Share

บทที่ 99

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
เซี่ยซางกลับขยับเว้นที่ให้นางเองอย่างมีไหวพริบ ถังอาบน้ำในหอหล่านเยว่ใหญ่มาก รองรับสองคนแล้วยังมีที่ว่างเหลือ

เจียงเฟิ่งหัวเห็นว่าเขานอนพาดอยู่นิ่ง ๆ กับขอบถังอาบน้ำ ขณะที่นางเตรียมจะลุกขึ้น ทันใดนั้นเซี่ยซางก็ฉุดข้อเท้าของนางไว้ “อาบด้วยกัน”

เจียงเฟิ่งหัวอยากจะบอกว่าอาบไปแล้ว แต่เซี่ยซางพูดด้วยทีท่าหนักแน่น นางจึงหยิบผ้าขึ้นมาถูหลังให้เขาเบา ๆ ล้างแขน ลงไปด้านล่างเรื่อย ๆ …

นางทำอย่างเบามือ อ่อนโยน เหมือนกำลังลูบไล้สัตว์เลี้ยง ตอนนี้นางก็มองเขาเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตัวเองคงไม่มีความอดทนพอที่จะอาบเขาให้เสร็จได้

ผมของนางตั้งแต่ไหล่ลงไปเปียกหมดแล้ว ลอยอยู่บนผิวน้ำ นางดูแล้วมีเสน่ห์เย้ายวนน่าหลงใหล

แต่เซี่ยซางกลับไม่หวั่นไหว ทั้งสองคนเหมือนสามีภรรยาทั่วไปที่อาบน้ำให้กัน นางถึงขั้นสระผมให้เขา สระจนสะอาด น้ำก็เริ่มเย็นแล้ว เขาก็ยังไม่คิดจะลุกขึ้น

นางกล่าว “ท่านอ๋อง” วันนี้ดูเหมือนเขาจะไม่มีอารมณ์ และยังอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย

“ข้าเริ่มเหนื่อยแล้ว เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ!” เซี่ยซางว้าวุ่นในใจ ร้อนรุ่ม อยู่ไม่สุข แต่เขาคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไม่มีทางทำอะไรกับนางในน้ำอย่า
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 100

    เขาดูเหมือนขาดคนเอาใจใส่และขาดความรักเป็นอย่างมากตอนเด็กเขายังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ น้ำตาไหลพรั่งพรูไปหมดเจียงเฟิ่งหัวเก็บกวาดจนสะอาดแล้วก็ไปที่ห้องครัวอีก เซี่ยซางกลับไปที่โต๊ะ ทำงานที่ยังค้างไว้ต่อ และก็เป็นเพราะดึกเกินไปแล้ว เขาจึงไม่ได้ไปที่ห้องหนังสือ เวลานี้ จู่ ๆ เขาก็มีความคิดขึ้นมา เริ่มเขียนหนังสืออย่างรวดเร็วเพียงไม่นานนางก็กลับมา เมื่อครู่นางเหมือนจะแอบเห็นว่าเนื้อหาบนกระดาษเกี่ยวข้องกับคดีสุสานหลวงถูกปล้นพี่ใหญ่บอกว่าเขาสืบได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เป็นทางการมาจากช่องทางพิเศษ เซี่ยซางอารมณ์ไม่ดีเพราะคดี เพราะฉะนั้นเมื่อครู่เขากำลังหงุดหงิดเรื่องคดีหรอกหรือ?นางจำได้ว่าชาติที่แล้วต่อให้สุสานหลวงถูกปล้น สิบกว่าปีหลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไรเกิดขึ้น อย่างมากก็แค่อัญมณีและเครื่องหยกที่ฝังพร้อมพระศพในสุสานหายไปบ้างเท่านั้นแต่ดูท่าทางของเซี่ยซางในตอนนี้แล้ว นางรู้ว่ามีของอย่างหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากหายไปอย่างแน่นอน“เจ้าไปนอนก่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างต้องสะสาง” เซี่ยซางเห็นนางกลับมา กล่าวเสียงอ่อนโยนนางไม่ได้พูดอะไร “ตอนนี้ดึ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 101  

