หมอหลวงซุนได้ศึกษามาจากซูชิงอู่มาก่อนและตอนนี้เขาก็เริ่มมีความเชี่ยวชาญบ้างแล้วเขาอยู่หน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ด้วยความมั่นใจ เปิดขวดยานั้นแล้วเทลงในมือเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจสีหน้าดูแปลก ๆฮ่องเต้เฒ่าเห็นท่าทางของเขาแล้วจึงถามว่า “เป็นอย่างไรบ้างยานี้มีผลหรือไม่?”หมอหลวงซุนประสานมือคารวะมีเหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผากเขากระซิบ"กราบทูลฝ่าบาท ส่วนผสมของยาเม็ดนี้ซับซ้อนเกินไปและเป็นการยากสำหรับกระหม่อมที่จะแยกแยะพวกมันได้ด้วยตาเปล่าพ่ะย่ะค่ะ"อย่างไรยานี้เขาก็ไม่ใช่ผู้ปรุง เขาเป็นเพียงหมอธรรมดาไม่ใช่เซียน...หากเป็นเพียงยาธรรมดาก็ดี เขาแค่ต้องรู้ถึงสีรสชาติและกลิ่นของมันก็จะสามารถเปรียบเทียบแยกแยะชนิดของยาได้อย่างง่ายดายแต่ว่ายาที่ถูกบดจนเป็นผงและผสมรวมกันเช่นนี้ลิ้นของเขาไม่สามารถชิมเพื่อแยกแยะได้...เมื่อฮ่องเต้เฒ่าได้ยินสิ่งนี้ก็ไม่ได้ตำหนิเขา“ในเมื่อมองเพียงครั้งเดียวไม่สามารถระบุได้ เหตุใดไม่ลองหาคนมาลองใช้ผลของยานี้เล่า”ฮ่องเต้เฒ่าถามหมอหลวงที่นำยานี้ออกมาว่า "ยานี้หลังจากกินแล้ว ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะออกฤทธิ์?"“กราบทูลฝ่า
หลังจากตกใจกลัว หมอตำแยก็สงบลงและพูดต่อ "เมื่อกุ้ยเฟยไม่สามารถมีลูกได้ พระนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อปกปิดความจริง องค์ชายใหญ่แท้จริงแล้วเป็นทารกที่ถูกทอดทิ้ง หม่อมฉันพามาจากนอกวัง ไม่ใช่บุตรของพระนางกับฝ่าบาท...”ฮ่องเต้ฟังคำพูดของทั้งสองที่มีเหตุผลและมีหลักฐาน ก็เริ่มเชื่อขึ้นมาเขาหันไปมองเจียวกุ้ยเฟย เสียงต่ำลงมาก“กุ้ยเฟย เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?”“เหลวไหลสิ้นดี ทั้งสองคนนี้พูดจาไร้สาระเพียงต้องการทำให้สายเลือดราชวงศ์แปดเปื้อน ช่างน่ารังเกียจนัก!”เจียวกุ้ยเฟยกัดฟัน โกรธแค้นสุนัขทั้งสองที่ว่าร้ายนางน่าเสียดายที่คำตอบของนางไม่เป็นที่พอใจของฮ่องเต้ และไม่สามารถล้างข้อสงสัยได้เจียวกุ้ยเฟยลุกขึ้นคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ด้วยความร้อนใจ น้ำตาคลอ ยกมือสาบานต่อสวรรค์“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยทำเรื่องเช่นที่ว่ามาก่อน หากองค์ชายใหญ่ไม่ใช่โอรสของฝ่าบาท หม่อมฉันเต็มใจรับโทษจากสวรรค์ ยอมถูกฟ้าผ่าจนตายอย่างอนาถ!”นางยกมือขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา เสียงสั่นเครือฮ่องเต้เฒ่าหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องเข้าไปในดวงตาของเจียวกุ้ยเฟยแล้วพูดว่า "แต่สิ่งที่หมอหลวงและหมอตำแยพูดมา ข้าไม่สามารถแสร้งทำเป็น
