สิงหาขับรถมุ่งหน้าตามลลนาที่เขาเข้าใจว่าเป็นลดาวัลย์ไปยังโรงพยาบาลที่เจ๊มะไฟบอก และทันเวลาที่เห็นหญิงสาวลงจากแท็กซี่พอดี ร่างระหงในชุดสวยทันสมัยสะดุดตาก้าวลงจากรถแท็กซี่แล้วกำลังจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลต้องชะงัก เมื่อมีรถยนต์สีดำทะมึนโฉบมาจอดตรงหน้า พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินหน้าเข้มมาหาตน ลลนาก้าวหนีโดยอัตโนมัติ ดวงตาคมสวยที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกเบิกกว้างด้วยความหวาดหวั่น คงไม่ใช่พวกทวงหนี้นอกระบบหรอกนะ... ลลนาคิดอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นชายหนุ่มท่าทางดุดันเดินมาหยุดตรงหน้า
“เชิญขึ้นรถไปกับฉันดีๆ อย่าร้องโวยวายไม่อย่างนั้นเธอตายแน่” เสียงห้าวแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมเกรียมจนรู้สึกได้ ทำให้ลลนาถึงกับขาสั่นพูดไมออกทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
ในเวลากลางดึกเช่นนี้แม้จะเป็นโรงพยาบาลที่มีคนพลุกพล่านอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่ทำไมตอนนี้คนพวกนั้นหายไปไหนหมด หญิงสาวกวาดตามองรอบกายอย่างหวาดหวั่น
“คุณเป็นใคร”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ และเธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้”
“ไม่ ฉันไม่ไป..” ลลนาทำท่าจะวิ่งหนีแต่ก็ช้ากว่าคนตัวโตที่เข้ามาขวางไว้พร้อมทั้งคว้าข้อมือของเธอไว้มั่น
ลลนาตกใจหน้าซีดมองข้อมือเล็กของตนในอุ้งมือใหญ่ของเขา แล้วนึกกลัวว่าเขาจะหักข้อมือเธอเสียตอนนี้และมันคงทำได้ไม่ยากเพราะเมื่อเทียบขนาดข้อมือของเธอกับมือใหญ่ของเขาแล้ว มวยคนละรุ่นเกิดคนละยุคเลยทีเดียว
“ฉันชื่อสิงหาและต้องการให้เธอไปกับฉัน” ชื่อของเขาทำให้ลลนาคลายความสงสัย แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะสิงหานี่ล่ะลดาวัลย์จึงต้องเจ็บปางตายแบบนี้
“เอาล่ะไปได้แล้ว..” โดยไม่รอให้เธอปฏิเสธหรือขัดขืนสิงหาก็จูงเธอไปที่รถทันที ลลนาพยายามขืนตัวไว้แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงมานั่งในรถพร้อมกับเขา
“คุ คุณจะพาฉันไปไหน ฉันไม่ไปนะ ฉันมีธุระด่วน” หญิงสาวพยายามบอกเขาเสียงสั่น ตายแน่ๆ ยายนุ่ม เธอคงไม่ได้โดนจับไปขายตัวเหมือนลดาวัลย์หรอกนะ
“ไม่พาไปขายหรอก ท่าทางแบบนี้คงไม่ได้ราคาเท่าไหร่ เครื่องคงพังหมดแล้ว” คำพูดออกมาจากปากหยักของคนหน้าเข้มเต็มไปด้วยหนวดเคราทำให้ลลนาถึงกับหน้าร้อนผ่าวทั้งโกรธทั้งอาย...
