ใบหน้าของจูหลานแดงมาก หลิงอวี๋พูดเปิดเผยขึ้นมา ก็ทำให้นางรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งหลิงอวี๋พูดถูก เซียวหลินมู่มิอยากเป็นหนี้หลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นคราวนี้เมื่อเสี่ยวเป่าล้มป่วย เซียวหลินมู่จึงปฏิเสธที่จะไปเชิญหลิงอวี๋หากอาการเมื่อครู่ของเสี่ยวเป่ามิอันตรายเกินไป จนจูหลานบังคับเขาไป เขาก็คงมิยอมไปเชิญหลิงอวี๋“ท่านพี่สะใภ้สี่... ข้ามิได้หมายความเยี่ยงนั้นจริง ๆ! ท่านช่วยข้า ท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้ากับเสี่ยวเป่า ข้ามิเคยคิดที่จะกลายเป็นศัตรูของท่าน!”“ก็แค่… ข้า ข้ามิสามารถโน้มน้าวเขาได้!”จูหลานหลั่งน้ำตาด้วยความอับอาย “เขามิเคยสนใจตำแหน่งนั้นมาก่อน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้ามิรู้ว่าใครเป็นคนยุยงเขา เขา... เขาเพิ่งเริ่มคิดถึงมัน!”“ข้าขอโทษ ท่านพี่สะใภ้สี่... ข้ามิอยากให้เขาแข่งขันกับท่านอ๋องอี้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งนั้นจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะถูกครอบงำ มีเพียงแค่เขาต้องชนะอันดับหนึ่งในการแข่งขันทางทหารสี่แคว้นเท่านั้ัน เสด็จพ่อจึงจะมองเขาต่างจากเดิม!”หลิงอวี๋มิรู้สึกโกรธเมื่อเห็นว่าจูหลานเปิดเผยความคิดทั้งหมดของเซียวหลินมู่ เมื่อเทียบกับพระชายาเว่ยกับพระชายาคังแล้ว จูหลานคนนี้ไร
เสี่ยวเป่ายังเด็กอยู่ เป็นเรื่องยากสำหรับหลิงอวี๋ที่จะไปจนกว่าอาการของเขาจะคงที่นางเดินออกไปให้เซียวหลินเทียนกลับไปก่อน ตนจะพักอยู่ที่ตำหนักองค์ชายเย่ชั่วคราวหนึ่งคืนเซียวหลินเทียนรู้สึกได้ไวต่อการเปลี่ยนแปลงท่าทีขององค์ชายเย่ที่มีต่อเขา เขาดึงหลิงอวี๋อย่างเป็นกังวลแล้วเอ่ย “อาอวี๋ เจ้าอยู่ที่นี่จะมิเป็นไรหรือ?”หลิงอวี๋เข้าใจความกังวลของเซียวหลินเทียนทันที จึงบีบมือแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา! หม่อมฉันจะดูแลตัวเอง!”“เมื่ออาการของเสี่ยวเป่าคงที่แล้ว หม่อมฉันจะกลับไปในวันพรุ่ง! ให้หลิงซวนดูแลเฮยจื่อให้ดี!”“โรคนี้ฟังดูน่ากลัว แต่ตราบใดที่ใส่ใจกับการฆ่าเชื้อและข้อควรระวัง ก็จะมิติดเชื้อในบ้าน!”“อืม ข้าจะจัดการให้!”เซียวหลินเทียนจับมือหลิงอวี๋อย่างแน่นก่อนจะพาคนกลับตำหนัก“พี่สะใภ้สี่ คืนนี้ท่านคงจะเหนื่อยแล้ว!”องค์ชายเย่เอ่ยอย่างสุภาพสองสามคำแล้วกลับไปที่ห้องของเขาหลิงอวี๋อยู่กับจูหลานคอยเฝ้าเสี่ยวเป่า เมื่อมีระยะห่างแล้ว หลิงอวี๋ก็มิได้พูดกับจูหลานมากนักเมื่อเห็นว่าเสี่ยวเป่าเหงื่อออกมาก นางจึงเอ่ย “เอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เขาเปลี่ยนเถิด! ซักเสื้อผ้าที่เปลี่ยน ต้มใ
