ขณะที่ซูชิงอู่กำลังจะลุกขึ้น นางก็ถูกเย่เสวียนถิงรั้งไว้เขากระซิบ “เจ้ารออยู่ในรถ ข้าจะลงไปดูเอง”ซูชิงอู่พยักหน้าและนั่งในรถม้าอย่างเชื่อฟังเย่เสวียนถิงลงจากรถตามคนขับแล้วมองไปทางด้านหลังเป็นดังที่คาดไว้ มีชายเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นข้างรถม้าแต่อีกฝ่ายกลับนอนอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วเย่เสวียนถิงมองอย่างระแวดระวังพลางเดินไปด้านข้างชายคนนั้น เขายกมือคว้าไหล่ของชายคนนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เขาหรี่ตาลงและต้องการตรวจลมหายใจของชายคนนั้น แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นชายคนนั้นอ้าปาก“ฟึ่บ!”ในค่ำคืนที่มืดมิด จู่ ๆ ก็มีบางสิ่งพุ่งออกมาจากปากของชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้นสีหน้าของเย่เสวียนถิงแข็งทื่อ แต่เขาไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก เขาเตรียมตัวป้องกันอย่างสมบูรณ์เกือบจะในพริบตาทันใดนั้นเข็มขนาดเล็กสีดำสนิทก็แทงเข้าที่ด้ามดาบของเย่เสวียนถิง ทำให้เกิดเสียงดังก้องเย่เสวียนถิงเล็งดาบในมือของเขาและแทงคอของชายคนนั้นอย่างไม่ลังเลทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาแม้แต่ซูชิงอู่ที่อยู่ในรถม้าก็ยังไม่รู้ว่ามีการต่อสู้ข้
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เรียกได้ว่าสำนักหลัวซาระดมกำลังคนทั้งหมดที่ประจำการอยู่ในแคว้นหนานเย่เดินทางมาแม้จะเผชิญหน้ากับปรมาจารย์มีฝีมือมากมาย แต่เย่เสวียนถิงก็ไม่ได้แสดงความหวั่นกลัวออกมาทางสีหน้าแต่ตอนนี้เขาถูกล้อมเอาไว้ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพาซูชิงอู่ออกไปเพื่อหาสถานที่ปลอดภัยเย่เสวียนถิงจุดพลุส่งสัญญาณที่พกมาด้วยอย่างไม่ลังเล แสงไฟปะทุขึ้นไปบนอากาศ อีกไม่นานกองกำลังเสริมคงจะมาถึง!ซูชิงอู่มองเห็นความกังวลบนใบหน้าของเย่เสวียนถิงจึงยิ้มทันที “ท่านอ๋อง ไม่ต้องห่วงข้า ข้าปกป้องตัวเองได้”ทว่าเย่เสวียนถิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายลง เขาปกป้องซูชิงอู่ไว้ข้างหลังอย่างแน่นหนา พลางพูดปลอบใจ “ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายเส้นผม”ทันทีที่กล่าวจบ คนของสำนักหลัวซาก็พุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วผู้นำทั้งสองที่เดินมา ในเวลาชั่วพริบตาก็สามารถประชิดตัวเย่เสวียนถิงได้เย่เสวียนถิงยกดาบขึ้นเพื่อรับการโจมตี ร่างของเขาเร็วกว่าคู่ต่อสู้เล็กน้อยเมื่อเห็นเย่เสวียนถิงรับดาบของตนได้ ชายหน้ากากปีศาจที่อยู่ตรงหน้าก็ตกตะลึงอยู่คร
กลุ่มนักฆ่าที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึงแม้แต่นักฆ่าที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเขาก็ไม่สามารถจับลูกธนูจำนวนหนึ่งที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงในยามค่ำคืนเช่นนี้ได้!แม้พวกเขาจะรู้มานานแล้วว่าเย่เสวียนถิงมีทักษะศิลปะการต่อสู้อันลึกซึ้งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่พวกเขาก็ได้กระจ่างแจ้งแล้วเมื่อเห็นในวันนี้!ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายพาคนไปทำลายฐานที่มั่นหลายแห่งของตน จนกลายเป็นที่หมายหัวของทั้งสำนักหลัวซา ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ารับงานนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน!ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่ซูชิงอู่ก็ยังตกตะลึงแม้นางจะรู้ว่าเย่เสวียนถิงแข็งแกร่ง แต่มันก็มีขีดจำกัดนางไม่รู้ว่าเย่เสวียนถิงมีพลังมากจนเขาสามารถจับลูกธนูได้ด้วยมือเปล่า...เย่เสวียนถิงขว้างลูกธนูออกไปในทันที นักฆ่าที่ถูกลูกธนูก็ตายในทันทีหลายคนเห็นเพื่อนพ้องตายคาที่ก่อนจะได้ตอบโต้การเคลื่อนไหวของนักฆ่าหยุดชะงัก ทุกคนต่างจ้องมองไปทางเย่เสวียนถิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีแม้ปีศาจสวรรค์ทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าก็มีท่าทางที่ค่อนข้างเคร่งเครียดในเวลานี้ทักษะศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาเอาไปเทียบกับพวกปลาซิวปลาสร้อยที่อยู่รอบตัวไม่ได้อย่างแน่นอนน่าเสียด
