เย่เสวียนถิงพยักหน้าและพูดว่า "หากพบแล้ว ให้พานางมาพบข้าทันที"หมอหลวงหิ้วกล่องยาออกไป ซูชิงอู่เอนกายบนตั่งนุ่มและกินของว่างพร้อมพูดว่า "เวลานี้หาคนที่ไม่รู้จักมาอาจเสี่ยงได้ อย่าหาดีกว่า"พูดอย่างนี้ก็มีเหตุผลแต่เย่เสวียนถิงยังคงอยากดูว่า หมอตำแยมือหนึ่งคนนั้นมีฝีมือจริงหรือไม่เป็นการดีที่สุดหากไม่จำเป็นไม่ต้องใช้นาง แต่ต้องเก็บนางเผื่อไว้เย่เสวียนถิงนั่งข้างนาง ลูบศีรษะซูชิงอู่แล้วพูด "ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่ข้างเจ้าและก็อาจไม่ต้องใช้นาง ข้าแค่อยากเพิ่มความมั่นใจอีกชั้นหนึ่ง"ซูชิงอู่ถูกเย่เสวียนถิงเกลี้ยกล่อมจนได้นางเข้าใจว่าเย่เสวียนถิงไม่ต้องการให้นางตกอยู่ในอันตรายแม้แต่น้อยเจ้าตัวน้อยในท้องกำลังจะเกิด ซูชิงอู่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือกังวลเกี่ยวกับการคลอดนางเคยพบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมายในชีวิตครั้งก่อน เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้นางไม่สนใจเลยแต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดคำดังกล่าวและไม่สามารถบรรเทาความตึงเครียดในใจของเย่เสวียนถิงได้นางทำได้เพียงปลอบใจเขา "ข้าไม่กลัวหรอก ท่านอ๋อง"หมอหลวงหาข้อมูลได้เร็วทีเดียวเขาพบหมอตำแยในตำนานในวันรุ่งขึ้นเย่เ
“เพคะ ขอบคุณท่านอ๋อง ขอบคุณท่านอ๋อง!”หญิงชรารีบขอบคุณเขาทันใดนั้นสีหน้าของนางก็แสดงอาการลังเลเล็กน้อยและพูดว่า "ท่านอ๋อง ข้าน้อยยังมีของบางอย่างอยู่ที่บ้าน ไม่ทราบว่าจะกลับไปเอาได้หรือไม่?"เย่เสวียนถิงถามว่า "มีของอะไรหรือที่ในจวนอ๋องไม่มี?"“ไม่...ไม่ใช่เจ้าค่ะ เพียงแต่มีของบางอย่างที่ข้าน้อยใช้มาหลายสิบปี มันถนัดมือมากกว่า”เย่เสวียนถิงหรี่ตา "เจ้าสิบเจ็ดไปกับนางด้วย เมื่อได้ของมาแล้วต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเมื่อยืนยันว่าไม่มีอันตรายใดๆ แล้วค่อยนำเข้าจวน!"“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องวางใจได้!”สำหรับเรื่องใหญ่เช่นนี้ องครักษ์เงาสิบเจ็ดไม่กล้าที่จะละเลยต้องแน่ใจว่าทุกอย่างปลอดภัยมิฉะนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา แม้ว่าเขาจะยอมตายเพื่อไถ่โทษก็ยังไม่พอที่จะชดเชยเพราะนี่คือบุตรของท่านอ๋อง!และนั่นคือพระชายา!หากมีปัญหาใดเกิดขึ้น ครั้งนี้อาจมีหลายชีวิตสูญเสียซึ่งเขารับผิดชอบไม่ไหวเจ้าสิบเจ็ดพาหญิงชราออกไป เย่เสวียนถิงเอนกายลงบนเก้าอี้แล้วเคาะนิ้วบนโต๊ะเหตุผลที่ระมัดระวังเช่นนี้เพราะใจของเขากำลังว้าวุ่นเย่เสวียนถิงยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสหัวใจของตนเพื่อระงับความรู้สึกไม่สบายใจ
