มหาราชครูมู่หรงไม่เคยหวาดหวั่นถึงเพียงนี้มาก่อน แม้แต่ขาของเขาก็ยังอ่อนแรงเพราะความกลัวเย่เสวียนถิงหรี่ตาลง มองไปยังรถม้าที่มีทหารคุ้มกันเพียงไม่กี่คนพลางพูดอย่างเย็นชา “ท่านมหาราชครูมู่หรง ลงมาจากรถเถิด”มหาราชครูมู่หรงที่อยู่ข้างในแสร้งไอขึ้นมาทันที เสียงของเขาแหบแห้งและอ่อนแรง “ท่านอ๋องเสวียน กระหม่อมป่วยเป็นโรคประหลาดจึงจะให้คนพาไปรักษา นี่ท่านทรงทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมทำอะไรผิดหรือถึงได้มาตามจับกระหม่อมกันอย่างเอิกเกริกเช่นนี้?”คนที่ชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบมหาราชครูมู่หรงถามกลับเย่เสวียนถิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่แม้แต่จะอธิบายและออกคำสั่งว่า “ไปคุมตัวมา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กลุ่มคนที่นำโดยองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดรีบเร่งไปข้างหน้าโดยแทบไม่ต้องคิดอะไรทหารอารักขาที่เหลือไม่กี่คนไม่มีทางต้านทาน จึงถูกผลักลงไปกับพื้น และมหาราชครูมู่หรงก็ถูกลากออกจากรถม้าด้วย“ท่านอ๋องเสวียนทรงคิดจะสังหารกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ ท่าน...โอ๊ย!”จู่ ๆ มหาราชครูมู่หรงก็ล้มหมดสติกะทันหันหลังจากที่เย่เสวียนถิงลงจากม้าก็จ้องมองใบหน้าของเหล่าทหารคุ้มกันและคนรับใช้เขารู้ว่าราชครูรู้วิธีปลอมตัว ซู่ช
ภายใต้ผิวหนังที่หลุดลอกออกมานั้น เผยให้เห็นใบหน้าชราของราชครูที่ดุร้ายและน่ากลัวดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตที่บิดเบี้ยว “อ๋องเสวียน รู้ตัวใช่ไหมว่าเจ้ากำลังต่อกรกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงร้อยปีมานี้ไม่มีแคว้นไหนที่ต่อกรกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วจะมีจุดจบที่สวยงาม คอยดูเถอะ ภายภาคหน้าแคว้นเย่หนานจะต้องถูกทำลายย่อยยับด้วยมือของเจ้า!”เย่เสวียนถิงเตะเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่ายจากนั้นเขาก็เหยียบราชครูอย่างถือตัวราชครูเฒ่าหายใจไม่ออกจนหน้าเริ่มแดง“เจ้าควรเสียใจที่ครั้งก่อนไม่ได้ตายคามือของข้า…”ดวงตาของราชครูเฒ่าฉายแววน่ากลัวทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาบดขยี้บางสิ่งที่ไม่รู้จัก และควันก็ได้ปะทุขึ้นเหล่ากองทหารองครักษ์ที่เห็นเพียงภาพหลอนก็ปิดปากและจมูกทันทีแต่ถึงกระนั้น บางคนก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าลงและล้มลงกับพื้นด้วยความงุนงงเมื่อเห็นคนล้มอยู่ข้างหน้า คนข้างหลังก็รีบถอยออกไปเมื่อเห็นผลลัพธ์เช่นนี้ ราชครูเฒ่าก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้า และขณะที่เขาจะขยับขาของเย่เสวียนถิงออกไปเพื่อยืนขึ้น...เขากลับขยับไม่ได้เย่เสวียนถิงยังคงเหยียบตัวเขา พลางทำสีหน้าไร้ความรู้สึกควันของเขาไม่ส่งปฏิ
ราชครูเฒ่าไม่รู้ว่าต่อไปตัวเองจะเจอกับอะไร ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเย่เสวียนถิงตอบตกลง เขาก็โล่งใจอย่างเงียบ ๆเพราะเขารู้ว่าอ๋องเสวียนรักษาคำพูดเสมอ และเมื่อใดที่เขาสัญญาก็จะทำตามนั้นอย่างแน่นอนราชครูเฒ่ายืนอยู่ในคุกใต้ดินที่มืดมน ถูกคนนำมามัดไว้กับชั้นวางด้านข้าง เขาเสียมือไปทั้งสองแล้ว บาดแผลนั่นทำให้เขาเจ็บปวดจนตัวสั่นไปหมด แต่เขาก็ยังบังคับตัวเองให้พูด“หากมีคำถามท่านก็ถามได้เลย กระหม่อมจะตอบเท่าที่รู้”เย่เสวียนถิงนั่งบนเก้าอี้ที่องครักษ์ลำดับที่สิบเจ็ดนำมาวางให้เขาพูดเนิบ ๆ “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน?”