ฮองเฮายืนขึ้นและพูดว่า "หากต้องการรู้ว่าองค์ชายใหญ่เป็นลูกของฝ่าบาทจริงหรือไม่ก็ง่ายมาก หม่อมฉันได้ยินว่ามีวิธีตรวจสอบด้วยการหยดเลือด ญาติที่มีสายเลือดเดียวกันจะมีเลือดผสมกัน ไม่ทราบว่าองค์ชายใหญ่กล้าทดลองหรือไม่?”เย่ชิวหมิงขมวดคิ้วเขาไม่คิดว่าแม่ของตนจะเล่นกลหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรในเรื่องนี้เจียวกุ้ยเฟยก็ไม่โง่เช่นกัน นางรู้ว่าเรื่องใดควรทำและเรื่องใดไม่ควรทำนี่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งตระกูลเจียวในฐานะฮ่องเต้ ฮ่องเต้เฒ่าย่อมเคยได้ยินวิธีนี้อย่างแน่นอนเจียวกุ้ยเฟยกัดฟันแล้วพูดว่า "เหตุใดจะไม่กล้า?"ฮองเฮายิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ดี เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจียวกุ้ยเฟย ใครก็ได้ ไปเตรียมสิ่งของต่าง ๆ มา"ทันใดนั้นซูชิงอู่ก็หัวเราะเบา ๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยการเย้ยหยันวิธีเก่า ๆ นี้ยังถูกฮองเฮานำมาใช้หลอกลวงผู้คนได้ ช่างน่าสนใจจริง ๆทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามออกไปว่า “นอกเหนือจากนี้ ฮองเฮายังมีหลักฐานอื่นอีกหรือไม่?”ฮองเฮามองดูซูชิงอู่ ดวงตาเผยอันตรายหากซูเฟยและกลุ่มของนางไม่เกี่ยวข้อง เย่ชิวหมิงคงจะล้มเหลวในการพยายามลอบสังหารครั้งก่อนเป็นเพ
ซูชิงอู่เหลือบมองนางสนมผู้อ่อนโยนและสงบเสงี่ยม ปกติไม่สนิทสนมกับใคร มักจะอยู่ในตำหนักเพื่อเลี้ยงลูกของนางเท่านั้นเสียนเฟยยังเด็กมาก อายุเพียงยี่สิบปีเศษ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ มีลักษณะสะอาดและเยือกเย็นแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางจะไม่ได้โดดเด่นนัก แต่ก็มีกลิ่นอายของหญิงสาวที่น่ารักเมื่อประกอบกับอายุที่ยังน้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่ฮ่องเต้จะเก็บไว้ข้างกายมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์ชายแปดมีสถานะต่ำต้อย หลังคลอดก็ส่งให้นางกำนัลอาวุโสในวังเลี้ยงดู ไม่ได้ออกจากตำหนัก องค์ชายอายุสี่ถึงห้าปีคนนี้ก็มีสติปัญญาสูงกว่าคนอื่น ๆทุกคนกลั้นลมหายใจ จ้องมองไปที่หยดเลือดที่หยดลงในน้ำอย่างเงียบๆฮ่องเต้เฒ่าไม่ยอมขยับ ก้มมองอยู่ข้าง ๆ ไม่กะพริบตา กลัวจะมีคนโกงน้ำถูกเตรียมโดยคนของเขา ของทุกอย่างผ่านมือคนของเขาเท่านั้น ฮ่องเต้เฒ่าไม่เชื่อว่าจะไม่ได้เห็นความจริงทุกคนเริ่มกังวลไม่กล้าแม้แต่จะหายใจกลัวว่าหากหายใจผิดจังหวะ อากาศลอยผ่านไป ลมหายใจนั้นจะส่งผลต่อผลลัพธ์เลือดที่ผสมกันก่อนคือเลือดขององค์ชายเก้าเนื่องจากเขายังเด็ก เลือดหยดเห็นได้ชัดว่าผสมกันและค่อย ๆ กลายเป็นแผ่นเดียวกันฮ่องเต้เฒ่าเหลือบมอง
