“ท่านอ๋อง~”เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินเสียงที่มีปลายเสียงออดอ้อนเล็กน้อยนี้ ก็รู้สึกเหมือนหนังหัวชาไปหมดร่างกายของเขาแข็งทื่อ ขาที่จะก้าวจากไปก็หยุดชะงักลงทันทีเขากลืนน้ำลายหลายครั้ง เย่เสวียนถิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแขนของซูชิงอู่โอบรอบตัวเขาราวกับงูน้ำ คิ้วของนางงดงามดวงตาของนางมีเสน่ห์ราวกับผ้าไหมและร่างกายของนางเต็มไปด้วยความงามที่ผู้คนไม่อาจละสายตาได้นางกะพริบตาแล้วเอามือคล้องคอเขา“ข้าไม่ค่อยสบายตัว อยากอาบน้ำ”หัวใจของเย่เสวียนถิงเต้นรัวเห็นได้ชัดว่าการหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้น เขาไม่สามารถต้านทานท่าทางของซูชิงอู่ได้เลยด้วยมือทั้งสองข้างที่แข็งแกร่งเย่เสวียนถิงอุ้มซูชิงอู่ขึ้นมา เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องยุ่ง ๆ เหล่านั้นอีกต่อไป เขาคิดถึงแต่สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า "ได้ ข้าจะให้คนเตรียมอ่างอาบน้ำให้เจ้า"ซูชิงอู่ไม่พูดอะไรและถูกเย่เสวียนถิงพาไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำร้อนอยู่น้ำอุ่นล่องลอย ไอน้ำลอยกระจายออกไป ซูชิงอู่เดินไปที่ด้านหลังฉากเย่เสวียนถิงไม่ได้ตามเขาเข้าไป แต่ยืนอยู่ที่ประตู รอให้ซูชิงอู่ทำธุระเสร็จแล้วออกมาเองนับตั้งแต่
ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่าฮ่องเต้เฒ่าพูดกับซูชิงอู่ก่อน ต่างก็หันมามองนางซูชิงอู่โค้งคำนับด้วยความเคารพและกล่าวว่า "ฝ่าบาท มีอะไรจะบอกชิงอู่หรือเพคะ?"“ข้าได้รับทราบจากหมอหลวงซุนว่าเจ้าไม่เพียงแต่ค้นพบแผนร้ายของราชครูเฒ่า แต่ยังหาทางช่วยชีวิตข้าได้ ครั้งนี้นับว่าเป็นบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้า”ซูชิงอู่ฟังอย่างเงียบ ๆนางรู้สึกว่ามีคนรอบตัวนางมากมายกำลังจ้องมองนางฮ่องเต้เฒ่ายังคงดูอ่อนแอเล็กน้อย หลังจากนอนป่วยมาหลายวัน ร่างกายก็ผอมลงไปมากท้ายที่สุดเขาเคยดูสดใส กลับดูแก่ลงไปสิบปีเขาไอเบา ๆ สูดหายใจลึกแล้วพูดว่า "ข้าอยากให้เจ้าอยู่ในวังจนกว่าข้าจะหายดี ข้าอยากให้เจ้าให้คำแนะนำกับหมอหลวง หมอหลวงทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า เจ้าคิดอย่างไร?"ก่อนที่ซูชิงอู่จะพูดอะไร เย่เสวียนถิงก็ไม่ยอมแล้ว“เสด็จพ่อ ชิงอู่ยังตั้งครรภ์อยู่ ดูแลตัวเองยังไม่ไหว ไม่ควรให้ต้องเหนื่อยเพิ่มอีก”ฮ่องเต้เฒ่ามองดูทั้งสองคนและพยักหน้าเบา ๆ "ข้ารู้ว่าเรื่องนี้อาจจะขัดใจเจ้าสักหน่อย ดังนั้นข้าจะปล่อยให้ชิงอู่เป็นคนเลือกเอง หากนางเห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้ ข้าก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขอื่นได้"ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้