“มัน คะ คือ…พิษ!”ถึงจะรู้ว่าคือสิ่งใด แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะตอบโต้ในตอนนี้แม้วิธีการที่ซูชิงอู่ใช้จะไม่ฉลาดนักและมีข้อเสียร้ายแรง แต่ด้วยความช่วยเหลืออุดช่องโหว่โดยเย่เสวียนถิง ข้อเสียเหล่านี้ก็หายไปอย่างสิ้นเชิงในการต่อสู้แบบเผชิญหน้า ซูชิงอู่คงไม่สามารถเอาชนะปรมาจารย์เหล่านี้ได้ แต่ในแง่ของการใช้หนอนกู่และพิษ ตอนนี้นางไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นเย่เสวียนถิงเดินไปหาคนสองคนที่ตัวแข็งทื่อ เขาค่อย ๆ ยกดาบขึ้นและกำลังจะฟาดลงไปหมายเอาชีวิตของพวกเขาแต่ในชั่วพริบตา ก็มีควันและฝุ่นกระจายไปทั่ว ควันจากระเบิดนั้นปกคลุมพวกเขาทั้งสองเอาไว้เย่เสวียนถิงหลับตาเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งใดในควันทำร้ายเขา ทว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง นักฆ่าทั้งสองก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเขาอยากจะไล่ตามไปแต่ก็ไม่ได้ขยับเขาเพียงแค่หยิบดาบทั้งสองเล่มจากพื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ พลางชี้พวกมันไปในทิศทางเดียวไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วขว้างพวกมันออกไปทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องลอยมาจากระยะไกล เขาหรี่ตาลงและลดมือลงเล็กน้อยอย่างไม่พอใจเขาหันกลับมาด้วยแววตารู้สึกผิด “มีคนช่วยพวกเขาไว้”ซูชิงอู่ดูผ่อนคลาย นางยิ้ม
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนทนไม่ไหวอีกต่อไปอีกคนหนึ่งเบิกตากว้างและพยายามอย่างหนักเพื่อพูดสิ่งที่คิดออกมา“แล้วก็ ระวัง...ระวังคน…” ก่อนที่เขาจะพูดจบ ปีศาจสวรค์ผู้นั้นก็สิ้นใจชายชุดดำ “...”เขาโกรธมากจนอยากจะจับคนที่พูดมาฆ่าอีกครั้งระวังอะไรก็ไม่พูดให้จบ!แม้ตายก็ใช่ว่าจะสบาย!ชายในชุดคลุมสีดำมีเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของเขา เขาอยากจะหั่นศพทั้งสองเป็นชิ้น ๆ แต่ถึงอย่างไรนั่นก็คือเพื่อนร่วมงานของเขา สุดท้ายเขาจึงโยนพวกเขาลงไปใน…ทะเลสาบดวงตาของชายชุดสีดำที่ซ่อนอยู่ในความมืดฉายแววดุดัน ในไม่ช้าเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาต้องรีบไปกระจายข่าวโดยเร็วที่สุดว่าขาของเย่เสวียนถิงหายดีแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่เพียงแต่ขาของชายคนนั้นจะหายดีแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเขายังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และยังน่ากลัวยิ่งขึ้นอีกด้วย!ไม่แปลกใจที่เขาเป็นถึงเทพเจ้าสงครามแห่งแคว้นหนานเย่ คงมีเพียงเจ้าสำนักหลัวซาตัวจริงเท่านั้นที่สามารถประมือกับเขาได้!……ณ จวนอ๋องเสวียน องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดและคนอื่น ๆ คุกเข่าเป็นแถว“ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษกระหม่อมและคนอื่น ๆ ที่ล้มเหลวในการอารักขา จนทำให้ท่านและ
หากมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย นางอาจจะทำอารมณ์ไปจุดธูปไหว้ที่หลุมศพของเขาเพื่อทำหน้าที่ในฐานะลูกสักวันหนึ่งเย่เสวียนถิงสั่งให้คนเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นก็พานางกลับไปพักผ่อนทว่าในเช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นจื่อก็มาที่ห้องของซูชิงอู่พร้อมความกังวล “พระชายา หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญจะเรียนแจ้งให้ทราบเพคะ”ซูชิงอู่ให้อีกฝ่ายเข้ามา นางยังตื่นไม่เต็มที่ดี“เรื่องสำคัญอะไร?”เย่เสวียนถิงไปที่ห้องหนังสือตั้งแต่เช้า คนรับใช้ที่อยู่รอบตัวนางทั้งหมดก็ถูกสั่งให้ออกไปเพื่อให้นางได้นอนต่ออีกสักหน่อยคนที่สามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระมีเพียงอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงอวิ๋นจื่อกล่าวว่า “มีคนติดประกาศบนแท่นหินที่ใจกลางเมืองหลวง มีเนื้อความว่าหากพระชายาไม่รีบไปที่เมืองเจียงหยางภายในสามวัน อัครเสนาบดีซูและฮูหยินเฒ่าซูจะถูกแขวนคอที่หน้าทางเข้าเมืองหลวงเพคะ!ซูชิงอู่กะพริบตา“อ้อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”อวิ๋นจื่อกล่าวทันที “การที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ คงเป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าท่านกับตระกูลซูไม่ถูกกัน เหตุผลคือต้องการทดสอบพระชายาว่าท่านจะยอมเสี่ยงเพื่ออัครเสนาบดีซูหรือไม่ อีกประการคือต้องการทำลายชื
ซูชิงอู่สั่งให้คนนำของออกไป จากนั้นก็ได้ยินซูหัวจิ่นพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “อาอู่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากให้เจ้าช่วย”ซูชิงอู่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่พูดมาได้เลย”“ช่วงนี้พี่ห้าของเจ้าออกจากบ้าน พี่สะใภ้ใหญ่จึงกลายเป็นเช่นนั้นอีกครั้ง หลายวันมานี้ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการและอยากให้เสี่ยวเป่าเอ๋อร์มาพักกับเจ้าที่นี่สักสองสามวัน เจ้าจะสะดวกหรือไม่”ดวงตาของซูชิงอู่เป็นประกายเมื่อนางนึกถึงเจ้าซาลาเปาน้อยที่แสนนุ่มนิ่ม ใจของนางก็ละลายไปหมด“ได้สิ ข้าไม่มีอะไรทำพอดี ที่จวนน่าเบื่อมาก แล้วคนอื่น ๆ ไปไหนกัน?”หลังจากที่นางพูดจบ ก็มีคนนอกประตูพานายน้อยเข้ามาทันทีที่เข้าไปในห้อง คุณชายน้อยที่แต่งตัวเรียบร้อยสะอาดสะอ้านก็วิ่งตรงมาด้วยขาสั้น ๆ จากนั้นเขาก็มากอดขาซูชิงอู่อย่างไม่เกรงกลัว“ท่านอา ท่านอา!”ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พลางลูบผมนุ่ม ๆ ของหนุ่มน้อยร่างเล็ก “ช่วงนี้เสี่ยวเป่าเอ๋อร์โตขึ้นอีกแล้ว นะเนี่ย”นางกำลังจะเอื้อมมือไปอุ้มเสี่ยวเป่าเอ๋อร์ แต่ก็ถูกซูหัวจิ่นห้ามไว้“เจ้ายังตั้งครรภ์อยู่ ฝากให้คนรับใช้ดูแลเถิด อย่าอุ้มเขาเองเลย”ซูชิงอู่มองท่าทางปร
แต่การที่นางมีส่วนร่วมในชาตินี้จึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นพี่น้องตระกูลซูเติบโตมาภายใต้ร่มเงาของอัครมหาเสนาบดีซู โดยเฉพาะพี่ใหญ่และพี่รอง พวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับพ่อแม่มาอย่างสมบูรณ์ต่างจากน้องสาวที่สูญเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยดังนั้นแม้จะผิดหวังในตัวอัครมหาเสนาบดีซู แต่ก็คงทนเห็นเขาตายต่อหน้าไม่ได้ซูหัวจิ่นขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้าอยู่บ้านดูแลลูกในครรภ์ของตัวเองให้ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น”ซูชิงอู่รู้ดีว่าแม้จะถามไปพี่ใหญ่ก็จะไม่บอกอะไร มิสู้ไปสืบหาด้วยตัวเองจะดีกว่า“เจ้าค่ะ”หลังจากส่งพี่ใหญ่กลับไปแล้ว ซูชิงอู่ก็เรียกองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดมาทันที“ไปสืบให้ทีว่าตอนนี้บรรดาพี่ ๆ ของข้าอยู่ที่ไหนกันบ้าง!”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดรับคำสั่งและออกไปปฏิบัติงานทันที เวลาผ่านมาเพียงแค่ตอนเที่ยง ข้อมูลก็ถูกส่งไปถึงซูชิงอู่แล้วตอนนี้ซูชิงอู่กำลังรับประทานอาหารกลางวันกับเสี่ยวเป่าเอ๋อร์ หลังจากที่เห็นจดหมายจากองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ด นางก็ถูหัวคิ้วของตัวเองเบา ๆแม้จะรู้ความสามารถของบรรดาพี่ชาย แต่นางก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อยนางมีญาติเพียงไม่กี่คน และนางก็ใส่ใจพวก