พูดจบ เขาก็เห็นคนคนนั้นถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์อยู่ข้างในตอนนี้เย่อวิ๋นถูสามารถเดินได้อย่างอิสระแล้ว และท่าทางที่อ่อนแอของเขาในตอนกลางวันถือเป็นการแสร้งทำอย่างเห็นได้ชัดอู๋หลางมองพลางค่อย ๆ ส่งเสียงเย็นออกมา “องค์ชายสามมาหาข้าถึงที่นี่ไม่ทราบว่าธุระสำคัญอะไรหรือ?”ด้านหลังเย่อวิ๋นถูมีองครักษ์ลับตามมาด้วยหนึ่งคนเพื่อคอยระวังความปลอดภัยให้เขาทุกย่างก้าวเขามีสีหน้าเย็นชา ทำมือคำนับให้อู๋หลางแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อของข้าประชวรหนัก อีกทั้งไทเฮาทรงช่วยตระกูลมู่หรงของข้ามาเสมอ ดังนั้นพระนางจึงไม่ได้รับความไว้วางใจจากเสด็จพ่ออีก ตอนนี้ตระกูลมู่หรงแทบจะไม่สามารถกลับเข้าราชวงศ์ไปได้ อีกทั้งยังทรงให้ท่านตาของข้ากลับบ้านเกิดไปคิดทบทวน…”หลังจากอู๋หลางฟังอีกฝ่ายพูดจบ “แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ?”เย่อวิ๋นถูกล่าวว่า “ข้ามาหาองค์ชายใหญ่เพื่อถามว่าท่านเต็มใจที่จะแต่งงานกับหมิงเยว่น้องสาวของข้าหรือไม่ รอข้าได้ดองกับองค์หญิงแห่งแคว้นฉีตะวันออกเสียก่อน เราทั้งสามฝ่ายจะเป็นหนึ่งเดียว และจะมีอำนาจอย่างมาก”อู๋หลางหรี่ตา “ท่านก็ทะเยอทะยานใช้ได้นะ!”เย่อวิ๋นถูพูดอย่างเย็นชา “หากข้าไ
อู๋หลางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ได้ หากขุดพบ สามส่วนจะเป็นของท่านและท่านต้องจัดการกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตามมาให้สะอาดหมดจด อย่าให้สาวมาถึงข้าได้ หากเกิดอะไรขึ้น ท่านจะต้องรับผิดชอบ!”เย่อวิ๋นถูถาม “แล้วชีพจรมังกรที่ท่านพูดถึงอยู่ที่ไหนล่ะ?”อู๋หลางพูดเนิบ ๆ “สุสานหลวงแคว้นหนานเย่!”“อะไรนะ?”เย่อวิ๋นถูตกใจตาเบิกกว้างอู๋หลางใจกล้าเกินไปแล้ว นี่คิดจะไปขุดสุสานหลวงจริง ๆ เรอะ!ที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนน่ะหรือ? เป็นสถานที่ฝังศพของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกราชวงศ์ในแคว้นหนานเย่ ไม่ว่าจะเป็นนางสนมหรือบรรพบุรุษของฮ่องเต้ พวกเขาทั้งหมดนอนทอดร่างอยู่ที่นั่น!ที่บอกว่ามีสมบัติอยู่ที่นั่นนั้นแน่นอนว่ามันมีจริง วัตถุที่ฝังไปกับศพไม่มากในสุสานไม่รู้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่หากคิดจะเข้าไปก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากทางราชวงศ์อาจจัดกองกำลังทหารเฝ้ายามในสุสานหลวงไว้การแสดงออกของเย่อวิ๋นถูเปลี่ยนไป “ล้มเลิกความคิดไปเถอะ ข้าจะไม่พาท่านไปที่นั่น"อู๋หลางหลุบตาลง “เนื่องจากองค์ชายสามไม่ให้ความร่วมมือ หมายความว่าไม่มีความจริงใจ เมื่อตอนนั้นก็อย่าตำหนิข้าที่เปิดเผยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และทำลายอนาคตขององค
