เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่นางจะกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายโดยไม่ต้องตายอย่างอนาถเกินไป.........ซูชิงอู่เดินเข้าไปในพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนเพราะมีพระราชโองการของฮ่องเต้ นอกจากหมอซุนแล้ว คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปในตำหนักได้ตามใจชอบตอนนี้ฮ่องเต้เฒ่าฟื้นแล้ว แม้ว่าเขาจะเหนื่อยเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่อยากนอนเมื่อเห็นซูชิงอู่เข้ามา เขาก็เลิกคิ้วขึ้น“สาวน้อยชิงอู่ มานั่งสิ”ฮ่องเต้เฒ่าขอให้ขันทีส่วนตัวของเขารินชาให้ซูชิงอู่อย่างไรก็ตามซูชิงอู่แค่ยกถ้วยชาขึ้นมาแกว่ง ไม่ได้ดื่มนางกล่าวว่า "ฝ่าบาทไม่ได้ลงโทษตระกูลมู่หรง และก็ไม่ได้ให้รางวัลตระกูลเจียว คงอยากให้ทั้งสองตระกูลยังคงถ่วงสมดุลกันในช่วงที่ฝ่าบาทประชวร"ฮ่องเต้เฒ่าไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ ซูชิงอู่จะพูดถึงเรื่องนี้และหรี่ตาลงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า "เด็กคนนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าสนใจเรื่องกลยุทธ์ของฮ่องเต้"ตระกูลเจียวและตระกูลมู่หรงได้รับการหนุนหลังขึ้นมาโดยฮ่องเต้เฒ่าเองความแข็งแกร่งของทั้งสองตระกูลเกือบจะเกินกว่าตระกูลอื่น ๆ ในแคว้นหนานเย่ทั้งหมดซูชิงอู่พยักหน้า "หม่อมฉันแค่ถามเล่น ๆ หม่อมฉันเป็นสตรีและก็อยา
เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้เฒ่าไม่คาดคิดว่าซูชิงอู่จะถามคำถามนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันความประหลาดใจในดวงตาของเขาชัดเจนมากแม้ว่าซูชิงอู่ไม่ได้คาดหวังที่จะค้นพบความลับใด ๆ ด้วยคำพูดประโยคเดียว แต่การตอบสนองที่ไม่ทันตั้งตัวของฮ่องเต้เฒ่ายังคงให้เบาะแสบางอย่างแก่นางทันใดนั้นใบหน้าของฮ่องเต้เฒ่าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเขาพูดว่า "ก็แค่นางกำนัลคนหนึ่ง ข้าจำไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรจะพูด"คำพูดนี้ฟังดูทำร้ายจิตใจไม่น้อยถ้านางเป็นเย่เสวียนถิง การฟังความคิดเห็นของบิดาเกี่ยวกับมารดาผู้ให้กำเนิดเช่นนี้คงจะรู้สึกเหมือนนางถูกแช่อยู่ในทะเลสาบน้ำแข็งอย่างแน่นอนซูชิงอู่หรี่ตาลง น้ำเสียงของนางดูเศร้าใจเล็กน้อย "ชิงอู่ทำให้เสด็จพ่อไม่พอใจที่ถามเยี่ยงนี้หรือเพคะ?"เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเห็นสีหน้าของนาง เขาก็ตระหนักว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดนั้นดูจะเกินไปหน่อยเขาไอเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัดใจ แล้วอธิบายว่า "มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าชิงอู่ แค่ข้านึกไม่ออกชั่วคราว ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักก่อน"เขาลุกขึ้นยืน แสดงท่าทางขอส่งแขก ไม่พบใครอีกซูชิงอู่กล่าวว่า "ฝ่าบาท โปรดเสวยยาก่อนแล้วจึงบรรทมนะเพคะ"ฮ่องเต้เฒ่