หลิงอวี๋รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่จูหลานเอ่ยจูหลานดูไร้เดียงสา แต่นางก็มีสติ!“ท่านพี่สะใภ้สี่ ท่านคิดว่าข้าโตแล้วใช่หรือไม่?”จูหลานยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับท่านมามากแล้ว ข้าได้ยินมาว่าท่านเกือบจะถูกท่านอ๋องอี้ทุบตีจนตาย แต่ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมา!”“ข้าก็เหมือนกัน ความตายอยู่ใกล้ข้ามากเมื่อตอนที่ข้าให้กำเนิดลูก!”“ข้ามักจะคิดว่าหากข้ามิโชคดีพอที่ได้พบท่าน หลุมศพของข้าคงเต็มไปด้วยวัชพืช! เมื่อเทียบกับความตาย ความรุ่งโรจน์กับความมั่งคั่ง ในใต้หล้านี้เป็นเพียงเมฆที่หายวับไปได้เท่านั้น!”“เซียวหลินมู่มิเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน หลังจากได้รับกำลังใจจากคนอื่น เขาลืมไปเลยว่าตัวเขาเองมีความสามารถแค่ไหน!”จูหลานส่ายหัวพลางถอนหายใจ “ท่านอ๋องอี้มีพลังมากกว่าเขามาก ตอนที่ท่านถูกใส่ร้าย เขาเจอกับกองทัพหลวงก็ยังทำอะไรมิถูก!”“เซียวหลินมู่มิเคยคิดเลยว่าตอนที่เขาถูกศัตรูรายล้อม หากมิได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องที่เสียชีวิตไป ใครจะช่วยเขา!”หลิงอวี๋เงียบไป นางเข้าใจได้ว่าจูหลานแสดงความปรารถนาดีต่อนาง มิว่าจะเป็นเพื่อเซียวหลินมู่หรือเพื่อตัวนางเอง หลิงอวี๋ก็ยอมรับในความปรารถนาดีของ
หลิงอวี๋ให้น้ำเกลืออีกชุดหนึ่งกับเสี่ยวเปาแล้วเอ่ยกับจูหลาน“อาการของเสี่ยวเป่าให้น้ำเกลือสามวันก็มิเป็นอะไรมากแล้ว! ข้าจะให้สุ่ยหลิงเฝ้าเขาในวันนี้แล้ววันพรุ่งข้าจะมาตรวจอาการ!”จูหลานได้เห็นแล้วว่าเสี่ยวเป่าดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยขอบคุณ “เจ้าค่ะ ท่านพี่สะใภ้สี่ ขอบคุณท่านแล้ว! ท่านกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าจะส่งรถม้าไปรับในวันพรุ่ง!”“อืม!”หลิงอวี๋ต้องกลับไปดูเฮยจื่อ จึงให้สุ่ยหลิงอยู่ที่นี่แล้วบอกลาจูหลานจัดรถม้าไปส่งหลิงอวี๋กลับรถม้ามาถึงตำหนักอ๋องอี้ ก่อนที่หลิงอวี๋จะลงจากรถ นางก็เห็นมู่หรงชิ่งยืนอยู่ที่ประตูตำหนักอ๋องอี้พร้อมกับนางรับใช้“องค์หญิงชิ่ง? มีอะไรหรือ?”หลิงอวี๋ทักทายทันทีที่ลงจากรถ“อื้ม ข้ามาที่นี่เพื่อถามเจ้าว่า เจ้าได้รับคำเชิญขององค์หญิงตานรั่วหรือไม่?”หลิงอวี๋ส่ายหัว “เมื่อคืนข้ามิได้อยู่บ้าน ข้าไปตรวจรักษา มิรู้ว่าพระนางส่งคำเชิญมาให้ข้าหรือไม่!”“องค์หญิงตานรั่วบอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดของนางแล้ว นางอยากจะใช้โอกาสนี้ติดต่อกับทุกคน!”มู่หรงชิ่งขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ข้าได้ยินมาว่านางเชิญคุณหนูร่ำรวยหลายคนจากเมืองหลวงของเจ้า! มีองค์หญิงหกด้วย! ข้าจึงมาถามเ
