“มัน คะ คือ…พิษ!”ถึงจะรู้ว่าคือสิ่งใด แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะตอบโต้ในตอนนี้แม้วิธีการที่ซูชิงอู่ใช้จะไม่ฉลาดนักและมีข้อเสียร้ายแรง แต่ด้วยความช่วยเหลืออุดช่องโหว่โดยเย่เสวียนถิง ข้อเสียเหล่านี้ก็หายไปอย่างสิ้นเชิงในการต่อสู้แบบเผชิญหน้า ซูชิงอู่คงไม่สามารถเอาชนะปรมาจารย์เหล่านี้ได้ แต่ในแง่ของการใช้หนอนกู่และพิษ ตอนนี้นางไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นเย่เสวียนถิงเดินไปหาคนสองคนที่ตัวแข็งทื่อ เขาค่อย ๆ ยกดาบขึ้นและกำลังจะฟาดลงไปหมายเอาชีวิตของพวกเขาแต่ในชั่วพริบตา ก็มีควันและฝุ่นกระจายไปทั่ว ควันจากระเบิดนั้นปกคลุมพวกเขาทั้งสองเอาไว้เย่เสวียนถิงหลับตาเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งใดในควันทำร้ายเขา ทว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง นักฆ่าทั้งสองก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเขาอยากจะไล่ตามไปแต่ก็ไม่ได้ขยับเขาเพียงแค่หยิบดาบทั้งสองเล่มจากพื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ พลางชี้พวกมันไปในทิศทางเดียวไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วขว้างพวกมันออกไปทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องลอยมาจากระยะไกล เขาหรี่ตาลงและลดมือลงเล็กน้อยอย่างไม่พอใจเขาหันกลับมาด้วยแววตารู้สึกผิด “มีคนช่วยพวกเขาไว้”ซูชิงอู่ดูผ่อนคลาย นางยิ้ม
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนทนไม่ไหวอีกต่อไปอีกคนหนึ่งเบิกตากว้างและพยายามอย่างหนักเพื่อพูดสิ่งที่คิดออกมา“แล้วก็ ระวัง...ระวังคน…” ก่อนที่เขาจะพูดจบ ปีศาจสวรค์ผู้นั้นก็สิ้นใจชายชุดดำ “...”เขาโกรธมากจนอยากจะจับคนที่พูดมาฆ่าอีกครั้งระวังอะไรก็ไม่พูดให้จบ!แม้ตายก็ใช่ว่าจะสบาย!ชายในชุดคลุมสีดำมีเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของเขา เขาอยากจะหั่นศพทั้งสองเป็นชิ้น ๆ แต่ถึงอย่างไรนั่นก็คือเพื่อนร่วมงานของเขา สุดท้ายเขาจึงโยนพวกเขาลงไปใน…ทะเลสาบดวงตาของชายชุดสีดำที่ซ่อนอยู่ในความมืดฉายแววดุดัน ในไม่ช้าเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาต้องรีบไปกระจายข่าวโดยเร็วที่สุดว่าขาของเย่เสวียนถิงหายดีแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่เพียงแต่ขาของชายคนนั้นจะหายดีแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเขายังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และยังน่ากลัวยิ่งขึ้นอีกด้วย!ไม่แปลกใจที่เขาเป็นถึงเทพเจ้าสงครามแห่งแคว้นหนานเย่ คงมีเพียงเจ้าสำนักหลัวซาตัวจริงเท่านั้นที่สามารถประมือกับเขาได้!……ณ จวนอ๋องเสวียน องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดและคนอื่น ๆ คุกเข่าเป็นแถว“ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษกระหม่อมและคนอื่น ๆ ที่ล้มเหลวในการอารักขา จนทำให้ท่านและ
หากมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย นางอาจจะทำอารมณ์ไปจุดธูปไหว้ที่หลุมศพของเขาเพื่อทำหน้าที่ในฐานะลูกสักวันหนึ่งเย่เสวียนถิงสั่งให้คนเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นก็พานางกลับไปพักผ่อนทว่าในเช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นจื่อก็มาที่ห้องของซูชิงอู่พร้อมความกังวล “พระชายา หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญจะเรียนแจ้งให้ทราบเพคะ”ซูชิงอู่ให้อีกฝ่ายเข้ามา นางยังตื่นไม่เต็มที่ดี“เรื่องสำคัญอะไร?”เย่เสวียนถิงไปที่ห้องหนังสือตั้งแต่เช้า คนรับใช้ที่อยู่รอบตัวนางทั้งหมดก็ถูกสั่งให้ออกไปเพื่อให้นางได้นอนต่ออีกสักหน่อยคนที่สามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระมีเพียงอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงอวิ๋นจื่อกล่าวว่า “มีคนติดประกาศบนแท่นหินที่ใจกลางเมืองหลวง มีเนื้อความว่าหากพระชายาไม่รีบไปที่เมืองเจียงหยางภายในสามวัน อัครเสนาบดีซูและฮูหยินเฒ่าซูจะถูกแขวนคอที่หน้าทางเข้าเมืองหลวงเพคะ!ซูชิงอู่กะพริบตา“อ้อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”อวิ๋นจื่อกล่าวทันที “การที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ คงเป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าท่านกับตระกูลซูไม่ถูกกัน เหตุผลคือต้องการทดสอบพระชายาว่าท่านจะยอมเสี่ยงเพื่ออัครเสนาบดีซูหรือไม่ อีกประการคือต้องการทำลายชื
