เซียวหลินเทียนตกใจมาก เขามิเคยรู้เลยว่าพี่น้องฝาแฝดจะมีความรู้สึกเช่นนี้ด้วยแต่เมื่อเห็นหลิงเสี่ยงกับหลิงอวี๋ คนหนึ่งยืนตัวสั่น ส่วนอีกคนหนึ่งนอนตัวสั่น เขามิเชื่อก็ต้องเชื่อเรื่องมหัศจรรย์นี้!“หลิงเสี่ยง เจ้าช่วย…”ขณะเซียวหลินเทียนพูด ก็เห็นหมอหานกับหมอเฝิงอยู่ด้วย เขาจึงเอ่ย “พวกท่านออกไปรอก่อนสักพักเถิด ข้ามีเรื่องบอกหลิงเสี่ยง!”หมอเฝิงจ้องมองหลิงเสี่ยง เขารู้สึกว่าเรื่องสื่อจิตอะไรนั่นลึกลับเกินไปแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่หลิงเสี่ยงก็ไม่มีทางรู้ถึงความจริงที่ว่าหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษหรอก ไม่จำเป็นต้องกังวล!เขากับหมอหานจึงออกไปก่อน“หลิงเสี่ยง เจ้ารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในตับของหลิงหลิงหรือไม่? นอกจากความหนาวแล้ว เจ้ารู้สึกอะไรอีกบ้าง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามอย่างไม่รีรอหลิงเสี่ยงเหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความรังเกียจเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างวิตกกังวล “เจ้าคงมิรู้ ก่อนหน้านี้หลิงหลิงบอกข้าว่า มีช่วงหนึ่งที่แม่เลี้ยงหวางซือให้หลิงผิงกับหลิงหลานนางรับใช้ส่วนตัวของหลิงหลิงมาวางยาพิษนาง!”“ตอนนั้นหลิงหลิงบอกข้าว่า พิษเรื้อรังนั้นได้ทำลายตับของนางไป และนางจะมีชีวิตอยู่ได
หลิงเสี่ยงอยากจะต่อยหน้าเซียวหลินเทียนอีก แต่หลิงหว่านกับหลิงซวนรีบวิ่งเข้ามากอดแขนของเขาไว้หลิงหว่านเองก็รักหลิงอวี๋เช่นกัน แต่หลิงอวี๋ในตอนนี้ยังมิรู้ว่าเป็นหรือตาย หากเซียวหลินเทียนโกรธ แล้วใครจะกล้ามาช่วยหลิงอวี๋เล่า!“ท่านพี่เสี่ยวเสี่ยง ใจเย็น ๆ ก่อน! ตอนนี้ท่านพี่หลิงหลิงเป็นเช่นนี้แล้ว เรามิควรทะเลาะกันเอง เราควรร่วมมือกันหาทางช่วยท่านพี่หลิงหลิง!”หลิงเสี่ยงยังคงอยากจะด่าต่อ แต่หลิงอวี๋บนเตียงก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงขึ้นอีกหลิงเสี่ยงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขากุมหน้าอกพลางเอ่ยเสียงสั่นเทา “หลิงหลิงเจ็บหน้าอก!”เซียวหลินเทียนเช็ดเลือดที่มุมปากจากการที่ถูกหลิงเสี่ยงชก และมิสนใจที่จะโต้เถียงกับหลิงเสี่ยงเขาเองก็ไม่มีหน้าจะไปโต้เถียงกับหลิงเสี่ยงเช่นกัน!หลิงเสี่ยงพูดถูก ตอนนั้นหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษ แต่ตนเองกลับมิรู้สั่งให้คนโบยหลิงอวี๋ถึงห้าสิบไม้หากหลิงอวี๋ล้มป่วยเพราะเหตุนี้ เซียวหลินเทียนก็คงเป็นหนึ่งในฆาตกรที่ทำร้ายหลิงอวี๋จริง ๆเขารีบไปดูหลิงอวี๋ แล้วพบว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋มีรอยย่นเพราะความเจ็บปวด“หมอเฝิง หมอหาน เข้ามาเร็ว!”เซียวหลินเทียนตะโกนเสียงดังหมอ
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนจำนวนมากในศาลาว่าการเว่ยโจวก็รู้เรื่องที่พระชายาอ๋องอี้ถูกยาพิษฉินซานกับเผยอวี้ก็รีบมาเกิ่งเสี่ยวหาวทิ้งสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วรีบเข้าไปทันที“ท่านอ๋องอี้ พี่สาวของกระหม่อมถูกวางยาพิษจริงหรือ?” เกิ่งเสี่ยวหาวเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อเซียวหลินเทียนรู้สึกหนักใจ เขามิอยากจะเชื่อเลยว่าหลิงอวี๋ถูกพิษแต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว หลิงอวี๋ดูไม่เหมือนติดโรคระบาดเลย!