อู๋หลางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ได้ หากขุดพบ สามส่วนจะเป็นของท่านและท่านต้องจัดการกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตามมาให้สะอาดหมดจด อย่าให้สาวมาถึงข้าได้ หากเกิดอะไรขึ้น ท่านจะต้องรับผิดชอบ!”เย่อวิ๋นถูถาม “แล้วชีพจรมังกรที่ท่านพูดถึงอยู่ที่ไหนล่ะ?”อู๋หลางพูดเนิบ ๆ “สุสานหลวงแคว้นหนานเย่!”“อะไรนะ?”เย่อวิ๋นถูตกใจตาเบิกกว้างอู๋หลางใจกล้าเกินไปแล้ว นี่คิดจะไปขุดสุสานหลวงจริง ๆ เรอะ!ที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนน่ะหรือ? เป็นสถานที่ฝังศพของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกราชวงศ์ในแคว้นหนานเย่ ไม่ว่าจะเป็นนางสนมหรือบรรพบุรุษของฮ่องเต้ พวกเขาทั้งหมดนอนทอดร่างอยู่ที่นั่น!ที่บอกว่ามีสมบัติอยู่ที่นั่นนั้นแน่นอนว่ามันมีจริง วัตถุที่ฝังไปกับศพไม่มากในสุสานไม่รู้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่หากคิดจะเข้าไปก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากทางราชวงศ์อาจจัดกองกำลังทหารเฝ้ายามในสุสานหลวงไว้การแสดงออกของเย่อวิ๋นถูเปลี่ยนไป “ล้มเลิกความคิดไปเถอะ ข้าจะไม่พาท่านไปที่นั่น"อู๋หลางหลุบตาลง “เนื่องจากองค์ชายสามไม่ให้ความร่วมมือ หมายความว่าไม่มีความจริงใจ เมื่อตอนนั้นก็อย่าตำหนิข้าที่เปิดเผยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และทำลายอนาคตขององค
ซูชิงอู่ยังไม่รู้ว่านางแข็งแกร่งแค่ไหนในสายตาของหมอหลวงซุนนางส่งคนไปแจ้งเย่เสวียนถิง และตามหมอหลวงซุนออกไปเนื่องจากมีองครักษ์เงามากมายอยู่รอบตัวคอยปกป้องนาง ตอนนี้เย่เสวียนถิงจึงรู้สึกวางใจหากนางจะเดินทางไปที่ไหน นั่นยังไม่รวมซูเฟยและคนอื่น ๆ ที่คอยดูแลนางหลังจากเข้าวังไปตลอดทางไปยังพระราชวังที่ฮ่องเต้ทรงกำลังพักฟื้นอยู่ ซูชิงอู่ก็ตกใจกับเหตุการณ์หนึ่งทันทีที่นางเข้ามาบรรดาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงรวมตัวกันข้างนอก ทุกคนมีสีหน้าเศร้าสร้อย มือจับพู่กันพลางศึกษาใบสั่งยาเมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าหมอหลวงซุนมา พวกเขาก็รีบเข้ามาทักทายทันที “หมอหลวงซุน ท่านกลับมาจากออกไปข้างนอกแล้วเช่นนี้ หรือว่าท่านจะหาวิธีได้แล้ว?”หมอหลวงซุนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าคิดวิธีออกแล้ว”เมื่อหมอหลวงคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงความประหลาดใจและชื่นชม “สมกับที่เป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวง หมอหลวงซุนชื่อเสียงสมคำร่ำลือ!”“หมอหลวงซุนช่างเก่งกาจและมีทักษะด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ข้าจะกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับท่านได้อย่างไรล่ะนี่?”หมอหลวงซุนรู้สึกประทับใจกับเสียงชื่นชมของบรรดาเพื่อนร่วมงาน เขาวางมือไว้ระดับ