    ณ จวนสกุลเจียง เจียงจิ่นเหยียนได้รับจดหมาย ครั้นกวาดตาไว ๆ จบแล้ว ก็จัดการเผาจดหมายนั้นกลายเป็นเถ้าถ่านทันที ราชสำนักถูกปล้นเอาสิ่งใดไปกันแน่ ถึงได้ทำให้เหิงอ๋องจิตใจกระสับกระส่ายได้ถึงเพียงนี้ ในเมื่อต้องการเข้าร่วมหมากกระดานนี้ เขาจำเป็นต้องเป็นฝ่ายรุกโจมตีก่อน ทันทีที่เขาออกจากห้องเดินไปถึงระเบียงทางเดินก็ได้ยินเสียงเย็นชาของบิดา “เจียงจิ่นเหยียน เจ้าจะไปที่ใดอีก?” ได้ยินเสียงของบิดา เจียงจิ่นเหยียนก็รีบเปลี่ยนท่าทีกลับมาสุขุมเรียบร้อย พร้อมค้อมกายทำความเคารพต่อเจียงหวยอย่างนอบน้อมทันที “คารวะท่านพ่อ” “เจ้ากลับมาตอนฟ้าสางเองมิใช่หรือ เพิ่งจะกลับมาจะออกไปอีกแล้วหรือ?” เจียงหวยมีท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน “ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยทำตัวเรียบร้อยอยู่ในระเบียบ โตจนไม่ใช่เด็กแล้ว เจ้ายังคิดจะออกไปเที่ยวเสเพลอยู่นอกเรือนอีกสักกี่ปี” “ท่านพ่อ ลูกมิได้เที่ยวเล่นเสเพล แต่ลูกออกไปทำงานหาเงินมาต่างหาก” ความมั่งคั่งร่ำรวยของสกุลเจียงล้วนพึ่งพาตัวเขาที่ออกไปตรากตรำทำกิจการนอกเรือน “เงิน ๆ ๆ อุตส่าห์อ่านตำราศึกษาวิชามาตั้งมากมายก็เพื่อหาเงิน เจ้า…ไฉนเจ้าถึงไม่เหมือนบุตรชายของข้าเจียงหวยเลย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 102  

    “จริงอย่างไร้ข้อสงสัย” เจียงจิ่นเหยียนกล่าวต่อ “ข้าน้อยตรวจสอบแล้ว เป็นของจริง” เขาทำกิจการค้าหยกมานานหลายปี ไม่มีผิดพลาด แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กจ้อย แต่แท้จริงแล้วมันคือสมบัติล้ำค่าที่มิอาจประเมินราคาได้ เซี่ยซางสงสัยว่าหินหยกวิจิตรมาอยู่ในมือของเจียงจิ่นเหยียนได้อย่างไร หินหยกวิจิตรเดิมเป็นเคยสมบัติของราชวงศ์ก่อน และต่อมาก็ตกอยู่ในการครอบครองของสกุลเซี่ยแห่งแคว้นต้าโจว กลายเป็นสมบัติที่ถูกฝังไปพร้อมกับพระศพของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เจียงจิ่นเหยียนเอ่ย “ท่านอ๋องไม่อยากถามดูว่าของชิ้นนี้มาตกอยู่ในมือของผู้แซ่เจียงได้อย่างไรหรือ” “ท่านไปได้ของแบบนี้มาจากที่ใด?” เซี่ยซางเอ่ย “เมืองเชียง” เจียงจิ่นเหยียนตอบด้วยความสัตย์จริง “นั่นเป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านเพื่อไปยังแดนตะวันตก” “คนจากแดนตะวันตกบุกเข้าไปในสุสานหลวงเพื่อขโมยสมบัติที่อยู่ด้านในหรือ?” เซี่ยซางเอ่ยด้วยเสียงขรึม “ท่านยังรู้อะไรอีก” “ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น และข้าน้อยก็ไม่กล้ายืนยันด้วยว่านอกจากคนแดนตะวันตกแล้ว ยังมีความช่วยเหลืออื่นใดอยู่อีกหรือไม่ ถึงอย่างไรสุสานหลวงก็เป็นสถานที่สำคัญของแคว้นต้าโจว คนทั่วไปไม่กล้าพิชิตสุสานหล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 103  