อีกอย่างเซียวหลินเทียนก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยอธิบายไว้แล้วว่าพวกเขาจะป้องกันโรคระบาดได้อย่างไร นางรู้วิธีป้องกันโรคระบาดแล้วจะติดเชื้อโรคระบาดได้เยี่ยงไรกัน!“หมอหานบอกว่ามันอาจจะเกิดจากโรคประจำตัว… และก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ก็เคยถูกวางยาพิษเรื้อรังมาก่อน!”คำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้เกิ่งเสี่ยวหาวนึกถึงเรื่องหลิงผิง ตอนนั้นหลิงอวี๋ก็เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับการวางยาพิษของหวางซือด้วยเกิ่งเสี่ยวหาวตะโกนขึ้นมาทันที “เรื่องที่หวางซือทำหรือ? หญิงเลวทรามผู้นี้ ข้าจะกลับไปฆ่านางเพื่อล้างแค้นให้พี่สาวข้า!”หลิงเสี่ยงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเกิ่งเสี่ยวหาวกับหลิงอวี๋จากปากของหลิงซวนแล้ว หล
เกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินดังนั้นก็ใจสบาย แล้วเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “พี่ฮู๋ ตั้งแต่ได้รับพิษไปจนถึง… ถึงตาย มันจะใช้เวลานานแค่ไหน?”หลิงอวี๋มีอาการหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่างกายแล้ว เช่นนั้นจากที่ฮู๋อีเล่ามาก็แสดงว่านางอยู่ในระยะกลางแล้ว!ฮู๋อีลดเสียงลงแล้วเอ่ย “ประมาณสามวัน!”หัวใจของเกิ่งเสี่ยวหาวจมลงทันที สามวัน?หลิงอวี๋ล้มป่วยเมื่อวานนี้ วันนี้ก็เป็นวันที่สอง นั่นมิได้หมายความว่าคืนพรุ่งนี้จะเป็นวันที่สามหรอกหรือ!กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีทางช่วยหลิงอวี๋ได้ก่อนคืนพรุ่งนี้ หลิงอวี๋ก็จะตายหรือ?“พี่ฮู๋ มียาแก้พิษหรือไม่?”เกิ่งเสี่ยวหาวเอ่ยถามอย่างกังวล “แม้ว่าจะไม่มียาแก้พิษ แต่มีวิธีป้องกันมิให้พิษเกิดขึ้นชั่วคราว แล้วซื้อเวลาให้เราหายาแก้พิษหรือไม่?”ฮู๋อีลังเลพลางเอ่ย “มิใช่ว่าไม่มียาแก้พิษ! แต่ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่!”เกิ่งเสี่ยวหาวดีใจมาก “พี่ฮู๋ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ตราบใดที่ยังมีความหวัง เราก็จะต้องลองดู! รีบบอกข้ามาเถิดว่าเครื่องยาสมุนไพรชนิดใดที่สามารถล้างพิษได้?”ฮู๋อีเอ่ย “จินซาหลานนี้เป็นวัชพืชมีพิษ แต่เหง้าของมันไม่เป็นพิษและมีประโยชน์มากมาย
เซียวหลินเทียนสีหน้ามืดมนลง แล้วมองไปทางหลิงซวนกับเถาจื่อ“เมื่อวานพระชายากินอะไร?”หลิงซวนกับเถาจื่อต่างก็ตกใจกับคำพูดของหลิงเสี่ยงหลิงซวนหน้าซีดลงพลางเอ่ยอย่างกังวล “ท่านอ๋อง นายน้อย หม่อมฉันกับเถาจื่อไม่มีทางวางยาพิษพระชายานะเพคะ! เรามิรู้ด้วยซ้ำว่าจินซาหลานคืออะไร!”หลิงหว่านก็เอ่ยเช่นกัน “ท่านอ๋อง ท่านพี่เสี่ยวเสี่ยง หม่อมฉันเชื่อว่าหลิงซวนกับเถาจื่อไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างรำคาญ “ข้ามิได้บอกว่าข้าสงสัยพวกเจ้า… พวกเจ้าคิดให้ดี ๆ ว่าให้พระชายากินอะไร?”หลิงซวนพยายามนึก เมื่อคืนนี้เจ่าจวงวุ่นวายมากจนนางลืมไปเลยว่าหลิงอวี๋กินอะไรไป!เถาจื่อสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว คิดแล้วก็เอ่ย “พระชายาทำการผ่าตัดลู่หนานมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านั้นนางยังปกติดี ไม่น่าจะถูกวางยาพิษ...”“พระชายาทำการผ่าตัดเสร็จก็เหนื่อยมาก บ่าวจึงเอาน้ำกับอาหารแห้งให้นางเพคะ!”เมื่อหลิงซวนได้ยินสิ่งนี้ก็เอ่ย “ก่อนที่พระชายาจะออกจากห้องผ่าตัดไป บ่าวให้นางกินน้ำ และให้นางกินอะไรเล็กน้อย แล้วนางก็ออกไปเพคะ!”เถาจื่อเอ่ยเสริม “อาหารแข็งน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะหลังจากที่พระชายากินเสร็จ
เซียวทงหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วก็ได้ยินเสียงดังปังแล้วประตูก็ถูกเตะเปิดออกเซียวหลินเทียนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดเซียวทงตกตะลึง รอยยิ้มบนใบหน้าชะงักไปทันที“เจ้าดีใจมากหรือที่พี่สะใภ้ของเจ้าถูกวางยาพิษ?”เซียวหลินเทียนจ้องมองเซียวทงอย่างดุร้ายพลางตะคอกเสียงแข็ง “เซียวทง โบยห้าไม้ที่เจ้าได้รับจากเสด็จปู่เฉิงครั้งที่แล้ว ดูเหมือนจะมิได้ทำให้เจ้าหลาบจำใช่หรือไม่!”“เจ้ายังกล้าวางยาพี่สะใภ้ของเจ้าอีกหรือ?”เซียวทงตะโกนด้วยความโกรธ “เสด็จพี่ อย่ามาใส่ร้ายหม่อมฉันนะ! หลิงอวี๋ถูกวางยาพิษมันมิเกี่ยวอันใดกับหม่อมฉัน เหตุใดเสด็จพี่ถึงบอกว่าหม่อมฉันเป็นคนวางยาพิษนางเล่า?”เซียวหลินเทียนตะคอก “เซียวทง ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้ามอบยาแก้พิษมาให้ ข้าจะผ่อนปรนโทษให้เจ้า! มิเช่นนั้นหากข้าเจอด้วยตัวเอง ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”เซียวทงตะโกนด้วยความโกรธ “เซียวหลินเทียน เสด็จพี่กำลังใส่ร้ายหม่อมฉัน! หม่อมฉันทำร้ายฉินซาน แต่เสด็จพี่ก็ทุบตีหม่อมฉันแล้ว ด่าก็ด่าหม่อมฉันาแล้ว เสด็จพี่ยังมิยอมหยุดอีกหรือ?”“เสด็จพี่จะต้องประหารหม่อมฉันด้วยหรือ? เหตุใดเสด็จพี่ถึงใจร้ายเยี่ยงนี
เซียวหลินเทียนจ้องมองเซียวทงด้วยความรังเกียจ พลางตะโกนบอกหลู่ชิ่ง “ค้นต่อไป!”แต่คราวนี้ หลู่ชิ่งกับพวกองครักษ์ตรวจค้นทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ก็มิพบร่องรอยของยาแก้พิษเลยเซียวหลินเทียนรู้สึกกลุ้มมากจนอยากจะบีบคอเซียวทงให้ตาย แต่หากหายาแก้พิษมิได้ แล้วหลิงอวี๋จะทำเยี่ยงไรเล่า?เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ย “เซียวทง ขอเพียงเจ้ามอบยาแก้พิษมาให้ ข้าก็ผ่อนปรนให้เจ้าได้!”เซียวทงส่งเสียงเย็นชา มิโกรธแล้ว จากนั้นก็ยิ้มทันที“ต้องการยาแก้พิษ เช่นนั้นก็ได้สิ! เสด็จพี่ก้มหัวให้หม่อมฉันสามครั้ง… ไม่สิ ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ตบหม่อมฉันสามครั้ง ที่เจ่าจวงอีกหนึ่งครั้ง บวกของเสด็จพี่ด้วย…”“ทั้งหมดห้าครั้ง… เซียวหลินเทียน หากเสด็จพี่ก้มหัวให้หม่อมฉันห้าครั้ง หม่อมฉันจะให้ยาแก้พิษเสด็จพี่!”“มิฉะนั้น เสด็จพี่ก็ดูหลิงอวี๋ตายไปเถิด!”เซียวทงคิดว่าตนทำให้พวกของเซียวหลินเทียนทั้งหมดเกลียดตนไปแล้ว นางไม่มีทางที่จะคืนดีกับเซียวหลินเทียนได้แล้ว!และในฐานะองค์หญิง แม้ว่านางจะทำผิดไป ก็ต้องให้เสด็จพ่อตัดสินลงโทษ เซียวหลินเทียนไม่มีทางกล้าฆ่าตนหรอก!เช่นนั้นเหตุใดตนจะมิใช้โอกาสนี้เพื่อล้างแค้นที่ตนได้รับการดูถู
