มหาราชครูมู่หรงยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเงียบ ๆแต่สายตาที่มองต่ำนั้นกลับมีแต่ความเศร้าหมองดวงตาของเย่ชิวหมิงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าตนมีคนในมือที่ใช้งานได้น้อยเหลือเกินหากผู้บัญชาการที่มหาราชครูมู่หรงกล่าวถึงต้องการก่อกบฏและสร้างความวุ่นวายที่ชายแดนจริง ๆ เขาก็อาจจะไม่สามารถระดมพลคนของตัวเองได้ด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นประจำการอยู่ที่ชายแดนมานานหลายปีและมีทหารของตัวเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะหาใครมาแทนที่ผู้บังคับบัญชาผู้นี้การฆ่าพวกเขาเลยอาจก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย บางทีหลังจากที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคนผู้นั้นสูญเสียการควบคุม พวกเขาก็อาจจะฆ่าคนที่ชายแดน ทำการเปลี่ยนพื้นที่ตรงนั้นให้เป็นรังโจรและตั้งตนเป็นใหญ่!ทหารกบฎนั้นน่ากลัวกว่าโจรเป็นไหน ๆ เย่ชิวหมิงกำหมัดแน่นระงับความโกรธเขาแทบอดไม่ไหวที่จะทุบเนื้อร้ายในแคว้นหนานเย่นี้ให้สิ้นซากไปซะ!“ดี ขอข้าครุ่นคิดเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง ส่วนเรื่องที่เจ้าแจ้งว่าอ๋องเสวียนส่งกองทหารไปตรวจค้นตามจวนขุนนาง ข้าเป็นคนสั่งให้เขาทำเอง จุดประสงค์เพื่อตามหาผู้ร้ายเลวทรามผู้หนึ่ง หากคนเช่นนี้ซ่
เย่เสวียนถิงเลิกคิ้วเล็กน้อย พลางคิดว่าคำแนะนำของซูชิงอู่ก็ถือว่าไม่เลวเขายกยิ้มริมฝีปากบางเล็กน้อย “ได้ เช่นนี้ข้าจะได้ปกป้องเจ้าได้ดียิ่งขึ้น”ซูชิงอู่ส่ายหัว “ข้าไม่ต้องการการปกป้องจากท่านอ๋อง แต่ข้าจะยืนเคียงข้างท่าน ไม่ว่าภายภาคหน้าเราจะเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวงกว่าและมากขึ้นเพียงใด แต่ข้าก็จะเผชิญหน้ามันร่วมกันกับท่านแทนที่จะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ทั้งยังคอยช่วยปกป้องท่านได้”เย่เสวียนถิงค่อย ๆ หลุบตาลง “หากข้าอยากปกป้องคุ้มครองเจ้าบ้างเล่า?”ร่างกายของซูชิงอู่ดูเหมือนจะอ่อนยวบไปทั้งตัว จากนั้นนางก็พิงในอ้อมแขนของเขาโดยไม่ลังเลใจ“เช่นนั้นข้า...ก็คงทำได้แค่พึ่งพิงท่านแล้วละ...”เย่เสวียนถิงอดหัวเราะไม่ได้เขายกมือบีบปลายจมูกเนียนใสของนางซูชิงอู่รู้สึกจั๊กจี้และหัวเราะคิกคัก จากนั้นใบหน้าของนางก็เหี่ยวย่นเป็นซาลาเปาทันที“ท้องข้า…”คิ้วที่กำลังโค้งขึ้นด้วยความความสุขของเย่เสวียนถิงขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้นมา “เป็นอะไรไป?”ซูชิงอู่ลูบท้องน้อยของตัวเอง “ท้องข้า เมื่อครู่ข้าหัวเราะมากไปหน่อย เด็กน้อยก็เลยเตะข้า…”ท่าทางของเย่เสวียนถิงเปลี่ยนเป็
“ข้าให้ท่าน”เย่เสวียนถิงรู้สึกว่าค่อย ๆ มีบางสิ่งถูกส่งเข้ามาอยู่ในมือ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยซูชิงอู่ยิ้มและพูดว่า “ใช้เพียงแค่นิดเดียว ทุกคนในจวนมหาราชครูก็จะนั่งไม่ติด”เมื่อนางกระซิบบอกเขาที่ข้างหูเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยานี้ ท่าทางของเย่เสวียนถิงก็ดูแปลกไปเล็กน้อยเขาหลุบตาลงและพยักหน้า “ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”เช้าวันรุ่งมีเรื่องเกิดขึ้นในจวนมหาราชครูมหาราชครูมู่หรงวิ่งเข้าห้องน้ำนับครั้งไม่ถ้วนตลอดคืนจนเกือบจะเป็นลมล้มไปไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น แต่ทุกคนในจวนก็เป็นเช่นนี้ จนห้องน้ำสำหรับคนรับใช้เต็มหมด ไม่ต้องพูดถึงกลิ่นเหม็นที่อบอวลไปทั่วจวนมหาราชครู คนรับใช้ทุกคนต่างก็นอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับตัวได้แม้จะยังไม่สิ้นลม แต่เขาก็หายใจรวยรินและไม่มีแรงจะลุกขึ้นจากพื้นเลยใบหน้าของมหาราชครูมู่หรงซีดเซียว ขณะที่เขากุมท้องก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมาด้วย “ใครก็ได้มาหน่อย!”องครักษ์หนุ่มเดินเข้ามาจากข้างนอกอย่างไม่เต็มใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะชักช้า “ขอรับท่านใต้เท้า…”“หมอหลวงมารึยัง?”“เรียนท่านใต้เท้า กระผมส่งคนไปเรียกแล้ว อีกไม่นาน…ไม่นานก็ถึงขอรับ...”โชคดีที่ทันทีที
ราชครูเกือบจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นสภาพของมหาราชครูมู่หรงตอนนี้มหาราชครูมู่หรงผ่ายผอมจนแทบจะไม่เหมือนคนเท้าของเขาสั่นขณะเดินโดยใช้ไม้เท้า และสีหน้าของเขาไม่สู้ดีอย่างมาก“ท่านราชครู ข้าใกล้จะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ไม่รู้ว่าที่จวนมหาราชครูแห่งนี้มีปัญหาตรงไหน ทุกคนถึงได้เกิดอาการท้องร่วงทันทีที่มาถึงจวน สองวันนี้มานี้พวกคนรับใช้ก็ทยอยหนีกันไปหลายคนแล้ว…”เพราะราชครูซ่อนตัวอยู่ในห้องมืด เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรหลังจากได้ยินมหาราชครูมู่หรงบอกเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “วิธีเดียวที่จะทำให้ดีขึ้นคือต้องออกจากจวนหรือ?”“ใช่…”ในช่วงหลายวันมานี้มหาราชครูมู่หรงใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวราวกับถูกสาปเนื่องจากไม่พบสาเหตุและอาการท้องร่วงที่เป็นบ่อย ๆ ก็ยังไม่ได้ทำให้ใครเสียชีวิต มหาราชครูมู่หรงจึงไม่ได้กระจายข่าวใหญ่โตออกไปแต่จะปล่อยให้เป็นปัญหาต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถือว่าเป็นโรค หากไม่รักษาให้ดีก็อาจทำให้คนตายได้เมื่อเห็นคนในจวนหนีกันไปถึงครึ่ง เหลือเพียงไม่กี่คนที่จำต้องอยู่เพราะถูกซื้อมาเป็น
มหาราชครูมู่หรงไม่เคยหวาดหวั่นถึงเพียงนี้มาก่อน แม้แต่ขาของเขาก็ยังอ่อนแรงเพราะความกลัวเย่เสวียนถิงหรี่ตาลง มองไปยังรถม้าที่มีทหารคุ้มกันเพียงไม่กี่คนพลางพูดอย่างเย็นชา “ท่านมหาราชครูมู่หรง ลงมาจากรถเถิด”มหาราชครูมู่หรงที่อยู่ข้างในแสร้งไอขึ้นมาทันที เสียงของเขาแหบแห้งและอ่อนแรง “ท่านอ๋องเสวียน กระหม่อมป่วยเป็นโรคประหลาดจึงจะให้คนพาไปรักษา นี่ท่านทรงทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมทำอะไรผิดหรือถึงได้มาตามจับกระหม่อมกันอย่างเอิกเกริกเช่นนี้?”คนที่ชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบมหาราชครูมู่หรงถามกลับเย่เสวียนถิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่แม้แต่จะอธิบายและออกคำสั่งว่า “ไปคุมตัวมา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กลุ่มคนที่นำโดยองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดรีบเร่งไปข้างหน้าโดยแทบไม่ต้องคิดอะไรทหารอารักขาที่เหลือไม่กี่คนไม่มีทางต้านทาน จึงถูกผลักลงไปกับพื้น และมหาราชครูมู่หรงก็ถูกลากออกจากรถม้าด้วย“ท่านอ๋องเสวียนทรงคิดจะสังหารกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ ท่าน...โอ๊ย!”จู่ ๆ มหาราชครูมู่หรงก็ล้มหมดสติกะทันหันหลังจากที่เย่เสวียนถิงลงจากม้าก็จ้องมองใบหน้าของเหล่าทหารคุ้มกันและคนรับใช้เขารู้ว่าราชครูรู้วิธีปลอมตัว ซู่ช
ภายใต้ผิวหนังที่หลุดลอกออกมานั้น เผยให้เห็นใบหน้าชราของราชครูที่ดุร้ายและน่ากลัวดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตที่บิดเบี้ยว “อ๋องเสวียน รู้ตัวใช่ไหมว่าเจ้ากำลังต่อกรกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงร้อยปีมานี้ไม่มีแคว้นไหนที่ต่อกรกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วจะมีจุดจบที่สวยงาม คอยดูเถอะ ภายภาคหน้าแคว้นเย่หนานจะต้องถูกทำลายย่อยยับด้วยมือของเจ้า!”