“นี่คุณ..” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ต่อว่าอะไรเขาเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกัดรับใบหน้าหล่อเหลาที่ดุกระด้างอยู่แล้วก็ดูขุ่นเข้มขึ้นน่ากลัวกว่าเดิม ทั้งถ้อยคำที่เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูน่ากลัวมากขึ้น... ลลนาขนลุกด้วยความหวาดกลัวมือไม้เย็นเฉียบหายใจติดขัดเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้
ไม่นะ ไม่ เธอจะมาเป็นลมตอนนี้ไม่ได้ ไม่ๆๆ
หญิงสาวพยายามเตือนสติตัวเองและพยายามหายใจเข้าปอดลึกๆ แต่แล้วด้วยความหวาดกลัว และความอ่อนเพลียบวกกับความเครียดที่สะสมมาหลายวัน ในที่สุดความคิดทั้งหมดทั้งมวลของเธอก็ดับวูบไป...
“บัดซบเอ๊ย มาเกิดเรื่องอะไรตอนนี้วะ..”
ชายหนุ่มมองหน้าปัดนาฬิกาเรือนหรูซึ่งบอกเวลาตีหนึ่งด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะหันมามองคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ด้วยความแปลกใจ เขากะว่าจะหันมาคุยกับเจ้าหล่อนให้รู้เรื่อง แล้วจะรีบกลับไร่แต่แล้วก็ต้องสบถออกมาอย่างหัวเสียอีกครั้ง เมื่อคนร่างบางหลับหมดสติไปเสียเฉยๆ เหงื่อเม็ดโตที่ผุดพราวบนใบหน้าและลำคอระหงทำให้สิงหารู้ว่าเธอไม่ได้หลับไปแบบปกติ แต่เธออาจจะเป็นลมจากความกลัวหรือจากสาเหตุอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มรีบจอดรถข้างทางแล้วหยิบผ้าเย็นจากช่องเก็บของหน้ารถซึ่งเขามักพกไว้ในรถเป็นประจำออกมาเช็ดหน้าให้หญิงสาวอย่างเสียไม่ได้...
“ยายบ้าเอ๊ย มาเป็นลมอะไรตอนนี้ แล้วจะทำไงต่อดีล่ะ หึ ก็ดี แบบนี้ก็ถือว่าโชคเข้าข้างฉันก็แล้วกัน ดูสิว่าผู้หญิงแพศยาอย่างเธอจะมีประโยชน์อะไรบ้างนอกจากดีดดิ้นอยู่บนเวที กับอยู่บนเตียงผู้ชาย..”
สิงหามองใบหน้าสวยซึ้งของคนที่ไม่ได้สติตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขายอมรับว่าเธอสวย และสวยมาก รูปร่างอรชรแน่งน้อยน่าถนอม แต่หน้าอกหน้าใจกลับอวบอิ่มดูด้วยตาก็รู้ว่าของแท้แม่ให้มาและมันคงล้นมือใหญ่ของเขาแน่ๆ
ตายห่.. แต่คิดไอ้น้องชายตัวดีของเขาก็คึกคักขึ้นมาเสียอย่างนั้น นี่มันบัดซบในบัดซบเลยทีเดียว...
สิงหาดีดตัวกลับไปนั่งที่เดิมแล้วสูดลมหายใจลึกๆ ปรายตามองตัวต้นเหตุแห่งความพลุ่งพล่านของตนอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะรีบกลับรถมุ่งหน้าสู่ไร่ของตนอย่างรวดเร็วเพราะมีเรื่องต้องสะสางโดยด่วน...
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะไอ้จ๊อด..” สิงหาก้าวลงจากรถได้ก็เดินฉับๆ ไปหาลูกน้องคนสนิทอีกคนที่กำลังยืนรอเขาอยู่หน้าโกดังเก็บใบชาซึ่งตอนนี้เหลือเพียง เถ้าถ่าน...
“คะ คือ ผม ผม..”