การแสดงออกของซูชิงอู่เป็นธรรมชาติ เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยนี่เป็นเพียงสิ่งที่นางต้องการสิ่งดี ๆ เกือบทั้งหมดในโลกล้วนอยู่ในพระราชวัง และมีเพียงพระราชวังเท่านั้นที่มีสมุนไพรชั้นเลิศมีเงินจำนวนเท่าใดก็ไม่สามารถซื้อได้“เงื่อนไขประการที่สาม คือในขณะที่หม่อมฉันรักษาฝ่าบาท หากไม่ได้รับอนุญาตจากหม่อมฉันจะไม่มีใครมาเยี่ยมได้ เพื่อไม่ให้รบกวนการฟื้นตัวของฮ่องเต้”ฮองเฮาทรงวิตกกังวลและตรัสอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาทจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้นหากท่านถูกพระชายาเสวียนข่มขู่ และหากเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับพระองค์เล่า?"เย่อวิ๋นถูก็รีบพูดตาม สีหน้ากังวล "เห็นได้ชัดว่าซูชิงอู่มีเจตนาไม่ดีและมีแรงจูงใจซ่อนเร้น ขอเสด็จพ่อไตร่ตรองด้วย"ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “ฮองเฮาและองค์ชายสามพูดเยี่ยงนี้ ต้องการขัดขวางไม่ให้ฝ่าบาทยอมรับเงื่อนไขของหม่อมฉันหรือ? ก็ดี หม่อมฉันกำลังมีพลังงานจำกัดอยู่พอดี”“พอได้แล้ว ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”ฮ่องเต้ชราไอเบา ๆ แล้วพูดว่า "ตามที่พระชายาเสวียนพูด อย่างไรก็ตามข้ายังมีหมอหลวงและคนอื่น ๆ อยู่รอบตัวข้า พวกเจ้าช่วยอะไรไม่ได้ อย่ามายุ่งวุ่นวาย"ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น “แต่...”เจียวกุ้ย
คราวนี้สีหน้าของอีกสองฝ่ายแสดงความตกใจตำแหน่งของเย่เสวียนถิงแทบจะเทียบเท่ากับการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนในการปกครองราชการแผ่นดินแม้ว่าเขาจะไม่มีอำนาจที่แท้จริงแต่คำพูดของเขาก็มีน้ำหนักมาก!ด้วยคำพูดของฮ่องเต้ เท่ากับเขาได้ควบคุมราชสำนักโดยตรง ทำให้สีหน้าของฮองเฮาและเจียวกุ้ยเฟยดูน่าเกลียดเล็กน้อยเย่เสวียนถิงไม่ได้ปฏิเสธความเมตตาของฮ่องเต้“ลูกจะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง”ดวงตาของเย่เสวียนถิงมืดมน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง เขากำมือแน่น หัวใจเหมือนถูกพายุโหมกระหน่ำหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็รู้แล้วว่าเขาต้องการอะไรมากที่สุดอาอู่จัดเตรียมทางลัดให้เขา ส่งดาบและกระบี่มาไว้ในมือของเขา ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่คว้าไว้มีเพียงการมีอำนาจเท่านั้น ที่จะสามารถปกป้องคนที่ห่วงใย และป้องกันไม่ให้อาอู่ได้รับอันตรายไม่เช่นนั้น เขาจะมีช่วงเวลาที่ไร้พลังอยู่เสมอ......เจียวกุ้ยเฟยกลับมายังตำหนักด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจอย่างมากเย่ชิวหมิงเห็นอารมณ์ของพระมารดา จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ "เสด็จแม่ ลูกคิดว่าเสด็จพ่อทำเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว"เจียวกุ้ยเฟยเลิกคิ้ว "นั่นสมเหตุสมผลแล้วหรือ? ในที่สุดฮ่
เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่นางจะกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายโดยไม่ต้องตายอย่างอนาถเกินไป.........ซูชิงอู่เดินเข้าไปในพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนเพราะมีพระราชโองการของฮ่องเต้ นอกจากหมอซุนแล้ว คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปในตำหนักได้ตามใจชอบตอนนี้ฮ่องเต้เฒ่าฟื้นแล้ว แม้ว่าเขาจะเหนื่อยเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่อยากนอนเมื่อเห็นซูชิงอู่เข้ามา เขาก็เลิกคิ้วขึ้น“สาวน้อยชิงอู่ มานั่งสิ”ฮ่องเต้เฒ่าขอให้ขันทีส่วนตัวของเขารินชาให้ซูชิงอู่อย่างไรก็ตามซูชิงอู่แค่ยกถ้วยชาขึ้นมาแกว่ง ไม่ได้ดื่มนางกล่าวว่า "ฝ่าบาทไม่ได้ลงโทษตระกูลมู่หรง และก็ไม่ได้ให้รางวัลตระกูลเจียว คงอยากให้ทั้งสองตระกูลยังคงถ่วงสมดุลกันในช่วงที่ฝ่าบาทประชวร"ฮ่องเต้เฒ่าไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ ซูชิงอู่จะพูดถึงเรื่องนี้และหรี่ตาลงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า "เด็กคนนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าสนใจเรื่องกลยุทธ์ของฮ่องเต้"ตระกูลเจียวและตระกูลมู่หรงได้รับการหนุนหลังขึ้นมาโดยฮ่องเต้เฒ่าเองความแข็งแกร่งของทั้งสองตระกูลเกือบจะเกินกว่าตระกูลอื่น ๆ ในแคว้นหนานเย่ทั้งหมดซูชิงอู่พยักหน้า "หม่อมฉันแค่ถามเล่น ๆ หม่อมฉันเป็นสตรีและก็อยา
เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้เฒ่าไม่คาดคิดว่าซูชิงอู่จะถามคำถามนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันความประหลาดใจในดวงตาของเขาชัดเจนมากแม้ว่าซูชิงอู่ไม่ได้คาดหวังที่จะค้นพบความลับใด ๆ ด้วยคำพูดประโยคเดียว แต่การตอบสนองที่ไม่ทันตั้งตัวของฮ่องเต้เฒ่ายังคงให้เบาะแสบางอย่างแก่นางทันใดนั้นใบหน้าของฮ่องเต้เฒ่าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเขาพูดว่า "ก็แค่นางกำนัลคนหนึ่ง ข้าจำไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรจะพูด"คำพูดนี้ฟังดูทำร้ายจิตใจไม่น้อยถ้านางเป็นเย่เสวียนถิง การฟังความคิดเห็นของบิดาเกี่ยวกับมารดาผู้ให้กำเนิดเช่นนี้คงจะรู้สึกเหมือนนางถูกแช่อยู่ในทะเลสาบน้ำแข็งอย่างแน่นอนซูชิงอู่หรี่ตาลง น้ำเสียงของนางดูเศร้าใจเล็กน้อย "ชิงอู่ทำให้เสด็จพ่อไม่พอใจที่ถามเยี่ยงนี้หรือเพคะ?"เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเห็นสีหน้าของนาง เขาก็ตระหนักว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดนั้นดูจะเกินไปหน่อยเขาไอเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัดใจ แล้วอธิบายว่า "มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าชิงอู่ แค่ข้านึกไม่ออกชั่วคราว ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักก่อน"เขาลุกขึ้นยืน แสดงท่าทางขอส่งแขก ไม่พบใครอีกซูชิงอู่กล่าวว่า "ฝ่าบาท โปรดเสวยยาก่อนแล้วจึงบรรทมนะเพคะ"ฮ่องเต้เฒ่
