จ๊อดรายงานด้วยน้ำเสียงพร่าไปเล็กน้อยเมื่อ ลุงสน เป็นคนงานเก่าแก่คนหนึ่งของไร่และค่อนข้างจะสนิทสนมกับจ๊อดและแสนแสง ลุงสนเป็นคนดีขยันและซื่อสัตย์ ลูกๆ ของลุงสนก็กำลังอยู่ในวัยเรียนซึ่งสิงหาเองก็ให้ทุนการศึกษาส่งเสียลูกทั้งสองของแกด้วย หากเขาจำไม่ผิด ลูกสาวคนโตของลุงสนเพิ่งจะเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ส่วนลูกชายกำลังเรียน ม.ปลาย
“เรียกระชุมคนงานทุกคนไปรวมกันที่ลานหน้าโรงอาหารเดี๋ยวนี้ ให้มาทุกคนลูกเด็กเล็กแดงจะหลับจะนอนอยู่ก็ต้องมา แล้วเอาบัญชีรายชื่อคนงานมาให้ฉัน อ้อ.. เรียก น้าโฉม มาด้วย” ใบหน้าของสิงหาเรียบเฉยแต่กรามแกร่งขบกันแน่น
“ครับ” จ๊อดรับคำแล้วรีบดำเนินการตามที่เจ้านายสั่งทันทีไม่ถึงสามสิบนาทีคนงานกว่าหกสิบคน ก็มารวมตัวกันที่ลานอเนกประสงค์หน้าโรงอาหาร สิงหาให้คนงานที่มีลูกเล็กและเด็กๆ ไปอยู่ในโรงอาหารส่วนคนอื่นๆ ที่โตพอจะยืนฟังเขาพูดให้อยู่ด้านนอก
ชายหนุ่มยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเหล่าคนงานที่นั่งอย่างเป็นระเบียบด้วยรู้ดีว่าหากไม่สำคัญจริงๆ คุณสิงห์จะไม่มีทางเรียกประชุมกลางดึก และไม่เรียกทุกคนไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ เช่นนี้ และตั้งแต่สิงหาขึ้นมาเป็นเจ้าของไร่สิงหาเต็มตัวต่อจาก คุณสิงหล ผู้เป็นพ่อ สิงหาเรียกประชุมด่วนกลางดึกเพียงแค่สองครั้งคือครั้งที่ คุณหัตถยา ผู้เป็นแม่เสียชีวิตเมื่อสิบปีกว่าก่อนและครั้งนี้ที่เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในไร่สิงหา...
คุณโฉมนภา หญิงวัยห้าสิบเศษนั่งไขว่ห้างพร้อมทั้งโบกพัดลวดลายสวยงามไปมาด้วยท่าทางเหมือนร้อนรน ใบหน้าที่ยังคงความสวยมิสร่างเพราะเจ้าตัวสรรหาเครื่องประทินความงามมาบำรุงบำเรอตัวเอง และอาศัยการศัลยกรรมมานับครั้งไม่ถ้วนนั้นบึ้งตึงดวงตาขุ่นเขียวมองทุกสิ่งรอบกายด้วยความไม่สบอารมณ์ เมื่อมานั่งตั้งนานแล้วผู้ที่เรียกประชุมด่วนยังไม่มีทีท่าจะพูดอะไร
“คุณสิงห์.. เมื่อไหร่จะพูดๆ จะบอกเรื่องสำคัญเสียทีน้าง่วงและเพลียนะ” คุณโฉมอดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไป นางจะเรียกสิงหาว่าคุณสิงห์เสมอ สิงหาหันมามองคนที่มีศักดิ์เป็นน้าสาวของตนด้วยแววตาว่างเปล่า...