    เซี่ยซางถามเขาว่า ทั้งที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความสามารถชาญฉลาด ไฉนจึงไม่เข้ารับราชการเป็นขุนนาง? เขาบ่ายเบี่ยงและไม่ตอบคำถาม “หากท่านอ๋องไว้ใจผู้แซ่เจียง ข้าน้อยสามารถช่วยท่านเกลี้ยกล่อมไล่ซานได้ หากว่าเขายอมช่วยเหลือด้วยความยินดีแล้ว ก็ประหยัดทั้งแรงและเวลามากกว่าการที่ท่านอ๋องต้องวิ่งวุ่นไปทั่วเช่นนี้” เซี่ยซางเงียบไม่เอ่ยวาจาใด เขากำลังคิดว่าเจียงจิ่นเหยียนจะสามารถทำให้เขายอมเชื่อหมดใจได้หรือไม่ เจียงจิ่นเหยียนกล่าวต่อ “หากท่านอ๋องไว้ใจผู้แซ่เจียง ท่านอ๋องโปรดเขียนใบแสดงรายการออกมา ไม่เกินสองเดือน ข้ารับรองว่าจะตามหาทุกสิ่งกลับมาอย่างครบถ้วน” เซี่ยซางหยิบพู่กันขึ้นมาวาดบางสิ่งลงบนกระดาษ ครั้นเจียงจิ่นเหยียนมองไปแล้ว สีหน้าก็เยือกเย็นในทันใด หลังจากนั้น เจียงจิ่นเหยียนก็ได้พบไล่ซานแล้ว ไล่ซานถูกทารุณอย่างหนัก ทว่าเซี่ยซางก็ยังคงไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เท่าใดนักจากปากของเขา กระทั่งเขาได้พบเจียงจิ่นเหยียน “หัวหน้าเจียงช่วยข้าด้วย” เขามองไปยังเซี่ยซางซึ่งอยู่ด้านข้างอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อทันที “ต่อให้ข้าน้อยจะกล้าหาญถึงร้อยเท่า ข้าน้อยก็ไม่บังอาจไปปล้นสุสานหลวงหรอก” “

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 104  

    ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็แดงขึ้นพร้อมกัน รีบเอ่ยทันใด “คารวะพระชายาอ๋องสาม คารวะพระชายาอ๋องห้าเพคะ” พระชายาอ๋องสามกล่าวอย่างองอาจผ่าเผย “วันนี้ในวังหลวงจัดงานเลี้ยงฉลอง มีผู้คนมากมาย พวกเจ้าทั้งหลายอย่าได้ทำให้สามีของพวกเจ้าขายหน้าเด็ดขาด” ทุกคนเมื่อได้ยิน ก็ส่งเสียงตอบรับคำทันที จากนั้นกล่าวลาและทยอยกันแยกย้ายออกไป พระชายาอ๋องรองเห็นทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ก็หันไปเอ่ยกับพระชายาอ๋องสาม “พระชายาอ๋องสามบารมียิ่งใหญ่นัก วังหลวงทั้งบนทั้งล่างล้วนอยู่ในกำมือของท่าน” “พระชายารองพูดล้อเล่นแล้ว ในฐานะสตรีของราชวงศ์ ข้าเพียงแค่ทำไปตามหน้าที่ของตนเองเท่านั้น” พระชายาอ๋องสามกล่าวต่อไปว่า “เรื่องที่อวี้อ๋องทำในวัง ข้าเองก็พอได้ยินผ่านหูมาบ้าง พอฟังจบแม้แต่ท่านอ๋องของข้ายังหน้าแดง ราวกับผิวหนังถูกเลาะออกไปจนเกลี้ยง ยากเกินจะรับไหว” “หยวนเหวินเฉียง เจ้าเจอหน้าข้าเมื่อใด หากไม่ทำตัวเป็นอริกับข้าแล้วเจ้าจะกระสับกระส่ายจนทนไม่ได้หรือ!” พระชายาอ๋องรองโกรธจนเหลืออดแล้ว พระชายาอ๋องสามคร้านจะสนใจนาง ก็ดึงมือเจียงเฟิ่งหัวมาและเดินมุ่งหน้าไปยังตำหนักคุนหนิง ซูถิงหว่านเดินมาข้างกายพระชาย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 105  