ซูชิงอู่ลดสายตาลงเล็กน้อยนั่นหมายความว่า เสด็จแม่ของเย่เสวียนถิงเสียชีวิตตั้งแต่เขาเกิดเดิมทีนางไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ แต่ยิ่งสืบสวนก็ยิ่งทำให้ซูชิงอู่ตกใจมากขึ้นเท่านั้นเพียงแค่เข้าใจผิวเผินก็รู้สึกขนลุก รู้สึกว่ามีการสมรู้ร่วมคิดมากมายในนั้น เย่เสวียนถิงผู้สืบสวนเรื่องนี้มาหลายปีจะรู้ต้นตอทั้งหมดหรือไม่ซูชิงอู่มอบเงินให้กับขันทีหลิวไปไม่น้อยหลังจากถามคำถามอีกหลายข้อ ฝ่ายนั้นก็จากไปด้วยความขอบคุณนางเดินออกจากห้อง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยดูเหมือนนางจะต้องลงมือให้เร็วขึ้นแล้วคลังสมุนไพรในวังมีขนาดใหญ่มากซูชิงอู่เดินเข้ามาพร้อมกับอวิ๋นจื่อและหยุนชิงถือป้ายอาญาสิทธิ์เดินเข้าไป เห็นสมุนไพรล้ำค่ามากมายที่วางเรียงอยู่บนชั้นทั้งสองข้าง ดวงตาของนางเปล่งประกายเล็กน้อยซูชิงอู่หยิบรายชื่อออกมาและมอบให้กับสาวใช้ตัวน้อยทั้งสองคน "บนชั้นมีชื่อสมุนไพรเขียนไว้ พวกเจ้าหยิบสมุนไพรที่ข้าเขียนชื่อไว้ในกระดาษนี้ให้หมด"อวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงเหลือบมองชื่อยาที่อัดแน่นบนกระดาษ"มากขนาดนี้เชียว?"ซูชิงอู่กระตือรือร้นมากกับการกอบโกยของได้เปล่าเช่นนี้นางพยักหน้าเล็กน้อย "ใช่ อย่างไรก็ไม่ต้องเสีย
เห็นใบหน้าที่อัดอั้นของพวกเขา ซูชิงอู่ก็รู้สึกมีความสุขมากนางขอให้ทุกคนเร่งมือ ในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสมุนไพรธรรมดาและไร้ค่าบางส่วนที่เหลืออยู่หมอหลวงที่เข้ามาตรวจสอบทั้งหมดต่างโกรธมากจนใบหน้าเหยเก ตำรับยาแบบใดกันที่ต้องใช้สมุนไพรเยอะขนาดนี้? พระชายาเสวียนเพียงพูดเรื่องไร้สาระ จงใจใช้คำสั่งของฮ่องเต้เพื่อกวาดยาดี ๆ ในวังไป!อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะรู้จุดประสงค์ของซูชิงอู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ยกเว้นเพียงหมอหลวงซุน ตอนนี้ไม่มีใครได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้เลยบวกกับที่ตอนนี้หมอหลวงซุนยังเชื่อฟังคำแนะนำของซูชิงอู่ หากพวกเขาไม่รู้จักนิสัยของหมอหลวงซุนพวกเขาอาจคิดว่าเขาถูกซูชิงอู่ซื้อใจไปแล้ว...แน่นอนว่าไม่ได้ถูกซื้อตัวไปแต่ตอนนี้หมอหลวงซุนได้กลายเป็นลูกไล่ตัวน้อยของซูชิงอู่ไปแล้วแม้ซูชิงอู่จะเปิดเผยทักษะทางการแพทย์เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ได้รับประโยชน์จากนางมากมายซูชิงอู่ถูกจัดให้อยู่ในตำหนักใกล้กับพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน เพื่อให้สะดวกสำหรับนางที่จะไปเยี่ยมฮ่องเต้เฒ่าเหตุผลที่นางไม่ได้อาศัยอยู่ในห้องโถงด้านข้างของพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน ก็เพราะว่าเย่เสวียนถิงต้องอาศัยอยู่ในพร
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้