“ที่ว่านานเพิ่งจะสิบห้านาทีเองครับน้าโฉม คนงานคนอื่นๆ เขามารอก่อนน้าโฉมเป็นชั่วโมงบางคนมาช่วยดับไฟที่ลุกไหม้เกือบสามชั่วโมงด้วยซ้ำ” สิงหาแย้งขึ้นปรายตามองคนที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่อย่างพิจารณา แต่ทำทีเหมือนไม่สนใจเพื่อรอดูปฏิกิริยาของคนบางคน...
“เอาล่ะที่ฉันตามทุกคนมากลางดึกแบบนี้คิดว่าคงเข้าใจกันดีว่าเพราะอะไร” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว
“เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความสูญเสียให้กับทางไร่ของเรามาก โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตมากไปกว่านี้ ซึ่งหลังจากนี้ฉันอยากให้ทุกคนคอยเฝ้าระวังสิ่งร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้น และจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในไร่และรีสอร์ตของเรา รวมไปถึงโรงงานแปรรูปผลไม้ของเราด้วย เมื่อเห็นอะไรผิดปกติให้มาแจ้งฉันหรือแสนแสง ทุกคนทำได้ใช่ไหม..”
“ทำได้ครับ / ทำได้ค่ะ” ทุกเสียงของคนงานขานรับ ชายหนุ่มผู้เป็นนายพยักหน้าด้วยความพอใจแล้วพูดต่อ
“ทุกคนคงรู้แล้วว่าลุงสนเสียชีวิตแล้วและคนงานอีกสองคนก็บาดเจ็บสาหัส วันนี้อาจจะจับคนที่ก่อเหตุไม่ได้ แต่ฉันสัญญาว่าพวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่มันได้ทำไว้กับพวกเรา ไม่ช้าก็เร็วพวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม..” สิงหาประกาศกร้าวทำให้คนฟังบางคนถึงกับเสียวสันหลังไปเลยทีเดียว...
“อีกอย่างช่วงนี้ฉันอยากให้ทุกคนดูแลเด็กๆ ให้ดีเพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เด็กๆ ลูกหลานของเราอาจจะไม่ปลอดภัย ที่ฉันเรียกให้พาเด็กๆ มาด้วยเพื่อจะได้รู้ว่าตอนนี้ในไร่เรามีเด็กกี่คนหน้าตาเป็นไงบ้าง ฉันอยากให้คนที่มีครอบครัวมีลูกส่งประวัติและรูปถ่ายของลูกๆ ตัวเองอัปเดตเพิ่มเติมกับแสนแสง เพื่อจะได้รู้ว่าใครมีสมาชิกใหม่บ้าง และต้องการความช่วยเหลืออะไร และฉันจะได้จัดสรรทุนการศึกษาให้พวกเขาได้ถูก เอาล่ะผู้หญิงกับเด็กไปพักผ่อนได้ ส่วนพวกผู้ชายอยู่ก่อนฉันมีเรื่องต้องสอบถามอีกเยอะ แสนนายกับไอ้จ๊อดจัดการตามที่ฉันบอกได้เลย”
“ครับคุณสิงห์” แสนแสงกับจ๊อดรับคำหนักแน่นแล้วไปทำหน้าที่ของตน
“งั้นน้าก็กลับไปพักได้แล้วใช่ไหม”
“สำหรับคุณน้า ผมยังไม่อนุญาตครับ เราต้องคุยกันก่อน เชิญคุณน้าโฉมไปที่ห้องทำงานผมเลยครับ..”
สิงหาบอกแล้วเดินนำหน้าผู้สูงวัยกว่าไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงอาหารนัก บ้านชั้นเดียวออกแบบตกแต่งให้ใช้งานเป็นออฟฟิศขนาดเล็กกะทัดรัดใช้งานได้เต็มพื้นที่และบางครั้งสิงหาก็จะมานอนที่ออฟฟิศหากวันไหนเหนื่อยจากงานมากๆ
“เชิญนั่งครับ” สิงหาผายมือให้ผู้สูงวัยกว่าแต่คุณโฉมกับเชิดหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่พอใจ...