น้ำตาแห่งความคับข้องใจและความกลัวของเซียวทงไหลออกมาทันที พลางเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า“หม่อม… หม่อมฉันไม่มียาแก้พิษจริง ๆ! สิ่งที่หม่อมฉันพูดไปเมื่อครู่เป็นความโกรธ… ยาพิษ… หม่อมฉันมิได้เป็นคนวางยาจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนสีหน้ามืดมนลง เซียวทงก็กรีดร้องด้วยความกลัว “เสด็จพี่… หม่อมฉันสาบานได้เลยว่าหม่อมฉันมิได้วางยาพิษนางจริง ๆ!”“หม่อมฉันสาบานในฐานะขององค์หญิง หากหม่อมฉันเป็นคนที่วางยาพิษ ก็ขอให้หม่อมฉันถูกวางยาพิษและถูกฟันถูกแทงจนตายเหมือนหลิงอวี๋…”“ท่านพี่ เชื่อหม่อมฉันเถิด… หม่อมฉันมิรู้จริง ๆ ว่ายาพิษมาจากที่ใด... ฉินซานยึดยาพิษทั้งหมดที่หม่อมฉันนำมาไปแล้ว! หม่อมฉันพูดความจริงนะ!”ท่านจินต้ามองอยู่ข้าง ๆ ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเซียวทงดูเยี่ยงไรก็มิได้เป็นการเสแสร้งนางกลัวถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็น่าจะพูดความจริง!หรือว่ามีคนใส่ร้ายเซียวทง?ท่านจินต้าคิดพลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียน “ท่านอ๋อง ปล่อยพระหัตถ์ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมคิดว่าสิ่งที่องค์หญิงหกตรัสน่าจะเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมิเชื่อเซียวทง แต่เมื่อท่านจินต้าพูดเช่นนี้ เขาก็ปล่อยมือออกเซียวทงอยู่ในมือขอ
เมื่อเฉียวไป๋ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าท่านอาเฉียวพูดออกมาอย่างสมเหตุสมผล ความรู้ในเรื่องค่ายกลของเขามิได้ลึกซึ้งเท่ากับที่ท่านอาเฉียวมี“ได้ เช่นนั้นข้าจะเข้าไปเอง!”เฉียวไป๋จะเข้าไปในทันทีแต่ท่านอาเฉียวก็คว้าตัวเขาเอาไว้ก่อน “ฉีกผ้ามาอุดหูเจ้าเอาไว้ แล้วจำไว้ว่า ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นภาพลวงตา แค่เดินตรงไปทางขวาตลอดก็พอแล้ว!”เฉียวไป๋พยักหน้า แล้วฉีกเศษผ้ามาอุดหูทั้งสองข้างเอาไว้ จากนั้นก็เดินเข้าไปท่านอาเฉียวมองเฉียวไป๋ที่เดินเข้าไปแล้วเคลื่อนไหวอยู่ในยอดน้ำแข็งนั้นอย่างกังวล แต่ทั้งที่เห็น ๆ อยู่ว่าเฉียวไป๋อยู่ห่างจากนายใหญ่เฉียวแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะมองมิเห็นอีกฝ่ายเฉียวไป๋หันไปหันมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชักกระบี่ออกมาฟันมั่ว ๆ ไปที่ยอดน้ำแข็ง ท่าทางที่บ้าคลั่งเช่นนั้นเหมือนกับนายใหญ่เฉียวไม่มีผิดหัวใจของท่านอาเฉียวเต้นรัวขึ้นมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าวิธีการของตนนั้นใช้การมิได้หากปล่อยให้เฉียวไป๋กับนายใหญ่เฉียวฟันมั่ว ๆ เช่นนี้ต่อไป มิช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องพบกันและฟันกันและกันจนตายในที่สุดในเวลานี้ท่านอาเฉียวเข้าใจแล้วว่า ตนม
หวงฝู่หลินพาปี้ซงออกจากวังเทพไป เมื่อลงไปได้ถึงครึ่งภูเขา ก็พบกับกลุ่มคนจากตระกูลเฉียวที่กำลังขึ้นเขามาอย่างช้า ๆยิ่งเข้าไปใกล้วังเทพมากขึ้นเท่าไร กับดักและค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางเอาไว้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นตระกูลเฉียวสามารถฝ่ากับดักเหล่านั้นขึ้นมาจนถึงครึ่งภูเขาได้ก็น่ายกย่องแล้วแต่หวงฝู่หลินมิคิดว่า พวกเขาจะสามารถมาเยือนเขตของวังเทพได้อย่างราบรื่นสวรรค์มีเส้นทางให้ไปเจ้ามิไป แต่นรกไม่มีประตูเจ้ากลับฝ่าเข้ามาหวงฝู่หลินยิ้มอย่างเย็นชา สำหรับคนที่มาทำลายถิ่นฐานของตนเหล่านี้ เขาจะมิปล่อยไปแม้แต่คนเดียวรอรับการโจมตีได้เลย!