สี่ปีผ่านไปหลังจากที่เธอเรียนจบก็พยายามหางานทำ และทำทุกงานที่สุจริตเพื่อให้ได้เงินมาใช้หนี้ธนาคารและเพื่อรักษาสมบัติชิ้นสุดท้ายของตนไว้อย่างสุดความสามารถ และอีกไม่นานเธอก็จะสามารถปลดหนี้ได้แล้วนั่นคือเหตุผลที่ลลนาทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน และมักจะรับงานแทนเพื่อนๆ ที่ขาดลามาสายหรือหยุดงานเช่นตอนนี้ ที่เธอรับงานแทนลดาวัลย์แทบทุกครั้ง ช่วงนี้ลดาวัลย์ทำตัวแปลกไปหยุดงานบ่อยและมักคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน บางครั้งก็มักจะทำท่าลุกลี้ลุกลนถามอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะตอบ และเมื่อกลับเข้าบ้านก็มักจะเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง...
“นุ่มๆ อีกห้านาทีจะถึงคิวขึ้นเวทีแล้วนะ..” เสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้นพร้อมกับสะกิดแขนเบาๆ ทำให้ลลนาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด
“อ้อ..เหรอ ขอบใจนะ”
“นุ่มต้องแสดงเป็นนิ่มไปก่อนนะ ไม่มีใครรู้หรอกอีกอย่างพอใส่หน้ากากปิดหน้าไว้แล้วก็ใส่ชุดของนิ่มแทบดูไม่รู้เลยว่าเป็นนุ่ม เหมือนกันยังกับฝาแฝด”
เจ๊มะไฟ หญิงวัยกลางคนร่างท้วมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเจ็บจี๊ดจีบปากจีบคอพูดอย่างชื่นชม ขณะผูกเชือกหน้ากากนางเสือดาวให้ เจ๊มะไฟมองร่างระหงทรวดทรงองเอวงดงามไร้ที่ติของลลนาอีกครั้งอย่างพอใจ
“เจ๊ ทำไมวันนี้ชุดมันโป๊จังล่ะ” ลลนาก้มลงมองตัวเองแล้วหันกลับมามองเจ๊มะไฟอย่างไม่มั่นใจ รู้สึกขัดเขินเกินกว่าจะเดินขึ้นเวทีไปร้องเพลงได้ ผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนเสื้อผ้าหมาแมว ที่เคยเห็นขายในร้านขายอุปกรณ์ข้าวของสำหรับสัตว์เลี้ยง ยังดูผืนใหญ่กว่าผ้าชิ้นเล็กๆ บนร่างกายของเธออีกละมั้ง
“ก็คอนเซ็ปต์แม่เสือสาว นางเสือก็ต้องเซ็กซี่ขยี้ใจสิจ๊ะ เอาล่ะๆ เต้นในแบบที่ซ้อมไว้ ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือชุดเซ็กซี่ เอาน่าใส่หน้ากากแต่งหน้าเข้มเบอร์นี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นนุ่มน่ะ”
“นุ่มไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกเจ๊ แต่ชุดมันโป๊ นุ่มกลัวหวอออก” หญิงสาวค้านหน้ายุ่ง
“เอาน่าๆ ร้องเพลงเดียวเต้นแป๊บเดียว ไปได้แล้ว ถึงคิวเราแล้ว”
เจ๊มะไฟผลักแผ่นหลังเนียนที่เปิดเปลือยตลอดแผ่นหลังถึงบั้นเอวตัดบทการสนทนาแล้วก็ยิ้มหน้าบาน เมื่อพอขึ้นไปยืนบนเวทีลลนาก็ทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีที่ติ เธอภาคภูมิใจที่สาวๆ ที่ตนหมายมั่นปั้นมือนั้นแต่ละคนทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างมืออาชีพ บางรายก็ได้ดิบได้ดีเป็นนักร้องดัง ได้เป็นนางเอกพระเอกเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง
ไนต์คลับแห่งนี้เป็นสถานบันเทิงชื่อดังซึ่งเจ้าของเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงทั้งในวงการบันเทิง จึงทำให้ลูกค้าที่มาเที่ยวหาความสุขความบันเทิงล้วนแล้วแต่เป็นคนในวงการเดียวกันและเป็นลูกค้าระดับวีไอพีด้วยกันทั้งนั้น และนักท่องราตรีส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่และคนที่ทำงานแล้วเสียส่วนมาก...
