"พวกเจ้า……"ดวงตาของมหาราชครูมู่หรงเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะมองดูคนที่เป็นศัตรูกับเขา“ฝ่าบาท โปรดอย่าทำเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ!”ใบหน้าของฮองเฮามู่หรงซีดเผือดไร้สีเลือด นางรู้ว่าสิ่งที่นางทำในครั้งนี้ทำให้ฮ่องเต้โกรธถึงขีดสุดทำให้ฝ่าบาทเสียหน้าต่อหน้าทูตของสองแคว้นเมื่อองค์ชายใหญ่ของแคว้นอู๋ตะวันตกเห็นเรื่องราวพัฒนาเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมากเพราะเขาเคยทำข้อตกลงกับองค์ชายสามไว้ก่อนหน้านี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายข้อตกลงนั้นก็จะถือเป็นโมฆะไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเข้าสู่สุสานของฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหนานเย่จะต้องมีสมบัติมากมายซ่อนอยู่ในเส้นชีพจรมังกร หากเขาสามารถค้นพบจะเพิ่มโอกาสในการขึ้นครองบัลลังก์ในแคว้นอู๋ตะวันตกจะเพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะเป็นผลประโยชน์ต่อตัวเขาเอง!ฮ่องเต้เฒ่าจ้องมองไปยังฮองเฮาและเฝ้าดูนางคุกเข่า พลางคลานมาต่อหน้าเขา คว้าเสื้อคลุมของเขาเอาไว้ในมือทั้งสองแต่งงานกันได้มานานหลายทศวรรษแล้ว แม้แต่เลี้ยงสุนัขยังผูกพันธ์ นับประสาอะไรกับเรื่องนี้เมื่อเห็นท่าทางของฮองเฮา ฮ่องเต้เฒ่าก็ค่อย ๆ ดึงมือของนางออกจากร่างของเขา“ในฐานะฮองเฮา เจ้ากลับมีแต่ความร
เย่อวิ๋นถูยังคงยืนอยู่ในท้องพระโรง แต่รู้สึกราวกับว่าทั้งร่างจมอยู่ในสระน้ำเย็นเขาทั้งฟังราชโองการแต่งตั้งเย่ชิวหมิงเป็นรัชทายาท และต้องได้ยินว่าแม่ของเขาถูกส่งไปยังสำนักชีเขาเองก็กลายเป็นหมากที่ฝ่าบาทเกลียดชัง ไม่มีทางได้นั่งตำแหน่งนั้นอีกต่อไปทุกอย่างพังทลายหมดแล้ว!เขาเดินออกจากท้องพระโรงด้วยสีหน้าเศร้าสลด รู้สึกว่าพื้นใต้เท้าล่องลอย...ซูชิงอู่ยืนอยู่ที่ประตูท้องพระโรง เงยหน้าขึ้นมองไปยังแผ่นหลังของเย่อวิ๋นถูเย่เสวียนถิงรู้สึกกังวลทันที และอดไม่ได้ที่จะกระชับนิ้วของเขาให้แน่นขึ้น "อาอู่..."ซูชิงอู่เบนสายตากลับมายิ้มให้เย่เสวียนถิง "ในสายตาของข้า เขาก็ไม่ต่างจากสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง"ดวงตาของเย่เสวียนถิงอ่อนลงทันที เขาพยักหน้าเล็กน้อย "ใช่ นับว่าคล้ายกันมากจริง ๆ"พวกเขาทั้งสองแอบเหน็บเย่อวิ๋นถูซูชิงอู่พอใจกับผลลัพธ์ที่นางสร้างขึ้นมากยามนี้ไทเฮาและฮองเฮาต่างพ่ายแพ้ไปอย่างสิ้นเชิง เนื้อร้ายทั้งสองนี้ถูกกำจัดออกจากพระราชวังไปอย่างสมบูรณ์แล้วเย่ชิวหมิงได้ขึ้นเป็นรัชทายาท และนางก็สามารถควบคุมชีวิตและความตายของเขาได้อีกไม่นาน ฮ่องเต้เฒ่าจะค่อย ๆ ถ่ายโอนอำนาจ นางและเย่เ