เมื่อฮองเฮาได้ยินสิ่งที่นางพูด ใบหน้าของพระนางก็เปลี่ยนสีด้วยความโกรธทั้งยังไหล่สั่นเล็กน้อยดวงตาของพระนางดูเคร่งขรึม และครู่ต่อมาพระนางก็ยกมือตบหน้าซูชิงอู่ซูชิงอู่เห็นอีกฝ่ายโกรธเพราะความอับอาย สายตาของนางก็ฉายแววเยาะเย้ยแม้จะเป็นฮองเฮา แต่ความฉลาดเฉลียวของพระนางก็เทียบกับไทเฮาไม่ได้เลยแม้แต่น้อยไทเฮาเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ฉลาดหลักแหลม แม้ตอนนี้พระนางจะตกต่ำแต่ก็ยังไม่พ่ายแพ้ซูชิงอู่คว้ามือที่ฮองเฮาฟาดลงมานางเลิกคิ้วมองฮองเฮาที่พยายามดึงมือของตนออก แต่ก็ทำไม่สำเร็จฮองเฮาสีหน้าไม่สู้ดี นางกำนัลอาวุโสหลายคนที่เห็นก็เข้ามาช่วยฮองเฮาแกะมือนางออก ซูชิงอู่จึงปล่อยมือฮองเฮาที่ออกแรงมากเกินไปจึงสูญเสียการทรงตัวและเอนไปข้างหลังโชคดีที่นางกำนัลอาวุโสสองสามคนที่สายตาไวและมือไวคว้าพระนางเอาไว้ได้ทัน ฮองเฮาจึงไม่ได้ล้มไปจนมีสภาพน่าเกลียดมากนักฮองเฮามู่หรงเหลือบมองข้อมือแดงของตน พลางชี้หน้าซูชิงอู่แล้วพูดด้วยความโกรธ “กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายข้า!”ซูชิงอู่ยิ้มเยาะ “ฮองเฮาทรงตรัสผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันแค่ปกป้องตัวเอง หม่อมฉันไปทำร้ายพระองค์ตอนไหนเพคะ? มีแต่พระองค์ที่ตบหม่อมฉันโดยไม่มีเห
หมอหลวงซุนสอบถามอย่างรวดเร็วราวกับกำลังขอคำแนะนำ “ขอพระชายาโปรดชี้แนะด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ซูชิงอู่ให้คนนำพู่กันและหมึกมา จากนั้นก็เขียนใบสั่งยาภายใต้สีหน้าตกตะลึงของหมอหลวงวัตถุดิบยาในใบสั่งยาเหมือนกับที่สำนักหมอหลวงสั่งทุกประการสิ่งสำคัญคือพวกเขาไม่เคยเอาใบสั่งยาให้ซูชิงอู่ดู!มีคนดึงแขนเสื้อของหมอหลวงซุนแล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านได้บอกวัตถุดิบยาให้พระชายารู้รึเปล่า?”หมอหลวงซุนส่ายหัว “ข้าไม่มีเวลาได้พูดด้วยซ้ำ”คนอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อถึงอย่างไร มีเพียงสำนักหมอหลวงเท่านั้นที่สามารถสั่งจ่ายยาสำหรับอาการป่วยของฮ่องเต้ได้ นอกจากนั้นหมอหลวงทุกคนก็ต้องมาประชุมเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันแต่ทว่าซูชิงอู่กลับทำตัวสบาย ๆ เพียงแค่นั่งอยู่ที่นี่ได้ไม่นานและสูดดมกลิ่นยาเข้าไป ก็สามารถแยกแยะวัตถุดิบยาทั้งหมดได้?ช่าง...น่าทึ่งจริง ๆ !“พวกท่านให้ยาฝ่าบาทตามใบสั่งยาที่ข้าให้ไป ไม่เกินสามวันก็จะเห็นผล”หมอหลวงซุนรีบหยิบใบสั่งยาไปเหมือนมันเป็นสมบัติ “ไปหยิบยามาตามนี้!”หมอหลวงหนุ่มออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย ฮองเฮาที่เห็นผ่านประตูว่าหมอหลวงซุนเชื่อฟังอีกฝ่ายมาก สีหน้าของนางก็ขรึม
