ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบราวพญาเหยี่ยวจ้องมองรูปถ่ายของหญิงสาวที่ยิ้มหวานมาให้ด้วยความรักสุดหัวใจ และเมื่อนึกถึงสาเหตุการตายของเธอ ดวงตาคมที่อ่อนแสงลงเมื่อครู่ก็วาววับด้วยโทสะ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องชดใช้ ลดาวัลย์ สาวโคโยตี้ไร้ยางอาย ผู้หญิงแพศยาที่ทำร้ายดวงใจของเขา
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” สิงหา เลิศบริรักษ์ บราวส์ คำรามในลำคอดวงตาคมทอดมองไปยังทุ่งกว้างเขียวขจีเหมือนไร้จุดหมาย แต่คนอย่างสิงหาไม่เคยเป็นคนที่ไร้เป้าหมาย และตอนนี้เป้าหมายของเขาคือ การแก้แค้น ความแค้นที่ทำให้เขาแทบจะฆ่าคนคนหนึ่งได้เลยทีเดียว หากไม่ติดที่ว่าเขาได้รับปากหญิงอันเป็นที่รักไว้ว่า ให้ปล่อยวางและให้อภัย คนที่ทำร้ายเธอ ในวันที่ เพียงดารา เสียชีวิตเขาอยากจะไปฆ่าหญิงร้ายชายชั่วทั้งสองให้ตายตกตามกันไปแล้ว แม้อีกคนจะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม แต่เพราะเขารักเธอ ไม่อยากให้เพียงดาราต้องกังวลจึงต้องยับยั้งความคั่งแค้นไว้ก่อน แต่ตอนนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้คนชั่วช้าสองคนได้เสวยสุขบนความทุกข์ของใครอีกต่อไป...
ร่างระหงเดินฉับๆ เข้าไปยังร้านอาหารชื่อดังที่มีอาหารหลากหลายชาติให้เลือกรับประทาน มีทั้งอาหารแบบปิ้งย่าง หรือ แบบชาบู อาหารญี่ปุ่นที่กำลังนิยมกันในละแวกนี้ (ชาบูชาบูแบบหม้อไฟแบบหนึ่งคล้ายกับสุกี้ยากี้ มีส่วนผสมต่าง ๆ เช่น ผักเนื้อหั่นบางๆ อาหารทะเล ปรุงโดยนำวัตถุต่าง ๆ เหล่านี้จุ่มแช่ลงในน้ำเดือด หรือน้ำซุปแล้วปล่อยทิ้งไว้สักพัก จากนั้นนำส่วนผสมอย่างอื่น เช่น เต้าหู้บะหมี่ ลงตุ๋นให้เข้ากัน รับประทานโดยจุ่มลงในซอส ปัจจุบันมีทั้งร้านชาบูแบบดั้งเดิมและประยุกต์ให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภค)
ทรวงสาวอวบใหญ่ภายใต้ชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูเข้มนั้นไหวสะท้านตามแรงก้าวเดินของเธอซึ่งเจ้าตัวไม่ได้จงใจที่จะให้ส่วนนี้ของร่างกายเชิญชวนใครให้สนใจในตัวเธอ แต่คนมันมีดีจนล้นหลามไม่ต้องทำอะไรมากก็เป็นจุดเด่นเสียจนเจ้าตัวเริ่มปลง แต่ ลลนา ก็ไม่ค่อยชอบนักกับสายตาคนที่มองมาแม้จะห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้ก็เถอะ โดยเฉพาะสายตาของผู้ชายขาหื่นทั้งหลายที่มองเธอเหมือนจะกินลงท้องไปทั้งตัว และหากวันนี้ไม่ได้รับปากจะมาทำหน้าที่แทนเพื่อนสนิทที่บอกว่าขอลาป่วยกะทันหัน จึงขอร้องให้เธอมาทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อดังแทนตน ในร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดนี้ล่ะก็ เธอไม่มีทางมาเด็ดขาดเพราะไม่ค่อยชอบผู้จัดการร้านของร้านนี้สักเท่าไหร่ อีกทั้งชุดของสาวเจ้าที่ให้เธอใส่แทนนั้นมันรัดติ้วและโชว์สัดส่วนเสียจนน่าหวาดเสียว ลลนาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพนักงานขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อต่างๆ จะต้องแต่งตัวอะไรขนาดนี้ด้วย
