เกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินดังนั้นก็ใจสบาย แล้วเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “พี่ฮู๋ ตั้งแต่ได้รับพิษไปจนถึง… ถึงตาย มันจะใช้เวลานานแค่ไหน?”หลิงอวี๋มีอาการหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่างกายแล้ว เช่นนั้นจากที่ฮู๋อีเล่ามาก็แสดงว่านางอยู่ในระยะกลางแล้ว!ฮู๋อีลดเสียงลงแล้วเอ่ย “ประมาณสามวัน!”หัวใจของเกิ่งเสี่ยวหาวจมลงทันที สามวัน?หลิงอวี๋ล้มป่วยเมื่อวานนี้ วันนี้ก็เป็นวันที่สอง นั่นมิได้หมายความว่าคืนพรุ่งนี้จะเป็นวันที่สามหรอกหรือ!กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีทางช่วยหลิงอวี๋ได้ก่อนคืนพรุ่งนี้ หลิงอวี๋ก็จะตายหรือ?“พี่ฮู๋ มียาแก้พิษหรือไม่?”เกิ่งเสี่ยวหาวเอ่ยถามอย่างกังวล “แม้ว่าจะไม่มียาแก้พิษ แต่มีวิธีป้องกันมิให้พิษเกิดขึ้นชั่วคราว แล้วซื้อเวลาให้เราหายาแก้พิษหรือไม่?”ฮู๋อีลังเลพลางเอ่ย “มิใช่ว่าไม่มียาแก้พิษ! แต่ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่!”เกิ่งเสี่ยวหาวดีใจมาก “พี่ฮู๋ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ตราบใดที่ยังมีความหวัง เราก็จะต้องลองดู! รีบบอกข้ามาเถิดว่าเครื่องยาสมุนไพรชนิดใดที่สามารถล้างพิษได้?”ฮู๋อีเอ่ย “จินซาหลานนี้เป็นวัชพืชมีพิษ แต่เหง้าของมันไม่เป็นพิษและมีประโยชน์มากมาย
เซียวหลินเทียนสีหน้ามืดมนลง แล้วมองไปทางหลิงซวนกับเถาจื่อ“เมื่อวานพระชายากินอะไร?”หลิงซวนกับเถาจื่อต่างก็ตกใจกับคำพูดของหลิงเสี่ยงหลิงซวนหน้าซีดลงพลางเอ่ยอย่างกังวล “ท่านอ๋อง นายน้อย หม่อมฉันกับเถาจื่อไม่มีทางวางยาพิษพระชายานะเพคะ! เรามิรู้ด้วยซ้ำว่าจินซาหลานคืออะไร!”หลิงหว่านก็เอ่ยเช่นกัน “ท่านอ๋อง ท่านพี่เสี่ยวเสี่ยง หม่อมฉันเชื่อว่าหลิงซวนกับเถาจื่อไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างรำคาญ “ข้ามิได้บอกว่าข้าสงสัยพวกเจ้า… พวกเจ้าคิดให้ดี ๆ ว่าให้พระชายากินอะไร?”หลิงซวนพยายามนึก เมื่อคืนนี้เจ่าจวงวุ่นวายมากจนนางลืมไปเลยว่าหลิงอวี๋กินอะไรไป!เถาจื่อสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว คิดแล้วก็เอ่ย “พระชายาทำการผ่าตัดลู่หนานมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านั้นนางยังปกติดี ไม่น่าจะถูกวางยาพิษ...”“พระชายาทำการผ่าตัดเสร็จก็เหนื่อยมาก บ่าวจึงเอาน้ำกับอาหารแห้งให้นางเพคะ!”เมื่อหลิงซวนได้ยินสิ่งนี้ก็เอ่ย “ก่อนที่พระชายาจะออกจากห้องผ่าตัดไป บ่าวให้นางกินน้ำ และให้นางกินอะไรเล็กน้อย แล้วนางก็ออกไปเพคะ!”เถาจื่อเอ่ยเสริม “อาหารแข็งน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะหลังจากที่พระชายากินเสร็จ
เซียวทงหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วก็ได้ยินเสียงดังปังแล้วประตูก็ถูกเตะเปิดออกเซียวหลินเทียนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดเซียวทงตกตะลึง รอยยิ้มบนใบหน้าชะงักไปทันที“เจ้าดีใจมากหรือที่พี่สะใภ้ของเจ้าถูกวางยาพิษ?”เซียวหลินเทียนจ้องมองเซียวทงอย่างดุร้ายพลางตะคอกเสียงแข็ง “เซียวทง โบยห้าไม้ที่เจ้าได้รับจากเสด็จปู่เฉิงครั้งที่แล้ว ดูเหมือนจะมิได้ทำให้เจ้าหลาบจำใช่หรือไม่!”“เจ้ายังกล้าวางยาพี่สะใภ้ของเจ้าอีกหรือ?”เซียวทงตะโกนด้วยความโกรธ “เสด็จพี่ อย่ามาใส่ร้ายหม่อมฉันนะ! หลิงอวี๋ถูกวางยาพิษมันมิเกี่ยวอันใดกับหม่อมฉัน เหตุใดเสด็จพี่ถึงบอกว่าหม่อมฉันเป็นคนวางยาพิษนางเล่า?”เซียวหลินเทียนตะคอก “เซียวทง ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้ามอบยาแก้พิษมาให้ ข้าจะผ่อนปรนโทษให้เจ้า! มิเช่นนั้นหากข้าเจอด้วยตัวเอง ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”เซียวทงตะโกนด้วยความโกรธ “เซียวหลินเทียน เสด็จพี่กำลังใส่ร้ายหม่อมฉัน! หม่อมฉันทำร้ายฉินซาน แต่เสด็จพี่ก็ทุบตีหม่อมฉันแล้ว ด่าก็ด่าหม่อมฉันาแล้ว เสด็จพี่ยังมิยอมหยุดอีกหรือ?”“เสด็จพี่จะต้องประหารหม่อมฉันด้วยหรือ? เหตุใดเสด็จพี่ถึงใจร้ายเยี่ยงนี