    ภายในท้องพระโรงของตำหนักคุนหนิงได้จัดวางโต๊ะเก้าอี้และม้านั่งไว้พร้อมก่อนแล้ว ฮูหยินของอำมาตย์ใหญ่ในราชสำนักรวมไปถึงบรรดาประยูรญาติเชื้อพระวงศ์ต่างพากันนั่งลงตรงตำแหน่งที่นั่งถัดลงมาและพูดคุยกับฮองเฮา ภายในท้องพระโรงของตำหนักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เจียงเฟิ่งหัวและหยวนเหวินเฉียงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพากันทำความเคารพต่อฮองเฮา “ถวายบังคมเพคะเสด็จแม่ ขอเสด็จแม่ทรงเกษมสำราญยิ่งยืนนาน” ฮองเฮาแย้มพระสรวลอย่างเบิกบ้าน “ลุกขึ้นเถิด วันนี้คนมาก ไม่ต้องมากพิธีแล้ว” “ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่” สองคนลุกขึ้นอย่างอ่อนช้อย ครั้นทั้งสองเข้ามา ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากเหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ไม่ขาดปาก พระชายาอ๋องสามเข้าไปร่วมในวงสนทนาเดียวกับเหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ แย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “พวกท่านอย่าล้อข้านักเลย เป็นแม่ลูกสามแล้ว พูดออกไปก็เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเยาะเอา พระชายาอ๋องห้าต่างหากที่เป็นหญิงงามอย่างแท้จริง!” เจียงเฟิ่งหัวใบหน้าเปื้อนสีแดงระเรื่อ ก่อนจะกล่าวอย่างถ่อมตัว “พี่สะใภ้สามอย่าให้ท้ายเฟิ่งหัวด้วยคำชื่นชมเลยเพคะ เฟิ่งหัวเพิ่งเข้าวังมาครั้งแรก ยังต้องขอคำชี้แนะจากพี่สะใภ้สามอีกมาก เพื

