เจียวกุ้ยเฟยมั่นใจมากเมื่อนางพูดสิ่งนี้ ไม่มีร่องรอยของการโกหกใด ๆ เลยเย่ชิวหมิงขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเขาอาจเข้าใจแม่ของเขาผิดจริง ๆ บางทีซูชิงอู่อาจจะโกหกเขาก็เป็นได้เขาลุกขึ้นยืนก้มศีรษะโค้งคำนับขอโทษ "ขออภัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกคิดไม่รอบคอบและไม่ควรสงสัยท่านเลย"เจียวกุ้ยเฟยด้วยความเอื้ออารี “เรื่องนี้เจ้าอย่าคิดมาก คนอื่นนินทาลับหลัง เจ้าอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน แม่จะจัดคนมาอยู่ข้าง ๆ เจ้าใ ห้ช่วยเจ้าในฐานะรัชทายาท เจ้าคิดว่าอย่างไร?”เย่ชิวหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เสด็จแม่อย่ากังวล ไม่จำเป็นต้องลำบากท่าน ข้าเชื่อว่าจะสามารถทำงานได้ดี"เมื่อเห็นว่าเขายืนกรานไม่รับคนที่นางจัดหาให้ เจียวกุ้ยเฟยไม่ได้บังคับเขาอีกหลังจากส่งเย่ชิวหมิงออกไป สีหน้าของนางก็หม่นลงทันทีนางกำนัลข้าง ๆ เห็นสีหน้าของเจียวกุ้ยเฟย ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย "พระนาง องค์รัชทายาททรงค้นพบบางสิ่งแล้วหรือไม่?"เจียวกุ้ยเฟยกัดฟัน "ชิวหมิงหูเบา ไม่รู้ว่ามีใครพูดอะไรต่อหน้าเขา ตอนนี้สองคนนั้นก็ตายแล้ว เรื่องในอดีตถูกเก็บเงียบ ข้าก็สบายใจขึ้นมากทีเดียว..."“ท่านอุตส่าห์ส่งคนไปตามฆ่าหมอตำแยและหมอหลวงคนนั้นแล้วแท้ ๆ แต่ไ
เจียวกุ้ยเฟยสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นางต้องการฉีกกระดาษให้เป็นชิ้น ๆ อย่างประหม่าและทำลายมันให้หมด แสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นแต่พอนึกถึงวิธีที่อีกฝ่ายส่งจดหมายมา ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด ก่อนลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ตะโกนเสียงดัง "ออกมา ออกมานะ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี่ บอกข้าตรง ๆ ว่าเจ้าต้องการอะไร?"การที่ความลับของนางถูกบุคคลลึกลับนี้จับตามอง ทำให้เจียวกุ้ยเฟยรู้สึกราวกับว่านางมีมีดมาจ่อที่ลำคอของนางอีกครั้งหนังศีรษะของเจียวกุ้ยเฟยชาวาบ นางตะโกนอยู่ในห้องเหมือนคนบ้าเป็นเวลานาน แต่ไม่มีใครตอบกลับนางมาทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ……แคว้นหนานเย่ได้สถาปนารัชทายาท ฮองเฮาและไทเฮาต่างถูกคุมขังในสำนักแม่ชี ขุนนางที่นำโดยมหาราชครูมู่หรงถูกกลดอำนาจ สถานการณ์ในราชสำนักก็เปลี่ยนไปอย่างมากฮ่องเต้เฒ่าชราลงอย่างมากในทันที ช่วงนี้ฮ่องเต้ปฏิบัติราชกิจช่วงเข้าในราชสำนักน้อยลง และผู้นำของแคว้นฉีตะวันออกได้เสนอให้ทำการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ โดยยกน้องสาวของตนแต่งงานกับรัชทายาทเพื่อเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้นหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ฮ่องเต้เฒ่าก็รู้ถึงภูมิหลังของฉีเทียนหยวน ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ดีที่สุดใน
เย่เสวียนถิงหรี่ตาลงและคว้าแขนของหมออาวุโสไว้โดยไม่รู้ตัว "มีวิธีใดบ้างที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้?"หมออาวุโสสะดุ้ง "ท่านอ๋องนี่คงเป็นเรื่องยากสำหรับกระหม่อม ความเสี่ยงนี้มีอยู่แน่นอน อย่าว่าแต่สตรีข้างนอกเลย แม้แต่ในวังหลวงแต่ละปีก็มีสตรีที่เสียชีวิตจากการคลอดลูกมากมาย"ทันใดนั้น ดวงตาของเย่เสวียนถิงก็ดุดันขึ้น "อย่าพูดเรื่องเป็นเรื่องตายที่นี่!"