี้ที่เพิ่งตบแต่งกับเย่เสวียนถิงไม่นึกฝันว่า…นางจะได้เกิดใหม่!สายตาของซูชิงอู่ทำให้มือที่ยกชามยาของแม่นมหลินสั่นเทาอย่างอดไม่ได้เพราะดวงตาคู่นั้นของนางผิดแผกไปจากเดิม คล้ายสามารถมองทะลุหัวใจนางได้ในพริบตาเดียวแม่นมหลินผืนยิ้มพลางส่งชามยาไปให้ผู้เป็นเจ้านาย “คุณหนู หากยังมิรีบดื่ม ยาจักเย็นนะเจ้าคะ…”ซูชิงอู่มองอย่างไม่ละสายตา ก่อนเอื้อมมือรับชามยาไว้อย่างใจเย็นนางกำลังจะทำบางอย่าง แต่ขณะนั้นเอง ประตูหอนอนก็ถูกคนถีบให้เปิดออกกระทันหัน!ซูชิงอู่เงยหน้ามองก็เห็นช
วันนี้ที่นางได้แต่งงานกับเย่เสวียนถิงเป็นเพราะนางถูกโจรลักพาตัวเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลังถูกช่วยกลับมา จู่ ๆ แต้มพรหมจรรย์ก็หายไปเสียอย่างนั้นฮองเฮาทรงพิโรธหนัก มีพระราชเสาวนีย์ถอนหมั้นนางกับเย่อวิ๋นถูด้วยพระองค์เองทันใดนั้นนางที่เป็นบุตรีภรรยาเอกจากตระกูลผู้ลากมากดีอันเลื่องชื่อแห่งจวนอัครเสนาบดีก็ผันเปลี่ยนกลายเป็นขี้ปากทุกคน…อย่างไรเสียเมื่อนางตกอยู่ในคำครหาเหล่านั้น จู่ ๆ เย่เสวียนถิงก็ขอพระราชโองการอภิเษกสมรส มิรู้ว่าเขาใช้วิธีใดให้ฝ่าบาทผ่อนปรนตกปากรับคำอย่างเหนือความคาดหมายทุกคนในเมืองหลวงต่างทราบว่าองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามคือผู้มีโอกาสเป็นว่าที่ฮ่องเต้ที่สุดส่วนอ๋องเย่อวิ๋นถิง บัดนี้เป็นได้เพียงคนขาพิการ ทั้งยังเป็นคนไร้ค่าที่สูญเสียอำนาจทางการทหารไปอีกด้วยมารดาผู้ให้กำเนิดเขามีฐานะเพียงสนมผู้ต่ำต้อย หากไม่ถูกส่งต่อให้พระชายาตำแหน่งซูเฟยที่ไร้ทายาทตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ เกรงว่าคงไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้ชั่วชีวิต!ซูชิงอู่ยกมือขึ้นพลางไล้ปลายนิ้วไปที่คิ้วตาของเย่อวิ๋นถิงอย่างแผ่วเบา“คนเดียวไม่พอหรอก อนาคตพวกเราจะให้กำเนิดสักสองสามคน ไม่รู้ว่าท่านชอบลูกชายหรือลูกสาว...”
ซูชิงอู่อดรนทนเกี่ยวพันตัวเองกับเย่เสวียนถิงไม่ไหว แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่มานอกประตูหญิงรับใช้คนหนึ่งรายงานอยู่นอกประตู“กราบทูลท่านอ๋องและพระชายา ภายในวังได้จัดเตรียมรถม้าให้แก่ท่านและพระชายาเพื่อเข้าวังร่วมคารวะบรรดาพระสนมยามเช้าเพคะ!”ในชาติก่อน เมื่อคืนในครานั้นนางถูกคนวางยานอนทรมานทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้าเกือบดื่มยาหยุดครรภ์คร่าชีวิต เพิ่งแต่งงานวันแรกก็ไม่ได้ไปวังหลวงน้อมคารวะตามประเพณีตามธรรมเนียมในวัง เจ้าสาวของราชวงศ์ที่เพิ่งอภิเษกเข้า วันแรกต้องเยี่ยมเยียน คารวะพระสนมทุกตำหนัก นางไม่เพียงฝ่าฝืนประเพณียังทำให้เย่เสวียนถิงแบกรับแรงกดดันมากโขซูชิงอู่เพิ่งจะลุกขึ้นกลับได้ยินเย่เสวียนถิงเปิดปากตอบ“ประเดี๋ยวข้าจะไปคารวะท่านแม่เอง”นางรับใช้รายงานต่อเนื่อง เย่เสวียนถิงบ่ายหน้ามองยังซูชิงอู่ “อยู่จวนพักผ่อนให้ดี ข้าจะรีบไปรีบกลับ”ซูชิงอู่ฉงนพักหนึ่ง “สุขภาพข้าดีขึ้นแล้ว”เย่เสวียนถิงเงียบลง แต่ยังคงยืนกราน “ในวังมีแต่เรื่องหยุมหยิมยุ่งยาก ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ”ถึงอย่างไรชื่อเสียงของซูชิงอู่ก่อนตบแต่งกับเขาก็ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี เข้าวังเที่ยว
ภายในตำหนักจิ้งอี๋ "ท่านอ๋องเสวียนและพระชายาเสวียนเสด็จแล้ว!" ซูเฟยหลินหรงเสวี่ยที่ประทับอยู่ตรงที่นั่งตำแหน่งประธานรอคอยมาได้สักพักแล้ว พยักหน้าเบา ๆ "เรียกให้เข้าเฝ้าได้" คนทั้งสองเดินเข้าประตูมาพร้อมกัน เย่เสวียนถิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาข้างซ้าย ดังนั้นเขาจึงเดินกะโผลกกะเผลกอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะมิได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว แต่ก็ทำให้เขากลายเป็นคนร่างกายไม่สมประกอบไปเสียแล้ว ซูชิงอู่ที่แต่งกายด้วยชุดของราชสำนักอันงามวิจิตร ช่วยประคองแขนของเย่เสวียนถิงด้วยท่าทีใกล้ชิดสนิทสนม เมื่อมีนางคอยช่วยประคับประคอง ก็ทำให้เย่เสวียนถิงเดินเหินได้สะดวกขึ้นอย่างมาก ยามที่ผู้คนรอบตำหนักเห็นคนทั้งคู่รักใคร่ลึกซึ้งกันเพียงนั้น พวกเขาก็ตะลึงงันไปชั่วครู่ สตรีแต่งกายงดงามทั้งสองนางที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเฟย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ ขณะที่ซูชิงอู่เดินเข้ามาในตำหนัก นางก็มองประเมินคนทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า สตรีวัยกลางคนท่าทางสูงศักดิ์สง่างาม สวมชุดกระโปรงดอกกุหลาบสีแดงพร้อมแถบคาดศีรษะสีทอง ผู้นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานคือซูเฟย ซึ่งเป็นตำแหน่งพระชายาลำดับที่สอง โดยมีสตรีสองนาง