เย่เสวียนถิงหรี่ตาลงและคว้าแขนของหมออาวุโสไว้โดยไม่รู้ตัว "มีวิธีใดบ้างที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้?"หมออาวุโสสะดุ้ง "ท่านอ๋องนี่คงเป็นเรื่องยากสำหรับกระหม่อม ความเสี่ยงนี้มีอยู่แน่นอน อย่าว่าแต่สตรีข้างนอกเลย แม้แต่ในวังหลวงแต่ละปีก็มีสตรีที่เสียชีวิตจากการคลอดลูกมากมาย"ทันใดนั้น ดวงตาของเย่เสวียนถิงก็ดุดันขึ้น "อย่าพูดเรื่องเป็นเรื่องตายที่นี่!"เห็นได้ชัดว่าหมออาวุโสรู้สึกหวาดกลัวกับรัศมีของเย่เสวียนถิงจนเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเขาเขาเช็ดหน้าผากแล้วละล่ำละลักพูดอย่างรวดเร็ว "ไม่มีวิธีพิเศษใด ๆ แต่อย่างน้อยข้ามีสูตรยาพื้นบ้านอยู่บ้าง แต่ไม่แน่ว่าจะใช้ได้กับพระชายาหรือไม่ ท่านอ๋องควรหาหมอตำแยฝีมือดีสักสองคนมาก่อน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ”เย่เสวียนถิงพยักหน้า "เรื่องหมอตำแย ข้าจะจัดหาเอง"แต่ต้องคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเด็กในท้องของซูชิงอู่อาจเกิดในอีกสองเดือนข้างหน้า เขารู้สึกว่าตอนนี้เวลาไม่พอเลยจริง ๆท้องของนางดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกวัน ร่างกายของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวลำบากขึ้น นางไม่ได้ออกจากจวนมานานแล้วเขาถามหมออาวุโสอีกครั้งว่า "ข้าอยากรู้ว่ามีวิธีที่มั่นใจแน่นอนหร
เย่เสวียนถิงช่วยซูชิงอู่ออกจากประตู ขณะนี้เป็นฤดูร้อนมีลมร้อนพัดเข้ามากระทบหน้าเย่เสวียนถิงถือร่มให้นางด้วยมือของเขาเองและช่วยนางขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังศาลาทะเลสาบทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงตอนออกจากบ้าน เย่เสวียนถิงไม่ได้นำองครักษ์มาด้วยมากนัก แต่ให้สายลับคอยคุ้มกันรอบ ๆ และตรวจตราความเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันไม่ให้มีมือสังหารปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันลมเย็นพัดผ่านศาลากลางน้ำ ทำให้อากาศน่าอภิรมย์ยิ่งนักซูชิงอู่นั่งเงียบ ๆ บนแท่นหิน มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาใกล้ ๆ และมีเด็ก ๆ หลายคนเล่นอยู่ริมทะเลสาบเมื่อมองไปที่คนเหล่านั้น ดวงตาของซูชิงอู่ก็อ่อนลง นางจินตนาการว่าในอนาคตเด็กในท้องของนางจะเป็นเหมือนเด็กเหล่านั้นหรือไม่ชีวิตครั้งก่อน นางตั้งท้องพวกเขามานานแล้ว แต่นางไม่ได้เห็นว่าพวกเขาเกิดมาอย่างราบรื่นซึ่งถือเป็นความอยุติธรรมสำหรับพวกเขาตอนนี้นางได้กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้งพร้อมพวกเขา นางจะต้องชดเชยให้พวกเขาอย่างดีเย่เสวียนถิงเก็บดอกไม้ริมทะเลสาบให้กับซูชิงอู่จากนั้นมืออันคล่องแคล่วของซูชิงอู่ก็ถักมันให้เป็นมงกุฎดอกไม้และสวมลงบนศีรษะของเขาซูชิงอู่มองไปที่รูปลักษณ์ปัจจุ
ซูชิงอู่หรี่ตาลงและก้าวไปข้างหน้าทันทีเมื่อเห็นฉากนี้เย่เสวียนถิงก็จับมือนางไว้ทันที“อาอู่ การระวังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เราอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นดีกว่า”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูชิงอู่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้นางกำลังท้อง หากเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริงแล้วนางเห็นเด็กคนหนึ่งตายต่อหน้าต่อตา นางจะรู้สึกไม่สบายใจแน่จุดประสงค์ของซูชิงอู่ในการมีชีวิตใหม่ คือการที่นางจะไม่ทำอะไรที่จะทำให้นางเสียใจอีกครั้งยิ่งกว่านั้นเพียงเด็กคนเดียว นางไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายนางได้"ไม่เป็นไร ข้ามั่นใจ"เสียงของซูชิงอู่สงบ แต่ในสายตามีความเข้มแข็งแวววับนางหยิบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อปกป้องตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเย่เสวียนถิงพูดถูก ต้องระวังตนเอาไว้ให้มากในขณะที่ช่วยเหลือผู้อื่น ความปลอดภัยของตัวเองก็สำคัญมากเช่นกันเย่เสวียนถิงโบกมือและองครักษ์ทั้งสองก็เดินเข้าไปคว้าเด็กจากอ้อมแขนของสตรีนางนั้นทันทีสตรีนางนั้นสะดุ้ง ตกใจจนร้องไห้ไม่ออก "เจ้าจะทำอะไร จะขโมยลูกของข้า พวกเจ้าเป็นใคร?!"“ถ้าอยากช่วยลูกของเจ้า ก็หุบปา
ซูชิงอู่ยกนิ้วขึ้นและดีดเข็มเงินระหว่างนิ้วของเด็กคนนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางลูบศีรษะเขา"ซนจริง ๆ"ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้าง เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาซึ่งงดงามราวกับนางฟ้าในภาพวาดจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้เขายังคิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธและตบเขาหรือไม่ก็ฆ่าเขาเสียอีกเขายังคิดว่าคนที่รอบข้างนางคงอยากจะบีบคอเขาให้ตายแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยซูชิงอู่คว้าข้อมือของเย่เสวียนถิงไว้ด้วยมืออีกข้างของนางแล้วส่ายหัวเบา ๆ จากนั้นนางก็ยังคงรักษาใบหน้าอ่อนโยนของนางไว้ และเก็บเข็มเงินนั้นออกไป“ร่างกายของเจ้ายังอ่อนแอมาก ข้าชอบช่วยคนจนถึงที่สุด เช่นนั้นเจ้าก็ตามข้ากลับไปด้วยกันเถอะ”ทันทีที่นางพูดจบ ผู้หญิงอีกคนที่อยู่ตรงข้ามก็วิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา คุกเข่าลงต่อหน้าซูชิงอู่ "ลูกของข้าโง่เขลาและซุกซน โปรดปล่อยลูกของข้าไปเถอะ!"ซูชิงอู่ตกตะลึงและมองไปที่สตรีนางนั้นด้วยความไม่เข้าใจ“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? เหตุใดข้าถึงต้องปล่อยเขาไปด้วย? เมื่อครู่เขากำลังจะตาย ข้าเพิ่งทำให้เขาฟื้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ?”นางลดสายตาลง ดวงตาเต็มไปด้วยความคับข
นี่มันเหมือนน้ำใจตรงไหนกัน?สตรีนางนั้นรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง พลางคิดว่าหากเข้าไปในจวนอ๋องก็คงจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก...ใครจะไปสนใจว่าสตรีเช่นนางจะออกจากจวนอ๋องมาเมื่อไหร่ แม้จะไม่ได้ออกมาแต่ก็ไม่มีใครรู้และคงไม่มีใครช่วยพูดขอร้องแทนนางกับลูกการเข้าไปในจวนอ๋องเปรียบเหมือนเข้าไปในทางตัน สู้ตายยังดีกว่าเสียด้วยซ้ำ“ไม่ ไม่ ไม่ หม่อมฉันไม่เคยกล้าคิดเช่นนั้น เพียงแค่ไม่อยากรบกวนเพคะ…”“ในเมื่อลูกของเจ้าเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นหรือไม่ แต่เจ้ากลับคิดแค่ว่าจะรบกวนพระชายาไหมน่ะรึ? เจ้าช่างเป็นแม่ที่แย่เสียจริง”คราวนี้ผู้เห็นเหตุการณ์โดยรอบต่างมองสตรีนางนั้นด้วยสายตาดูถูกยิ่งกว่าเดิมนางชี้นำความเห็นของผู้คนรอบข้างได้ ซูชิงอู่ก็จะทำเช่นเดียวกันและจะทำให้ไร้ปรานียิ่งกว่านางยกมือห้ามองครักษ์ไม่ให้ทำอะไรต่อพลางพูดอย่างอ่อนโยนกับสตรีนางนั้น “หากเจ้ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกเจ้า เจ้าก็สามารถไปในจวนกับเขาได้ ใช่ว่าจวนอ๋องเสวียนของข้าจะไม่สามารถรับรองคนสองคนได้”สตรีนางนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่เข้าไปดีกว่า…”ซูชิงอู่ขมวดคิ้ว “ได้อย่างไรก
ซูชิงอู่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่หลังจากที่นางตั้งครรภ์ จำนวนคนที่มาลอบสังหารนางก็เพิ่มมากขึ้นลูกในครรภ์ของนางมีอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายกลัวหรือ?เบาะแสในมือของนางมีน้อยเกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้ก็คือคนที่โจมตีนางต้องมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่คนเหล่านั้นอาจต้องการฆ่านางหรืออาจต้องการจับตัวนาง แต่เป้าหมายสูงสุดน่าจะเหมือนกันทุกประการกับชาติที่แล้วเย่เสวียนถิงสั่งให้คนพาคนที่ดูเหมือนคู่แม่ลูกกลับจวนทันทีทว่าบรรยากาศดี ๆ ของการท่องเที่ยวในครั้งนี้ก็ถูกทำลายลงไปแล้วเย่เสวียนถิงกลัวว่าซูชิงอู่จะเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าทันทีที่นางออกมาก็ตกอยู่ในอันตรายเสียอย่างนั้นคนเหล่านั้นไม่สามารถลงมือในจวนอ๋องได้ จึงจำต้องหาวิธีอื่นเด็กน้อยอายุประมาณแปดขวบที่ถูกมัดไว้กับสตรีนางนั้นถูกนำตัวมาอยู่ตรงหน้าซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงเย่เสวียนถิงมีสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง เขาไม่โอนอ่อนใดแม้จะมีเด็กอยู่ตรงนี้“ใครส่งพวกเจ้ามา”สตรีนางนั้นตัวสั่นพลางก้มหัวแนบพื้น“หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยเพคะ ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ …”“ยังจะปากแข็งอีก!”เ
ทว่าเด็กน้อยที่ยังไม่ถูกลงโทษกลับตกใจจนถ่ายเบาราดกางเกง พลางเงยหน้าร้องไห้เสียงดังองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึง “พระชายา ท่านอ๋อง ทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ดีพ่ะย่ะค่ะ?”ซูชิงอู่ยิ้มมุมปาก “แม้เขาจะยังเด็ก แต่ก็เป็นเด็กที่สามารถฆ่าคนได้”นางรู้ว่าองค์กรที่มีอำนาจบางแห่งมักจะฝึกเด็กให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เพราะพวกเขายังเด็กและดูอ่อนแอจนทำให้คนไม่ทันระวังซูชิงอู่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะเปลี่ยนใจพวกเขาได้หรือไม่ แต่นางจะไม่ฆ่าเขาอย่างแน่นอนอย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้เย่เสวียนถิงกล่าวว่า “เขาคงจะได้รับการฝึกฝนให้ฆ่าคนมาเป็นพิเศษ ถึงสอบสวนไปก็คงไม่ได้อะไร”ดวงตาของเด็กชายดูหม่นหมองและหวาดกลัว ราวกับเขายังไม่เคยเห็นสตรีนางไหนที่น่ากลัวไปกว่าซูชิงอู่“ส่งตัวเขาให้องครักษ์เงาก็แล้วกัน”องครักษ์เงาได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นการฝึกที่มีกฎเกณฑ์และไม่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของพวกเขาเย่เสวียนถิงไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาไป “ภายภาคหน้าหากเขามีประโยชน์ก็เก็บไว้ใช้งาน แต่ถ้าไม่ก็ฆ่าทิ้งเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!”สิ้นเสียงรับคำสั่ง เด็กน้อยก็ถูกพาตัวไปทันทีซูชิงอู่พอใจกับการจัดการของเย่เสวียน
คนอื่น ๆ สะดุ้งและรีบหลบทันที ขณะนั้นก็เห็นหนอนกู่สองตัวที่รูปร่างบิดเบี้ยวคลานออกมาจากปากและจมูกของสตรีนางนั้นเย่เสวียนถิงขมวดคิ้ว พลางหยิบแก้วสองใบที่อยู่ข้าง ๆ ปาใส่หนอนกู่ทั้งสองตัวจนตาย“ทูลท่านอ๋อง ตะ...ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัวพวกเขาไม่เคยเห็นอะไรที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ สำหรับพวกเขาแล้ว หนอนกู่เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในตำนานเรื่องเล่าเท่านั้นมีเพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้นที่ใช้สิ่งนี้เป็น ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่าผู้ที่เรียนรู้การใช้พิษทุกชนิด!เย่เสวียนถิงยืนขึ้นพลางจ้องมองสตรีนางนั้นด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง เขาเห็นนิ้วของนางชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “ไปค้นหาที่ร้านน้ำชาฝั่งตรงข้าม!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ไม่ไกลจากจวนอ๋องมีโรงน้ำชาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่นาน องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดได้ส่งข้อมูลที่ตรวจสอบกลับมา“ท่านอ๋อง มีชายชราคนหนึ่งเคยอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนั้น แต่เขาออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิงรู้อยู่แล้วว่าคนผู้นั้นคือใครราชครูตัวจริงที่เสียแขนไปหนึ่งข้าง!เขาคงจะรู้ข่าวที่พี่น้องของตัว