ซูชิงอู่ลดสายตาลงเล็กน้อยนั่นหมายความว่า เสด็จแม่ของเย่เสวียนถิงเสียชีวิตตั้งแต่เขาเกิดเดิมทีนางไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ แต่ยิ่งสืบสวนก็ยิ่งทำให้ซูชิงอู่ตกใจมากขึ้นเท่านั้นเพียงแค่เข้าใจผิวเผินก็รู้สึกขนลุก รู้สึกว่ามีการสมรู้ร่วมคิดมากมายในนั้น เย่เสวียนถิงผู้สืบสวนเรื่องนี้มาหลายปีจะรู้ต้นตอทั้งหมดหรือไม่ซูชิงอู่มอบเงินให้กับขันทีหลิวไปไม่น้อยหลังจากถามคำถามอีกหลายข้อ ฝ่ายนั้นก็จากไปด้วยความขอบคุณนางเดินออกจากห้อง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยดูเหมือนนางจะต้องลงมือให้เร็วขึ้นแล้วคลังสมุนไพรในวังมีขนาดใหญ่มากซูชิงอู่เดินเข้ามาพร้อมกับอวิ๋นจื่อและหยุนชิงถือป้ายอาญาสิทธิ์เดินเข้าไป เห็นสมุนไพรล้ำค่ามากมายที่วางเรียงอยู่บนชั้นทั้งสองข้าง ดวงตาของนางเปล่งประกายเล็กน้อยซูชิงอู่หยิบรายชื่อออกมาและมอบให้กับสาวใช้ตัวน้อยทั้งสองคน "บนชั้นมีชื่อสมุนไพรเขียนไว้ พวกเจ้าหยิบสมุนไพรที่ข้าเขียนชื่อไว้ในกระดาษนี้ให้หมด"อวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงเหลือบมองชื่อยาที่อัดแน่นบนกระดาษ"มากขนาดนี้เชียว?"ซูชิงอู่กระตือรือร้นมากกับการกอบโกยของได้เปล่าเช่นนี้นางพยักหน้าเล็กน้อย "ใช่ อย่างไรก็ไม่ต้องเสีย
เห็นใบหน้าที่อัดอั้นของพวกเขา ซูชิงอู่ก็รู้สึกมีความสุขมากนางขอให้ทุกคนเร่งมือ ในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสมุนไพรธรรมดาและไร้ค่าบางส่วนที่เหลืออยู่หมอหลวงที่เข้ามาตรวจสอบทั้งหมดต่างโกรธมากจนใบหน้าเหยเก ตำรับยาแบบใดกันที่ต้องใช้สมุนไพรเยอะขนาดนี้? พระชายาเสวียนเพียงพูดเรื่องไร้สาระ จงใจใช้คำสั่งของฮ่องเต้เพื่อกวาดยาดี ๆ ในวังไป!อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะรู้จุดประสงค์ของซูชิงอู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ยกเว้นเพียงหมอหลวงซุน ตอนนี้ไม่มีใครได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้เลยบวกกับที่ตอนนี้หมอหลวงซุนยังเชื่อฟังคำแนะนำของซูชิงอู่ หากพวกเขาไม่รู้จักนิสัยของหมอหลวงซุนพวกเขาอาจคิดว่าเขาถูกซูชิงอู่ซื้อใจไปแล้ว...แน่นอนว่าไม่ได้ถูกซื้อตัวไปแต่ตอนนี้หมอหลวงซุนได้กลายเป็นลูกไล่ตัวน้อยของซูชิงอู่ไปแล้วแม้ซูชิงอู่จะเปิดเผยทักษะทางการแพทย์เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ได้รับประโยชน์จากนางมากมายซูชิงอู่ถูกจัดให้อยู่ในตำหนักใกล้กับพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน เพื่อให้สะดวกสำหรับนางที่จะไปเยี่ยมฮ่องเต้เฒ่าเหตุผลที่นางไม่ได้อาศัยอยู่ในห้องโถงด้านข้างของพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน ก็เพราะว่าเย่เสวียนถิงต้องอาศัยอยู่ในพร
