โต๊ะและเก้าอี้ถูกวางไว้ทั้งสองด้านของห้องรับแขกขนาดใหญ่ โดยมีพรมสีแดงปูอยู่ตรงกลาง ทำให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเดิน ซูชิงอู่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดโดยมีแขกนั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง เมื่อมองไปยังบรรดาขุนนางที่มาร่วมอวยพรนั่งกันเป็นแถว ๆ จู่ ๆ นางก็รูัสึกเหมือนตัวเองกำลังนั่งอยู่ตรงที่ประทับของฮ่องเต้ในพระตำหนักจินหลวนนางเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งที่แขกทุกท่านสละเวลามาเพื่อร่วมฉลองครบหนึ่งร้อยวันของลูก ๆ ข้า ข้าจึงขอดื่มให้พวกท่านสักหนึ่งจอก”ซูชิงอู่หยิบจอกเหล้ายกขึ้นไปทางเย่ชิวหมิงเขามีสถานะสูงสุดในที่นี้ ซูชิงอู่ให้เกียรติเขาเช่นนี้แล้วเหล่าขุนนางอื่น ๆ ย่อมต้องทำตามนางทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับเย่ชิวหมิง ดื่มเหล้าหมดจอกแล้วนั่งลงอีกครั้งซูชิงอู่ก็นั่งลงตรงที่นั่งเจ้าภาพด้วยเช่นกันสายตาของทุกคนต่างลอบจับจ้องไปที่นาง แต่ซูชิงอู่มีท่าทางที่สง่างามทรงเสน่ห์และนิ่งเฉย โดยปราศจากความกังวลใจหรือท่าทีไร้มารยาทเมื่อเผชิญกับคำถามและคำชี้แนะมากมายจากเหล่าขุนนาง ซูชิงอู่ก็ไม่ลังเลที่จะตอบกลับ และคำตอบของนางก็เป็นไปอย่างเคารพนอบน้อมดวงตาของฉีเทียนหยวนจับจ้องไปที่ซูชิงอู่อยู่ตลอด
ไม่ว่าการป้องกันจะแน่นหนาเพียงใด แต่ตราบใดที่เย่เสวียนถิงไม่อยู่ที่นี่ มู่หรงฉางฉวนมั่นใจว่าตนจะบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอนแม้เขาจะพบกับปัญหาใดก็ตาม เขาก็สามารถหลบหนีไปจากที่นี่ได้!ทันใดนั้น มีสาวใช้ที่อยู่ไม่ไกลถือของบางอย่างเดินเข้ามา ขณะที่เดินก็พึมพำไปด้วยเขารีบซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงพลางฟังสาวใช้คนนั้นพูด “ท่านอ๋องน้อยนี่ดูแลยากจริง ๆ ยังร้องไห้ไม่เลิกเลย…”มู่หรงฉางฉวนคิดอะไรออกและเดินตามหลังสาวใช้ไปทันทีทันใดนั้นเขาก็พบว่าหลังจากเดินตามสาวใช้เข้าไปยังเรือนด้านใน คนที่อารักขาอยู่ที่นี่มีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงส่งองครักษ์ไปกระจุกรวมที่ด้านนอกเสียหมดการค้นพบนี้ทำให้มู่หรงฉางฉวนรู้สึกยินดีปรีดานี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะมันได้สร้างโอกาสใหญ่ให้เขาลงมือได้สำเร็จสาวใช้ยังคงเดินต่อไป และหลังจากเดินบนทางโค้งยาวเลี้ยวไปมาหลายครั้ง นางก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางขณะนี้ในที่สุดมู่หรงฉางฉวนก็ตามนางไปถึงสถานที่ที่เหล่านายน้อยอาศัยอยู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีองครักษ์คอยเฝ้า เขาจึงรีบเร่งไปยังเรือนที่อยู่ตรงกลางเพราะเขาเพิ่งบังเอิญเห็นว่าสาวใช้ผู้นั้นถือขอ
ทั้งสองคนต่อสู้กัน ณ ลานบ้านที่ร้างไร้ผู้คนสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์แม้อายุไม่น้อยแล้ว แต่นางมีอุบายมากมาย ทั้งยังเคลื่อนไหวรวดเร็ว แม้นางจะไม่มีวรยุทธ์สูงส่งเท่ามู่หรงฉางฉวนและเอาชนะเขาตรง ๆ ได้แต่นางก็สามารถประมือกับเขาได้นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพมา มู่หรงฉางฉวนก็ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลขนาดนี้มาก่อนแม้วรยุทธ์ของอีกฝ่ายไม่ได้ทรงพลังเท่ากับเขา แต่วิธีการลื่นไหลแปลกประหลาดรวมถึงพิษทั้งหลาย ที่แม้ไม่ต้องมองเห็นเขาก็รู้ได้ว่าร้ายแรงถึงชีวิต ทำให้เขาไม่กล้าทุ่มโจมตีขณะที่ทั้งสองต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน เศษฝุ่นก็ฟุ้งไปทั่วเรือนหลังจากที่พวกเขาปะทะกันหลายครั้งและภายในห้องนั้นอวิ๋นจื่อกับอวิ๋นชิงเจาะรูที่หน้าต่างและลอบมองออกไปหลังจากได้เห็นภาพการต่อสู้แล้ว ทั้งคู่ก็มีสีหน้าตื่นเต้นและอวิ๋นจื่อยังหยิบเม็ดแตงจากจานที่อยู่ข้าง ๆ ให้อวิ๋นชิงด้วย นางถามว่า “อวิ๋นชิง อร่อยไหม?”อวิ๋นชิงพยักหน้า “อืม อร่อย”นางชี้ไปที่นอกประตู“สนุกไหม?”อวิ๋นชิงพยักหน้าอีกครั้ง “สนุกมาก”เม็ดแตงก็อร่อยการแสดงก็สนุกทั้งสองต่างมองตาและยิ้มให้กันแน่นอนว่าทั้งหมดนี้