เอาน่า เงินดี ทำแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ตั้งเกือบพัน... ลลนาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะฉีกยิ้มให้ผู้จัดการร้านที่กำลังเดินรี่มาหาด้วยรอยยิ้มน่าสะอิดสะเอียน
“ว้าว วันนี้น้องนิ่มเปลี่ยนไป เอ๊ะ ทำไมวันนี้สวยขึ้นจนเหมือนคนละคน..” กรกฎ ผู้จัดการร้านรูปร่างสูงโปร่งแต่ลงพุงและหัวล้านแบบที่เรียกว่า แร้งกระพือปีก (ลักษณะผมที่เลี่ยนกลางจากข้างหน้าเข้าไปท้ายทอยผมสองข้างพองออกเป็นปีก เหมือนปีกนกที่กำลังกระพือ จึงเรียก แร้งกระพือปีกด้วยประการฉะนี้)
แล้วยิ่งหน้าแหลมๆ จมูกงุ้มๆ ดวงตายาวรีดูหลุกหลิกและฟันเหยินๆ ยามยิ้มก็เห็นตีนกาขึ้นเต็มหน้านั้น ยิ่งทำให้ลลนานึกถึงตัวละครในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีของรักของหวงคือแหวนที่มีอำนาจมากมายล้นฟ้า ของรักของข้า.. เสียงแหบแห้งพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความละโมบของเจ้าตัวนั้นก็ลอยเข้ามาในหัว แต่เพราะกรกฎเป็นคนบ้ายอทุกคนในร้านจึงเรียกเขาว่า เสี่ยกวง หรือ เสี่ยกรวงโบ๋ หรือบางทีถ้ามีโมโหก็อาจจะเรียกว่า ไอ้เสี่ยกร๊วก
“แหม.. ก็รู้ทั้งรู้ว่านี่ไม่ใช่น้องนิ่มก็ยังจะตีมึนทักผิดนะคะ น่าตีจริงๆ เลยเสี่ยเนี่ย..”
ลลนายิ้มหวานแล้วเบี่ยงกายเหมือนเขินอายแล้วตีเผลียะลงไปบนมือที่ยื่นมาหมายจะแตะแขนของตน พลางหลิ่วตาให้กรกฎอย่างเง้างอดแต่ในใจเดือดปุดๆ แต่หญิงสาวก็ฉลาดพอที่จะจัดการกับคนมือไวใจเร็วอย่างเสี่ยกรกฏ
“หนูนุ่มนี่เอง แหม.. วันนี้สวยจริงไม่ยักรู้ว่าหนูนุ่มมาทำงานเป็นสาวเสิร์ฟด้วย นึกว่าทำบัญชีอย่างเดียว อย่างอื่นทำด้วยมั้ยจ๊ะ..”
“ทำค่ะ ถ้าเงินหนาและถึงพอ.. แต่อย่างนุ่มคงเข้าไม่ถึงเสี่ยหรอกค่ะ กลัวเจ๊ใหญ่มาดักตบหน้าร้านน่ะสิคะ”
ลลนาพูดเสียงหวานแต่ในใจอยากหาอะไรมาทุบหัวล้านของอีตาเสี่ยหื่นนี่เสียนัก แต่ไม่ต้องหาอะไรมาทุ่มใส่หัวล้านเสียกรกฏหรอก แค่เอ่ยชื่อ เจ๊ใหญ่ เมียของเขา เสี่ยหัวล้านก็หน้าซีดตัวสั่นแล้วล่ะ
“อุ้ย.. น้องนุ่มจ๋าอย่าพูดถึงยายแก่แร้งทึ้งให้เสี่ยได้ยินสิจ๊ะ ชื่อไม่เป็นมงคลเลย ไม่เอาไม่พูด”
“นุ่มขอไปทำงานก่อนนะคะเสี่ยขา เดี๋ยวไม่ได้ทิปงามๆ”
ลลนายิ้มหวานแล้วเดินไปทำงานตามหน้าที่ของตน หลังจากที่ออกจากร้านชาบูแล้วหญิงสาวก็ต้องรีบบึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ชีพไปยังไนท์คลับชื่อดังเพื่อทำงานแทน นิ่ม หรือ ลดาวัลย์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและน้องสาวของตนที่ลาป่วยไว้อีกที่นั่นเอง
ลลนากับลดาวัลย์เป็นลูกพี่ลูกน้องและเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยวัยเดียวกัน รูปร่างหน้าตาคล้ายกันและชอบแต่งตัวเหมือนกัน มักจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน ซึ่งพวกเธอก็ไม่ได้ขัดข้องหากใครจะคิดเช่นนั้นและพวกเธอก็อยู่ด้วยกันมาตลอด...