คำพูดของซูชิงอู่ทำให้หัวใจของเย่ชิวหมิงสั่นสะท้านเขายังเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ“เป็น...เป็นไปได้ยังไง? ล้อกันเล่นใช่ไหม?”ซูชิงอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย "หม่อมฉันไม่ได้ล้อเล่น แม้ว่าท่านไม่รู้ความจริงน่าจะดีกว่าก็เถอะ แต่ท่านต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้น ไม่เช่นนั้นท่านจะเป็นองค์รัชทายาทที่ดีได้อย่างไร?"เย่ชิวหมิงกลืนน้ำลาย สีหน้าของเขาน่าเกลียดมากเขาก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยในชีวิตซูชิงอู่มองหน้าของเขาและถอนหายใจเล็กน้อย "ท่านจะแสดงสีหน้าเช่นนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้คนอื่นสงสัยเอา"สมองของเย่ชิวหมิงกำลังส่งเสียงหึ่ง ๆในชั่วพริบตา สีหน้าของเขาก็ไม่ต่างไปจากเย่อวิ๋นถูร่างนั้นเซเล็กน้อย ซูชิงอู่ก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นฉากนี้เย่เสวียนถิงเอียงศีรษะ ลูบหัวของซูชิงอู่เบา ๆ "อาอู่ นี่เจ้าพูดจริงหรือ?"ซูชิงอู่หัวเราะ "ข้าก็ไม่รู้ ข้าเดาเอาเท่านั้น"เย่เสวียนถิงอึ้งไป "..."นางหันไปมองเย่เสวียนถิงและยิ้มเล็กน้อย "ใครใช้ให้เขามารบกวนเราล่ะ แต่บอกเขาไปก็ไม่เป็นไร แม้เป็นเพียงการคาดเดาแต่ก็ใกล้เคียงความจริงนะเจ้าคะ"หากไม่ได้ผ่านเรื่องบางอย่างมาในชีวิตคร
เจียวกุ้ยเฟยมั่นใจมากเมื่อนางพูดสิ่งนี้ ไม่มีร่องรอยของการโกหกใด ๆ เลยเย่ชิวหมิงขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเขาอาจเข้าใจแม่ของเขาผิดจริง ๆ บางทีซูชิงอู่อาจจะโกหกเขาก็เป็นได้เขาลุกขึ้นยืนก้มศีรษะโค้งคำนับขอโทษ "ขออภัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกคิดไม่รอบคอบและไม่ควรสงสัยท่านเลย"เจียวกุ้ยเฟยด้วยความเอื้ออารี “เรื่องนี้เจ้าอย่าคิดมาก คนอื่นนินทาลับหลัง เจ้าอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน แม่จะจัดคนมาอยู่ข้าง ๆ เจ้าใ ห้ช่วยเจ้าในฐานะรัชทายาท เจ้าคิดว่าอย่างไร?”เย่ชิวหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เสด็จแม่อย่ากังวล ไม่จำเป็นต้องลำบากท่าน ข้าเชื่อว่าจะสามารถทำงานได้ดี"เมื่อเห็นว่าเขายืนกรานไม่รับคนที่นางจัดหาให้ เจียวกุ้ยเฟยไม่ได้บังคับเขาอีกหลังจากส่งเย่ชิวหมิงออกไป สีหน้าของนางก็หม่นลงทันทีนางกำนัลข้าง ๆ เห็นสีหน้าของเจียวกุ้ยเฟย ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย "พระนาง องค์รัชทายาททรงค้นพบบางสิ่งแล้วหรือไม่?"เจียวกุ้ยเฟยกัดฟัน "ชิวหมิงหูเบา ไม่รู้ว่ามีใครพูดอะไรต่อหน้าเขา ตอนนี้สองคนนั้นก็ตายแล้ว เรื่องในอดีตถูกเก็บเงียบ ข้าก็สบายใจขึ้นมากทีเดียว..."“ท่านอุตส่าห์ส่งคนไปตามฆ่าหมอตำแยและหมอหลวงคนนั้นแล้วแท้ ๆ แต่ไ