กลุ่มของเฉียวไป๋กำลังเดินตามนายใหญ่เฉียวขึ้นไปบนเขา การที่สามารถมาได้ถึงครึ่งภูเขาเช่นนี้ ทั้งยังกำจัดคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อกับเซียวหลินเทียนไปได้ ทำให้คนของตระกูลเฉียวตื่นเต้นกันยิ่งนักกอปรกับที่สามารถมองเห็นตำหนักของวังเทพได้ราง ๆ แล้วด้วย จึงทำให้พวกของเฉียวไป๋รู้สึกนับถือนายใหญ่เฉียวมากทางด้านนายใหญ่เฉียว เมื่อได้รับสายตาที่เคารพนับถือเหล่านั้นก็ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้ม และนำทุกคนเข้าสู่ค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางไว้ด้วยความมุ่งมั่นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทลายค่ายกล
ขันทีโม่เหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความสงสัย เซียวหลินเทียนนั้นเชื่อขันทีโม่ที่ช่วยเหลือพวกเขามาโดยตลอดอย่างไร้เงื่อนไขอยู่แล้ว เขาจึงขยิบตาให้กับขันทีโม่ไปขันทีโม่เข้าใจในทันทีว่า มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นตกอยู่ในมือของเซียวหลินเทียนแล้วแม้ว่าขันทีโม่เองก็คิดมิตกเช่นกันว่า เซียวหลินเทียนทำให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เชื่อฟังเขาในเวลาเพียงมินานได้อย่างไร แต่ก็ยังคงช่วยเขาพูดอยู่ดี“หากว่าไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ต่อให้มอบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหลงให้ข้าก็เปล่าประโยชน์! คลื่นพลังวิญญาณนั้นอาจจะเป็นคลื่นที่เกิดจากการที่ภูเขาน้ำแข็งถล่มก็ได้!”เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “น่าจะใช่กระมัง ก็เหมือนกับที่ป่าแห่งนั้นในเมืองซานต้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่เมื่อถูกเผาทำลายไปก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณขึ้นมา!”เก๋อเฟิ่งฉิงขาหักจึงมิสะดวกที่จะค้นหา เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคนนั้น นางครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น จึงมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่ให้ทั้งสองค้นหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีก“ท่านสี่ ข้าคาดว่าพวกเราน่าจะตกลงมาหลายสิบเมตรทีเดียว เมื่อครู่ข้าค้นหามาตลอดทางแต่ก็มิพบเส้นท
หัวใจของเซียวหลินเทียนนั้นตื่นเต้นเสียจนแทบจะกระโดดออกมาแล้วในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่ากระบี่คุนอู๋เล่มนี้จะดูดเลือดของตนไปอีกเท่าไร เขาก็ได้ยินเสียงคนพูดมาจากไกล ๆ “ขันทีโม่ เจ้ารู้สึกได้หรือไม่? ที่นี่มีคลื่นพลังวิญญาณ หรือว่าท่านสี่จะอยู่ข้างหน้านี้?”นั่นเสียงของเก๋อเฟิ่งฉิง!เซียวหลินเทียนมองที่กระบี่คนอู๋ ของวิเศษเช่นนี้จะให้เก๋อเฟิ่งฉิงรู้เรื่องมิได้เซียวหลินเทียนจับด้ามกระบี่คุนอู๋เอาไว้แน่น จากนั้นก็ออกแรงทั้งหมดชักกระบี่ออกมา...วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็หงายหลังลงไปที่พื้นเนื่องด้วยออกแรงมากไปส่วนกระบี่คุนอู๋ก็ถูกเขาชักออกมาได้อย่างสบาย ๆดวงตาที่ตื่นเต้นของเซียวหลินเทียนนิ่งค้างไป กระบี่คุนอู๋ยอมรับเขาแล้ว!มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นับพันปีชิ้นนี้ยอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้ว!“ท่านสี่? ใช่ท่านหรือไม่?”เสียงของเก๋อเฟิ่งฉิงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเซียวหลินเทียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วเก็บกระบี่คุนอู๋ไว้ในแหวนพระสุเมรุ ขณะที่เขากำลังคิดจะไปหาพวกเก๋อเฟิ่งฉิง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่า ก้อนน้ำแข็งที่ฝั่งกระบี่คุนอู๋เอาไว้เมื่อครู่นั้นแตกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วส่วนก้อนน้ำแข