เสียงกลองดังสนั่น มีพรมแดงปูพื้น ขบวนแห่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวสวมชุดสีแดงมงคล มีเกี้ยวหลังหนึ่งผ่านหน้าประตูจวนของท่านอ๋องเสวียนพอดีดวงตาของซูชิงอู่เป็นประกาย นางก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงวันที่นางกับเย่เสวียนถิงแต่งงานกันเนื่องจากนางไม่ต้องการแต่งงานกับเย่เสวียนถิง นางจึงทำให้งานแต่งงานยุ่งเหยิงยิ่งนัก ท้ายสุดต้องยุติลงก่อนเวลา จากนั้นเมื่อกลับเข้าห้องแล้วก็โดนวางยา แถมยังเข้าใจเขาผิดอีก...นางถอนหายใจเย่เสวียนถิงยืนอยู่ข้างนาง เมื่อได้ยินนางถอนหายใจก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เป็นอะไรไป?"ซูชิงอู่เอ่ยปากพูด "ข้าเสียใจนิดหน่อย"เย่เสวียนถิงเลิกคิ้ว “เจ้าเสียใจเรื่องอะไร”“เสียใจที่ตอนแต่งงานไม่ได้เก็บเกี่ยวโอกาสให้ดี ตอนนี้นึกย้อนกลับไปก็มีแต่ความเสียดาย”เย่เสวียนถิงหัวเราะเบา ๆ "เรื่องนั้นง่ายมาก ข้าให้คนตัดชุดแต่งงานใหม่สองชุด เรามาแต่งงานกันใหม่อีกครั้งดีไหม?"ดวงตาของซูชิงอู่สว่างขึ้นเล็กน้อย "ก็ดี แต่ข้าไม่อยากทำให้คนอื่นวุ่นวายเพราะข้าทำเหมือนเป็นคนทึ่ม"เย่เสวียนถิงลูบหัวของนางด้วยความรัก "ไม่หรอก"ซูชิงอู่หัวเราะออกมาดัง ๆ "คำขอเอาแต่ใจเช่นนี้ท่านก็เห็นด้วยหรือ? มันไม่สมเหตุส
ข้างนอกหมอตำแยและกลุ่มสาวใช้รีบวิ่งเข้ามาข้างใน อวิ๋นจื่อ อวิ๋นชิงนำทุกคนให้ประจำตำแหน่งอย่างเชี่ยวชาญทันทีหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ทั้งสองมาหาเย่เสวียนถิงและพูดเบา ๆ "ท่านอ๋อง ท่านต้องออกไปแล้วเพคะ"เย่เสวียนถิงรู้ว่าเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เขาจึงบีบมือของซูชิงอู่แล้วพูดว่า "ข้าอยู่นอกประตูนี่เอง"ซูชิงอู่พยักหน้านางยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า "ข้าและลูกจะไม่เป็นอะไร"เย่เสวียนถิงเดินออกไปด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง เขาเดินวนไปวนมาในลาน ไม่สามารถทำใจให้สงบได้ภายในไม่มีเสียงมากนัก ซูชิงอู่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ค่อนข้างดี เพื่อไม่ให้เย่เสวียนถิงอยู่ข้างนอกต้องกังวล นางจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรักษาแรงไว้เวลาแต่ละวินาทีผ่านไปอย่างช้า ๆเย่เสวียนถิงอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด รู้สึกเหมือนทุกวินาทียาวนานราวกับหลายปีหมอหลวงซุนหายใจหอบและรีบวิ่งมาพร้อมกับกล่องยา เมื่อเห็นท่านอ๋องที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึม ก็รีบพูดว่า "ท่านอ๋องเหตุใดจึงกะทันหันเช่นนี้"ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดวันนี้ยังเป็นงานเลี้ยงอภิเษกสมรสของรัชทายาทที่กำลังดำเนินอยู่หมอหลวงซุนถูกนำตัวมาจากงานเลี้ยงเป็นเจ้
หมอตำแยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นางหายใจเข้าลึก ๆ และช่วยคลอดลูกคนที่สองต่อไป…เสียงร้องไห้ดังยังคงก้องอยู่ในหู อวิ๋นชิงอุ้มทารกเอ่ยข้างหูของซูชิงอู่ "พระชายา เป็นเด็กผู้ชายเพคะ!"ซูชิงอู่ไม่สนใจว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงตราบใดที่เป็นลูกของนางกับเย่เสวียนถิง ไม่ว่าอย่างไรก็ดีทั้งนั้นอวิ๋นชิงพาเด็กออกจากห้องไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข“ท่านอ๋อง พระชายาได้คลอดบุตรชายแล้วเพคะ!”เย่เสวียนถิงเพียงแค่เหลือบมองเด็กแล้วถามทันที "พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง?"อวิ๋นชิงพูดอย่างรวดเร็ว "ท่านวางใจได้ ขณะนี้ปลอดภัยทุกอย่าง!"ในที่สุดเย่เสวียนถิงก็สงบลง แต่เขาไม่กล้าแตะต้องเด็กที่เปราะบางและตัวเล็กขนาดนั้น กลัวว่าตัวเองจะไม่ใจเย็นพอและทำให้เด็กบาดเจ็บ“พาเด็กไปก่อน ข้าจะรอพระชายาที่นี่”อวิ๋นชิงรู้ดีว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับพระชายามากเพียงใดนางไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของท่านอ๋องเลย และอุ้มทารกน้อยไปที่ห้องถัดไปทันทีขณะนั้นข้างนอกมีคนมารอมากมายหลังจากได้รับข่าวที่เกี่ยวข้องกับซูชิงอู่และท่านอ๋องเสวียนต่างรีบเร่งมาที่นี่“ซูเฟยมาแล้ว!”เสียงประกาศจากนอกประตู ซูเฟยนำข้าราชบริพารกลุ่มให
ซูชิงอู่รู้สึกว่าทั้งตัวนางเบาหวิว ในปากนางอมโสมหยกโลหิตไว้เพื่อเสริมกำลังแต่ถึงกระนั้นการคลอดลูกสองคนก็ทำให้นางเวียนหัว ตาพร่ามัว เห็นเป็นภาพดำ ๆ ตรงหน้าน้ำเลือดน่ากลัวถูกยกออกไปหลายกะละมัง แม้ว่าหมอตำแยจะคุ้นเคยกับฉากนี้ แต่พวกนางก็ยังมีความรู้สึกผสมปนเปกันไปทุกครั้งที่เห็นอย่างไรก็ตามความสุขจากการต้อนรับชีวิตใหม่ก็บรรเทาความหวาดกลัวและความตึงเครียดนี้ได้ขณะที่ทุกคนกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งใจ หมอตำแยทั้งสองก็อุทานขึ้นอวิ๋นจื่อเฝ้าห้องตลอดเวลา พอได้ยินเสียงก็ตกใจ"เกิดอะไรขึ้น?"ใบหน้าของหมอตำแยซีดเผือด เมื่อเห็นมือของนางเต็มไปด้วยเลือดนางก็พูดทันที "มี...มีอีกหนึ่งคน...""อะไรนะ?"ใบหน้าของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ!แม้ว่านางจะรู้ว่าคราวนี้พระชายามีโอกาสท้องลูกแฝดสูงมาก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแฝดสาม!นางลดเสียงลงอย่างรวดเร็ว "รีบทำต่อสิ มัวรออะไรอยู่?"อย่างไรก็ตาม การคลอดบุตรสองคนแรกทำให้เสียเวลาไปมาก ในครั้งนี้หมอตำแยก็สับสนจนสติหลุด“ไม่...ไม่มีทาง เด็กคนสุดท้ายนี้อยู่ผิดท่า แถมสายสะดือพันคอ ไม่สามารถคลอดออกมาโดยง่าย..."“ถ้าอย่างนั้นก็หาทางสิ! ยังไงก็ต้องให้พระช