ทันทีที่มู่หรงชิ่งเดินจากไป หลิงอวี๋ก็ให้เถาจื่อไปเรียกลู่หนานมาทันที“ลู่หนาน ช่วยไปตรวจดูให้ข้าทีว่า องค์หญิงตานรั่วเชิญคุณหนูคนใดบ้าง มีกี่คนที่เก่งด้านวรยุทธ และมีกี่คนที่เตะลูกกลมได้!”ลู่หนานตะลึงไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “พระชายา ท่านจะทำสิ่งใดหรือขอรับ?”“ข้าอยากรู้อะไรบางอย่างเสียก่อน! องค์หญิงตานรั่วผู้นี้ดูเหมือนว่าจะมาเยือนพร้อมเจตนามิดี!”หลิงอวี๋มิเชื่อว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วแค่อยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดเท่านั้น ดังนั้นเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก็มิเสียหายอะไรลู่หนานพยักหน้าแล้วออกไปหาคนสอบถามหลังจากนั้น ลู่หนานก็ส่งข่าวมาว่า ในบรรดาคุณหนูที่ได้รับเชิญจากเซี่ยโฮ่วตานรั่วนั้น มีคนที่กำลังฝึกวรยุทธน้อยมาก มีอยู่เพียงแค่สามสี่คนเท่านั้น ซึ่งเจียงอวี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยในรายชื่อมีหลิงเยี่ยน อันซิน หลิงหว่าน อวี๋หลาน เจิงจื่ออวี้ และฉินรั่วซืออยู่ในนั้นด้วยส่วนแขกผู้สูงศักดิ์ที่สุดก็คือ ไทเฮา จักรพรรดิอู่อัน ฮองเฮาเว่ยและพระชายาเส้าหลิงอวี๋มองที่รายชื่อแล้วจมอยู่ในความครุ่นคิด เซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้นี้ได้เชิญลูกหลานผู้มีอำนาจในเมืองหลวงมาเกือบทั้งหมดเลย เห็นได้ชัดว่ามี
วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปเลือกของกำนัลเป็นเพื่อนมู่หรงชิ่ง จากนั้นก็ไปดูเสี่ยวเป่าที่ตำหนักองค์ชายเย่ เมื่อกลับมาก็ลากพวกเถาจื่อกับสุ่ยหลิงไปฝึกเตะลูกกลมกันที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเห็นดังนั้นก็วิ่งมาฝึกด้วย เด็กชายตัวน้อยกับพี่น้องฉีเต๋อวิ่งกันไปทั่ว เล่นกันอย่างมีความสุขมากทีเดียวในสมัยใหม่หลิงอวี๋เคยเล่นฟุตบอลมาก่อน แต่มิได้คุ้นเคยกับการเตะลูกกลมเช่นนี้มากนัก หลังจากฝึกซ้อมมาตลอดช่วงบ่าย ขาของนางก็เจ็บแปลบไปหมด นางอิจฉาหลิงเยวี่ยที่ยังเด็กก็เลยมีพลังเยอะมากคืนนี้หลิงอวี๋มิได้ไปที่เรือนริมวารี นางอาบน้ำร้อนแล้วเข้านอนก่อนกระทั่งในวันที่สาม ก็เป็นวันเกิดของเซี่ยโฮ่วตานรั่วแล้ว พวกของหลิงหว่าน เจียงอวี้และอันซินก็มาที่ตำหนักอ๋องอี้แต่เช้าแล้วไปที่ภูเขาว่านโซ่วพร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านพี่หลิงหลิง ข้าฝึกเตะลูกกลมแล้ว ไม่มีปัญหาในการทำคะแนน!”เจียงอวี้เอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างมีความสุขขณะที่นั่งอยู่บนรถม้าหลิงอวี๋เอ่ยชื่นชม “เช่นนั้นก็ดีเลย! หากวันนี้ตานรั่วมิเสนอการแข่งขัน เจ้าก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไป! แต่หากนางเสนอขึ้นมา เรามีเจ้าก็จะมิแพ้จนเสียหายเกินไป!”อันซินยิ้มพลางเอ่ย “ข้าก็ฝ