“นี่มันดึกแล้วนะสิงห์ น้าต้องการพักผ่อน”
“ถ้าอย่างนั้นบอกผมมาว่าเมฆอยู่ที่ไหน..” สิงหาพูดเสียงเย็นทำให้คุณโฉมอ้ำอึ้งไป
“เอ่อ.. นะ น้า ไม่รู้”
“ผมจะให้เวลาน้าสามวัน เพื่อให้น้าพาเมฆากลับมาที่ไร่ หากเกินสามวันไปแล้วผมจะถือว่าเขาเป็นคนอื่น เชิญคุณน้าไปพักผ่อนได้” สิงหาพลางผายมือไปที่ประตูอย่างไม่สนใจท่าทางตาลีตาเหลือกของคุณโฉม
“คุณสิงห์จะทำแบบนี้กับน้าไม่ได้นะ ยังไงเมฆก็เป็นน้องมีสิทธิ์ในมรดกของคุณสิงหล”
“ผมก็ไม่ได้ว่าเขาจะไม่ได้นี่ครับ ทำไมคุณน้าต้องทำท่าตกใจด้วย”
“กะ ก็ เอ่อ.. น้ากลัวว่าคุณสิงห์จะโกรธตาเมฆจนตัดพี่ตัดน้อง น้าก็เป็นห่วงเพราะยังไงเสียก็พี่น้องกัน”
“ผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเลย แต่คุณน้าไม่ต้องห่วงหรอกว่านายเมฆมันจะไม่ได้อะไร เว้นเสียแต่มันจะไม่คิดจะเอาหรือไม่ใส่ใจจะเอา บางสิ่งบางอย่างมันไม่ใช่สิ่งที่จะให้กันได้ง่ายๆ หรอกนะครับ”
“แต่ตาเมฆก็มีสิทธิ์นะ..” คุณโฉมยังแย้งอยู่เรื่องเดิม สิงหาเวทนาหญิงตรงหน้ายิ่งนัก ในใจนั้นไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่เรียกได้ว่ามีสายเลือดเดียวกันใช้นามสกุลเดียวกันกับมารดาของเขา...
ตอนที่1. ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบราวพญาเหยี่ยวจ้องมองรูปถ่ายของหญิงสาวที่ยิ้มหวานมาให้ด้วยความรักสุดหัวใจ และเมื่อนึกถึงสาเหตุการตายของเธอ ดวงตาคมที่อ่อนแสงลงเมื่อครู่ก็วาววับด้วยโทสะ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องชดใช้ ลดาวัลย์ สาวโคโยตี้ไร้ยางอาย ผู้หญิงแพศยาที่ทำร้ายดวงใจของเขา“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” สิงหา เลิศบริรักษ์ บราวส์ คำรามในลำคอดวงตาคมทอดมองไปยังทุ่งกว้างเขียวขจีเหมือนไร้จุดหมาย แต่คนอย่างสิงหาไม่เคยเป็นคนที่ไร้เป้าหมาย และตอนนี้เป้าหมายของเขาคือ การแก้แค้น ความแค้นที่ทำให้เขาแทบจะฆ่าคนคนหนึ่งได้เลยทีเดียว หากไม่ติดที่ว่าเขาได้รับปากหญิงอันเป็นที่รักไว้ว่า ให้ปล่อยวางและให้อภัย คนที่ทำร้ายเธอ ในวันที่ เพียงดารา เสียชีวิตเขาอยากจะไปฆ่าหญิงร้ายชายชั่วทั้งสองให้ตายตกตามกันไปแล้ว แม้อีกคนจะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม แต่เพราะเขารักเธอ ไม่อยากให้เพียงดาราต้องกังวลจึงต้องยับยั้งความคั่งแค้นไว้ก่อน แต่ตอนนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้คนชั่วช้าสองคนได้เสวยสุขบนความทุกข์ของใครอีกต่อไป...ร่างระหงเดินฉับๆ เข้าไปยังร้านอาหารชื่อดังที่มีอาหารหลากหลายชาติให้เลือกรับประทาน มีทั้งอาหารแบบปิ้งย่