เย่เสวียนถิงเตะเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่ายจากนั้นเขาก็เหยียบราชครูอย่างถือตัวราชครูเฒ่าหายใจไม่ออกจนหน้าเริ่มแดง“เจ้าควรเสียใจที่ครั้งก่อนไม่ได้ตายคามือของข้า…”ดวงตาของราชครูเฒ่าฉายแววน่ากลัวทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาบดขยี้บางสิ่งที่ไม่รู้จัก และควันก็ได้ปะทุขึ้นเหล่ากองทหารองครักษ์ที่เห็นเพียงภาพหลอนก็ปิดปากและจมูกทันทีแต่ถึงกระนั้น บางคนก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าลงและล้มลงกับพื้นด้วยความงุนงงเมื่อเห็นคนล้มอยู่ข้างหน้า คนข้างหลังก็รีบถอยออกไปเมื่อเห็นผลลัพธ์เช่นนี้ ราชครูเฒ่าก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้า และขณะที่เขาจะขยับขาของเย่เสวียนถิงออกไปเพื่อยืนขึ้น...เขากลับขยับไม่ได้เย่เสวียนถิงยังคงเหยียบตัวเขา พลางทำสีหน้าไร้ความรู้สึกควันของเขาไม่ส่งปฏิ
ราชครูเฒ่าไม่รู้ว่าต่อไปตัวเองจะเจอกับอะไร ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเย่เสวียนถิงตอบตกลง เขาก็โล่งใจอย่างเงียบ ๆเพราะเขารู้ว่าอ๋องเสวียนรักษาคำพูดเสมอ และเมื่อใดที่เขาสัญญาก็จะทำตามนั้นอย่างแน่นอนราชครูเฒ่ายืนอยู่ในคุกใต้ดินที่มืดมน ถูกคนนำมามัดไว้กับชั้นวางด้านข้าง เขาเสียมือไปทั้งสองแล้ว บาดแผลนั่นทำให้เขาเจ็บปวดจนตัวสั่นไปหมด แต่เขาก็ยังบังคับตัวเองให้พูด“หากมีคำถามท่านก็ถามได้เลย กระหม่อมจะตอบเท่าที่รู้”เย่เสวียนถิงนั่งบนเก้าอี้ที่องครักษ์ลำดับที่สิบเจ็ดนำมาวางให้เขาพูดเนิบ ๆ “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน?”ราชครูเฒ่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “กระหม่อมเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จะรู้ความลับเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านไม่ลองไปสอบถามคนในวังที่รู้เรื่องอื้อฉาวดูล่ะพ่ะย่ะค่ะ ไม่แน่ว่าสิ่งที่กระหม่อมรู้อาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ…”เย่เสวียนถิงหลุบตาลง เขาไม่สงสัยในสิ่งที่ราชครูเฒ่าพูดภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความลึกลับมาโดยตลอด และราชวงศ์เกือบทุกแคว้นบริเวณรอบ ๆ ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องแม้ดูเหมือนว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์จะไม่สนใจเรื่องของแคว้นต่าง ๆ และหมากที่คอยเป็นหูตาเหล่
“หึ”เย่เสวียนถิงอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงอย่างเย็นชาเขาไม่เชื่อวาจาไร้สาระของราชครูเฒ่าหลายปีมานี้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการฟื้นตัว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยื่นมือไปช่วยใคร ไม่มีทางที่จะทำเพื่อประโยชน์สุขและสันติของราษฎรอย่างแน่นอนการแทรกแซงเพื่อสับเปลี่ยนอำนาจราชวงศ์นั้นเป็นเพียงความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวก็เท่านั้นราชครูเฒ่ามองเย่เสวียนถิงแล้วหัวเราะออกมา รอยยิ้มนั้นดูประจบประแจงเล็กน้อย “หากท่านอ๋องเสวียนเองก็ต้องการนั่งบนบัลลังก์ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ขอเพียงในภายภาคหน้าท่านอ๋องทรงเชื่อฟังแผนการของทางภูเขาศักดิ์สิทธิ์…”ราชครูเฒ่าถูกเตะอย่างแรงองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดพูดด้วยความโกรธ “พูดไร้สาระอะไร?”“แค่ก แค่ก แค่ก…”ราชครูเฒ่าอ้าปากค้าง แก้มของเขาแดงก่ำจากการระงับความเจ็บปวด เขากล่าวว่า “ตอนนั้นท่านอ๋องเสวียนยังเล็ก คงไม่ทราบถึงความร้ายกาจที่แท้จริงของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ในเวลานั้นฮ่องเต้เฒ่าเองก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อปลดพันธการจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”เย่เสวียนถิงหรี่ตาลงไม่พูดอะไร เพียงแค่ฟังเงียบ ๆราชครูเฒ่าหัวเราะเยาะ “ศพกองพะเนินอยู่ในเมือง