เพราะสาเหตุหลักของอาการป่วยก็คือพิษไอเย็นพิษไอเย็นนี้กัดกร่อนร่างกายของฮ่องเต้มาตลอดทั้งปี ตอนนี้มันกำลังค่อย ๆ ลุกลาม ตอนนี้เพียงแค่เริ่มมีอาการกำเริบขึ้นมาเท่านั้นซูชิงอู่พูดกับหมอหลวงซุนว่า “หมอหลวงซุน ท่านดูออกหรือไม่ว่าฝ่าบาทถูกวางยาพิษ?”เมื่อหมอหลวงซุนได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด เขาก็ทำสีหน้างุนงง “พิษอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”ว่าแล้วเชียว…เป็นเรื่องปกติที่หมอหลวงซุนจะมองไม่เห็นเพราะพิษนี้ร้ายกาจเกินไปหากนางไม่เคยสัมผัสมันมาก่อนในชีวิตก่อนหน้านี้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจพบความแตกต่างระหว่างพิษไอเย็นกับโรคหวัดทั่วไปสาเหตุที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สามารถยืนหยัดได้ตลอดทั้งปีก็เนื่องมาจากมรดกที่สืบทอดมานับพันปีอีกฝ่ายสามารถควบคุมราชวงศ์ได้โดยอาศัยการเสาะหาหมอมากความสามารถที่มีทักษะด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและมีทักษะการใช้กู่ที่โดดเด่นซูชิงอู่อยู่กับพิษมาเป็นเวลาสามปีในชีวิตก่อนหน้าของนาง ก่อนที่นางจะเข้าใจพิษทุกประเภทอย่างถ่องแท้หากนางไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ เกรงว่าวันนี้นางคงไม่เข้าใจอะไรเลยซูชิงอู่ได้สติกลับมา พลางมองไปที่หมอหลวงซุนและพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะสอนวิธีการฝังเข็มชุดห
“หากเมล็ดบัวยังไม่สุกก็จะมีพิษเย็นตกค้างอยู่เล็กน้อย ซึ่งไม่อาจสังเกตเห็นได้เลย ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะแสดงอาการออกมา”หมอหลวงซุนตะลึง "พระชายาหมายความว่า โรคของฝ่าบาทเกี่ยวข้องกับเม็ดบัวเหล่านี้หรือ?"ซูชิงอู่พยักหน้าหมอหลวงซุนดูหวาดกลัวและถามว่า “เม็ดบัวเหล่านี้ใครเป็นคนถวายฝ่าบาท?”ขันทีตัวน้อยก็โน้มตัวไปทำความเคารพทันที “คือ...คือท่านราชครูมอบให้ฮ่องเต้ใช้เพื่อบำรุงร่างกาย ว่ากันว่าทำให้จิตใจสดชื่น ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงชอบมันมาก”เป็นราชครูเฒ่าอีกแล้ว...ตอนนี้ราชครูเฒ่าตายไปแล้ว แม้ว่าจะพบเบาะแสแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ซูชิงอู่จึงสั่งให้ขันทีหนุ่มทำลายเมล็ดบัวให้หมด ก่อนที่จะออกจากวังและกลับไปที่จวนของนางทันทีที่นางเข้าไปก็เห็นเย่เสวียนถิงยืนอยู่รอนางอยู่ที่ประตูนางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มและเดินเข้ามาหาเขาแต่ทันทีที่นางเข้าใกล้มากขึ้นชายคนนั้นก็จับเอวของนางไว้ดวงตาของเย่เสวียนถิงมืดครึ้มและเขาก็วางคางไว้บนไหล่ของซูชิงอู่“เหตุใดเจ้าถึงวิ่งออกไปอีก? ข้ากลับมาไม่เจอเจ้า ข้ากังวลมาก”เสียงของเย่เสวียนถิงวนเวียนรอบหูของซูชิงอู่ และทันใดนั้นซูชิงอู่ก็รู้สึกว่าในน้ำเสีย