ขณะนี้หลิงอวี๋มีความคิดมากมายอยู่ในหัวแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ของเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะมีความหมายในการดูถูก แต่ก็หาข้อผิดพลาดอะไรมิได้เลยจริง ๆหากต้องหารนั่งเกี้ยวของพวกเขาก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของพวกเขาหากมิต้องการยอมรับชื่อว่าเป็นขยะ เช่นนั้นก็เดินขึ้นภูเขาด้วยตัวเอง พิสูจน์ให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นว่าตนมิใช่ขยะ!ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนึกถึงชื่อเรียกที่ดูถูกคนในแผ่นดินแล้ว หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจออกมา มีเพียงแต่แคว้นต้องแข็งแกร่งเท่านั้นคนอื่นจึงจะมิกล้าดูถูก!เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล้าทำเช่นนี้ในวันนี้ ก็เพราะเห็นความอ่อนแอของสตรีในฉินตะวันตกอย่างชัดเจน จึงใช้เรื่องนี้มาดูถูกสตรีในฉินตะวันตกมิใช่หรือ?“พระชายาอ๋องอี้ พูดอะไรสักอย่างสิ! ท่านมีสถานะสูงสุดในหมู่พวกเรา หรือท่านจะปล่อยให้พวกนางวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้?”เมื่อเห็นหลิงอวี๋เงียบไป เจิงจื่ออวี้ก็ตะโกนอย่างมิพอใจหลิงอวี๋เหลือบมองนางแล้วเอ่ยกับนางรับใช้ที่มาต้อนรับอย่างเรียบ ๆ “องค์หญิงตานรั่วตรัสเพียงว่า หากต้องการนั่งเกี้ยวของพวกเจ้าขึ้นไป ถึงจำเป็นต้องลงนามรับเหรียญ มิได้บอกข้อจำกัดว่าจะขึ้นไปเยี่ยงไรใช่หรือไม่?”นางรับใช้เอ่ยอย่างสบาย
“พี่ ๆ เรามาสู้ไปด้วยกันนะ ต้องมิให้คนฉีตะวันออกหัวเราะเยาะเราได้เป็นอันขาด!”อวี๋หลานเป็นคนนิสัยดีและมีความเป็นมิตร สตรีหลายคนในเมืองหลวงล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง เมื่อนางให้กำลังใจเช่นนี้ สตรีเหล่านั้นก็พยักหน้ากันหมดแม้ว่าเจิงจื่ออวี้จะมิได้เห็นด้วย แต่ก็ถูกคำพูดเมื่อครู่ของนางกระตุ้นเช่นกันท่านพ่อกับพี่ชายของนางทำงานอยู่ในราชสำนัก ในเมื่อนางได้รับเชิญมาแล้ว นางจะทำให้พ่อกับพี่ชายของนางต้องอับอายมิได้“พี่หญิงจื่ออวี้ น้องสวี่เหยียน พวกเจ้าฉลาดกว่าข้า วันนี้พวกเจ้าเป็นผู้นำเถิด!”อวี๋หลานพูดเยินยอเจิงจื่ออวี้กับสวี่เหยียนอย่างชาญฉลาดเจิงจื่ออวี้เหลือบมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋มิรอให้นางได้พูดอะไรก็ยิ้มพลางเอ่ย “อืม อวี๋หลานพูดถูก จื่ออวี้กับสวี่เหยียนเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่ม พวกเจ้าสองคนเป็นหัวหน้ากลุ่มเถิด!”“วันนี้พวกเราออกมาเที่ยวเล่น หาได้ต้องพูดถึงเรื่องสถานะไม่ ยกให้คนที่มีความสามารถมาก่อนดีกว่า!”เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ยกย่องนาง เจิงจื่ออวี้ก็ค่อนข้างพึงพอใจ จึงกำหมัดแน่นพลางเอ่ย “ในเมื่อทุกคนเสนอให้ข้าเป็นหัวหน้า เช่นนั้นข้าก็จะมิเกรงใจแล้ว!”“เราจะทำให้สตรีฉินตะว
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้