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 106  

    “โธ่เอ๋ย เด็กสาวอย่างพวกเจ้าไปเล่นอยู่ด้วยกันเถิด นั่งคุยกับว่าคนแก่เฒ่าอย่างพวกเราจะไม่อึดอัดแย่หรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าจางพูดขึ้นมาทันที จากนั้น นางก็เรียกดรุณีน้อยรูปโฉมงดงามอ่อนหวานตามมาตรฐานคนหนึ่งมาข้างกาย “มั่วเอ๋อร์ เจ้าเหม่ออะไรอยู่หรือ เข้ามาคุยกับพระชายาอ๋องสามและพระชายาอ๋องห้าสิ” จางอวี่มั่ววัยสิบเก้าแล้ว ทว่านางยังมิได้แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นยังมิได้หมั้นหมายกับผู้ใด ด้วยฐานะของจวนจางกั๋วกง องค์ชายและคุณชายในเมืองหลวงพร้อมให้นางเลือกสรร ทว่า นางกลับไม่สนใจชายใดเลย เว้นแต่… “ท่านย่า” จางอวี่มั่วขานรับด้วยเสียงอันอ่อนโยน เมื่อนางเห็นเจียงเฟิ่งหัว ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงขึ้นมา เจียงเฟิ่งหัวมองไปทางนาง ก็จำได้ว่าเมื่อชาติก่อนมีสตรีจากสกุลจางท่านหนึ่งปลิดชีวิตตนเองที่แม่น้ำ หรือก็คือแม่นางน้อยจางท่านนี้ ชาติก่อน พี่ชายใหญ่มิได้ออกไปเร่ร่อนหาวิชาความรู้ ทว่าไปสอบเข้าเป็นขุนนางในเมืองหลวงแทน และได้เข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่งด้วยผลการสอบอันดับหนึ่ง ทั้งที่ควรจะได้เป็นจอหงวนแล้ว แต่กลับถูกฮ่องเต้ขีดฆ่าและจัดสรรให้เป็นเพียงขุนนางทั่นฮวาลำดับที่สาม เขาได้เข้าสู่เส้นทางขุนนางแล้ว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 107  

    ทุกคนมองว่าภายนอกพระชายาเหิงอ๋องบอบบางอ่อนแอ นอกพระตำหนักเมื่อครู่ก่อน พระชายาอวี้อ๋องพูดจาเสียดสีกระทบกระแทกนาง ทว่านางก็ทำเสมือนว่าไม่ได้ยินและไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบโต้ ทุกคนจึงคิดว่านางเป็นผลพลับอ่อนถูกรังแกได้ง่าย บัดนี้เพียงถ้อยคำประโยคเดียวกลับทำให้พระชายาอวี้อ๋องและเยี่ยนเฟยกลายเป็นใบ้ไปในทันที ทุกคนต่างรู้แล้วว่า พระชายาเหิงอ๋องมิใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายดายเพียงนั้น หยวนเหวินเฉียง พระชายาอ๋องสามเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็รีบเอ่ยทันใด “เฟิ่งหัว พวกเราไปเดินเล่นด้านนอกกันเถิด เสด็จพ่อและบรรดาขุนนางอำมาตย์กำลังต้อนรับคณะทูตจากแคว้นเจาซีกันอยู่ ได้ยินว่าองค์หญิงที่มาจากแคว้นเจาซีเป็นหญิงงามสะคราญ ฝ่าบาททรงพระราชทานแต่งตั้งนางขึ้นเป็นหย่าเฟยแล้ว พวกเราเองก็ไปดูสักหน่อยเป็นอย่างไร” “งานเลี้ยงฉลองยังไม่เริ่ม ออกไปแบบนี้เกรงว่าจะผิดต่อประเพณีเจ้าค่ะ” เจียงเฟิ่งหัวตักเตือนนางด้วยเสียงแผ่วเบา ฮ่องเต้และท่านอ๋องทุกพระองค์ รวมถึงขุนนางอำมาตย์ผู้ใหญ่กำลังต้องรับแขกจากต่างแดน สตรีอย่างพวกนางมิควรออกไปชมความครึกครื้น หากว่าเกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นมา จะต้องถูกลงโทษอย่างเลี่ยงไม่ได้ อาจถึงข