ซูชิงอู่สั่งให้คนนำของออกไป จากนั้นก็ได้ยินซูหัวจิ่นพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “อาอู่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากให้เจ้าช่วย”ซูชิงอู่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่พูดมาได้เลย”“ช่วงนี้พี่ห้าของเจ้าออกจากบ้าน พี่สะใภ้ใหญ่จึงกลายเป็นเช่นนั้นอีกครั้ง หลายวันมานี้ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการและอยากให้เสี่ยวเป่าเอ๋อร์มาพักกับเจ้าที่นี่สักสองสามวัน เจ้าจะสะดวกหรือไม่”ดวงตาของซูชิงอู่เป็นประกายเมื่อนางนึกถึงเจ้าซาลาเปาน้อยที่แสนนุ่มนิ่ม ใจของนางก็ละลายไปหมด“ได้สิ ข้าไม่มีอะไรทำพอดี ที่จวนน่าเบื่อมาก แล้วคนอื่น ๆ ไปไหนกัน?”หลังจากที่นางพูดจบ ก็มีคนนอกประตูพานายน้อยเข้ามาทันทีที่เข้าไปในห้อง คุณชายน้อยที่แต่งตัวเรียบร้อยสะอาดสะอ้านก็วิ่งตรงมาด้วยขาสั้น ๆ จากนั้นเขาก็มากอดขาซูชิงอู่อย่างไม่เกรงกลัว“ท่านอา ท่านอา!”ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พลางลูบผมนุ่ม ๆ ของหนุ่มน้อยร่างเล็ก “ช่วงนี้เสี่ยวเป่าเอ๋อร์โตขึ้นอีกแล้ว นะเนี่ย”นางกำลังจะเอื้อมมือไปอุ้มเสี่ยวเป่าเอ๋อร์ แต่ก็ถูกซูหัวจิ่นห้ามไว้“เจ้ายังตั้งครรภ์อยู่ ฝากให้คนรับใช้ดูแลเถิด อย่าอุ้มเขาเองเลย”ซูชิงอู่มองท่าทางปร
แต่การที่นางมีส่วนร่วมในชาตินี้จึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นพี่น้องตระกูลซูเติบโตมาภายใต้ร่มเงาของอัครมหาเสนาบดีซู โดยเฉพาะพี่ใหญ่และพี่รอง พวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับพ่อแม่มาอย่างสมบูรณ์ต่างจากน้องสาวที่สูญเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยดังนั้นแม้จะผิดหวังในตัวอัครมหาเสนาบดีซู แต่ก็คงทนเห็นเขาตายต่อหน้าไม่ได้ซูหัวจิ่นขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้าอยู่บ้านดูแลลูกในครรภ์ของตัวเองให้ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น”ซูชิงอู่รู้ดีว่าแม้จะถามไปพี่ใหญ่ก็จะไม่บอกอะไร มิสู้ไปสืบหาด้วยตัวเองจะดีกว่า“เจ้าค่ะ”หลังจากส่งพี่ใหญ่กลับไปแล้ว ซูชิงอู่ก็เรียกองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดมาทันที“ไปสืบให้ทีว่าตอนนี้บรรดาพี่ ๆ ของข้าอยู่ที่ไหนกันบ้าง!”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดรับคำสั่งและออกไปปฏิบัติงานทันที เวลาผ่านมาเพียงแค่ตอนเที่ยง ข้อมูลก็ถูกส่งไปถึงซูชิงอู่แล้วตอนนี้ซูชิงอู่กำลังรับประทานอาหารกลางวันกับเสี่ยวเป่าเอ๋อร์ หลังจากที่เห็นจดหมายจากองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ด นางก็ถูหัวคิ้วของตัวเองเบา ๆแม้จะรู้ความสามารถของบรรดาพี่ชาย แต่นางก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อยนางมีญาติเพียงไม่กี่คน และนางก็ใส่ใจพวก