ฮองเฮามองไปยังหมอหลวง แววตาแฝงไปด้วยความมืดมนหมอหลวงรีบส่ายหัวให้นาง แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเห็นได้ชัดว่านางได้เตรียมการล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว และให้เย่อวิ๋นถูทาบางอย่างที่นิ้วไว้ล่วงหน้า เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น!นางไม่เข้าใจเลยสักนิด!ในเวลานี้ ซูชิงอู่กำลังพันบาดแผลของเย่เสวียนถิงอย่างระมัดระวังแม้ว่าแผลที่นิ้วจะไม่ใหญ่มาก แต่ทั้งสิบนิ้วต่างเชื่อมถึงหัวใจ มันคงเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสในขณะที่ซูชิงอู่เป่าลงบนนิ้วของเขาอย่างระมัดระวัง นางก็กระซิบว่า "ท่านอ๋องใช้ยาผงที่ข้าให้หรือยัง?"เย่เสวียนถิงพยักหน้า "ใช้แล้ว"ซูชิงอู่ยกมุมริมฝีปากของนางขึ้นมา "ดีเลย เช่นนั้นพวกเรามาดูการแสดงกันต่อดีกว่า"เย่เสวียนถิงรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อเห็นซูชิงอู่คอยดูแลนิ้ว เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดที่มือเลยถึงขั้นเกิดความคิดขึ้นมาว่า หากตัวเองบาดเจ็บมากกว่านี้ นางจะเป็นห่วงเขามากกว่านี้ด้วยหรือไม่เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้น รีบวางความคิดนั้นทิ้งไปพวกเขาทั้งสองเงยหน้าขึ้นจากฝูงชน ชมการแสดงต่อไปตอนนี้ซูชิงอู่ตั้งครรภ์อยู่ ดังนั้นนางจึงให้ความช่วยเหลือและวางแผนเบื้องหลัง ส่วนเรื
นางจ้องมองเย่อวิ๋นถูด้วยความโกรธ เจ้าคนมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ! เย่อวิ๋นถูตกตะลึงกับสายตาของมารดาแต่ในสถานการณ์แบบนี้เขาก็ไม่สะดวกที่จะอธิบายอะไรออกไปฮองเฮาพูดทั้งน้ำตาทันที "ฝ่าบาท ต้องเป็นเจียวกุ้ยเฟยที่ต้องการทำให้ท่านสงสัยในฐานะขององค์ชายสามแน่..."ตอนนี้เจียวกุ้ยเฟยรู้สึกมั่นใจขึ้น “ฮองเฮาท่านกำลังหมายความว่าเยี่ยงไร? หม่อมฉันจะทำนายอนาคตได้หรือ หม่อมฉันจะทำนายได้หรือว่าวันนี้จะมีทดสอบสายเลือดเช่นนี้?”เจียวกุ้ยเฟยไม่มีทางคาดเดาได้แต่มีคนที่สามารถคำนวณได้อย่างแม่นยำซูชิงอู่ยกมุมริมฝีปากของนางขึ้นเล็กน้อย มีแววเย้ยหยันในดวงตาของนางแม้ว่านางจะไม่มีความทรงจำที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปในชีวิตก่อนของนาง นางเคยได้ยินข่าวลือบางอย่างออกมาจากพระราชวังเรื่องการทดสอบสายเลือดด้วยการหยดเลือด และเรื่องที่ปรากฏว่าไม่ใช่สายเลือดกันนี้ด้วยหลังจากครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย ซูชิงอู่ก็คาดเดาความจริงและวิธีการที่ฝ่ายตรงข้ามจะใช้ได้ดังนั้นนางจึงเตรียมยาไว้ล่วงหน้าฮองเฮากัดฟันเล็กน้อย ใบหน้าของนางดูเคร่งเครียดเมื่อเห็นว่านางพูดไม่ออก เจียวกุ้ยเฟยก็รู้สึกพอใจมาก "ฝ่า