“พูดมา..” สิงหาตะคอกเสียงดังดวงตาคมวาวโรจน์ยิ่งกว่าเปลวเพลิงที่โหมไหม้โรงเก็บใบชาเมื่อครู่ก่อนเสียอีก จ๊อด กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วสูดหายใจลึกๆ
“มะ มีคนลักลอบเข้ามา มันมาเพื่อเผาโรงเก็บใบชาของเราโดยเฉพาะเลยครับ ผมดูกล้องวงจรปิดแล้ว พวกมันมากันสามคนและดูท่าทางคล่องแคล่วชำนาญพื้นที่ อาจจะเป็นคนในไร่เรา มีคนงานตายเพราะถูกโครงหลังคาโรงเรือนหล่นทับหนึ่งคน บาดเจ็บสาหัสสองคนครับ ส่วนคนอื่นๆ ก็ปลอดภัยดี..”
จ๊อดรายงานเสียงสั่น สิงหากัดกรามกรอดใบหน้าหล่อเหลาที่มีหนวดเคราจางๆ ขึ้งเครียดดวงตาสีเทาดูลึกล้ำยากจะหยั่ง แต่จ๊อดรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตพวยพุ่งออกมาจากร่างของเจ้านาย...
“ใครที่ตาย..”
“ลุงสน ครับ แกเป็นคนแรกที่เห็นว่าไฟไหม้แล้วเรียกคนอื่นๆ มาช่วย แกเข้าไปช่วยคนอื่นๆ ดับเพลิงแต่ไฟโหมแรงมากลามมาที่ห้องเก็บของ พอหลังคาห้องเก็บของจะพังแกหนีออกมาไม่ทันเลยโดนโครงหลังคาหล่นลงมาทับทั้งที่ไฟลุกอยู่ พวกเราช่วยกันดับเพลิงได้และรถพยาบาลมาทันเวลาแต่ลุงสนแกทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตกลางทาง..”
ตอนที่4.จ๊อดรายงานด้วยน้ำเสียงพร่าไปเล็กน้อยเมื่อ ลุงสน เป็นคนงานเก่าแก่คนหนึ่งของไร่และค่อนข้างจะสนิทสนมกับจ๊อดและแสนแสง ลุงสนเป็นคนดีขยันและซื่อสัตย์ ลูกๆ ของลุงสนก็กำลังอยู่ในวัยเรียนซึ่งสิงหาเองก็ให้ทุนการศึกษาส่งเสียลูกทั้งสองของแกด้วย หากเขาจำไม่ผิด ลูกสาวคนโตของลุงสนเพิ่งจะเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ส่วนลูกชายกำลังเรียน ม.ปลาย“เรียกระชุมคนงานทุกคนไปรวมกันที่ลานหน้าโรงอาหารเดี๋ยวนี้ ให้มาทุกคนลูกเด็กเล็กแดงจะหลับจะนอนอยู่ก็ต้องมา แล้วเอาบัญชีรายชื่อคนงานมาให้ฉัน อ้อ.. เรียก น้าโฉม มาด้วย” ใบหน้าของสิงหาเรียบเฉยแต่กรามแกร่งขบกันแน่น“ครับ” จ๊อดรับคำแล้วรีบดำเนินการตามที่เจ้านายสั่งทันทีไม่ถึงสามสิบนาทีคนงานกว่าหกสิบคน ก็มารวมตัวกันที่ลานอเนกประสงค์หน้าโรงอาหาร สิงหาให้คนงานที่มีลูกเล็กและเด็กๆ ไปอยู่ในโรงอาหารส่วนคนอื่นๆ ที่โตพอจะยืนฟังเขาพูดให้อยู่ด้านนอกชายหนุ่มยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเหล่าคนงานที่นั่งอย่างเป็นระเบียบด้วยรู้ดีว่าหากไม่สำคัญจริงๆ คุณสิงห์จะไม่มีทางเรียกประชุมกลางดึก และไม่เรียกทุกคนไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ เช่นนี้ และตั้งแต่สิงหาขึ้นมาเป็นเจ้าของไร่สิงหาเต็มตัวต่อจาก คุณสิง