เห็นได้ชัดว่าหมออาวุโสรู้สึกหวาดกลัวกับรัศมีของเย่เสวียนถิงจนเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเขาเขาเช็ดหน้าผากแล้วละล่ำละลักพูดอย่างรวดเร็ว "ไม่มีวิธีพิเศษใด ๆ แต่อย่างน้อยข้ามีสูตรยาพื้นบ้านอยู่บ้าง แต่ไม่แน่ว่าจะใช้ได้กับพระชายาหรือไม่ ท่านอ๋องควรหาหมอตำแยฝีมือดีสักสองคนมาก่อน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ”เย่เสวียนถิงพยักหน้า "เรื่องหมอตำแย ข้าจะจัดหาเอง"แต่ต้องคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเด็กในท้องของซูชิงอู่อาจเกิดในอีกสองเดือนข้างหน้า เขารู้สึกว่าตอนนี้เวลาไม่พอเลยจริง ๆท้องของนางดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกวัน ร่างกายของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวลำบากขึ้น นางไม่ได้ออกจากจวนมานานแล้วเขาถามหมออาวุโสอีกครั้งว่า "ข้าอยากรู้ว่ามีวิธีที่มั่นใจแน่นอนหร
เย่เสวียนถิงช่วยซูชิงอู่ออกจากประตู ขณะนี้เป็นฤดูร้อนมีลมร้อนพัดเข้ามากระทบหน้าเย่เสวียนถิงถือร่มให้นางด้วยมือของเขาเองและช่วยนางขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังศาลาทะเลสาบทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงตอนออกจากบ้าน เย่เสวียนถิงไม่ได้นำองครักษ์มาด้วยมากนัก แต่ให้สายลับคอยคุ้มกันรอบ ๆ และตรวจตราความเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันไม่ให้มีมือสังหารปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันลมเย็นพัดผ่านศาลากลางน้ำ ทำให้อากาศน่าอภิรมย์ยิ่งนักซูชิงอู่นั่งเงียบ ๆ บนแท่นหิน มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาใกล้ ๆ และมีเด็ก ๆ หลายคนเล่นอยู่ริมทะเลสาบเมื่อมองไปที่คนเหล่านั้น ดวงตาของซูชิงอู่ก็อ่อนลง นางจินตนาการว่าในอนาคตเด็กในท้องของนางจะเป็นเหมือนเด็กเหล่านั้นหรือไม่ชีวิตครั้งก่อน นางตั้งท้องพวกเขามานานแล้ว แต่นางไม่ได้เห็นว่าพวกเขาเกิดมาอย่างราบรื่นซึ่งถือเป็นความอยุติธรรมสำหรับพวกเขาตอนนี้นางได้กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้งพร้อมพวกเขา นางจะต้องชดเชยให้พวกเขาอย่างดีเย่เสวียนถิงเก็บดอกไม้ริมทะเลสาบให้กับซูชิงอู่จากนั้นมืออันคล่องแคล่วของซูชิงอู่ก็ถักมันให้เป็นมงกุฎดอกไม้และสวมลงบนศีรษะของเขาซูชิงอู่มองไปที่รูปลักษณ์ปัจจุ
ซูชิงอู่หรี่ตาลงและก้าวไปข้างหน้าทันทีเมื่อเห็นฉากนี้เย่เสวียนถิงก็จับมือนางไว้ทันที“อาอู่ การระวังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เราอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นดีกว่า”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูชิงอู่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้นางกำลังท้อง หากเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริงแล้วนางเห็นเด็กคนหนึ่งตายต่อหน้าต่อตา นางจะรู้สึกไม่สบายใจแน่จุดประสงค์ของซูชิงอู่ในการมีชีวิตใหม่ คือการที่นางจะไม่ทำอะไรที่จะทำให้นางเสียใจอีกครั้งยิ่งกว่านั้นเพียงเด็กคนเดียว นางไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายนางได้"ไม่เป็นไร ข้ามั่นใจ"เสียงของซูชิงอู่สงบ แต่ในสายตามีความเข้มแข็งแวววับนางหยิบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อปกป้องตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเย่เสวียนถิงพูดถูก ต้องระวังตนเอาไว้ให้มากในขณะที่ช่วยเหลือผู้อื่น ความปลอดภัยของตัวเองก็สำคัญมากเช่นกันเย่เสวียนถิงโบกมือและองครักษ์ทั้งสองก็เดินเข้าไปคว้าเด็กจากอ้อมแขนของสตรีนางนั้นทันทีสตรีนางนั้นสะดุ้ง ตกใจจนร้องไห้ไม่ออก "เจ้าจะทำอะไร จะขโมยลูกของข้า พวกเจ้าเป็นใคร?!"“ถ้าอยากช่วยลูกของเจ้า ก็หุบปา
ซูชิงอู่ยกนิ้วขึ้นและดีดเข็มเงินระหว่างนิ้วของเด็กคนนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางลูบศีรษะเขา"ซนจริง ๆ"ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้าง เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาซึ่งงดงามราวกับนางฟ้าในภาพวาดจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้เขายังคิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธและตบเขาหรือไม่ก็ฆ่าเขาเสียอีกเขายังคิดว่าคนที่รอบข้างนางคงอยากจะบีบคอเขาให้ตายแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยซูชิงอู่คว้าข้อมือของเย่เสวียนถิงไว้ด้วยมืออีกข้างของนางแล้วส่ายหัวเบา ๆ จากนั้นนางก็ยังคงรักษาใบหน้าอ่อนโยนของนางไว้ และเก็บเข็มเงินนั้นออกไป“ร่างกายของเจ้ายังอ่อนแอมาก ข้าชอบช่วยคนจนถึงที่สุด เช่นนั้นเจ้าก็ตามข้ากลับไปด้วยกันเถอะ”ทันทีที่นางพูดจบ ผู้หญิงอีกคนที่อยู่ตรงข้ามก็วิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา คุกเข่าลงต่อหน้าซูชิงอู่ "ลูกของข้าโง่เขลาและซุกซน โปรดปล่อยลูกของข้าไปเถอะ!"ซูชิงอู่ตกตะลึงและมองไปที่สตรีนางนั้นด้วยความไม่เข้าใจ“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? เหตุใดข้าถึงต้องปล่อยเขาไปด้วย? เมื่อครู่เขากำลังจะตาย ข้าเพิ่งทำให้เขาฟื้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ?”นางลดสายตาลง ดวงตาเต็มไปด้วยความคับข
นี่มันเหมือนน้ำใจตรงไหนกัน?สตรีนางนั้นรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง พลางคิดว่าหากเข้าไปในจวนอ๋องก็คงจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก...ใครจะไปสนใจว่าสตรีเช่นนางจะออกจากจวนอ๋องมาเมื่อไหร่ แม้จะไม่ได้ออกมาแต่ก็ไม่มีใครรู้และคงไม่มีใครช่วยพูดขอร้องแทนนางกับลูกการเข้าไปในจวนอ๋องเปรียบเหมือนเข้าไปในทางตัน สู้ตายยังดีกว่าเสียด้วยซ้ำ“ไม่ ไม่ ไม่ หม่อมฉันไม่เคยกล้าคิดเช่นนั้น เพียงแค่ไม่อยากรบกวนเพคะ…”“ในเมื่อลูกของเจ้าเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นหรือไม่ แต่เจ้ากลับคิดแค่ว่าจะรบกวนพระชายาไหมน่ะรึ? เจ้าช่างเป็นแม่ที่แย่เสียจริง”คราวนี้ผู้เห็นเหตุการณ์โดยรอบต่างมองสตรีนางนั้นด้วยสายตาดูถูกยิ่งกว่าเดิมนางชี้นำความเห็นของผู้คนรอบข้างได้ ซูชิงอู่ก็จะทำเช่นเดียวกันและจะทำให้ไร้ปรานียิ่งกว่านางยกมือห้ามองครักษ์ไม่ให้ทำอะไรต่อพลางพูดอย่างอ่อนโยนกับสตรีนางนั้น “หากเจ้ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกเจ้า เจ้าก็สามารถไปในจวนกับเขาได้ ใช่ว่าจวนอ๋องเสวียนของข้าจะไม่สามารถรับรองคนสองคนได้”สตรีนางนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่เข้าไปดีกว่า…”ซูชิงอู่ขมวดคิ้ว “ได้อย่างไรก
ซูชิงอู่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่หลังจากที่นางตั้งครรภ์ จำนวนคนที่มาลอบสังหารนางก็เพิ่มมากขึ้นลูกในครรภ์ของนางมีอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายกลัวหรือ?เบาะแสในมือของนางมีน้อยเกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้ก็คือคนที่โจมตีนางต้องมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่คนเหล่านั้นอาจต้องการฆ่านางหรืออาจต้องการจับตัวนาง แต่เป้าหมายสูงสุดน่าจะเหมือนกันทุกประการกับชาติที่แล้วเย่เสวียนถิงสั่งให้คนพาคนที่ดูเหมือนคู่แม่ลูกกลับจวนทันทีทว่าบรรยากาศดี ๆ ของการท่องเที่ยวในครั้งนี้ก็ถูกทำลายลงไปแล้วเย่เสวียนถิงกลัวว่าซูชิงอู่จะเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าทันทีที่นางออกมาก็ตกอยู่ในอันตรายเสียอย่างนั้นคนเหล่านั้นไม่สามารถลงมือในจวนอ๋องได้ จึงจำต้องหาวิธีอื่นเด็กน้อยอายุประมาณแปดขวบที่ถูกมัดไว้กับสตรีนางนั้นถูกนำตัวมาอยู่ตรงหน้าซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงเย่เสวียนถิงมีสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง เขาไม่โอนอ่อนใดแม้จะมีเด็กอยู่ตรงนี้“ใครส่งพวกเจ้ามา”สตรีนางนั้นตัวสั่นพลางก้มหัวแนบพื้น“หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยเพคะ ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ …”“ยังจะปากแข็งอีก!”เ