ซูชิงอู่ยังไม่รู้ว่านางแข็งแกร่งแค่ไหนในสายตาของหมอหลวงซุนนางส่งคนไปแจ้งเย่เสวียนถิง และตามหมอหลวงซุนออกไปเนื่องจากมีองครักษ์เงามากมายอยู่รอบตัวคอยปกป้องนาง ตอนนี้เย่เสวียนถิงจึงรู้สึกวางใจหากนางจะเดินทางไปที่ไหน นั่นยังไม่รวมซูเฟยและคนอื่น ๆ ที่คอยดูแลนางหลังจากเข้าวังไปตลอดทางไปยังพระราชวังที่ฮ่องเต้ทรงกำลังพักฟื้นอยู่ ซูชิงอู่ก็ตกใจกับเหตุการณ์หนึ่งทันทีที่นางเข้ามาบรรดาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงรวมตัวกันข้างนอก ทุกคนมีสีหน้าเศร้าสร้อย มือจับพู่กันพลางศึกษาใบสั่งยาเมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าหมอหลวงซุนมา พวกเขาก็รีบเข้ามาทักทายทันที “หมอหลวงซุน ท่านกลับมาจากออกไปข้างนอกแล้วเช่นนี้ หรือว่าท่านจะหาวิธีได้แล้ว?”หมอหลวงซุนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าคิดวิธีออกแล้ว”เมื่อหมอหลวงคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงความประหลาดใจและชื่นชม “สมกับที่เป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวง หมอหลวงซุนชื่อเสียงสมคำร่ำลือ!”“หมอหลวงซุนช่างเก่งกาจและมีทักษะด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ข้าจะกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับท่านได้อย่างไรล่ะนี่?”หมอหลวงซุนรู้สึกประทับใจกับเสียงชื่นชมของบรรดาเพื่อนร่วมงาน เขาวางมือไว้ระดับ
เมื่อฮองเฮาได้ยินสิ่งที่นางพูด ใบหน้าของพระนางก็เปลี่ยนสีด้วยความโกรธทั้งยังไหล่สั่นเล็กน้อยดวงตาของพระนางดูเคร่งขรึม และครู่ต่อมาพระนางก็ยกมือตบหน้าซูชิงอู่ซูชิงอู่เห็นอีกฝ่ายโกรธเพราะความอับอาย สายตาของนางก็ฉายแววเยาะเย้ยแม้จะเป็นฮองเฮา แต่ความฉลาดเฉลียวของพระนางก็เทียบกับไทเฮาไม่ได้เลยแม้แต่น้อยไทเฮาเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ฉลาดหลักแหลม แม้ตอนนี้พระนางจะตกต่ำแต่ก็ยังไม่พ่ายแพ้ซูชิงอู่คว้ามือที่ฮองเฮาฟาดลงมานางเลิกคิ้วมองฮองเฮาที่พยายามดึงมือของตนออก แต่ก็ทำไม่สำเร็จฮองเฮาสีหน้าไม่สู้ดี นางกำนัลอาวุโสหลายคนที่เห็นก็เข้ามาช่วยฮองเฮาแกะมือนางออก ซูชิงอู่จึงปล่อยมือฮองเฮาที่ออกแรงมากเกินไปจึงสูญเสียการทรงตัวและเอนไปข้างหลังโชคดีที่นางกำนัลอาวุโสสองสามคนที่สายตาไวและมือไวคว้าพระนางเอาไว้ได้ทัน ฮองเฮาจึงไม่ได้ล้มไปจนมีสภาพน่าเกลียดมากนักฮองเฮามู่หรงเหลือบมองข้อมือแดงของตน พลางชี้หน้าซูชิงอู่แล้วพูดด้วยความโกรธ “กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายข้า!”ซูชิงอู่ยิ้มเยาะ “ฮองเฮาทรงตรัสผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันแค่ปกป้องตัวเอง หม่อมฉันไปทำร้ายพระองค์ตอนไหนเพคะ? มีแต่พระองค์ที่ตบหม่อมฉันโดยไม่มีเห