กระบี่คุนอู๋?หรือว่านี่จะเป็นกระบี่เทพในตำนาน?เซียวหลินเทียนเป็นคนที่รักกระบี่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้ก็สะสมกระบี่ที่มีชื่อเสียงไว้มิน้อยแต่กระบี่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น หากมาเทียบกับกระบี่คุนอู๋เล่มนี้ก็ล้วนเป็นขยะไปทั้งหมดนี่คือกระบี่คุนอู๋จริงหรือ?เซียวหลินเทียนมิอยากจะเชื่อว่านี่คือกระบี่โบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งคนในใต้หล้ามิเคยได้เห็นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้จักกระบี่คุนอู๋ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงเทพนิยายที่คนในใต้หล้าแต่งขึ้นมาเอง!ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่คุนอู๋เกิดจากกระดูกสันหลัง การบำเพ็ญตนเป็นเวลาร้อยปีและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผานกู่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกที่ผสานรวมกับพลังชีวิตของฟ้าดินตามตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากที่ผานกู่หลอมกระบี่คุนอู๋สำเร็จแล้ว เขาก็มิสามารถควบคุมมันได้ เนื่องด้วยพลังวิญญาณของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก สุดท้ายจึงทำได้เพียงเก็บรวบรวมพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในกระบี่คุนอู๋นี้กระบี่คุนอู๋เป็นบรรพบุรุษของกระบี่ ความคมของกระบี่นั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้เลยทีเดียวหากว่านี่คือกระบี่คุนอู๋ในตำนานจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสามอันดับแร
ก้อนน้ำแข็งแตกจำนวนนับมิถ้วนพากันกระแทกเข้ามา แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธ์ไร้เทียมทาน แต่ก็มิอาจหนีพ้นการแก้แค้นที่รุนแรงของธรรมชาติเช่นนี้ไปได้เขาเบี่ยงหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่เพราะว่าหล่นลงมารวดเร็วจนเกินไป จึงมิอาจหลบพ้นก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นที่พากันกระแทกเข้ามาได้ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาที่หัวของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าหัวของตนมีเลือดไหลออกมา แต่ยังมิทันจะได้ยื่นมือไปสัมผัส ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาอีก เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลงไปทันที และมองก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนอย่างสิ้นหวังคราวนี้จะต้องตายอยู่ในภูเขาหิมะแห่งนี้จริง ๆ หรือ?อาอวี๋ ข้าจะยังได้พบเจ้าหรือไม่?เซียวหลินเทียนยังมิทันได้ย้อนรำลึกถึงช่วงชีวิตนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนกระเทือนแล้วตกลงไปในความมืดมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนสลบไปนานเท่าไรก่อนที่จะได้สติขึ้นมา ยังมิทันที่เขาจะลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่าตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในเมื่อรู้สึกเจ็บปวดได้ก็แสดงว่าตนยังคงมีชีวิตอยู่ เซียวหลินเทียนลืมตาขึ้นอ