“มิต้องกลัว แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะร้ายกับเจ้า เจ้าก็ยังมีข้าอยู่!”หลิงอวี๋เดินไปอย่างมั่นคง เซียวหลินเทียนนั้นจับมือของนางไว้แน่นแม้ว่าจะมิได้พูด แต่คำที่เซียวหลินเทียนสัญญาก็ดังก้องอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋นางมองหนทางไกลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มาในวันนี้มากกว่าในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาหลายเท่ามิได้มีเพียงแต่ขุนนาง ยังมีทูตจากแคว้นเล็กที่มาประชุม และมีเหล่าราษฎรที่นางเคยคิดทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประโยชน์และความสุขของพวกเขาด้วย...มีศัตรู และมีสหาย!หลิงอวี๋เห็นท่านอดีตเสนาบดี เจียงอวี้ และพระชายาผิงหนานอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น...แล้วก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่มีผ้าปิดหน้าและองค์ชายคัง!หลิงอวี๋ยิ้มแล้วตามเซียวหลินเทียนเดินไปที่แท่นสูงดูเหมือนว่านี่มิใช่การมาเข้าร่วมการพิพากษาคดีของตน แต่แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนซึ่งหาได้ยากที่จะแสดงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตกเซียวหลินเทียนยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรสูงใหญ่ที่จัดมาเป็นพิเศษ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจและสงบเยือก“เหล่าขุนนางและราษฎรฉินตะวันตก ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนนี้ก็ล้วนรู้กันดีว่างา
หลิงหว่านอยู่ในห้องได้ยินดังนั้นใจก็จมดิ่งลงทันทีด้านนอกมิรู้ว่ามีคนแบบใดเฝ้าพวกเขาอยู่ หลิงเสียงกังก็ถูกวางยาพิษอีก พวกเขาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?“แล้วหลิงหว่านเล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม“เก็บนางไว้ก่อน รอผ่านวันพรุ่งไปแล้วค่อยว่ากัน!”วันพรุ่ง?วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น?หลิงหว่านมิเข้าใจเรื่องภายนอก แต่ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วนางก็รู้ว่าวันพรุ่งจะต้องเป็นวันสำคัญแน่นอนนางกับหลิงเสียงกังจะต้องหนีไปให้ได้ก่อนวันพรุ่งจะมาถึง และไปเปิดโปงแผนร้ายของเฝิงฉินดีที่สองคนนั้นแค่คุยกันอยู่ด้านนอก มิได้เข้ามาตรวจสอบด้านในกระทั่งด้านนอกไม่มีเสียงใดแล้ว หลิงหว่านก็กระซิบอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ อีกนานหรือไม่?”หลิงหว่านมองมิเห็นหลิงเสียงกัง ริมฝีปากของเขาทั้งบนและล่างล้วนถูไปกับเชือกป่านจนเลือดเปื้อนเชือกป่านแดงฉานไปหมดเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นและกังวลมากเช่นกัน เขามีเวลามิมากแล้ว เขาต้องรีบช่วยแก้มัดให้หลิงหว่านแล้วให้นางหนีออกไปนางเป็นลูกสาวของตน แม้ว่าเขาจะจำมิได้ แต่คำเรียกพ่อนั้นก็เป็นแรงให้เขา!หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมิรู้ว่าเผยอวี้พาคนมาหาที่นี่จนพบแล้ว ที่มิ