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 372  

    เจียงเฟิ่งหัวออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังตำหนักเฉินซีทันที ในตอนนั้น เห็นนางกำนัลคนหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็โพล่งเสียงตำหนิออกไป “ใคร” อ้าวเสวี่ยตั้งรับทันที ไม่รอให้นางเดินเข้าไปใกล้ อวิ๋นฟางก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ มาหยุดเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว “บ่าวคารวะเพคะพระชายา” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางชัดถนัดตาแล้วก็แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ นางมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว แอบลอบกลับวังมาได้ ทว่าด้วยสถานการณ์ของนางตอนนี้ ซูถิงหว่านไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ นางจนตรอกไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องวิ่งเข้ามาหลบในวังถึงจะไม่ถูกคนไล่ล่า อ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เองก็ชะงักงันไปแล้วเช่นกัน อวิ๋นฟางช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้ากลับเข้ามาในวังหลวงอีก พวกนางคิดว่าหลังจากอวิ๋นฟางหนีไปทางประตูหลังของเขตเมืองหลวงแล้ว นางจะหนีออกไปจากเมืองเซิ่งจิง อย่างน้อยก็ต้องหนีให้ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวาย ปกป้องชีวิตไว้เป็นสำคัญ “เข้ามาเถิด!” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว อวิ๋นฟางตามเข้าไปในตำหนักเฉินซี นางกำนัลได้ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้แสงตะเกียงสว่างรุบรู่ อวิ๋นฟางก็เริ่มขะมักเขม้นทำงานสารพัดทั้งยกน้ำเทน้ำ นางยังกระตือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 371  

    เฉิงฮองเฮาเปิดเปลือกตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มาแล้ว จัดการเรื่องข้างนอกวังเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง? ออกจากวังไปครึ่งเดือนแล้วมิใช่หรือ!” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางมิได้หยิ่งยโสเกินควรแต่ก็มิได้ถ่อมตัวจนเกินเหตุ “ทูลเสด็จแม่ จัดการเหมาะสมเรียบร้อยดีแล้วเพคะ” “ข้าได้ยินว่าเมื่อสิบวันก่อนสินค้าและวัตถุดิบถูกส่งไปหมดแล้ว” แม่สามีของนางก็ดูจะวางมาดขึ้นเช่นกัน ราวกับต้องการให้นางยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน เหมือนกับเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด “เพคะ เพียงแต่ของที่ส่งออกไปเมื่อสิบวันก่อนเป็นแค่ชุดแรกเพคะ เพราะมีจำนวนมากเกินไป ชุดต่อไปจะต้องทยอยลำเลียงออกไปเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างละเอียด มองแล้วอ่อนโยนนอบน้อม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมารยาทเพียบพร้อมไร้ที่ติ แม้แต่เฉิงฮองเฮายังมิอาจหาจุดใส่ไฟได้เลย “ลุกขึ้นมานั่งเถิด” น้ำเสียงของเฉิงฮองเฮาฟังดูดีขึ้นเล็กน้อย “ซางเอ๋อร์มีสกุลซูคอยจุนเจือ บัดนี้เด็กในครรภ์ของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งใด อย่ามัวเพ่นพ่านด้านนอกมากนัก อย่าไปข้องเกี่ยวกับสตรีในหมู่ขุนนางราชสำนักมากเกินไป ที่สำคัญจงอย่าได้มัวละโมบใฝ่หาความดีความชอบจนลำดับความสำคัญผิดไป” เจียงเฟิ่งหัวคิดในใจ ตอนอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 367