ฉินซานเห็นว่าเซียวหลินเทียน ขันทีโม่และเก๋อเฟิ่งฉิงร่วงลงไปกันอย่างรวดเร็วปานนั้น ต่อให้ตนกระโดดลงไปก็มิสามารถช่วยเซียนหลินเทียนขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงกระโดดตามหานเหมยออกมาจากหุบเขาส่วนซูจู๋นางรับใช้ของเก๋อเฟิ่งฉิง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มิดีก็หนีออกไปพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ นานแล้วทุกคนหนีออกมาค่อนข้างไกลแล้วและมายืนอยู่ข้างนอกหุบเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงของก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดังสนั่นอยู่“พวกเขา… คุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ซูจู๋ตกใจเสียจนตาค้างไปหมด ผ่านเวลาไปสักพักจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาทั้งหานเหมยและฉินซานเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของนาง พวกเขามองภาพที่ภูเขาหิมะถล่มลงมาอย่างตื่นตระหนก มิเข้าใจเลยว่าคนของตระกูลเฉียวทำลงได้อย่างไร!พวกเฉียวไป๋ยืนอยู่บนยอดเขาตรงกันข้าม แล้วจ้องมองภาพหิมะถล่มนั้นอย่างเย็นชาหลังจากที่ได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนคือสามีของหลิงอวี๋ พ่อของเฉียวไป๋ ผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่ตระกูลเฉียวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็วางแผนที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของตนนี่เป็นเพียงแค่ขั้นแรกในการแก้แค้นของนายใหญ่เฉียวเท่านั้นสังหารคนหนุนหลังของหลิงอวี๋ไป
เซียวหลินเทียนมองมิเห็นคนของตระกูลเฉียว เพราะถูกยอดภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้บดบังสายตาอยู่“ทุกคนระวังด้วย! ดูแลกันเข้าไว้!”เซียวหลินเทียนกำชับพวกฉินซานให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ส่วนตนกับขันทีโม่ก็อาศัยว่ามีวรยุทธ์ที่สูงกว่าพวกเขา จึงไปค้นหาเส้นทางอยู่ทางด้านหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงมิปล่อยให้โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเซียวหลินเทียนหลุดลอยไป นางจึงตามไปเช่นกันก่อนหน้านี้เก๋อเฟิ่งเจียวทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงเสียเรื่อง ดังนั้นในการเข้ามาที่ภูเขาหิมะครั้งนี้ เก๋อเฟิ่งฉิงจึงมิได้พาเก๋อเฟิ่งเจียวมาด้วยทางด้านหานอวี้ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้ฉินซานกับพี่สาวของตน จึงลากเถาจื่อไปพลางเอ่ยออกมา “เราสองคนไปด้วยกัน จะได้ดูแลกันและกัน!”ดังนั้นคนที่เหลือก็มีเพียงแค่ฉินซานกับหานเหมยแล้ว ฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจดี “เช่นนั้นข้าก็อยู่กลุ่มเดียวกับหานเหมย!”เขาจึงคว้าแขนของหานเหมยไว้ จากนั้นก็ตามไปพร้อมกันหานเหมยหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็มิได้สะบัดมือฉินซานออกไปหานอวี้บอกกับนางว่า การที่นางหายตัวไปครั้งนี้นั้นฉินซานกระวนกระวายมาก และตั้งใจที่จะมาตามหานาง“พี่หญิง การที่เจ้ามีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแต
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล