นี่มันเหมือนน้ำใจตรงไหนกัน?สตรีนางนั้นรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง พลางคิดว่าหากเข้าไปในจวนอ๋องก็คงจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก...ใครจะไปสนใจว่าสตรีเช่นนางจะออกจากจวนอ๋องมาเมื่อไหร่ แม้จะไม่ได้ออกมาแต่ก็ไม่มีใครรู้และคงไม่มีใครช่วยพูดขอร้องแทนนางกับลูกการเข้าไปในจวนอ๋องเปรียบเหมือนเข้าไปในทางตัน สู้ตายยังดีกว่าเสียด้วยซ้ำ“ไม่ ไม่ ไม่ หม่อมฉันไม่เคยกล้าคิดเช่นนั้น เพียงแค่ไม่อยากรบกวนเพคะ…”“ในเมื่อลูกของเจ้าเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นหรือไม่ แต่เจ้ากลับคิดแค่ว่าจะรบกวนพระชายาไหมน่ะรึ? เจ้าช่างเป็นแม่ที่แย่เสียจริง”คราวนี้ผู้เห็นเหตุการณ์โดยรอบต่างมองสตรีนางนั้นด้วยสายตาดูถูกยิ่งกว่าเดิมนางชี้นำความเห็นของผู้คนรอบข้างได้ ซูชิงอู่ก็จะทำเช่นเดียวกันและจะทำให้ไร้ปรานียิ่งกว่านางยกมือห้ามองครักษ์ไม่ให้ทำอะไรต่อพลางพูดอย่างอ่อนโยนกับสตรีนางนั้น “หากเจ้ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกเจ้า เจ้าก็สามารถไปในจวนกับเขาได้ ใช่ว่าจวนอ๋องเสวียนของข้าจะไม่สามารถรับรองคนสองคนได้”สตรีนางนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่เข้าไปดีกว่า…”ซูชิงอู่ขมวดคิ้ว “ได้อย่างไรก
ซูชิงอู่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่หลังจากที่นางตั้งครรภ์ จำนวนคนที่มาลอบสังหารนางก็เพิ่มมากขึ้นลูกในครรภ์ของนางมีอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายกลัวหรือ?เบาะแสในมือของนางมีน้อยเกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้ก็คือคนที่โจมตีนางต้องมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่คนเหล่านั้นอาจต้องการฆ่านางหรืออาจต้องการจับตัวนาง แต่เป้าหมายสูงสุดน่าจะเหมือนกันทุกประการกับชาติที่แล้วเย่เสวียนถิงสั่งให้คนพาคนที่ดูเหมือนคู่แม่ลูกกลับจวนทันทีทว่าบรรยากาศดี ๆ ของการท่องเที่ยวในครั้งนี้ก็ถูกทำลายลงไปแล้วเย่เสวียนถิงกลัวว่าซูชิงอู่จะเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าทันทีที่นางออกมาก็ตกอยู่ในอันตรายเสียอย่างนั้นคนเหล่านั้นไม่สามารถลงมือในจวนอ๋องได้ จึงจำต้องหาวิธีอื่นเด็กน้อยอายุประมาณแปดขวบที่ถูกมัดไว้กับสตรีนางนั้นถูกนำตัวมาอยู่ตรงหน้าซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงเย่เสวียนถิงมีสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง เขาไม่โอนอ่อนใดแม้จะมีเด็กอยู่ตรงนี้“ใครส่งพวกเจ้ามา”สตรีนางนั้นตัวสั่นพลางก้มหัวแนบพื้น“หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยเพคะ ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ …”“ยังจะปากแข็งอีก!”เ
ทว่าเด็กน้อยที่ยังไม่ถูกลงโทษกลับตกใจจนถ่ายเบาราดกางเกง พลางเงยหน้าร้องไห้เสียงดังองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึง “พระชายา ท่านอ๋อง ทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ดีพ่ะย่ะค่ะ?”ซูชิงอู่ยิ้มมุมปาก “แม้เขาจะยังเด็ก แต่ก็เป็นเด็กที่สามารถฆ่าคนได้”นางรู้ว่าองค์กรที่มีอำนาจบางแห่งมักจะฝึกเด็กให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เพราะพวกเขายังเด็กและดูอ่อนแอจนทำให้คนไม่ทันระวังซูชิงอู่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะเปลี่ยนใจพวกเขาได้หรือไม่ แต่นางจะไม่ฆ่าเขาอย่างแน่นอนอย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้เย่เสวียนถิงกล่าวว่า “เขาคงจะได้รับการฝึกฝนให้ฆ่าคนมาเป็นพิเศษ ถึงสอบสวนไปก็คงไม่ได้อะไร”ดวงตาของเด็กชายดูหม่นหมองและหวาดกลัว ราวกับเขายังไม่เคยเห็นสตรีนางไหนที่น่ากลัวไปกว่าซูชิงอู่“ส่งตัวเขาให้องครักษ์เงาก็แล้วกัน”องครักษ์เงาได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นการฝึกที่มีกฎเกณฑ์และไม่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของพวกเขาเย่เสวียนถิงไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาไป “ภายภาคหน้าหากเขามีประโยชน์ก็เก็บไว้ใช้งาน แต่ถ้าไม่ก็ฆ่าทิ้งเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!”สิ้นเสียงรับคำสั่ง เด็กน้อยก็ถูกพาตัวไปทันทีซูชิงอู่พอใจกับการจัดการของเย่เสวียน
คนอื่น ๆ สะดุ้งและรีบหลบทันที ขณะนั้นก็เห็นหนอนกู่สองตัวที่รูปร่างบิดเบี้ยวคลานออกมาจากปากและจมูกของสตรีนางนั้นเย่เสวียนถิงขมวดคิ้ว พลางหยิบแก้วสองใบที่อยู่ข้าง ๆ ปาใส่หนอนกู่ทั้งสองตัวจนตาย“ทูลท่านอ๋อง ตะ...ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัวพวกเขาไม่เคยเห็นอะไรที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ สำหรับพวกเขาแล้ว หนอนกู่เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในตำนานเรื่องเล่าเท่านั้นมีเพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้นที่ใช้สิ่งนี้เป็น ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่าผู้ที่เรียนรู้การใช้พิษทุกชนิด!เย่เสวียนถิงยืนขึ้นพลางจ้องมองสตรีนางนั้นด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง เขาเห็นนิ้วของนางชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “ไปค้นหาที่ร้านน้ำชาฝั่งตรงข้าม!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ไม่ไกลจากจวนอ๋องมีโรงน้ำชาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่นาน องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดได้ส่งข้อมูลที่ตรวจสอบกลับมา“ท่านอ๋อง มีชายชราคนหนึ่งเคยอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนั้น แต่เขาออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิงรู้อยู่แล้วว่าคนผู้นั้นคือใครราชครูตัวจริงที่เสียแขนไปหนึ่งข้าง!เขาคงจะรู้ข่าวที่พี่น้องของตัว
ในฐานะองค์รัชทายาทอย่างเย่ชิวหมิง เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาแม้ฮองเฮาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่เรื่องต่าง ๆ ที่นางเคยก่อเป็นเพียงความอิจฉาของสตรีในวังหลัง ซึ่งไม่อาจทำให้ตระกูลมู่หรงควบคุมฮ่องเต้ได้ตระกูลมู่หรงทุ่มเทเพื่อแคว้นหนานเย่มาหลายปี แม้จะไม่ได้รางวัลใดใดแต่พวกก็ทำงานหนักอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้จะทรงถอนรากถอนโคนตระกูลใหญ่เช่นนี้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียวจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาและลงมือจัดการทีละน้อยเย่ชิวหมิงโบกมือ “ให้เขาเข้ามา”ทันทีที่มหาราชครูมู่หรงเข้ามา เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังกึกก้องหลังมือของเขาวางบนพื้นและหน้าผากของเขาวางบนฝ่ามือทำความเคารพเย่ชิวหมิงอย่างใหญ่โต“องค์รัชทายาท กระหม่อมมาเพื่อขอประทานอภัยโทษพ่ะย่ะค่ะ!”แม้เย่ชิวหมิงจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็เข้าใจเหตุผลที่ราชครูมู่หรงทำเช่นนี้ตอนนี้ตระกูลมู่หรงกำลังตกต่ำ คงบ้าบิ่นเกินไปหากเขายังต่อต้านตนอีกมีคำพูดที่ว่าคนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่จะแสดงความสามารถของตน สิ่งแรกที่เขาจะทำคือโจมตีตระกูลมู่หรง เย่ชิวหมิงได้เตรียมการไว้หลายสิ่งสำหรับเรื่องนี้“โอ้? ท่าน
มหาราชครูมู่หรงยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเงียบ ๆแต่สายตาที่มองต่ำนั้นกลับมีแต่ความเศร้าหมองดวงตาของเย่ชิวหมิงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าตนมีคนในมือที่ใช้งานได้น้อยเหลือเกินหากผู้บัญชาการที่มหาราชครูมู่หรงกล่าวถึงต้องการก่อกบฏและสร้างความวุ่นวายที่ชายแดนจริง ๆ เขาก็อาจจะไม่สามารถระดมพลคนของตัวเองได้ด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นประจำการอยู่ที่ชายแดนมานานหลายปีและมีทหารของตัวเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะหาใครมาแทนที่ผู้บังคับบัญชาผู้นี้การฆ่าพวกเขาเลยอาจก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย บางทีหลังจากที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคนผู้นั้นสูญเสียการควบคุม พวกเขาก็อาจจะฆ่าคนที่ชายแดน ทำการเปลี่ยนพื้นที่ตรงนั้นให้เป็นรังโจรและตั้งตนเป็นใหญ่!ทหารกบฎนั้นน่ากลัวกว่าโจรเป็นไหน ๆ เย่ชิวหมิงกำหมัดแน่นระงับความโกรธเขาแทบอดไม่ไหวที่จะทุบเนื้อร้ายในแคว้นหนานเย่นี้ให้สิ้นซากไปซะ!“ดี ขอข้าครุ่นคิดเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง ส่วนเรื่องที่เจ้าแจ้งว่าอ๋องเสวียนส่งกองทหารไปตรวจค้นตามจวนขุนนาง ข้าเป็นคนสั่งให้เขาทำเอง จุดประสงค์เพื่อตามหาผู้ร้ายเลวทรามผู้หนึ่ง หากคนเช่นนี้ซ่
เย่เสวียนถิงเลิกคิ้วเล็กน้อย พลางคิดว่าคำแนะนำของซูชิงอู่ก็ถือว่าไม่เลวเขายกยิ้มริมฝีปากบางเล็กน้อย “ได้ เช่นนี้ข้าจะได้ปกป้องเจ้าได้ดียิ่งขึ้น”ซูชิงอู่ส่ายหัว “ข้าไม่ต้องการการปกป้องจากท่านอ๋อง แต่ข้าจะยืนเคียงข้างท่าน ไม่ว่าภายภาคหน้าเราจะเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวงกว่าและมากขึ้นเพียงใด แต่ข้าก็จะเผชิญหน้ามันร่วมกันกับท่านแทนที่จะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ทั้งยังคอยช่วยปกป้องท่านได้”เย่เสวียนถิงค่อย ๆ หลุบตาลง “หากข้าอยากปกป้องคุ้มครองเจ้าบ้างเล่า?”ร่างกายของซูชิงอู่ดูเหมือนจะอ่อนยวบไปทั้งตัว จากนั้นนางก็พิงในอ้อมแขนของเขาโดยไม่ลังเลใจ“เช่นนั้นข้า...ก็คงทำได้แค่พึ่งพิงท่านแล้วละ...”เย่เสวียนถิงอดหัวเราะไม่ได้เขายกมือบีบปลายจมูกเนียนใสของนางซูชิงอู่รู้สึกจั๊กจี้และหัวเราะคิกคัก จากนั้นใบหน้าของนางก็เหี่ยวย่นเป็นซาลาเปาทันที“ท้องข้า…”คิ้วที่กำลังโค้งขึ้นด้วยความความสุขของเย่เสวียนถิงขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้นมา “เป็นอะไรไป?”ซูชิงอู่ลูบท้องน้อยของตัวเอง “ท้องข้า เมื่อครู่ข้าหัวเราะมากไปหน่อย เด็กน้อยก็เลยเตะข้า…”ท่าทางของเย่เสวียนถิงเปลี่ยนเป็
“ข้าให้ท่าน”เย่เสวียนถิงรู้สึกว่าค่อย ๆ มีบางสิ่งถูกส่งเข้ามาอยู่ในมือ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยซูชิงอู่ยิ้มและพูดว่า “ใช้เพียงแค่นิดเดียว ทุกคนในจวนมหาราชครูก็จะนั่งไม่ติด”เมื่อนางกระซิบบอกเขาที่ข้างหูเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยานี้ ท่าทางของเย่เสวียนถิงก็ดูแปลกไปเล็กน้อยเขาหลุบตาลงและพยักหน้า “ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”เช้าวันรุ่งมีเรื่องเกิดขึ้นในจวนมหาราชครูมหาราชครูมู่หรงวิ่งเข้าห้องน้ำนับครั้งไม่ถ้วนตลอดคืนจนเกือบจะเป็นลมล้มไปไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น แต่ทุกคนในจวนก็เป็นเช่นนี้ จนห้องน้ำสำหรับคนรับใช้เต็มหมด ไม่ต้องพูดถึงกลิ่นเหม็นที่อบอวลไปทั่วจวนมหาราชครู คนรับใช้ทุกคนต่างก็นอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับตัวได้แม้จะยังไม่สิ้นลม แต่เขาก็หายใจรวยรินและไม่มีแรงจะลุกขึ้นจากพื้นเลยใบหน้าของมหาราชครูมู่หรงซีดเซียว ขณะที่เขากุมท้องก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมาด้วย “ใครก็ได้มาหน่อย!”องครักษ์หนุ่มเดินเข้ามาจากข้างนอกอย่างไม่เต็มใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะชักช้า “ขอรับท่านใต้เท้า…”“หมอหลวงมารึยัง?”“เรียนท่านใต้เท้า กระผมส่งคนไปเรียกแล้ว อีกไม่นาน…ไม่นานก็ถึงขอรับ...”โชคดีที่ทันทีที