แน่นอนว่า แม้ว่าราชครูจะเดินมาตรงหน้านาง นางก็ไม่อาจแสดงพิรุธได้ เพราะในเวลานั้นมีเพียงนางและเย่เสวียนถิงเท่านั้นที่เห็นว่าแขนของราชครูถูกตัดจนขาดแม้ว่าเซียวเฝิงจะนำแขนของเขากลับมาในภายหลัง แต่ก็ไม่แน่ว่าแขนนั้นจะเป็นของเขา ราชครูคนนี้เพียงหาข้ออ้างสองสามคำก็แก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายใบหน้าของฮ่องเต้เฒ่าเคร่งขรึม เนื่องจากพิธีสักการะต้องหยุดชะงัก จึงทำให้ทุกอย่างถูกเลื่อนออกไปจู่ ๆ ราชครูก็เดินเข้ามาหาฮ่องเต้ เสียงยังคงต่ำและลุ่มลึกเหมือนเดิม "ฝ่าบาท ค้นหาต่อไปอย่างนี้กระหม่อมไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใด กระหม่อมมีวิธีที่จะหาบุคคลนั้นได้เร็วขึ้น"ฮ่องเต้เฒ่าเลิกคิ้ว "ขอคำชี้แนะจากท่านราชครูด้วย"คนอื่น ๆ ก็มองดูเช่นกัน ใบหน้าของพวกนางซีดเผือด เพราะยังกลัวแมลงกู่ในครั้งที่แล้วไม่หาย“ข้าได้ยินมาว่ามีสุนัขป่าชนิดหนึ่งที่ไวต่อกลิ่นมาก แค่ให้มันดมกลิ่นก็จะรู้ได้ทันทีว่าใครนำหนูเหล่านี้มา”ฮ่องเต้เฒ่าก็ตระหนักได้ว่าคราวนี้ความคิดของเขาดูน่าเชื่อถือกว่าครั้งก่อนเรื่องของพวกแมลงพิษนั้น ส่วนใหญ่คนจะหวาดกลัวและไม่เชื่อถือมันแต่สุนัขนั้นแตกต่างออกไปเดิมทีสุนัขสามารถค้นหาร่องรอยข
ทว่าตอนนี้...ซูเฟยกอดซูชิงอู่แน่น เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวแทบตาย แต่นางก็ยังคงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องตนเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนางหรือลูกในท้องของนาง เหตุการณ์นี้ก็ได้แสดงให้เห็นสิ่งหนึ่งนั่นคือซูเฟยถือว่านางเป็นลูกอย่างแท้จริงซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นขณะที่นางกำลังครุ่นคิด สุนัขป่าสองตัวก็ก้าวเข้ามาหาแล้วแต่พวกมันก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกต่อไปขณะนั้นก็มีร่างเงาร่างหนึ่งที่ไม่รู้ที่มาพุ่งมาด้านหลังของสุนัขป่าสองตัวนั้น และคว้าขาหลังของพวกมันไว้ฝั่งละข้างจากนั้นสุนัขป่าที่บ้าคลั่งก็ตกลงมาจากอากาศสู่พื้น อุ้งเท้าหน้าของมันยังคงเกาะพื้น แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมที่อยู่ด้านหลังได้ดวงตาอันเย็นชาของเย่เสวียนถิงเต็มไปด้วยความอาฆาต ทันใดนั้นเขาก็ออกแรงที่แขนและเหวี่ยงสุนัขป่าสองตัวที่มีน้ำหนักสองร้อยจินออกไปความแข็งแกร่งของแขนที่น่าทึ่งเช่นนี้ทำให้ผู้คนมากมายรอบตัวเริ่มเลิ่กลั่กแม้แต่ฮ่องเต้เฒ่าก็ยังประหลาดใจอย่างยิ่งเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดทันที “เร็ว จับสุนัขป่าไว้!”ร่างกายของซูเฟยยังคงสั่นเทาเมื่อซูชิงอู่เห็นว่าช่วงเวลาวิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว นางก็
ซูชิงอู่ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี นางไม่โง่พอที่จะปล่อยให้ราชครูเข้ามาใกล้“ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านราชครูหรอกเพคะ”ราชครูเฒ่าเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเขาส่อประกายมืดมนเขาไม่สนใจว่าซูชิงอู่จะตกลงหรือไม่ ดังนั้นหลังจากถูกปฏิเสธ เขาก็เดินกลับมาอยู่ข้างฮ่องเต้เฒ่าเรื่องตรวจสอบที่มาการโจมตีของสุนัขป่าจบโดยที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และคนเหล่านั้นต้องกลับเข้าไปในโถงทางเดินอีกครั้งเพื่อเข้ารับการตรวจค้นเวลาค่อย ๆ ผ่านไป และไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยงวัน“ฝ่าบาท นางสนมทั้งหมดได้รับการตรวจสอบแล้ว ไม่พบสิ่งใดผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ!”“เป็นไปได้อย่างไร?”สีหน้าของฮ่องเต้เฒ่าแข็งค้าง ดูแปลกไปเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่ามีคนนำหนูเข้ามา การที่มันบุกเข้าไปในตำหนักที่บรรดานางสนมอาศัยก็คงจะฝีมือของสนมคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นหลังจากตรวจสอบรอบหนึ่งแล้วก็ไม่พบสิ่งใด ทำให้ฮ่องเต้เฒ่าประหลาดใจใครกันแน่ที่สามารถนำบางสิ่งเข้ามาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ถูกจับได้เช่นนี้?เจียวกุ้ยเฟยลูบผมแล้วพูดว่า “เมื่อครู่สุนัขป่าสองตัวก็ถูกพระชายาเสวียนดึงดูดเช่นกัน เป็นไปได้ไหมเพคะที่หนูก็ถูกนางดึงดูดมาด้วย? อาจมีกลิ่นพิเศษบางอย่างบนร่างกายของนา