    “แม่นางหลิน เจ้าดื่มช้าๆ หน่อย” กัวเซี่ยวไม่เหลือท่าทางเสเพลไร้ความสำรวมในอดีตอีก เขาเอ่ยห้ามปรามว่า “แม่นางหลิน เจ้าอารมณ์ไม่ดีหรือ!”“ผู้ใดบอกว่าข้าอารมณ์ไม่ดีกัน” หลินอวี่กล่าวต่อว่า “สุรานี้เจ้าเป็นคนออกเงินซื้อ ท่านจะดื่มไม่ดื่ม?” กัวเซี่ยวรีบเทเหล้าออกมาอีกจอกแล้วดื่มลงไปจนหมดในอึกเดียว “ข้าดื่ม” ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้ดื่มสุรากับนาง แน่นอนว่าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่นสุราผ่านไปสามรอบ กัวเซี่ยวก็ดื่มจนหน้าแดงก่ำแล้ว แม้แต่นั่งก็นั่งไม่มั่น “ดื่มอีก ข้ายังดื่มได้…ดื่ม…แม่นาง…แม่นางหลิน เจ้าช่างงามนัก”สีหน้าของหลินอวี่ยิ่งเปล่งปลั่งแดงระเรื่อ จู่ๆ นิ้วเรียวงามทั้งสิบของนางก็สัมผัสลงบนแก้มของเขา คนที่อยู่เบื้องหน้าราวกับได้กลายเป็นผู้ที่อยู่ในใจนางไปแล้ว นางพึมพำว่า “คุณชายน้อย ดื่มสุราสิ”กัวเซี่ยวถูกอารมณ์รักทำให้เลอะเลือนไปแล้ว เขาคว้ามือนางไว้แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด “แม่นางหลิน ข้าชอบเจ้า”หลินอวี่หัวเราะอย่างหยาดเยิ้ม ตั้งแต่เด็กนางก็เรียนรู้ทักษะการล่อลวงบุรุษพวกนั้นกับเจียงเฟิ่งหัว ยามนี้นำมาใช้กับกัวเซี่ยวก็เกินจะพอ อาศัยเพียงยิ้มเดียวของนางก็ทำให้กัวเซี่ยวมัวเมาลุ่มห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 366

    ไม่รอให้ชายฉกรรจ์ตอบสนอง หลินอวี่ก็เอ่ยเสียงหนักว่า “นำสุรามา คืนนี้พี่ชายจะออกเงินครั้งละร้อยตำลึงได้มากเท่าใด ข้าก็จะดื่มเป็นเพื่อนท่านมากเท่านั้น ว่าอย่างไร?”ม่านตาของชายฉกรรจ์หดแคบลง สุราเช่นนี้พวกเขาดื่มไม่ไหวดอก ทันใดนั้น คนทั้งสองก็ห่อเหี่ยวลงทันทีหลินอวี่ลุกขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าว่าสองท่านคงไม่ได้คิดมาดื่มสุราหาความสำราญ แต่เหมือนจะมาก่อเรื่องในหออี๋ชุนของข้ามากกว่า”“ผู้ใดบอกว่าไม่ได้มาดื่มสุรากัน” บุรุษหนึ่งในนั้นลุกขึ้นมา ชี้จมูกหลินอวี่ได้ก็ด่าออกมาทันทีว่า “หอสุราเน่าๆ อะไรของพวกเจ้ากัน เหล้าจอกละร้อยตำลึง ทำไมพวกเจ้าไม่ไปปล้นเสียเลยล่ะ”พูดจบเขาก็คิดจะเริ่มทำลายข้าวของ สุราอาหารกับจอกสุราถูกเขาพลิกโต๊ะจนล้มคว่ำหลินอวี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่ไม่ทันที่นางจะลงมือ ในเวลานั้นเอง ที่หน้าประตูก็มีบุรุษผู้หนึ่งบุกเข้ามาปกป้องอยู่เบื้องหน้าของนางอย่างสง่างามน่าเกรงขาม “ข้ามาแล้ว เป็นไอ้ลูกเต่าลูกตะพาบตัวไหนกล้ามาก่อเรื่องที่หออี๋ชุนกัน”“แม่นางหลินวางใจเถอะ มีข้าอยู่ไม่มีใครกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่แน่” ใบหน้ากัวเซี่ยวเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นหลินอวี่ถอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 365