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาและสังเกตฝ่ามือที่ตนเพิ่งฟาดไปที่หน้าอกของคู่ต่อสู้เขาต้องแปลกใจที่ได้เห็นแผลบาดเล็ก ๆ และมีเลือดไหลเล็กน้อยจู่ ๆ ความเจ็บปวดก็แล่นผ่านผิวหนังจนชาไปทั้งแขนของเขา ทันใดนั้นมู่หรงฉางฉวนก็เข้าใจทันทีว่าสิ่งที่สตรีผู้นี้พูดนั้นเป็นเรื่องจริง...“เจ้า…. เจ้าสมควรตาย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งร่างของข้ามีพิษปกคลุมอยู่ทั่ว ขอเพียงเจ้าทำร้ายข้า เจ้าก็จะถูกพิษอย่างแน่นอน!”คนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บกำลังเอาตัวพิงกำแพงและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ส่วนอีกคนนั้นถูกวางยาพิษ ตอนนี้หากเขาขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า พิษก็จะแพร่กระจายเร็วขึ้นมู่หรงฉางฉวนรีบแตะจุดฝังเข็มขนาดใหญ่หลายจุดทั่วร่างกาย ทำการปิดชีพจรเพื่อชะลอการโจมตีของพิษ และลงไปนั่งขัดสมาธิที่พื้นพวกเขาทั้งสองมองหน้ากันอย่างจนปัญญา เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า อยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนั้นหากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมาขวางไว้ ตอนนี้พวกเขาคงบรรลุเป้าหมายไปแล้วขณะนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออกร่างร่างหนึ่งเดินออกมาจากข้างในสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์อึ้งงันไปและตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของซูชิงอู่ไม่ใช่สิ นางจำได้ว่าตอนที่นางกับฉีเท
ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ ขัดจังหวะความคิดของทั้งสองคน“ข้าขอถามเจ้าสองคนหน่อยเถิดว่าพวกเจ้ามีรอะไรจะสั่งเสียหรือไม่?”มู่หรงฉางฉวนแอบตกใจมาก เขารู้ดีว่าหากวันนี้ไม่พูดอะไรบ้างเขาคงต้องตายที่นี่เขาจึงพูดขึ้นว่า "ซูชิงอู่ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่ใช่เพียงข้าเป็นแม่ทัพของแคว้นหนานเย่เท่านั้น วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงครบร้อยวัน เจ้าย่อมไม่มีเหตุให้ฆ่าข้าได้"ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “โอ้?”มู่หรงฉางฉวนยกมือขึ้นชี้ไปที่สตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และผลักความรับผิดชอบและสาดโคลนใส่นาง "ข้าเห็นคนผู้นี้แอบเข้ามาในลานอย่างลับ ๆ ข้าจึงตามมาเรื่อย ๆ และการที่แม่ทัพเช่นข้าต่อสู้กับนางก็เพื่อปกป้องคนในจวนของเจ้าให้ไม่เกิดอันตราย ดังนั้นเจ้าย่อมไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะฆ่าข้าได้!”ซูชิงอู่ "อ้อ!"มู่หรงช่างชวนพูดไม่ออก "..."นางเอาแต่เออออซ้ำไปซ้ำมา นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?สตรีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกมู่หรงฉางฉวนทำให้โกรธจนต้องหัวเราะออกมานางเช็ดเลือดจากมุมปากแล้วพูดว่า "ข้าไม่มีเจตนาดี และเจ้าก็ไม่ต่างกัน เจ้าไม่ได้มาทางเดียวกับข้า เจ้าตามมาจากทิศทางอื่น ไม่อย่างนั้นเจ้าคงถูกพิษกู่ของข้าทำให้ส
เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งคู่ก็เบิกตากว้างพร้อมกันจากนั้นซูชิงอู่ได้ยินเสียงดังกระทบสองครั้ง อาวุธที่พวกเขาเพิ่งส่งออกมาก็เข้าไปปักในร่างกายของกันและกัน"อั่ก!"สตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระอักเลือดออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด คราวนี้บาดแผลภายในของนางก็ยิ่งสาหัสมากขึ้นก้อนหินกระแทกเข้าที่ไหล่ของนางอย่างแรงจนเกือบจะบดกระดูกนางได้ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้นางเหงื่อออกท่วมตัว ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุดมู่หรงฉางฉวนเองก็ไม่ดีไปกว่ากันนัก หลังจากถูกโจมตีด้วยมีดบินดอกเหมยนี้เขาก็สูญเสียความสามารถในการต้านทานไปทันทียิ่งกว่านั้น เห็นได้ว่าพิษที่โดนไปก่อนหน้านี้เริ่มแพร่กระจายไปทั่ว ทำให้เขากลายเป็นอัมพาต กลายเป็นหมูบนเขียงพร้อมที่จะถูกเชือดซูชิงอู่รู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นเฮ้อ..แค่อยากจะเล่นสนุกสักหน่อยเท่านั้นนางเดินเข้าไปหามู่หรงฉางฉวน ในขณะที่อีกฝ่ายมองนางด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ นางก็เตะเข้าที่หัวของเขาอย่างแรงแม่ทัพมู่หรงกระเด็นลอยออกไปทันที จากนั้นก็กระแทกเข้ากับเสาด้านข้างอย่างแรงเขาถูกเตะจนศีรษะเต็มไปด้วยเลือดอีกทั้งเลือดก็เริ่มไหลออกจากปากของเขาเช่นกันมู่หรงฉา
ซูชิงอู่หยุดมือเมื่อได้ยินเสียงนั้นแล้วนางก็หันไปทางต้นเสียงดังกล่าวนางเห็นร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลังกำแพง ซึ่งอยู่ไม่ไกล เขาคือฉีเทียนหยวน ซึ่งซูชิงอู่เพิ่งได้พบเมื่อไม่นานมานี้ และยังเป็นผู้มอบหยกชั้นเลิศสามชิ้นให้กับนางอีกด้วยองค์ชายสามของแคว้นฉีตะวันออกแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา ใบหน้าของเขาหล่อเหลาสง่างาม แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับเหือดหายไปเขามองดูซูชิงอู่ด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะหยุดอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาทั้งสอง“พระชายาเสวียน เราพอจะเจรจากันได้หรือไม่?”ซูชิงอู่เหยียบมือข้างหนึ่งของสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้แล้วถามว่า "เรื่องอันใดเล่า?"ฉีเทียนหยวนกัดฟัน "ตราบใดที่เจ้า..."แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซูชิงอู่ก็ลงมือทันทีกริชสีเงินแวววาวปาดเข้าที่ลำคอของสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์โดยปราศจากความลังเลและความเมตตาแม้แต่น้อย ใบหน้าปลอมของเด็กรับใช้คนนั้น เผยสีหน้ารอดตายอย่างหวุดหวิด ดวงตาของยังคงมองไปยังทิศทางของฉีเทียนหยวนเลือดไหลออกมาจากมุมปากของสตรีนางนั้น ลำคอของนางเกิดรอยบาด และพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ร่างกระตุกเบา ๆ สองครั้ง จากนั้นนางก็
องครักษ์เงาสิบเจ็ดตกตะลึง แต่ยังมองไปที่ซูชิงอู่ด้วยความชื่นชมมากยิ่งขึ้น“เช่นนั้น พระชายาจะได้รับพิษหรือไม่?”ซูชิงอู่ส่ายหัว "วางใจเถิด ข้าไม่เป็นไรหรอก"หลังจากที่นางพูดเช่นนั้นนางจึงเทยาลงบนใบหน้าของเด็กรับใช้คนนั้น ก่อนจะถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออกใบหน้าด้านล่างถูกเปิดเผยออกมา ซูชิงอู่เคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้วในชีวิตที่แล้วของนางนางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตที่แล้ว นางกลายเป็นหนูทดลอง และนอนเหมือนปลารอเชือด แต่ตอนนี้ คนที่ต้องตายไม่ใช่นางอีกต่อไปแล้ว“คาดไม่ถึงจริง ๆ น่าประหลาดใจเกินคาดทีเดียว”องครักษ์เงาสิบเจ็ดรู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อได้ยินซูชิงอู่พูดกับตัวเองเช่นนั้น สายตาของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย“พระชายา ศพนี้สกปรกเกินไป กระหม่อมขอจัดการนำออกไปจะดีกว่า”ซูชิงอู่ส่ายหัว "เหตุใดต้องส่งนางออกไปด้วย ศพของคนจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า อีกเดี๋ยวเจ้าจงนำไปโยนไว้ในห้องเลี้ยงกู่ก็แล้วกัน"เมื่อองครักษ์เงาสิบเจ็ดได้ยินเกี่ยวกับห้องเลี้ยงกู่ ก็รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาเล็กน้อยเขาเคยเห็นมันมาก่อน แต่ไม่กล้าเข้าไป