อวิ๋นจื่อวิ่งออกไปเมื่อนางมาถึงตัวเย่เสวียนถิง เสียงของนางก็สั่น "ท่านอ๋องเกิดเรื่องแล้ว รีบไปเรียกหมอตำแยคนนั้นมาเถิดเพคะ..."เย่เสวียนถิงรู้สึกราวกับว่าโลกกำลังหมุนคว้าง ราวกับว่าสายฟ้าฟาดเข้าใส่ร่างกายของเขาแต่ดวงตาของเขายังคงสงบ เขาไม่ได้ถามอะไรแค่พยักหน้าแล้วพูดว่า "ไปพานางมา!"หมอตำแยอยู่ใกล้ ๆ ถูกเจ้าสิบเจ็ดผลักออกมา นางเดินเข้าไปในเรือนอย่างกังวลใจและถูกอวิ๋นจื่อพาเข้าไปข้างในทุกคนข้างนอกเงียบกริบสายตาทุกคนเต็มไปด้วยความกังวล ต่างมองประตูห้อง ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆเย่ชิวหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มีความกังวลใจเล็กน้อยในดวงตาของเขา ประการแรกเขากังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับซูชิงอู่จริง ๆ และประการที่สองหากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง นางอาจจะไม่สามารถอยู่รอดได้ ตัวเขาก็จะไม่ได้ยาแก้พิษเกรงว่าอาจไม่รอดเช่นกัน...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามมีเพียงการที่ซูชิงอู่ดีขึ้นเท่านั้น สถานการณ์ที่ได้เปรียบอย่างยากลำบากนี้ถึงจะมั่นคงได้เขาไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับซูชิงอู่คนอื่นก็มีความคิดต่างกันไปแต่ส่วนใหญ่ก็เพียงแค่สนใจดูสถานการณ์เท่านั้นประตูปิดลงราวกับว่าภายในและภายนอกถูกแยกอ
“ไม่ใช่หรอก ข้าจะไปเรียกหมอหลวงมา!”นางพาไปที่ห้องที่เตรียมไว้ข้าง ๆ แล้วเรียกหาหมอหลวงซุนทันทีหลังจากที่เย่เสวียนถิงได้รับข่าว เขาก็ทนไม่ไหวบุกเข้ามาทันที“พระชายาอยู่ไหน?”อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างรวดเร็ว "พระชายาไม่เป็นไร แค่เสียเลือดมากจนหมดแรงสลบไปเท่านั้นเพคะ"เย่เสวียนถิงลดสายตาลงและมองดูเด็กน้อยในอ้อมแขนของนาง หัวใจเจ็บปวดอย่างรุนแรงเขากำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่นิ้วมือของเขาทิ้งรอยลึกไว้ในฝ่ามือเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไร้พลังอย่างสิ้นเชิง เขาทำอะไรไม่ได้เลยไม่สามารถช่วยซูซิงอู่ได้แม้แต่น้อยหมอหลวงซุนตรวจสอบการหายใจของทารกอย่างประหม่า พบว่าไม่มีลมหายใจและชีพจร เขาชะงักไปทั้งตัว"นี่...เด็กตายก่อนคลอด...""อะไรนะ?"อวิ๋นจื่อตะโกนด้วยความประหลาดใจ"หมอหลวงซุน ท่านต้องช่วยนาง นางเป็นลูกของพระชายา หากพระชายาตื่นขึ้นมารู้ว่าลูกคนหนึ่งตาย ท่านต้องเสียใจแน่ ๆ!"หมอหลวงซุนรีบหยิบเข็มเงินออกมา และพยายามกระตุ้นจุดจุดชีพจรของทารก แต่จุดชีพจรของทารกยากจะระบุได้แน่ชัดและผิวหนังบอบบางกว่าผู้ใหญ่มากทารกแรกเกิดตัวเล็กเกินไป บอบบางจนเหมือนจะแตกหักได้หากบีบแรง ๆยิ่งไปกว่า
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้