เฝิงฉินตอบสนองต่อเสียงก่นด่าของหลิงหว่านด้วยรอยยิ้มดูถูก แล้วเดินเข้ามามองนาง“หลิงหว่าน เจ้ากับพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่เจ้าทำเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้นางไปกินอุจจาระนางเองก็จะยอมทำตามแต่โดยดี!”ใจของหลิงหว่านจมดิ่งลง และเกิดลางสังหรณ์ที่มิดีขึ้นมาเฝิงฉินกล้าพูดทุกอย่างนี้กับตน หรือว่ามิได้คิดจะให้ตนมีชีวิตกลับไปอีกแล้ว?“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”หลิงหว่านตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวแต่เฝิงฉินกลับมิเสียเวลาพูดกับนางแล้วหมุนตัวเดินไปข้างกายหลิงเสียงกัง และพยายามโน้มน้าวหลิงเสียงกังแต่หลิงเสียงกังนิ่งเฉย เขาสามารถลำบากเพื่อเฝิงฉินได้ แต่เรื่องที่จะให้ตนใช้ข้อหาที่ไม่มีจริงไปใส่ร้ายหลิงอวี๋นั้นเขาไม่มีทางยอมทำเด็ดขาดสุดท้ายเฝิงฉินจึงเดินออกไปพร้อมกับโทสะ“ท่านพ่อ เราอยู่ที่นี่มิได้ เฝิงฉินไม่มีทางกล้าที่จะฟ้องร้องพี่หญิงหลิงหลิงเช่นนี้แน่ เบื้องหลังของนางจะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่!”หลิงหว่านคิดในจุดนี้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “จุดประสงค์ของคนที่ให้การสนับสนุนนางคือการทำลายพี่หญิงหลิงหลิง เมื่อนางบรรลุจุดประสงค์แล้วจะต้องสังหารพวกเราเป็นแ
หลิงหว่านกับหลิงเสียงกังถูกขังไว้ในไร่นาร้างแห่งหนึ่งหลิงหว่านถูกเฝิงฉินพาไปที่ชานเมืองเมื่อยามไปหาหลิงเสียงกัง เฝิงฉินบอกว่าหลิงเสียงกังเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา หลิงหว่านเป็นห่วงอาการป่วยของบิดาตนจึงตามไปไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเข้าประตูไปแล้วจะถูกเฝิงฉินเอาไม้ทุบสลบไปกระทั่งหลิงหว่านฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตนถูกมัดแขนขาอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ตัวหนึ่งส่วนหลิงเสียงกังก็นอนอยู่ในดงหญ้าที่พื้น และถูกมัดแขนขาเช่นกัน“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฝิงฉินหาทางผูกมัดหลิงเสียงกังมาโดยตลอดมิใช่หรือ?มัดตนไว้ยังพอยอมรับได้ แต่เหตุไฉนต้องมัดหลิงเสียงกังด้วยเล่า!“แค่ก!”หลิงเสียงกังฟื้นจากการที่ถูกหลิงหว่านปลุกขึ้นมา แล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปาก จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมา“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านกังวลเป็นอย่างมาก เห็นว่าหลิงเสียงกังที่ดูแข็งแรงดีเมื่อหลายวันก่อนกลับมีท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ต้องพยายามอยู่หลายครั้งจึงจะลุกขึ้นนั่งได้“เฝิงฉิน เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้?!”หลิงเสียงกังมิได้สนใจหลิงหว่านแล้วตะโกนแผดเสียงออกมาที่มุมปากของเขามีเลือดไหล แต่เลือดเหล่านี้มิ