แม้เนื้อหาของจดหมายจะไม่ได้มากมายนัก แต่ก็ทำให้ซูชิงอู่รู้อย่างชัดเจนว่าอัครเสนาบดีซูได้รับการช่วยเหลือและเข้ารับการรักษาตัวแล้ว ส่วนฮูหยินเฒ่า นางหมดสติและเป็นอัมพาตครึ่งซีกเนื่องจากอาการหวาดกลัว หลายปีต่อจากนี้นางจะทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงและไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ส่วนผู้ที่ลักพาตัวอัครเสนาบดีซูก็ถูกกองกำลังของพี่รองสังหารแล้ว ตรวจสอบพบว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่หรงความจริงที่ว่ามู่หรงฉางอันถูกปลดทำให้เกิดความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งระหว่างซูชิงอู่และตระกูลมู่หรง ตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้ว ตระกูลมู่หรงจะไม่เจ็บแค้นได้อย่างไรสาเหตุที่จับอัครเสนาบดีซูไปแล้วข่มขู่นางก็คงเป็นเพราะความเกลียดชังน่าเสียดายที่นางไม่ได้ตัวคนเดียวนางไม่ได้ออกตัวลงมือเองด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้ก็ได้รับการแก้ไขอย่างน่าพอใจซูชิงอู่กลับมาใส่ใจกับครรภ์ของตัวเองและได้กลิ่นหอมของอาหารขึ้นทันทีที่เงยหน้าเห็นว่าเย่เสวียนถิงถือหม้อน้ำแกงเข้ามาวางบนโต๊ะชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดลำลองสีดำ แขนเสื้อถูกพับขึ้นเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรงของเขาเย่เสวียนถิงเป็นไม้แขวนเสื้อที่สมบูรณ์
มีคำพูดที่ว่าการมีชีวิตอยู่โดยรู้ว่าความตายจะคืบคลานมาหานั้นน่ากลัวกว่าการไม่รู้เป็นไหน ๆภายภาคหน้าพี่ชายคนโตของมู่หรงฉางอันคนนั้นคงจะนอนหลับตาไม่สนิทเป็นแน่ซูชิงอู่รู้สึกโล่งใจมากแม้จะแค่ได้ยินทันใดนั้นนางก็ยิ้มและประทับจูบที่ริมฝีปากของเขานางใช้แขนของนางโอบรอบคอของเขา เอนตัวแนบชิดกับร่างของอีกฝ่ายดวงตาของซูชิงอู่ฉายแววเจ้าเล่ห์ จากนั้นนางก็กัดใบหูส่วนล่างของเขาเบา ๆ พลางกระซิบที่ข้างหู “ท่านอ๋อง นี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วนะ”เย่เสวียนถิงไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไรเขาถึงกับตัวแข็งกะทันหัน แขนสองข้างเริ่มเกร็ง ในขณะที่ตัวของซูชิงอู่แนบกับหน้าอกของตัวเองทั้งสองดูเหมือนจะสามารถได้ยินเสียงหัวใจของกันและกันซูชิงอู่คิดว่ามันไม่เพียงพอ ดังนั้นนางจึงเริ่มใช้นิ้วมือปัดป่ายเพื่อปลุกเร้าเขา ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเย่เสวียนถิงกัดฟันแล้วพูดว่า “อาอู่ อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน!”ผลก็คือ…วันรุ่งขึ้นซูชิงอู่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงและไม่ลุกขึ้นซูชิงอู่นอนนวดขมับ แต่กลับยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ในหัวของนางก็มีเพียงความคิดเดียวไม่มีใครที่หนีสิ่งที่
เย่หลิงจูหรี่ตาลง “ข้าไม่อยากแต่งงาน ข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ใบหน้าที่สับสนของนางซีดเล็กน้อย ดูเหมือนช่วงสองวันที่ผ่านมานางจะนอนไม่หลับทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าเล่าให้พี่สะใภ้ฟังเพียงเพราะข้าต้องการหาคนคุยด้วย ไม่ใช่เพราะอยากให้พี่สะใภ้ทำสิ่งใดเพื่อข้า”ซูชิงอู่ยิ้มมุมปาก “ตอนนี้หม่อมฉันยังไม่มีเวลาแม้แต่จะดูแลตัวเอง แล้วจะทำอะไรให้คนอื่นได้เล่า?”เย่หลิงจูไม่สนใจและพูดต่อ “แคว้นฉีตะวันออกอยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ เสด็จแม่ของข้าเองก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้าแต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้หมั้นหมายกับคนผู้หนึ่งไว้นานแล้ว ข้าว่าจะใช้ข้ออ้างนี้เพื่อเอาตัวรอด”จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็ยิ้มและส่ายหัว “ไม่ได้เพคะ”เย่หลิงจูตกตะลึง “เหตุใดถึงไม่ได้เล่า?”ซูชิงอู่กล่าวว่า “ข้ออ้างของท่านไม่สมเหตุสมผล แม้จะมีการหมั้นหมายอยู่ก่อนแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน ทั้งยังเป็นเพียงข้อตกลงทางวาจาเท่านั้น”เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเย่หลิงจูก็ซีดลง “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี หากไม่ได้ผลจริง ๆ ข้าจะขอให้เสด็จแม่ช่วยหาทางอื่น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็จะไม่อภิเษกกับองค์ชายสามแห่งแคว้นฉีตะวั
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้