ในขณะเดียวกันในมุมสำหรับแขกระดับวีไอพีซึ่งสามารถมองเห็นการแสดงโชว์จากบนเวทีได้ชัดเจน อีกทั้งยังมีความเป็นส่วนตัวอย่างมากนั้น ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมดุดันหนวดเครารกเต็มสันกรามแกร่งก็กำลังจดจ้องไปบนเวที ซึ่งมีแม่เสือสาวสุดเซ็กซี่กำลังร้องเพลงและเต้นอย่างเมามันเร้าอารมณ์ด้วยท่วงท่ายั่วยวนแฝงไว้ด้วยความซุกซนน่าค้นหา ก่อนที่เจ้าหล่อนจะโบกมือลาลงเวทีไปเมื่อเพลงจบ ซึ่งก็ได้รับการปรบมือและเสียงร้องเชียร์แม่เสือสาวด้วยความชอบอกชอบใจของบรรดานักท่องราตรีทั้งหลาย...
“หึ เธอมันก็แค่ผู้หญิงหากินดีๆ นี่เอง ไหนว่าที่นี่ไฮโซนักหนาวะไอ้แสน มันก็เหมือนๆ กันหมดล่ะวะ”
สิงหาหันมาถาม แสนแสง ผู้จัดการไร่และเป็นลูกน้องคนสนิทของตนที่กำลังมองการแสดงบนเวทีอย่างเพลิน
“อะ เอ่อ ก็..”
“มันก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากที่อื่นๆ เลย แหล่งรวมพวกผู้หญิงหากิน”
ชายหนุ่มเบ้ปากอย่างรังเกียจยิ่งนึกถึงคนที่ทำให้หญิงสาวที่ตนรักต้องเจ็บปวดจนเสียชีวิต อคติในใจของสิงหาก็มากยิ่งขึ้นเหมารวมไปเสียหมดอย่างคนพาลไม่มีเหตุผลและไม่คิดจะแยกแยะอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้
“นายไปตามหาเจ้าเมฆสิ มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มเสียงเข้มหน้าเครียดอีกหนเมื่อเอ่ยชื่อ น้องชายออกมา เมฆ หรือ เมฆา น้องชายของเขาต่างมารดา ตัวต้นเหตุอีกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทำให้เขาต้องมาถึงที่นี่
“ครับ..” แสนแสงรับคำแล้วรีบไปทำงานของตน สิงหาเดินไปยังห้องแต่งตัวของนักร้องนักแสดง แต่มีการ์ดของทางไนต์คลับสองคนมาขวางไว้
“ด้านนี้ลูกค้าเข้าไม่ได้นะครับ”
“ฉันต้องการพบลดาวัลย์” ชายทั้งสองมองหน้ากันสักครู่ก็หันมาบอกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“น้องนิ่มออกไปแล้วครับ คุณคงต้องมาวันหลัง”
“แต่ฉันเห็นว่าเธอเพิ่งลงมาจากเวทีเมื่อกี้นะ” สิงหาหัวเสียเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“ก็ใช่ครับ แต่เธอมีธุระด่วนจึงรีบออกไป”
“มีอะไรกันจ๊ะหนุ่มๆ” เจ๊มะไฟที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวถามขึ้น สายตามองเลยมายังชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเจ๊มะไฟก็รี่มาหาทันที
“ว้าย ผู้ชายหล่อมาก ถอยไปๆ พวกเธอน่ะ” เจ๊มะไฟผลักการ์ดร่างยักษ์ออกไป ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองก็ยินยอมโดยดีแต่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง
“มีอะไรให้เจ๊มะไฟช่วยเหลือคะ เจ๊ยินดีช่วยทุกอย่างเลยค่า”
“ผมต้องการพบลดาวัลย์” คำตอบและน้ำเสียงห้วนๆ ที่ได้จากหนุ่มหล่อทำให้เจ๊มะไฟหุบยิ้มทันที ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มหวานให้เช่นเดิม
“น้องนิ่มเพิ่งออกไปเมื่อตะกี๊นี้เองค่ะ”
“เธอไปไหน”
“เอ่อ.. คือ”
“ผมถามว่าเธอไปไหน” คราวนี้สิงหาเสียงดังจนเจ๊มะไฟสะดุ้งมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดหวั่นขึ้นมาทัน
“ผมไม่ได้มาหาเรื่องหรือก่อกวนแต่ต้องการพบลดาวัลย์เพราะมีธุระสำคัญ บอกมาว่าเธอไปไหน”
“ปะ ไป.. เอ่อ ไปโรงพยาบาล”
“โรงพยาบาลไหน...”