เจียวกุ้ยเฟยสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นางต้องการฉีกกระดาษให้เป็นชิ้น ๆ อย่างประหม่าและทำลายมันให้หมด แสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นแต่พอนึกถึงวิธีที่อีกฝ่ายส่งจดหมายมา ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด ก่อนลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ตะโกนเสียงดัง "ออกมา ออกมานะ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี่ บอกข้าตรง ๆ ว่าเจ้าต้องการอะไร?"การที่ความลับของนางถูกบุคคลลึกลับนี้จับตามอง ทำให้เจียวกุ้ยเฟยรู้สึกราวกับว่านางมีมีดมาจ่อที่ลำคอของนางอีกครั้งหนังศีรษะของเจียวกุ้ยเฟยชาวาบ นางตะโกนอยู่ในห้องเหมือนคนบ้าเป็นเวลานาน แต่ไม่มีใครตอบกลับนางมาทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ……แคว้นหนานเย่ได้สถาปนารัชทายาท ฮองเฮาและไทเฮาต่างถูกคุมขังในสำนักแม่ชี ขุนนางที่นำโดยมหาราชครูมู่หรงถูกกลดอำนาจ สถานการณ์ในราชสำนักก็เปลี่ยนไปอย่างมากฮ่องเต้เฒ่าชราลงอย่างมากในทันที ช่วงนี้ฮ่องเต้ปฏิบัติราชกิจช่วงเข้าในราชสำนักน้อยลง และผู้นำของแคว้นฉีตะวันออกได้เสนอให้ทำการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ โดยยกน้องสาวของตนแต่งงานกับรัชทายาทเพื่อเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้นหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ฮ่องเต้เฒ่าก็รู้ถึงภูมิหลังของฉีเทียนหยวน ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ดีที่สุดใน
เย่เสวียนถิงหรี่ตาลงและคว้าแขนของหมออาวุโสไว้โดยไม่รู้ตัว "มีวิธีใดบ้างที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้?"หมออาวุโสสะดุ้ง "ท่านอ๋องนี่คงเป็นเรื่องยากสำหรับกระหม่อม ความเสี่ยงนี้มีอยู่แน่นอน อย่าว่าแต่สตรีข้างนอกเลย แม้แต่ในวังหลวงแต่ละปีก็มีสตรีที่เสียชีวิตจากการคลอดลูกมากมาย"ทันใดนั้น ดวงตาของเย่เสวียนถิงก็ดุดันขึ้น "อย่าพูดเรื่องเป็นเรื่องตายที่นี่!"เห็นได้ชัดว่าหมออาวุโสรู้สึกหวาดกลัวกับรัศมีของเย่เสวียนถิงจนเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเขาเขาเช็ดหน้าผากแล้วละล่ำละลักพูดอย่างรวดเร็ว "ไม่มีวิธีพิเศษใด ๆ แต่อย่างน้อยข้ามีสูตรยาพื้นบ้านอยู่บ้าง แต่ไม่แน่ว่าจะใช้ได้กับพระชายาหรือไม่ ท่านอ๋องควรหาหมอตำแยฝีมือดีสักสองคนมาก่อน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ”เย่เสวียนถิงพยักหน้า "เรื่องหมอตำแย ข้าจะจัดหาเอง"แต่ต้องคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเด็กในท้องของซูชิงอู่อาจเกิดในอีกสองเดือนข้างหน้า เขารู้สึกว่าตอนนี้เวลาไม่พอเลยจริง ๆท้องของนางดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกวัน ร่างกายของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวลำบากขึ้น นางไม่ได้ออกจากจวนมานานแล้วเขาถามหมออาวุโสอีกครั้งว่า "ข้าอยากรู้ว่ามีวิธีที่มั่นใจแน่นอนหร