บ้านของลลนาเป็นบ้านสวนเก่าแม้จะไม่ได้ทำสวนเป็นงานหลักแต่ในพื้นที่สวนผลไม้สิบไร่เศษๆ ก็พอทำให้มีรายได้พอที่จะส่งเสียตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี แม้ว่ากว่าจะจบออกมาได้เลือดตาแทบกระเด็น เพราะช่วงปีสุดท้ายบิดาของเธอป่วยหนักด้วยโรคตับแข็งและมะเร็งลำไส้ แม่จึงเอาที่ไปจำนองกับธนาคารแต่หลังจากที่ได้เงินมารักษาบิดาได้ไม่ถึงเดือนท่านก็เสียชีวิต แม่ของเธอเสียใจมากที่พ่อจากไปก่อนวัยอันควรถึงขั้นล้มป่วยและเสียชีวิตตามพ่อไปอีกคนทิ้งให้เธอต้องอยู่ลำพัง แต่ดีที่ว่ามีลดาวัลย์อยู่เป็นเพื่อนและช่วยปลอบประโลมกันจนเธอหายเศร้า
ตอนที่2.สี่ปีผ่านไปหลังจากที่เธอเรียนจบก็พยายามหางานทำ และทำทุกงานที่สุจริตเพื่อให้ได้เงินมาใช้หนี้ธนาคารและเพื่อรักษาสมบัติชิ้นสุดท้ายของตนไว้อย่างสุดความสามารถ และอีกไม่นานเธอก็จะสามารถปลดหนี้ได้แล้วนั่นคือเหตุผลที่ลลนาทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน และมักจะรับงานแทนเพื่อนๆ ที่ขาดลามาสายหรือหยุดงานเช่นตอนนี้ ที่เธอรับงานแทนลดาวัลย์แทบทุกครั้ง ช่วงนี้ลดาวัลย์ทำตัวแปลกไปหยุดงานบ่อยและมักคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน บางครั้งก็มักจะทำท่าลุกลี้ลุกลนถามอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะตอบ และเมื่อกลับเข้าบ้านก็มักจะเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง...“นุ่มๆ อีกห้านาทีจะถึงคิวขึ้นเวทีแล้วนะ..” เสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้นพร้อมกับสะกิดแขนเบาๆ ทำให้ลลนาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด“อ้อ..เหรอ ขอบใจนะ”“นุ่มต้องแสดงเป็นนิ่มไปก่อนนะ ไม่มีใครรู้หรอกอีกอย่างพอใส่หน้ากากปิดหน้าไว้แล้วก็ใส่ชุดของนิ่มแทบดูไม่รู้เลยว่าเป็นนุ่ม เหมือนกันยังกับฝาแฝด”เจ๊มะไฟ หญิงวัยกลางคนร่างท้วมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเจ็บจี๊ดจีบปากจีบคอพูดอย่างชื่นชม ขณะผูกเชือกหน้ากากนางเสือดาวให้ เจ๊มะไฟมองร่างระหงทรวดทรงองเอวงดงามไร้ที่ติของลลนาอีกครั้งอย่างพอใจ“เจ