"พวกเจ้า……"ดวงตาของมหาราชครูมู่หรงเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะมองดูคนที่เป็นศัตรูกับเขา“ฝ่าบาท โปรดอย่าทำเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ!”ใบหน้าของฮองเฮามู่หรงซีดเผือดไร้สีเลือด นางรู้ว่าสิ่งที่นางทำในครั้งนี้ทำให้ฮ่องเต้โกรธถึงขีดสุดทำให้ฝ่าบาทเสียหน้าต่อหน้าทูตของสองแคว้นเมื่อองค์ชายใหญ่ของแคว้นอู๋ตะวันตกเห็นเรื่องราวพัฒนาเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมากเพราะเขาเคยทำข้อตกลงกับองค์ชายสามไว้ก่อนหน้านี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายข้อตกลงนั้นก็จะถือเป็นโมฆะไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเข้าสู่สุสานของฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหนานเย่จะต้องมีสมบัติมากมายซ่อนอยู่ในเส้นชีพจรมังกร หากเขาสามารถค้นพบจะเพิ่มโอกาสในการขึ้นครองบัลลังก์ในแคว้นอู๋ตะวันตกจะเพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะเป็นผลประโยชน์ต่อตัวเขาเอง!ฮ่องเต้เฒ่าจ้องมองไปยังฮองเฮาและเฝ้าดูนางคุกเข่า พลางคลานมาต่อหน้าเขา คว้าเสื้อคลุมของเขาเอาไว้ในมือทั้งสองแต่งงานกันได้มานานหลายทศวรรษแล้ว แม้แต่เลี้ยงสุนัขยังผูกพันธ์ นับประสาอะไรกับเรื่องนี้เมื่อเห็นท่าทางของฮองเฮา ฮ่องเต้เฒ่าก็ค่อย ๆ ดึงมือของนางออกจากร่างของเขา“ในฐานะฮองเฮา เจ้ากลับมีแต่ความร
เย่อวิ๋นถูยังคงยืนอยู่ในท้องพระโรง แต่รู้สึกราวกับว่าทั้งร่างจมอยู่ในสระน้ำเย็นเขาทั้งฟังราชโองการแต่งตั้งเย่ชิวหมิงเป็นรัชทายาท และต้องได้ยินว่าแม่ของเขาถูกส่งไปยังสำนักชีเขาเองก็กลายเป็นหมากที่ฝ่าบาทเกลียดชัง ไม่มีทางได้นั่งตำแหน่งนั้นอีกต่อไปทุกอย่างพังทลายหมดแล้ว!เขาเดินออกจากท้องพระโรงด้วยสีหน้าเศร้าสลด รู้สึกว่าพื้นใต้เท้าล่องลอย...ซูชิงอู่ยืนอยู่ที่ประตูท้องพระโรง เงยหน้าขึ้นมองไปยังแผ่นหลังของเย่อวิ๋นถูเย่เสวียนถิงรู้สึกกังวลทันที และอดไม่ได้ที่จะกระชับนิ้วของเขาให้แน่นขึ้น "อาอู่..."ซูชิงอู่เบนสายตากลับมายิ้มให้เย่เสวียนถิง "ในสายตาของข้า เขาก็ไม่ต่างจากสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง"ดวงตาของเย่เสวียนถิงอ่อนลงทันที เขาพยักหน้าเล็กน้อย "ใช่ นับว่าคล้ายกันมากจริง ๆ"พวกเขาทั้งสองแอบเหน็บเย่อวิ๋นถูซูชิงอู่พอใจกับผลลัพธ์ที่นางสร้างขึ้นมากยามนี้ไทเฮาและฮองเฮาต่างพ่ายแพ้ไปอย่างสิ้นเชิง เนื้อร้ายทั้งสองนี้ถูกกำจัดออกจากพระราชวังไปอย่างสมบูรณ์แล้วเย่ชิวหมิงได้ขึ้นเป็นรัชทายาท และนางก็สามารถควบคุมชีวิตและความตายของเขาได้อีกไม่นาน ฮ่องเต้เฒ่าจะค่อย ๆ ถ่ายโอนอำนาจ นางและเย่เ