ราชครูเฒ่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “กระหม่อมเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จะรู้ความลับเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านไม่ลองไปสอบถามคนในวังที่รู้เรื่องอื้อฉาวดูล่ะพ่ะย่ะค่ะ ไม่แน่ว่าสิ่งที่กระหม่อมรู้อาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ…”เย่เสวียนถิงหลุบตาลง เขาไม่สงสัยในสิ่งที่ราชครูเฒ่าพูดภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความลึกลับมาโดยตลอด และราชวงศ์เกือบทุกแคว้นบริเวณรอบ ๆ ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องแม้ดูเหมือนว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์จะไม่สนใจเรื่องของแคว้นต่าง ๆ และหมากที่คอยเป็นหูตาเหล่
“หึ”เย่เสวียนถิงอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงอย่างเย็นชาเขาไม่เชื่อวาจาไร้สาระของราชครูเฒ่าหลายปีมานี้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการฟื้นตัว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยื่นมือไปช่วยใคร ไม่มีทางที่จะทำเพื่อประโยชน์สุขและสันติของราษฎรอย่างแน่นอนการแทรกแซงเพื่อสับเปลี่ยนอำนาจราชวงศ์นั้นเป็นเพียงความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวก็เท่านั้นราชครูเฒ่ามองเย่เสวียนถิงแล้วหัวเราะออกมา รอยยิ้มนั้นดูประจบประแจงเล็กน้อย “หากท่านอ๋องเสวียนเองก็ต้องการนั่งบนบัลลังก์ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ขอเพียงในภายภาคหน้าท่านอ๋องทรงเชื่อฟังแผนการของทางภูเขาศักดิ์สิทธิ์…”ราชครูเฒ่าถูกเตะอย่างแรงองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดพูดด้วยความโกรธ “พูดไร้สาระอะไร?”“แค่ก แค่ก แค่ก…”ราชครูเฒ่าอ้าปากค้าง แก้มของเขาแดงก่ำจากการระงับความเจ็บปวด เขากล่าวว่า “ตอนนั้นท่านอ๋องเสวียนยังเล็ก คงไม่ทราบถึงความร้ายกาจที่แท้จริงของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ในเวลานั้นฮ่องเต้เฒ่าเองก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อปลดพันธการจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”เย่เสวียนถิงหรี่ตาลงไม่พูดอะไร เพียงแค่ฟังเงียบ ๆราชครูเฒ่าหัวเราะเยาะ “ศพกองพะเนินอยู่ในเมือง
เย่เสวียนถิงเข้าใจแล้วว่าเหล่าคนที่อยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นหนูที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินและกลัวการเจอผู้คนดูเผิน ๆ เหมือนคนที่อยู่ระดับสูง แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ทำได้แค่ซ่อนตัวอยู่ในรางน้ำ ทำเรื่องสกปรก และไม่เคยโผล่หน้าออกมาในอดีต ผู้คนหวาดกลัวภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะพวกเขาเชี่ยวชาญการใช้กู่ประเภทต่าง ๆ ที่ยากสำหรับผู้อื่นที่จะทำความเข้าใจ ทำให้ผู้คนป้องกันได้ยากแต่เมื่อกลายเป็นคนที่ใคร ๆ ต่างก็เกลียดชัง อีกทั้งผู้คนก็มีวิธีจัดการกับพิษของพวกเขาแล้ว เช่นนั้น...พวกเขาไม่เหลืออะไรแล้วแสงสีเข้มส่องผ่านดวงตาของเย่เสวียนถิง เขามองไปที่ราชครูเฒ่าแล้วยิ้ม “เจ้าวางใจได้ ข้าไล่จะจับหนูพวกนั้นและบดขยี้พวกมันทีละตัวให้ตายจนกว่าจะถึงตัวสุดท้าย…”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ราชครูเฒ่าก็ขนหัวลุกขณะที่เย่เสวียนถิงหันหลังกำลังจะออกจากคุกใต้ดิน องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดก็รีบถามขึ้น “ท่านอ๋องจะทรงปล่อยเขาไปหรือพ่ะย่ะค่ะ? ไม่ทรมานเขาต่อหรือ?”ราชครูเฒ่ารู้สึกมีความหวังเล็กน้อยทันใดนั้นเขาก็ได้ยินว่า “ข้าบอกว่าจะปล่อยเขา แต่พระชายาไม่ได้บอกเช่นนั้น ส่งตัวเขาไป…”“พ่ะย่ะค่ะ!”องครัก