“โรงพยาบาล...” เจ๊มะไฟบอกชื่อโรงพยาบาลไปสิงหาก็เดินออกไปทันทีโดยไม่หันมามอง
“อะไรของเขาวะเนี่ย วุ้ย... เจ๊ละเซ็งคนหล่อๆ ทำไมขี้โมโหจังวะ”
เจ๊มะไฟเท้าสะเอวบ่นงึมงำอยู่คนเดียวก่อนจะตาโตด้วยความตื่นเต้นเมื่อมีเรื่องมากระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็น หรือ ต่อมเผือก ตามศัพท์ชาวเน็ตที่หมายถึงอาการอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านนั่นเอง...
“แล้วทำไมพ่อรูปหล่อนั่นต้องมาตามหาน้องนิ่มหว่า นิ่มไปทำอะไรไว้ อย่าบอกนะว่าเป็นคนของไอ้พวกนั้นอีก.. ไม่ได้การละเราต้องตามไปสืบ..” แล้วเจ๊มะไฟก็รีบเดินออกไปทำหน้าที่สืบหาความจริง...
ตอนที่3.สิงหาขับรถมุ่งหน้าตามลลนาที่เขาเข้าใจว่าเป็นลดาวัลย์ไปยังโรงพยาบาลที่เจ๊มะไฟบอก และทันเวลาที่เห็นหญิงสาวลงจากแท็กซี่พอดี ร่างระหงในชุดสวยทันสมัยสะดุดตาก้าวลงจากรถแท็กซี่แล้วกำลังจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลต้องชะงัก เมื่อมีรถยนต์สีดำทะมึนโฉบมาจอดตรงหน้า พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินหน้าเข้มมาหาตน ลลนาก้าวหนีโดยอัตโนมัติ ดวงตาคมสวยที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกเบิกกว้างด้วยความหวาดหวั่น คงไม่ใช่พวกทวงหนี้นอกระบบหรอกนะ... ลลนาคิดอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นชายหนุ่มท่าทางดุดันเดินมาหยุดตรงหน้า“เชิญขึ้นรถไปกับฉันดีๆ อย่าร้องโวยวายไม่อย่างนั้นเธอตายแน่” เสียงห้าวแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมเกรียมจนรู้สึกได้ ทำให้ลลนาถึงกับขาสั่นพูดไมออกทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวในเวลากลางดึกเช่นนี้แม้จะเป็นโรงพยาบาลที่มีคนพลุกพล่านอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่ทำไมตอนนี้คนพวกนั้นหายไปไหนหมด หญิงสาวกวาดตามองรอบกายอย่างหวาดหวั่น“คุณเป็นใคร”“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ และเธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้”“ไม่ ฉันไม่ไป..” ลลนาทำท่าจะวิ่งหนีแต่ก็ช้ากว่าคนตัวโตที่เข้ามาขวางไว้พร้อมทั้งคว้าข้อม