“ฝ่าบาท! เรื่องนี้จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ? แคว้นเล็กเหล่านั้นล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ครานี้บัณฑิตโวยวายกันจนเป็นเช่นนี้ หากมิไกล่เกลี่ยพวกเขาให้ดี ผลที่ตามมาคงยากเกินจะรับไหวพ่ะย่ะค่ะ!”สองวันมานี้หลี่ว์เซียงติดเชื้อไข้หวัดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นว่าเรื่องของหลิงอวี๋ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ก็อยู่บ้านมิได้แล้วจึงรีบมาราชสำนัก“พวกเจ้าอย่าได้ร้อนใจ ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะจะหารือเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างปลอบใจ “ข้ามิประหารผู้ใดง่าย ๆ หรอก ทว่าหากมีเจตนาชั่วร้าย คิดจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับให้ข้าประนีประนอม เช่นนั้นคงเป็นไปมิได้!”“วันพรุ่งข้าจะจัดงานเลี้ยงท้องถนนและชี้แจงเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเจ้าสองคนต้องทำในวันนี้ก็คือ ไกล่เกลี่ยให้บัณฑิตเหล่านั้นกลับไปโดยมิต้องเปลืองแรง!”เซียวหลินเทียนให้แม่ทัพเฉินไปตรวจสอบเรื่องอาคารศึกษาถล่ม หลี่ต้าหนิวเองก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกรมอาญาเป็นการชั่วคราวเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนต้องทำให้ชัดเจนก่อนวันพรุ่งเซียวหลินเทียนรู้ดี หากมิเตรียมให้พร้อม งานเลี้ยงท้องถนนในวันพรุ่งก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่ตนพบหลังจากครองบัลลังก์มา“การจัด
กับคนกันเอง หลิงอวี๋มิเคยแล้งน้ำใจได้ลงนี่คือสาเหตุหลักที่หลิงซวนกับพวกหานเหมยยินดีติดตามหลิงอวี๋ด้วยความรักโดยมิเสียใจ“ฮองเฮาเพคะ ครานี้องค์จักรพรรดิทรงทำเพื่อท่าน นับว่าทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจเลยทีเดียว!”หลิงซวนอดมิได้ที่จะเอ่ย “ยามตกทุกข์ได้ยากจะพบความจริงใจ หม่อมฉันรู้สึกว่าฮองเฮาน่าจะให้โอกาสพระองค์ อย่าได้ปิดกั้นพระองค์อีกเลยเพคะ!”คำพูดของหลิงซวนเป็นคำกำกวม พวกนางผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของหลิงอวี๋ ล้วนรู้เรื่องราวภายในที่องค์จักรพรรดิมาพักที่พระตำหนักคุนหนิงในทุกครั้งเป็นอย่างดีว่านั่นเป็นการนอนหลับเฉย ๆ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้นนี่หลิงซวนบอกใบ้ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนได้ทำในสิ่งที่สามีภรรยาที่แท้จริงทำกัน อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลย...หลิงอวี๋ย่อมเข้าใจในการบอกใบ้ของหลิงซวนอยู่แล้ว เหตุใดครานี้นางจึงมิเป็นฝ่ายไปตรวจสอบคดี หนึ่งก็คือรู้สึกผิดหวัง สองก็คือนางต้องการจะดูว่าเซียวหลินเทียนจะสามารถทำอะไรเพื่อตนได้บ้างเห็นได้ชัดว่าการกระทำของเซียวหลินเทียนในสองวันมานี้ผ่านมาก ๆนี่คือทัศนคติที่ควรมีในฐานะสามี!“ฮองเฮา ได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิจัดงานเลี้ยงท้องถนน สิ