“ท่านอ๋อง~”เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินเสียงที่มีปลายเสียงออดอ้อนเล็กน้อยนี้ ก็รู้สึกเหมือนหนังหัวชาไปหมดร่างกายของเขาแข็งทื่อ ขาที่จะก้าวจากไปก็หยุดชะงักลงทันทีเขากลืนน้ำลายหลายครั้ง เย่เสวียนถิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแขนของซูชิงอู่โอบรอบตัวเขาราวกับงูน้ำ คิ้วของนางงดงามดวงตาของนางมีเสน่ห์ราวกับผ้าไหมและร่างกายของนางเต็มไปด้วยความงามที่ผู้คนไม่อาจละสายตาได้นางกะพริบตาแล้วเอามือคล้องคอเขา“ข้าไม่ค่อยสบายตัว อยากอาบน้ำ”หัวใจของเย่เสวียนถิงเต้นรัวเห็นได้ชัดว่าการหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้น เขาไม่สามารถต้านทานท่าทางของซูชิงอู่ได้เลยด้วยมือทั้งสองข้างที่แข็งแกร่งเย่เสวียนถิงอุ้มซูชิงอู่ขึ้นมา เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องยุ่ง ๆ เหล่านั้นอีกต่อไป เขาคิดถึงแต่สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า "ได้ ข้าจะให้คนเตรียมอ่างอาบน้ำให้เจ้า"ซูชิงอู่ไม่พูดอะไรและถูกเย่เสวียนถิงพาไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำร้อนอยู่น้ำอุ่นล่องลอย ไอน้ำลอยกระจายออกไป ซูชิงอู่เดินไปที่ด้านหลังฉากเย่เสวียนถิงไม่ได้ตามเขาเข้าไป แต่ยืนอยู่ที่ประตู รอให้ซูชิงอู่ทำธุระเสร็จแล้วออกมาเองนับตั้งแต่
ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่าฮ่องเต้เฒ่าพูดกับซูชิงอู่ก่อน ต่างก็หันมามองนางซูชิงอู่โค้งคำนับด้วยความเคารพและกล่าวว่า "ฝ่าบาท มีอะไรจะบอกชิงอู่หรือเพคะ?"“ข้าได้รับทราบจากหมอหลวงซุนว่าเจ้าไม่เพียงแต่ค้นพบแผนร้ายของราชครูเฒ่า แต่ยังหาทางช่วยชีวิตข้าได้ ครั้งนี้นับว่าเป็นบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้า”ซูชิงอู่ฟังอย่างเงียบ ๆนางรู้สึกว่ามีคนรอบตัวนางมากมายกำลังจ้องมองนางฮ่องเต้เฒ่ายังคงดูอ่อนแอเล็กน้อย หลังจากนอนป่วยมาหลายวัน ร่างกายก็ผอมลงไปมากท้ายที่สุดเขาเคยดูสดใส กลับดูแก่ลงไปสิบปีเขาไอเบา ๆ สูดหายใจลึกแล้วพูดว่า "ข้าอยากให้เจ้าอยู่ในวังจนกว่าข้าจะหายดี ข้าอยากให้เจ้าให้คำแนะนำกับหมอหลวง หมอหลวงทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า เจ้าคิดอย่างไร?"ก่อนที่ซูชิงอู่จะพูดอะไร เย่เสวียนถิงก็ไม่ยอมแล้ว“เสด็จพ่อ ชิงอู่ยังตั้งครรภ์อยู่ ดูแลตัวเองยังไม่ไหว ไม่ควรให้ต้องเหนื่อยเพิ่มอีก”ฮ่องเต้เฒ่ามองดูทั้งสองคนและพยักหน้าเบา ๆ "ข้ารู้ว่าเรื่องนี้อาจจะขัดใจเจ้าสักหน่อย ดังนั้นข้าจะปล่อยให้ชิงอู่เป็นคนเลือกเอง หากนางเห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้ ข้าก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขอื่นได้"ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้