มีเพียงสัตว์เท่านั้นที่สามารถได้กลิ่นมันอย่างชัดเจนหลังจากใช้กลิ่นนี้กับร่างกายแล้วกลิ่นจะไม่จางหายไปอย่างน้อยครึ่งเดือน ซึ่งแม้จะใช้ในปริมาณน้อย แต่ก็ต้องจ่ายในราคาที่สูงมากเพื่อที่จะได้มันมาใช้เครื่องหอมอันล้ำค่ากับร่างกายของนางเช่นนี้ คงไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสินะทันใดนั้นเสียงของเย่เสวียนถิงก็เย็นลง “เหตุใดไทเฮาถึงโจมตีเจ้าด้วย?”ซูชิงอู่ปลอบใจเขา “บางทีเด็กในท้องของข้าอาจกำลังขวางทางใครบางคนอยู่”ตอนนี้เด็กคนนี้อายุครรภ์เพียงสองเดือน ซูชิงอู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่มีการโจมตีอย่างเปิดเผยและแอบแฝงมากมายในชาติก่อน นางตั้งครรภ์หลังจากผ่านไปสี่ปี เย่เสวียนถิงอยู่เคียงข้างนางเกือบทุกย่างก้าวเพื่อเด็กที่มาเกิดได้อย่างยากเย็นคนนี้ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่มั่นคง นางปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพและไม่ทะเลาะกันอีกยิ่งไปกว่านั้นนางอยากมีลูกเป็นของตัวเองจริง ๆจนกระทั่งเย่เสวียนถิงออกจากเมืองหลวง ซูชิงอู่ต้องเผชิญกับอันตรายเป็นครั้งแรก ตอนนี้นางรู้แล้วว่ามีคนมากมายที่คิดร้ายต่อลูกในท้องของนางนางยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง ไม่เพียงแต่ไทเฮาและคนอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคนในภูเขาศักดิ
ขณะที่ซูชิงอู่กำลังจะลุกขึ้น นางก็ถูกเย่เสวียนถิงรั้งไว้เขากระซิบ “เจ้ารออยู่ในรถ ข้าจะลงไปดูเอง”ซูชิงอู่พยักหน้าและนั่งในรถม้าอย่างเชื่อฟังเย่เสวียนถิงลงจากรถตามคนขับแล้วมองไปทางด้านหลังเป็นดังที่คาดไว้ มีชายเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นข้างรถม้าแต่อีกฝ่ายกลับนอนอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วเย่เสวียนถิงมองอย่างระแวดระวังพลางเดินไปด้านข้างชายคนนั้น เขายกมือคว้าไหล่ของชายคนนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เขาหรี่ตาลงและต้องการตรวจลมหายใจของชายคนนั้น แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นชายคนนั้นอ้าปาก“ฟึ่บ!”ในค่ำคืนที่มืดมิด จู่ ๆ ก็มีบางสิ่งพุ่งออกมาจากปากของชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้นสีหน้าของเย่เสวียนถิงแข็งทื่อ แต่เขาไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก เขาเตรียมตัวป้องกันอย่างสมบูรณ์เกือบจะในพริบตาทันใดนั้นเข็มขนาดเล็กสีดำสนิทก็แทงเข้าที่ด้ามดาบของเย่เสวียนถิง ทำให้เกิดเสียงดังก้องเย่เสวียนถิงเล็งดาบในมือของเขาและแทงคอของชายคนนั้นอย่างไม่ลังเลทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาแม้แต่ซูชิงอู่ที่อยู่ในรถม้าก็ยังไม่รู้ว่ามีการต่อสู้ข้