จ้าวฮุยมองเซียวหลินเทียนจากไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้แตกต่างจากจักรพรรดิอู่อันโดยสิ้นเชิงภาพในวันนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หากทำให้เซียวหลินเทียนโกรธ เซียวหลินเทียนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง!เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียน เจ้าคิดว่าข่มขู่ขุนนางแล้วจะสามารถปกป้องหลิงอวี๋ไว้ได้เยี่ยงนั้นรึ?มันยังมิจบหรอก!เจ้ามิอาจห้ามปากของทุกคนได้!ขอเพียงเจ้ายังต้องการแผ่นดินฉินตะวันตกและยังต้องการนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคงอยู่วันนี้เจ้าส่งผู้ตรวจการเจียงไปเข้าคุกอย่างไร วันข้างหน้าก็ต้องไปเชิญเขาออกมาอย่างเคารพข้าจะดูว่าเจ้าจะตบหน้าตัวเจ้าเองอย่างไร!สองวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้สนใจเรื่องภายนอก แต่หลิงซวนก็ยังเล่าเรื่องที่เกิดภายนอกให้นางฟังอย่างภักดีโดยละเว้นเรื่องนางซุนไว้เมื่อได้ยินเรื่องชาวบ้านเหล่านั้นบอกว่าตนให้พวกเขาเลี้ยงวัวนมเพื่อให้ตนอาบน้ำ หลิงอวี๋ก็หัวเราะด้วยความโกรธเมื่อเทียบกับการทรยศของนางซุนผู้เป็นญาติของตน การใส่ร้ายแบบที่มิเห็นความหวังดีของผู้อื่นเช่นนี้ช่างเบาบางมากสำหรับหลิงอวี๋แต่แม้ว่าตัวหลิงอวี๋จะมิสนใจ แต่ก็ต้องคิดว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อตนและเ
เหล่าขุนนางที่ยังคงพูดอยู่ตกใจกลัวจนเงียบกริบและพากันคุกเข่าลงทันทีนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนโกรธราวกับฟ้าผ่าลงมาเช่นนี้นับตั้งแต่ครองบัลลังก์มา“พล่ามกันพอแล้วหรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะคอกด้วยความโกรธ “อย่าเอาคำว่ากษัตริย์ผู้ทรงธรรมมาข่มขู่ข้าา! ตัวข้าเข้าสู่สนามรบตั้งแต่เจ็ดขวบ ข้าจะมิเคยเห็นภาพนองเลือดเชียวรึ? ข้าจะกลัวที่พวกเจ้าจะวิ่งชนเสาหรือ?”“วันนี้ข้าจะเอ่ย ณ ที่แห่งนี้ ข้ายอมเผด็จการหากจะต้องปกป้องหลิงอวี๋!”“อย่าว่าแต่ที่หลิงอวี๋มิได้มีความผิดใด ๆ แม้ว่านางคิดอยากจะนั่งในตำแหน่งนี้ของข้าจริง ๆ ข้าก็ยินดีจะหลีกทางให้… เพราะข้าเชื่อว่าหากหลิงอวี๋เป็นจักรพรรดินีก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าข้า!”ขุนนางเหล่านั้นล้วนตกใจกับคำพูดนี้ของเซียวหลินเทียน!นี่… นี่… องค์จักรพรรดิถูกกระตุ้นจนจิตมีปัญหาหรือ?มิฉะนั้นจะพูดคำพูดที่ไร้สาระจนคาดมิถึงเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!“ราษฎรทำผิดกฎหมายทางจวนขุนนางยังให้โอกาสพวกเขาได้อุทธรณ์! พวกเจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักของข้า เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองบ้านเมือง แต่พวกเจ้าฟังดูว่าพวกเจ้าพูดอะไรออกมา?”เซียวหลินเทียนตวาด “มิทำการสอบสวน มิรวบรวมหลักฐาน อา