ตอนที่2.สี่ปีผ่านไปหลังจากที่เธอเรียนจบก็พยายามหางานทำ และทำทุกงานที่สุจริตเพื่อให้ได้เงินมาใช้หนี้ธนาคารและเพื่อรักษาสมบัติชิ้นสุดท้ายของตนไว้อย่างสุดความสามารถ และอีกไม่นานเธอก็จะสามารถปลดหนี้ได้แล้วนั่นคือเหตุผลที่ลลนาทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน และมักจะรับงานแทนเพื่อนๆ ที่ขาดลามาสายหรือหยุดงานเช่นตอนนี้ ที่เธอรับงานแทนลดาวัลย์แทบทุกครั้ง ช่วงนี้ลดาวัลย์ทำตัวแปลกไปหยุดงานบ่อยและมักคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน บางครั้งก็มักจะทำท่าลุกลี้ลุกลนถามอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะตอบ และเมื่อกลับเข้าบ้านก็มักจะเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง...“นุ่มๆ อีกห้านาทีจะถึงคิวขึ้นเวทีแล้วนะ..” เสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้นพร้อมกับสะกิดแขนเบาๆ ทำให้ลลนาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด“อ้อ..เหรอ ขอบใจนะ”“นุ่มต้องแสดงเป็นนิ่มไปก่อนนะ ไม่มีใครรู้หรอกอีกอย่างพอใส่หน้ากากปิดหน้าไว้แล้วก็ใส่ชุดของนิ่มแทบดูไม่รู้เลยว่าเป็นนุ่ม เหมือนกันยังกับฝาแฝด”เจ๊มะไฟ หญิงวัยกลางคนร่างท้วมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเจ็บจี๊ดจีบปากจีบคอพูดอย่างชื่นชม ขณะผูกเชือกหน้ากากนางเสือดาวให้ เจ๊มะไฟมองร่างระหงทรวดทรงองเอวงดงามไร้ที่ติของลลนาอีกครั้งอย่างพอใจ“เจ
ตอนที่3.สิงหาขับรถมุ่งหน้าตามลลนาที่เขาเข้าใจว่าเป็นลดาวัลย์ไปยังโรงพยาบาลที่เจ๊มะไฟบอก และทันเวลาที่เห็นหญิงสาวลงจากแท็กซี่พอดี ร่างระหงในชุดสวยทันสมัยสะดุดตาก้าวลงจากรถแท็กซี่แล้วกำลังจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลต้องชะงัก เมื่อมีรถยนต์สีดำทะมึนโฉบมาจอดตรงหน้า พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินหน้าเข้มมาหาตน ลลนาก้าวหนีโดยอัตโนมัติ ดวงตาคมสวยที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกเบิกกว้างด้วยความหวาดหวั่น คงไม่ใช่พวกทวงหนี้นอกระบบหรอกนะ... ลลนาคิดอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นชายหนุ่มท่าทางดุดันเดินมาหยุดตรงหน้า“เชิญขึ้นรถไปกับฉันดีๆ อย่าร้องโวยวายไม่อย่างนั้นเธอตายแน่” เสียงห้าวแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมเกรียมจนรู้สึกได้ ทำให้ลลนาถึงกับขาสั่นพูดไมออกทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวในเวลากลางดึกเช่นนี้แม้จะเป็นโรงพยาบาลที่มีคนพลุกพล่านอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่ทำไมตอนนี้คนพวกนั้นหายไปไหนหมด หญิงสาวกวาดตามองรอบกายอย่างหวาดหวั่น“คุณเป็นใคร”“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ และเธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้”“ไม่ ฉันไม่ไป..” ลลนาทำท่าจะวิ่งหนีแต่ก็ช้ากว่าคนตัวโตที่เข้ามาขวางไว้พร้อมทั้งคว้าข้อม