ตอนที่3.สิงหาขับรถมุ่งหน้าตามลลนาที่เขาเข้าใจว่าเป็นลดาวัลย์ไปยังโรงพยาบาลที่เจ๊มะไฟบอก และทันเวลาที่เห็นหญิงสาวลงจากแท็กซี่พอดี ร่างระหงในชุดสวยทันสมัยสะดุดตาก้าวลงจากรถแท็กซี่แล้วกำลังจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลต้องชะงัก เมื่อมีรถยนต์สีดำทะมึนโฉบมาจอดตรงหน้า พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินหน้าเข้มมาหาตน ลลนาก้าวหนีโดยอัตโนมัติ ดวงตาคมสวยที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกเบิกกว้างด้วยความหวาดหวั่น คงไม่ใช่พวกทวงหนี้นอกระบบหรอกนะ... ลลนาคิดอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นชายหนุ่มท่าทางดุดันเดินมาหยุดตรงหน้า“เชิญขึ้นรถไปกับฉันดีๆ อย่าร้องโวยวายไม่อย่างนั้นเธอตายแน่” เสียงห้าวแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมเกรียมจนรู้สึกได้ ทำให้ลลนาถึงกับขาสั่นพูดไมออกทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวในเวลากลางดึกเช่นนี้แม้จะเป็นโรงพยาบาลที่มีคนพลุกพล่านอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่ทำไมตอนนี้คนพวกนั้นหายไปไหนหมด หญิงสาวกวาดตามองรอบกายอย่างหวาดหวั่น“คุณเป็นใคร”“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ และเธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้”“ไม่ ฉันไม่ไป..” ลลนาทำท่าจะวิ่งหนีแต่ก็ช้ากว่าคนตัวโตที่เข้ามาขวางไว้พร้อมทั้งคว้าข้อม
ตอนที่4.จ๊อดรายงานด้วยน้ำเสียงพร่าไปเล็กน้อยเมื่อ ลุงสน เป็นคนงานเก่าแก่คนหนึ่งของไร่และค่อนข้างจะสนิทสนมกับจ๊อดและแสนแสง ลุงสนเป็นคนดีขยันและซื่อสัตย์ ลูกๆ ของลุงสนก็กำลังอยู่ในวัยเรียนซึ่งสิงหาเองก็ให้ทุนการศึกษาส่งเสียลูกทั้งสองของแกด้วย หากเขาจำไม่ผิด ลูกสาวคนโตของลุงสนเพิ่งจะเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ส่วนลูกชายกำลังเรียน ม.ปลาย“เรียกระชุมคนงานทุกคนไปรวมกันที่ลานหน้าโรงอาหารเดี๋ยวนี้ ให้มาทุกคนลูกเด็กเล็กแดงจะหลับจะนอนอยู่ก็ต้องมา แล้วเอาบัญชีรายชื่อคนงานมาให้ฉัน อ้อ.. เรียก น้าโฉม มาด้วย” ใบหน้าของสิงหาเรียบเฉยแต่กรามแกร่งขบกันแน่น“ครับ” จ๊อดรับคำแล้วรีบดำเนินการตามที่เจ้านายสั่งทันทีไม่ถึงสามสิบนาทีคนงานกว่าหกสิบคน ก็มารวมตัวกันที่ลานอเนกประสงค์หน้าโรงอาหาร สิงหาให้คนงานที่มีลูกเล็กและเด็กๆ ไปอยู่ในโรงอาหารส่วนคนอื่นๆ ที่โตพอจะยืนฟังเขาพูดให้อยู่ด้านนอกชายหนุ่มยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเหล่าคนงานที่นั่งอย่างเป็นระเบียบด้วยรู้ดีว่าหากไม่สำคัญจริงๆ คุณสิงห์จะไม่มีทางเรียกประชุมกลางดึก และไม่เรียกทุกคนไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ เช่นนี้ และตั้งแต่สิงหาขึ้นมาเป็นเจ้าของไร่สิงหาเต็มตัวต่อจาก คุณสิง