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เรียกได้ว่าสำนักหลัวซาระดมกำลังคนทั้งหมดที่ประจำการอยู่ในแคว้นหนานเย่เดินทางมาแม้จะเผชิญหน้ากับปรมาจารย์มีฝีมือมากมาย แต่เย่เสวียนถิงก็ไม่ได้แสดงความหวั่นกลัวออกมาทางสีหน้าแต่ตอนนี้เขาถูกล้อมเอาไว้ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพาซูชิงอู่ออกไปเพื่อหาสถานที่ปลอดภัยเย่เสวียนถิงจุดพลุส่งสัญญาณที่พกมาด้วยอย่างไม่ลังเล แสงไฟปะทุขึ้นไปบนอากาศ อีกไม่นานกองกำลังเสริมคงจะมาถึง!ซูชิงอู่มองเห็นความกังวลบนใบหน้าของเย่เสวียนถิงจึงยิ้มทันที “ท่านอ๋อง ไม่ต้องห่วงข้า ข้าปกป้องตัวเองได้”ทว่าเย่เสวียนถิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายลง เขาปกป้องซูชิงอู่ไว้ข้างหลังอย่างแน่นหนา พลางพูดปลอบใจ “ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายเส้นผม”ทันทีที่กล่าวจบ คนของสำนักหลัวซาก็พุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วผู้นำทั้งสองที่เดินมา ในเวลาชั่วพริบตาก็สามารถประชิดตัวเย่เสวียนถิงได้เย่เสวียนถิงยกดาบขึ้นเพื่อรับการโจมตี ร่างของเขาเร็วกว่าคู่ต่อสู้เล็กน้อยเมื่อเห็นเย่เสวียนถิงรับดาบของตนได้ ชายหน้ากากปีศาจที่อยู่ตรงหน้าก็ตกตะลึงอยู่คร
กลุ่มนักฆ่าที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึงแม้แต่นักฆ่าที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเขาก็ไม่สามารถจับลูกธนูจำนวนหนึ่งที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงในยามค่ำคืนเช่นนี้ได้!แม้พวกเขาจะรู้มานานแล้วว่าเย่เสวียนถิงมีทักษะศิลปะการต่อสู้อันลึกซึ้งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่พวกเขาก็ได้กระจ่างแจ้งแล้วเมื่อเห็นในวันนี้!ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายพาคนไปทำลายฐานที่มั่นหลายแห่งของตน จนกลายเป็นที่หมายหัวของทั้งสำนักหลัวซา ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ารับงานนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน!ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่ซูชิงอู่ก็ยังตกตะลึงแม้นางจะรู้ว่าเย่เสวียนถิงแข็งแกร่ง แต่มันก็มีขีดจำกัดนางไม่รู้ว่าเย่เสวียนถิงมีพลังมากจนเขาสามารถจับลูกธนูได้ด้วยมือเปล่า...เย่เสวียนถิงขว้างลูกธนูออกไปในทันที นักฆ่าที่ถูกลูกธนูก็ตายในทันทีหลายคนเห็นเพื่อนพ้องตายคาที่ก่อนจะได้ตอบโต้การเคลื่อนไหวของนักฆ่าหยุดชะงัก ทุกคนต่างจ้องมองไปทางเย่เสวียนถิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีแม้ปีศาจสวรรค์ทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าก็มีท่าทางที่ค่อนข้างเคร่งเครียดในเวลานี้ทักษะศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาเอาไปเทียบกับพวกปลาซิวปลาสร้อยที่อยู่รอบตัวไม่ได้อย่างแน่นอนน่าเสียด
“มัน คะ คือ…พิษ!”ถึงจะรู้ว่าคือสิ่งใด แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะตอบโต้ในตอนนี้แม้วิธีการที่ซูชิงอู่ใช้จะไม่ฉลาดนักและมีข้อเสียร้ายแรง แต่ด้วยความช่วยเหลืออุดช่องโหว่โดยเย่เสวียนถิง ข้อเสียเหล่านี้ก็หายไปอย่างสิ้นเชิงในการต่อสู้แบบเผชิญหน้า ซูชิงอู่คงไม่สามารถเอาชนะปรมาจารย์เหล่านี้ได้ แต่ในแง่ของการใช้หนอนกู่และพิษ ตอนนี้นางไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นเย่เสวียนถิงเดินไปหาคนสองคนที่ตัวแข็งทื่อ เขาค่อย ๆ ยกดาบขึ้นและกำลังจะฟาดลงไปหมายเอาชีวิตของพวกเขาแต่ในชั่วพริบตา ก็มีควันและฝุ่นกระจายไปทั่ว ควันจากระเบิดนั้นปกคลุมพวกเขาทั้งสองเอาไว้เย่เสวียนถิงหลับตาเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งใดในควันทำร้ายเขา ทว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง นักฆ่าทั้งสองก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเขาอยากจะไล่ตามไปแต่ก็ไม่ได้ขยับเขาเพียงแค่หยิบดาบทั้งสองเล่มจากพื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ พลางชี้พวกมันไปในทิศทางเดียวไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วขว้างพวกมันออกไปทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องลอยมาจากระยะไกล เขาหรี่ตาลงและลดมือลงเล็กน้อยอย่างไม่พอใจเขาหันกลับมาด้วยแววตารู้สึกผิด “มีคนช่วยพวกเขาไว้”ซูชิงอู่ดูผ่อนคลาย นางยิ้ม