หมอหลวงซุนสอบถามอย่างรวดเร็วราวกับกำลังขอคำแนะนำ “ขอพระชายาโปรดชี้แนะด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ซูชิงอู่ให้คนนำพู่กันและหมึกมา จากนั้นก็เขียนใบสั่งยาภายใต้สีหน้าตกตะลึงของหมอหลวงวัตถุดิบยาในใบสั่งยาเหมือนกับที่สำนักหมอหลวงสั่งทุกประการสิ่งสำคัญคือพวกเขาไม่เคยเอาใบสั่งยาให้ซูชิงอู่ดู!มีคนดึงแขนเสื้อของหมอหลวงซุนแล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านได้บอกวัตถุดิบยาให้พระชายารู้รึเปล่า?”หมอหลวงซุนส่ายหัว “ข้าไม่มีเวลาได้พูดด้วยซ้ำ”คนอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อถึงอย่างไร มีเพียงสำนักหมอหลวงเท่านั้นที่สามารถสั่งจ่ายยาสำหรับอาการป่วยของฮ่องเต้ได้ นอกจากนั้นหมอหลวงทุกคนก็ต้องมาประชุมเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันแต่ทว่าซูชิงอู่กลับทำตัวสบาย ๆ เพียงแค่นั่งอยู่ที่นี่ได้ไม่นานและสูดดมกลิ่นยาเข้าไป ก็สามารถแยกแยะวัตถุดิบยาทั้งหมดได้?ช่าง...น่าทึ่งจริง ๆ !“พวกท่านให้ยาฝ่าบาทตามใบสั่งยาที่ข้าให้ไป ไม่เกินสามวันก็จะเห็นผล”หมอหลวงซุนรีบหยิบใบสั่งยาไปเหมือนมันเป็นสมบัติ “ไปหยิบยามาตามนี้!”หมอหลวงหนุ่มออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย ฮองเฮาที่เห็นผ่านประตูว่าหมอหลวงซุนเชื่อฟังอีกฝ่ายมาก สีหน้าของนางก็ขรึม
เพราะสาเหตุหลักของอาการป่วยก็คือพิษไอเย็นพิษไอเย็นนี้กัดกร่อนร่างกายของฮ่องเต้มาตลอดทั้งปี ตอนนี้มันกำลังค่อย ๆ ลุกลาม ตอนนี้เพียงแค่เริ่มมีอาการกำเริบขึ้นมาเท่านั้นซูชิงอู่พูดกับหมอหลวงซุนว่า “หมอหลวงซุน ท่านดูออกหรือไม่ว่าฝ่าบาทถูกวางยาพิษ?”เมื่อหมอหลวงซุนได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด เขาก็ทำสีหน้างุนงง “พิษอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”ว่าแล้วเชียว…เป็นเรื่องปกติที่หมอหลวงซุนจะมองไม่เห็นเพราะพิษนี้ร้ายกาจเกินไปหากนางไม่เคยสัมผัสมันมาก่อนในชีวิตก่อนหน้านี้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจพบความแตกต่างระหว่างพิษไอเย็นกับโรคหวัดทั่วไปสาเหตุที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สามารถยืนหยัดได้ตลอดทั้งปีก็เนื่องมาจากมรดกที่สืบทอดมานับพันปีอีกฝ่ายสามารถควบคุมราชวงศ์ได้โดยอาศัยการเสาะหาหมอมากความสามารถที่มีทักษะด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและมีทักษะการใช้กู่ที่โดดเด่นซูชิงอู่อยู่กับพิษมาเป็นเวลาสามปีในชีวิตก่อนหน้าของนาง ก่อนที่นางจะเข้าใจพิษทุกประเภทอย่างถ่องแท้หากนางไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ เกรงว่าวันนี้นางคงไม่เข้าใจอะไรเลยซูชิงอู่ได้สติกลับมา พลางมองไปที่หมอหลวงซุนและพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะสอนวิธีการฝังเข็มชุดห
“หากเมล็ดบัวยังไม่สุกก็จะมีพิษเย็นตกค้างอยู่เล็กน้อย ซึ่งไม่อาจสังเกตเห็นได้เลย ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะแสดงอาการออกมา”หมอหลวงซุนตะลึง "พระชายาหมายความว่า โรคของฝ่าบาทเกี่ยวข้องกับเม็ดบัวเหล่านี้หรือ?"ซูชิงอู่พยักหน้าหมอหลวงซุนดูหวาดกลัวและถามว่า “เม็ดบัวเหล่านี้ใครเป็นคนถวายฝ่าบาท?”ขันทีตัวน้อยก็โน้มตัวไปทำความเคารพทันที “คือ...คือท่านราชครูมอบให้ฮ่องเต้ใช้เพื่อบำรุงร่างกาย ว่ากันว่าทำให้จิตใจสดชื่น ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงชอบมันมาก”เป็นราชครูเฒ่าอีกแล้ว...ตอนนี้ราชครูเฒ่าตายไปแล้ว แม้ว่าจะพบเบาะแสแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ซูชิงอู่จึงสั่งให้ขันทีหนุ่มทำลายเมล็ดบัวให้หมด ก่อนที่จะออกจากวังและกลับไปที่จวนของนางทันทีที่นางเข้าไปก็เห็นเย่เสวียนถิงยืนอยู่รอนางอยู่ที่ประตูนางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มและเดินเข้ามาหาเขาแต่ทันทีที่นางเข้าใกล้มากขึ้นชายคนนั้นก็จับเอวของนางไว้ดวงตาของเย่เสวียนถิงมืดครึ้มและเขาก็วางคางไว้บนไหล่ของซูชิงอู่“เหตุใดเจ้าถึงวิ่งออกไปอีก? ข้ากลับมาไม่เจอเจ้า ข้ากังวลมาก”เสียงของเย่เสวียนถิงวนเวียนรอบหูของซูชิงอู่ และทันใดนั้นซูชิงอู่ก็รู้สึกว่าในน้ำเสีย
“ท่านอ๋อง~”เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินเสียงที่มีปลายเสียงออดอ้อนเล็กน้อยนี้ ก็รู้สึกเหมือนหนังหัวชาไปหมดร่างกายของเขาแข็งทื่อ ขาที่จะก้าวจากไปก็หยุดชะงักลงทันทีเขากลืนน้ำลายหลายครั้ง เย่เสวียนถิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแขนของซูชิงอู่โอบรอบตัวเขาราวกับงูน้ำ คิ้วของนางงดงามดวงตาของนางมีเสน่ห์ราวกับผ้าไหมและร่างกายของนางเต็มไปด้วยความงามที่ผู้คนไม่อาจละสายตาได้นางกะพริบตาแล้วเอามือคล้องคอเขา“ข้าไม่ค่อยสบายตัว อยากอาบน้ำ”หัวใจของเย่เสวียนถิงเต้นรัวเห็นได้ชัดว่าการหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้น เขาไม่สามารถต้านทานท่าทางของซูชิงอู่ได้เลยด้วยมือทั้งสองข้างที่แข็งแกร่งเย่เสวียนถิงอุ้มซูชิงอู่ขึ้นมา เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องยุ่ง ๆ เหล่านั้นอีกต่อไป เขาคิดถึงแต่สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า "ได้ ข้าจะให้คนเตรียมอ่างอาบน้ำให้เจ้า"ซูชิงอู่ไม่พูดอะไรและถูกเย่เสวียนถิงพาไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำร้อนอยู่น้ำอุ่นล่องลอย ไอน้ำลอยกระจายออกไป ซูชิงอู่เดินไปที่ด้านหลังฉากเย่เสวียนถิงไม่ได้ตามเขาเข้าไป แต่ยืนอยู่ที่ประตู รอให้ซูชิงอู่ทำธุระเสร็จแล้วออกมาเองนับตั้งแต่