เขาพูดว่า "อาอู่เองก็เก่งมากแล้ว"ซูชิงอู่ยกนิ้วขึ้น ลูบไล้โครงหน้าของเขา ดวงตาคู่นั้นดำสนิทสวยงาม ขณะมองชายตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยประกายไฟร้อนแรงนางไม่ได้ปฏิเสธว่าความเป็นเจ้าของของนางต่อเย่เสวียนถิงนั้นเหนือจินตนาการนางอยากจะอยู่ข้างเย่เสวียนถิงตลอดเวลาปลายนิ้วของนางหยุดอยู่บนริมฝีปากของเย่เสวียนถิง แม้ว่าริมฝีปากของเขาจะบางมาก แต่พวกเขาก็รู้สึกดีมาก อุณหภูมิต่ำกว่าปลายนิ้วของนางเล็กน้อยอาจเป็นเพราะร่างกายของนางร้อนอยู่แล้วซูชิงอู่หรี่ตา ปลายนิ้วไล้แผ่วเบาเหมือนไร้กระดูก แฝงยั่วเย้านางยิ้มแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องรู้ไหมว่าตัวเองก็เก่งมากเหมือนกัน?"เย่เสวียนถิง "..."แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ด้วยกันมานานแล้ว แต่เย่เสวียนถิงก็พบว่าตัวเองยังไม่ก้าวหน้าเลยตอนนี้เพียงซูชิงอู่ยั่วเย้านิดหน่อย หัวใจก็ควบคุมไม่อยู่ความสุขที่ไหลออกมาจากใจนั้นเหมือนจะท่วมท้นเขาทั้งหมดตอนนี้เย่เสวียนถิงไม่อยากสนใจอะไรอีกแล้ว อุ้มซูชิงอู่ไว้ในอ้อมแขนทันทีเสียงของเขาแหบต่ำ“จริงหรือ? อาจมีบางอย่างที่ทรงพลังกว่านี้…”......แม้จะอยู่ในวัง ซูชิงอู่ก็ไม่คิดที่จะตื่นเช้าพอตื่นขึ้น ตะวันก็ลอยขึ้นสูงแ
หลังจากยืนยันว่ายาในเม็ดยานั้นปลอดภัยแล้ว หมอหลวงซุนก็รู้สึกโล่งใจ เขาเทยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วป้อนให้ฮ่องเต้“พระชายาทราบไหมว่าฮ่องเต้จะฟื้นเมื่อไหร่?”ซูชิงอู่กระซิบ "น่าจะตอนเย็นนะ"หลังจากได้ยินสิ่งนี้หมอหลวงซุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่งซูชิงอู่ออกไปด้วยความเคารพ ในขณะที่เขาเฝ้าอยู่ในห้องและแล้วฮ่องเต้ผู้เฒ่าก็ตื่นขึ้นตอนใกล้ค่ำเขารู้สึกว่าร่างกายเบาสบายและมีชีวิตชีวาร่างกายดีขึ้นมาก ฮ่องเต้ผู้เฒ่ามีความสุขมากเช้าวันรุ่งขึ้นก็เข้าร่วมว่าราชการอีกครั้งขุนนางทุกคนต่างยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ต่างพากันแสดงความยินดีกับฮ่องเต้ที่ทรงฟื้นตัวอย่างรวดเร็วก่อนเที่ยงฮ่องเต้เฒ่ารู้สึกง่วงและกระสับกระส่ายอีกครั้ง หมอหลวงซุนหยิบยาที่ซูชิงอู่มอบให้เขา ส่งให้ฮ่องเต้เฒ่าเพื่อฟื้นคืนกำลังทุกอย่างดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติฮ่องเต้เฒ่ามอบรางวัลก้อนโตให้กับซูชิงอู่ และไม่ถือสาเรื่องที่นางนำสมุนไพรออกจากคลังยาในวังก่อนหน้านี้ซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงอยู่ในพระราชวังเพียงสามวันก็กลับมาที่จวน ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเย่เสวียนถิงอดไม่ได้
มุมปากของซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น นางโน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากของเขา แค่เห็นเขาอารมณ์ของนางก็ดีขึ้นทันทีความปรารถนาที่จะทำลายทุกสิ่งที่ถูกระงับไว้ในหัวใจของนางแต่เดิมได้หายไปนานแล้ว ด้วยความเอาใจใส่ของเขาในชีวิตครั้งก่อนแม้กระทั่งก่อนตาย ซูชิงอู่ยังคงยึดมั่นในหลักการของตนเอง ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์เหตุผลก็คือเขาเย่เสวียนถิงพยายามปกป้องประชาชนทั่วไปด้วยชีวิตของเขา แล้วนางจะทำร้ายคนบริสุทธิ์ได้อย่างไร?ซูชิงอู่พูดเบา ๆ “ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำสิ่งที่ผิดศีลธรรม ข้าเพียงต้องการปกป้องคนที่ข้าห่วงใยเท่านั้น”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเบา ๆ จูบหน้าผากของซูชิงอู่ แล้วค่อย ๆ เลื่อนลง"ข้าก็ด้วย..."......สองวันต่อมา ซูชิงอู่ก็ได้รับเชิญเข้าสู่พระราชวังเพราะถูกฮ่องเต้เฒ่าตามเข้าวังไปอีกครั้งอาการป่วยของซูเฟยได้รับการรักษาแล้ว แต่สีหน้ายังไม่ดีนัก เมื่อซูชิงอู่มาที่ตำหนักจิ้งอี๋ นางก็เห็นฮ่องเต้เฒ่ากำลังพูดคุยกับซูเฟยอยู่ซูเฟยดูมีท่าทางอับจนใจ และยังเรียกฮุ่ยเฟยและเต๋อเฟยมาอยู่ด้วยท้ายที่สุดแล้วนางอยู่กับฮ่องเต้เพียงลำพัง ก็จะน่าอึดอัดใจที่ไม่มีหัวข้อที่จะพูดคุยซูเฟยปิดริมฝีปา
ยาที่นางให้แก่ฮ่องเต้เฒ่าเรียกว่ายาเมานิทรา ตอนแรกกินแล้วจะทำให้กระปรี้กระเปร่า แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนจะกลายเป็นซึมเซาเหมือนหมดแรงและคนที่ถูกยาเมานิทรากัดกินนั้นเหมาะที่จะเป็นหุ่นเชิดมากที่สุดเขาจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ต้องกินยาเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปและนางใช้เครื่องหอมในวังเพื่อเร่งกระบวนการนี้ ดังนั้นภายในสิบวันฮ่องเต้เฒ่าก็จะกลายเป็นเบี้ยในมือของนางนี่เป็นก้าวแรกของนางในการเผชิญหน้ากับภูเขาศักดิ์สิทธิ์หลังจากเฝ้าดูฮ่องเต้เฒ่าจากไป ซูเฟยก็ขมวดคิ้วทันทีและขอให้นางนั่งลง "เจ้ายังตั้งครรภ์อยู่ยังต้องวิ่งวุ่นทั้งในวังและนอกวัง คงลำบากแย่เลย"ซูชิงอู่จับชีพจรของซูเฟย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ขับไล่พิษเย็นในร่างกายของนางไปแล้ว จากนั้นนางก็ยิ้ม "ไม่เป็นไรเพคะ ไม่ไกลเท่าไร นั่งรถม้าไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว"“แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น แต่หากรถม้าสะเทือนเล่า?”หลังจากที่ซูเฟยพูดด้วยความกังวลใจ นางก็ยิ้มและพูดว่า "แต่ก็ดีที่เจ้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้า เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าได้ดอกไม้สวย ๆ มาเยอะเลยในสวน เจ้าสนใจดูไหม?"ฮุ่ยเฟยก็ยืนขึ้นจากด้านหลังแล้วกล่าวว่า"เต๋อเฟยและข้าได้เห็นแล้ว ดอกไม้เหล
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้