ตอนที่4.จ๊อดรายงานด้วยน้ำเสียงพร่าไปเล็กน้อยเมื่อ ลุงสน เป็นคนงานเก่าแก่คนหนึ่งของไร่และค่อนข้างจะสนิทสนมกับจ๊อดและแสนแสง ลุงสนเป็นคนดีขยันและซื่อสัตย์ ลูกๆ ของลุงสนก็กำลังอยู่ในวัยเรียนซึ่งสิงหาเองก็ให้ทุนการศึกษาส่งเสียลูกทั้งสองของแกด้วย หากเขาจำไม่ผิด ลูกสาวคนโตของลุงสนเพิ่งจะเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ส่วนลูกชายกำลังเรียน ม.ปลาย“เรียกระชุมคนงานทุกคนไปรวมกันที่ลานหน้าโรงอาหารเดี๋ยวนี้ ให้มาทุกคนลูกเด็กเล็กแดงจะหลับจะนอนอยู่ก็ต้องมา แล้วเอาบัญชีรายชื่อคนงานมาให้ฉัน อ้อ.. เรียก น้าโฉม มาด้วย” ใบหน้าของสิงหาเรียบเฉยแต่กรามแกร่งขบกันแน่น“ครับ” จ๊อดรับคำแล้วรีบดำเนินการตามที่เจ้านายสั่งทันทีไม่ถึงสามสิบนาทีคนงานกว่าหกสิบคน ก็มารวมตัวกันที่ลานอเนกประสงค์หน้าโรงอาหาร สิงหาให้คนงานที่มีลูกเล็กและเด็กๆ ไปอยู่ในโรงอาหารส่วนคนอื่นๆ ที่โตพอจะยืนฟังเขาพูดให้อยู่ด้านนอกชายหนุ่มยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเหล่าคนงานที่นั่งอย่างเป็นระเบียบด้วยรู้ดีว่าหากไม่สำคัญจริงๆ คุณสิงห์จะไม่มีทางเรียกประชุมกลางดึก และไม่เรียกทุกคนไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ เช่นนี้ และตั้งแต่สิงหาขึ้นมาเป็นเจ้าของไร่สิงหาเต็มตัวต่อจาก คุณสิง
ตอนที่1. ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบราวพญาเหยี่ยวจ้องมองรูปถ่ายของหญิงสาวที่ยิ้มหวานมาให้ด้วยความรักสุดหัวใจ และเมื่อนึกถึงสาเหตุการตายของเธอ ดวงตาคมที่อ่อนแสงลงเมื่อครู่ก็วาววับด้วยโทสะ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องชดใช้ ลดาวัลย์ สาวโคโยตี้ไร้ยางอาย ผู้หญิงแพศยาที่ทำร้ายดวงใจของเขา“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” สิงหา เลิศบริรักษ์ บราวส์ คำรามในลำคอดวงตาคมทอดมองไปยังทุ่งกว้างเขียวขจีเหมือนไร้จุดหมาย แต่คนอย่างสิงหาไม่เคยเป็นคนที่ไร้เป้าหมาย และตอนนี้เป้าหมายของเขาคือ การแก้แค้น ความแค้นที่ทำให้เขาแทบจะฆ่าคนคนหนึ่งได้เลยทีเดียว หากไม่ติดที่ว่าเขาได้รับปากหญิงอันเป็นที่รักไว้ว่า ให้ปล่อยวางและให้อภัย คนที่ทำร้ายเธอ ในวันที่ เพียงดารา เสียชีวิตเขาอยากจะไปฆ่าหญิงร้ายชายชั่วทั้งสองให้ตายตกตามกันไปแล้ว แม้อีกคนจะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม แต่เพราะเขารักเธอ ไม่อยากให้เพียงดาราต้องกังวลจึงต้องยับยั้งความคั่งแค้นไว้ก่อน แต่ตอนนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้คนชั่วช้าสองคนได้เสวยสุขบนความทุกข์ของใครอีกต่อไป...ร่างระหงเดินฉับๆ เข้าไปยังร้านอาหารชื่อดังที่มีอาหารหลากหลายชาติให้เลือกรับประทาน มีทั้งอาหารแบบปิ้งย่