    หิมะตกแล้ว หิมะที่ตกหนักและปลิวไสวดุจขนห่าน ทำให้เมืองหลวงอันเรืองรองประดุจปกคลุมไปด้วยอาภรณ์สีเงิน ทัศนียภาพที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะนี้ก็ดูงดงามมีเอกลักษณ์ไปอีกแบบไม่ว่าสงครามที่ชายแดนจะรบกันหนักหน่วงเพียงใด ล้วนไม่อาจส่งผลกระทบต่อเมืองหลวง ที่ยังคงคึกคักและรุ่งเรืองเช่นเดิมเจียงเฟิ่งหัวสวมเสื้อคลุมอันหรูหราที่มีหมวกคลุมศีรษะยืนอยู่ข้างหน้าต่างพลางทอดสายตาออกไปไกล ความคิดของนางล่องลอยออกไปไกลแสนไกล แววตาที่ลึกล้ำดุจบึงน้ำอันหนาวเหน็บสาดประกายเย็นเยียบออกมาคิดไม่ถึงว่าจะจัดการกับจีเฉินได้รวดเร็วเช่นนี้ ในชาติก่อน จีเฉินเป็นแรงหนุนคนสำคัญของซูถิงหว่าน พวกเขาคนหนึ่งอยู่ในวังคนหนึ่งอยู่นอกวัง ในนอกเสริมประสาน การกำจัดเขาทิ้งในเวลานี้จึงถือเป็นการกำจัดศัตรูคู่แค้นที่สำคัญไปได้คนหนึ่ง“เจ้าต้องกลับวังอีกแล้วสินะ! ข้าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีกหลายเดือนอีกแล้วใช่หรือไม่ หวังจริงว่า ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตอนเจ้าคลอดลูกได้ คนอื่นล้วนบอกว่า การคลอดลูกเป็นด่านความเป็นตายของผู้หญิงที่เท้าข้างหนึ่งก้าวไปอยู่ในตำหนักมัจจุราช” หลินอวี่ยืนอยู่ข้างนาย มองตามสายตาของนางไปยังควันที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ไกลออกไป

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 364

    เนื่องจากสายสัมพันธ์กับซูฮองเฮา บัดนี้ อำนาจของซูไทเฮาจึงเหนือล้ำเฉิงฮองเฮาไปแล้วดังนั้น ฝูลู่จึงไม่กล้าล่วงเกินฮองเฮาเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรยามอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ตำแหน่งแห่งที่ของเขาก็ยังไม่มั่นคงนัก ขันทีผู้หนึ่งแบบเขาจะไปช่วยใครได้ เขาช่วยผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้นยังคงยุ่งเรื่องผู้อื่นให้น้อยลงจะดีกว่า!“คืนนี้ ฝ่าบาทจะทรงพลิกป้ายของพระสนมท่านใดพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้กล่าวว่า “ไม่พลิกป้ายแล้ว ช่วงนี้ข้างานราชกิจรัดตัว ไม่ต้องจัดนางสนมมาปรนนิบัติแล้ว ตรงไปที่ห้องทรงอักษรเลยเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ” ฝูลู่กล่าว นับตั้งแต่ฮ่องเต้กลายเป็นองค์รัชทายาท มีวันใดที่ทรงไม่ยุ่งบ้าง เหล่าพระสนมในวังล้วนได้ไทเฮาดูแลทั้งนั้น ก็น่าจะทรงไปทำความรู้จักบ้างเฮ้อ! สถานที่ที่ฮ่องเต้ไปมากที่สุดยังคงเป็นตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา ดูท่าเสียนเฟยคงไม่มีโอกาสแล้ว ยังดีที่นางมีลูกสองคนจึงยังรักษาตำแหน่งเสียนเฟยไว้ได้เมื่อจีเฉินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเห็นฉากนี้ ในใจก็ยิ่งตื่นเต้น อย่างนั้นก็แปลว่าในอนาคตเจียงเฟิ่งหัวจะไม่ได้เป็นฮองเฮา และเซี่ยซางก็ไม่ได้ชอบนางด้วยแต่ไม่ถูกสิ!ลูกก็คลอดออกมาแล้ว เหตุใดพวกเขาสองคนจึงยังดู

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status