เย่เสวียนถิงช่วยซูชิงอู่ออกจากประตู ขณะนี้เป็นฤดูร้อนมีลมร้อนพัดเข้ามากระทบหน้าเย่เสวียนถิงถือร่มให้นางด้วยมือของเขาเองและช่วยนางขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังศาลาทะเลสาบทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงตอนออกจากบ้าน เย่เสวียนถิงไม่ได้นำองครักษ์มาด้วยมากนัก แต่ให้สายลับคอยคุ้มกันรอบ ๆ และตรวจตราความเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันไม่ให้มีมือสังหารปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันลมเย็นพัดผ่านศาลากลางน้ำ ทำให้อากาศน่าอภิรมย์ยิ่งนักซูชิงอู่นั่งเงียบ ๆ บนแท่นหิน มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาใกล้ ๆ และมีเด็ก ๆ หลายคนเล่นอยู่ริมทะเลสาบเมื่อมองไปที่คนเหล่านั้น ดวงตาของซูชิงอู่ก็อ่อนลง นางจินตนาการว่าในอนาคตเด็กในท้องของนางจะเป็นเหมือนเด็กเหล่านั้นหรือไม่ชีวิตครั้งก่อน นางตั้งท้องพวกเขามานานแล้ว แต่นางไม่ได้เห็นว่าพวกเขาเกิดมาอย่างราบรื่นซึ่งถือเป็นความอยุติธรรมสำหรับพวกเขาตอนนี้นางได้กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้งพร้อมพวกเขา นางจะต้องชดเชยให้พวกเขาอย่างดีเย่เสวียนถิงเก็บดอกไม้ริมทะเลสาบให้กับซูชิงอู่จากนั้นมืออันคล่องแคล่วของซูชิงอู่ก็ถักมันให้เป็นมงกุฎดอกไม้และสวมลงบนศีรษะของเขาซูชิงอู่มองไปที่รูปลักษณ์ปัจจุ
ซูชิงอู่หรี่ตาลงและก้าวไปข้างหน้าทันทีเมื่อเห็นฉากนี้เย่เสวียนถิงก็จับมือนางไว้ทันที“อาอู่ การระวังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เราอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นดีกว่า”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูชิงอู่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้นางกำลังท้อง หากเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริงแล้วนางเห็นเด็กคนหนึ่งตายต่อหน้าต่อตา นางจะรู้สึกไม่สบายใจแน่จุดประสงค์ของซูชิงอู่ในการมีชีวิตใหม่ คือการที่นางจะไม่ทำอะไรที่จะทำให้นางเสียใจอีกครั้งยิ่งกว่านั้นเพียงเด็กคนเดียว นางไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายนางได้"ไม่เป็นไร ข้ามั่นใจ"เสียงของซูชิงอู่สงบ แต่ในสายตามีความเข้มแข็งแวววับนางหยิบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อปกป้องตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเย่เสวียนถิงพูดถูก ต้องระวังตนเอาไว้ให้มากในขณะที่ช่วยเหลือผู้อื่น ความปลอดภัยของตัวเองก็สำคัญมากเช่นกันเย่เสวียนถิงโบกมือและองครักษ์ทั้งสองก็เดินเข้าไปคว้าเด็กจากอ้อมแขนของสตรีนางนั้นทันทีสตรีนางนั้นสะดุ้ง ตกใจจนร้องไห้ไม่ออก "เจ้าจะทำอะไร จะขโมยลูกของข้า พวกเจ้าเป็นใคร?!"“ถ้าอยากช่วยลูกของเจ้า ก็หุบปา