ตอนที่1. ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบราวพญาเหยี่ยวจ้องมองรูปถ่ายของหญิงสาวที่ยิ้มหวานมาให้ด้วยความรักสุดหัวใจ และเมื่อนึกถึงสาเหตุการตายของเธอ ดวงตาคมที่อ่อนแสงลงเมื่อครู่ก็วาววับด้วยโทสะ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องชดใช้ ลดาวัลย์ สาวโคโยตี้ไร้ยางอาย ผู้หญิงแพศยาที่ทำร้ายดวงใจของเขา“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” สิงหา เลิศบริรักษ์ บราวส์ คำรามในลำคอดวงตาคมทอดมองไปยังทุ่งกว้างเขียวขจีเหมือนไร้จุดหมาย แต่คนอย่างสิงหาไม่เคยเป็นคนที่ไร้เป้าหมาย และตอนนี้เป้าหมายของเขาคือ การแก้แค้น ความแค้นที่ทำให้เขาแทบจะฆ่าคนคนหนึ่งได้เลยทีเดียว หากไม่ติดที่ว่าเขาได้รับปากหญิงอันเป็นที่รักไว้ว่า ให้ปล่อยวางและให้อภัย คนที่ทำร้ายเธอ ในวันที่ เพียงดารา เสียชีวิตเขาอยากจะไปฆ่าหญิงร้ายชายชั่วทั้งสองให้ตายตกตามกันไปแล้ว แม้อีกคนจะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม แต่เพราะเขารักเธอ ไม่อยากให้เพียงดาราต้องกังวลจึงต้องยับยั้งความคั่งแค้นไว้ก่อน แต่ตอนนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้คนชั่วช้าสองคนได้เสวยสุขบนความทุกข์ของใครอีกต่อไป...ร่างระหงเดินฉับๆ เข้าไปยังร้านอาหารชื่อดังที่มีอาหารหลากหลายชาติให้เลือกรับประทาน มีทั้งอาหารแบบปิ้งย่
ตอนที่2.สี่ปีผ่านไปหลังจากที่เธอเรียนจบก็พยายามหางานทำ และทำทุกงานที่สุจริตเพื่อให้ได้เงินมาใช้หนี้ธนาคารและเพื่อรักษาสมบัติชิ้นสุดท้ายของตนไว้อย่างสุดความสามารถ และอีกไม่นานเธอก็จะสามารถปลดหนี้ได้แล้วนั่นคือเหตุผลที่ลลนาทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน และมักจะรับงานแทนเพื่อนๆ ที่ขาดลามาสายหรือหยุดงานเช่นตอนนี้ ที่เธอรับงานแทนลดาวัลย์แทบทุกครั้ง ช่วงนี้ลดาวัลย์ทำตัวแปลกไปหยุดงานบ่อยและมักคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน บางครั้งก็มักจะทำท่าลุกลี้ลุกลนถามอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะตอบ และเมื่อกลับเข้าบ้านก็มักจะเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง...“นุ่มๆ อีกห้านาทีจะถึงคิวขึ้นเวทีแล้วนะ..” เสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้นพร้อมกับสะกิดแขนเบาๆ ทำให้ลลนาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด“อ้อ..เหรอ ขอบใจนะ”“นุ่มต้องแสดงเป็นนิ่มไปก่อนนะ ไม่มีใครรู้หรอกอีกอย่างพอใส่หน้ากากปิดหน้าไว้แล้วก็ใส่ชุดของนิ่มแทบดูไม่รู้เลยว่าเป็นนุ่ม เหมือนกันยังกับฝาแฝด”เจ๊มะไฟ หญิงวัยกลางคนร่างท้วมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเจ็บจี๊ดจีบปากจีบคอพูดอย่างชื่นชม ขณะผูกเชือกหน้ากากนางเสือดาวให้ เจ๊มะไฟมองร่างระหงทรวดทรงองเอวงดงามไร้ที่ติของลลนาอีกครั้งอย่างพอใจ“เจ