ทันใดนั้นนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดราชครูเฒ่าถึงดีใจขนาดนั้นหลังจากที่เขาจับนางได้ในชาติก่อน ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาจะได้เรียนรู้ทักษะการใช้กู่ระดับสูงจากนางและกลายเป็นคนระดับสูงในภูเขาศักดิ์สิทธิ์!วิธีการทั้งหมดที่เขาใช้ล้วนมาจากการสั่งสอนของสตรีที่สวมผ้าคลุมหน้า“ทักษะการใช้กู่มีอะไรยาก? ข้าเรียนรู้ด้วยตัวเอง เจ้าจะลองดูก็ได้ว่าทักษะการใช้กู่ของข้าเป็นของจริงหรือไม่...”หนอนกู่เจาะเข้าไปในผิวหนังของราชครูเฒ่าจากนั้นเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับไม่ใช่มนุษย์ออกมาซูชิงอู่กลัวว่าเขาจะเผลอกัดลิ้นตัวเอง นางจึงรีบยัดผ้าเข้าไปในปากของอีกฝ่ายคราวนี้นางรู้สึกสบายหูขึ้นมาก นางนั่งบนเก้าอี้อีกครั้งพลางมองเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยดวงตาราบเรียบชาติก่อนนางถูกหนอนและสัตว์มีพิษเหล่านี้ทรมานมาสามปีเต็ม และมักจะได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของราชครูเฒ่าในชาตินี้ สิ่งต่าง ๆ กำลังเปลี่ยนแปลงไป ถึงคราวของนางที่จะได้ไล่ชำระแค้นทุกวันนี้เมื่อได้เห็นศัตรูพ่ายแพ้ไปทีละคน ซูชิงอู่ก็รู้สึกใจสงบเป็นอย่างมากไม่มีความสุขหลังจากการแก้แค้นหรือความยินดีปรีดาหลังจากได้ระบาย มีแต่ความผ่อนคลายเท่านั้นใช่แล้ว...เป็นคว
ซูชิงอู่ชะงักไปครู่หนึ่ง นางเดินออกจากห้องและกอดเอวของเย่เสวียนถิงทันที“ข้าไม่ควรขัดคำสั่งท่าน แอบเอาแมลงกู่ออกมา”เย่เสวียนถิงก็ไม่โกรธ เขารู้ว่าซูชิงอู่เป็นคนมีเหตุผล แต่นางได้สัญญากับเขาอย่างชัดเจนในครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้นางยังคงใช้กู่เหล่านั้นกับราชครูเฒ่าเขารู้ว่าแมลงเหล่านั้นอันตรายมาก แม้แต่ผู้ใช้กู่ก็เสี่ยงที่จะถูกย้อนพิษซูชิงอู่กะพริบตารีบเปลี่ยนเรื่อง "ท่านอ๋อง ข้าหิวแล้ว"เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ "เจ้าไปรอในห้อง"เมื่อเห็นท่านอ๋องหันหลังและเดินจากไป องครักษ์เงาสิบเจ็ดก็ไล่ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว“ท่านอ๋อง ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องการให้กระหม่อมทำอีกหรือไม่?”เย่เสวียนถิงส่ายหัว เดินต่อไปโดยไม่หยุด "ไม่มี"องครักษ์เงาสิบเจ็ดสับสนเล็กน้อย "ต้องการให้ข้าไปเรียกพ่อครัวเข้ามาหรือไม่?"เพราะตอนนี้ข้างนอกมืดมากแล้วคนรับใช้ทุกคนในคฤหาสน์เข้านอนแล้วหากต้องการทำขนม คงต้องใช้เวลาสักพักในการเรียกพ่อครัวมาเย่เสวียนถิงเหลือบมองไปด้านข้างเขา "เอาเป็นว่าเจ้าตามมาช่วยข้าหน่อย"องครักษ์เงาสิบเจ็ดตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีความกระตือรือร้นขึ้นมาทันท
นางจ้องมองที่รูปลักษณ์ของเย่เสวียนถิง รู้สึกว่าไม่ว่าจะมองนานแค่ไหนก็ไม่พอหลังจากผ่านความลำบากในชีวิตครั้งก่อนมา นางก็ตระหนักได้ว่าชีวิตอันสงบสุขในตอนนี้มีค่าเพียงใดซูชิงอู่กัดขนมแป้งข้าวเหนียวไปคำหนึ่ง รสหวานทำให้นางหลับตาพริ้มทันทีทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นนางก็เห็นดวงตาของเย่เสวียนถิงตั้งตารอที่จะได้รับคำชม มุมปากของนางยกยิ้มเล็กน้อย และทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นและโน้มตัวไปจูบที่มุมปากของเขา“เป็นยังไงบ้าง หวานไหม?”เย่เสวียนถิงหลุบตาลงเล็กน้อย พลางแตะริมฝีปากของเขาที่ยังมีรสหวานของซูชิงอู่อยู่ พยักหน้าและตอบค่อนข้างจริงจัง"อืม หวานมาก..."ซูชิงอู่แย้มริมฝีปากของนางและลุกขึ้นโดยไม่ลังเลใจ"ยังมีหวานกว่านี้อีก..."…… ราชครูเฒ่าที่เป็นที่ต้องการตัวมาเป็นเวลานานถูกจับกุมและมหาราชครูมู่หรงที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ถูกจับในข้อหาให้ที่พักพิงผู้ต้องโทษทั้งราชสำนักเห็นชัดว่านี่คือการเล่นงานตระกูลมู่หรงท่าทีขององค์รัชทายาทค่อนข้างชัดเจน บรรดาลูกสมุนของตระกูลมู่หรงเริ่มไม่อาจนั่งนิ่งได้อีกต่อไปขณะที่เย่ชิวหมิงแอบไปหาพวกเขาทีละคนและดึงคนที่สามารถดึงเข้ามาได้ทั้งหมดมาที่ฝั่งตน ส่วนที่เห