เซียวหลินเทียนจ้องมองเซียวทงด้วยความรังเกียจ พลางตะโกนบอกหลู่ชิ่ง “ค้นต่อไป!”แต่คราวนี้ หลู่ชิ่งกับพวกองครักษ์ตรวจค้นทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ก็มิพบร่องรอยของยาแก้พิษเลยเซียวหลินเทียนรู้สึกกลุ้มมากจนอยากจะบีบคอเซียวทงให้ตาย แต่หากหายาแก้พิษมิได้ แล้วหลิงอวี๋จะทำเยี่ยงไรเล่า?เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ย “เซียวทง ขอเพียงเจ้ามอบยาแก้พิษมาให้ ข้าก็ผ่อนปรนให้เจ้าได้!”เซียวทงส่งเสียงเย็นชา มิโกรธแล้ว จากนั้นก็ยิ้มทันที“ต้องการยาแก้พิษ เช่นนั้นก็ได้สิ! เสด็จพี่ก้มหัวให้หม่อมฉันสามครั้ง… ไม่สิ ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ตบหม่อมฉันสามครั้ง ที่เจ่าจวงอีกหนึ่งครั้ง บวกของเสด็จพี่ด้วย…”“ทั้งหมดห้าครั้ง… เซียวหลินเทียน หากเสด็จพี่ก้มหัวให้หม่อมฉันห้าครั้ง หม่อมฉันจะให้ยาแก้พิษเสด็จพี่!”“มิฉะนั้น เสด็จพี่ก็ดูหลิงอวี๋ตายไปเถิด!”เซียวทงคิดว่าตนทำให้พวกของเซียวหลินเทียนทั้งหมดเกลียดตนไปแล้ว นางไม่มีทางที่จะคืนดีกับเซียวหลินเทียนได้แล้ว!และในฐานะองค์หญิง แม้ว่านางจะทำผิดไป ก็ต้องให้เสด็จพ่อตัดสินลงโทษ เซียวหลินเทียนไม่มีทางกล้าฆ่าตนหรอก!เช่นนั้นเหตุใดตนจะมิใช้โอกาสนี้เพื่อล้างแค้นที่ตนได้รับการดูถู
น้ำตาแห่งความคับข้องใจและความกลัวของเซียวทงไหลออกมาทันที พลางเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า“หม่อม… หม่อมฉันไม่มียาแก้พิษจริง ๆ! สิ่งที่หม่อมฉันพูดไปเมื่อครู่เป็นความโกรธ… ยาพิษ… หม่อมฉันมิได้เป็นคนวางยาจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนสีหน้ามืดมนลง เซียวทงก็กรีดร้องด้วยความกลัว “เสด็จพี่… หม่อมฉันสาบานได้เลยว่าหม่อมฉันมิได้วางยาพิษนางจริง ๆ!”“หม่อมฉันสาบานในฐานะขององค์หญิง หากหม่อมฉันเป็นคนที่วางยาพิษ ก็ขอให้หม่อมฉันถูกวางยาพิษและถูกฟันถูกแทงจนตายเหมือนหลิงอวี๋…”“ท่านพี่ เชื่อหม่อมฉันเถิด… หม่อมฉันมิรู้จริง ๆ ว่ายาพิษมาจากที่ใด... ฉินซานยึดยาพิษทั้งหมดที่หม่อมฉันนำมาไปแล้ว! หม่อมฉันพูดความจริงนะ!”ท่านจินต้ามองอยู่ข้าง ๆ ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเซียวทงดูเยี่ยงไรก็มิได้เป็นการเสแสร้งนางกลัวถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็น่าจะพูดความจริง!หรือว่ามีคนใส่ร้ายเซียวทง?ท่านจินต้าคิดพลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียน “ท่านอ๋อง ปล่อยพระหัตถ์ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมคิดว่าสิ่งที่องค์หญิงหกตรัสน่าจะเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมิเชื่อเซียวทง แต่เมื่อท่านจินต้าพูดเช่นนี้ เขาก็ปล่อยมือออกเซียวทงอยู่ในมือขอ
และที่หมอเฝิงซ่อนยาพิษที่เหลืออยู่ไว้ในห่อสัมภาระของเซียวทง ก็เพราะคิดว่าหากเรื่องแดงขึ้นมาก็จะได้มีแพะรับบาป!เซียวทงมีประวัติทำผิดมาก่อน หากหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษ ทุกคนรวมถึงตนก็จะสงสัยเซียวทง...เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยคิดว่าตนจะยอมรังแกได้ง่าย ๆ จริง ๆ หรือ?กล้ามาโจมตีตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า!หากครั้งนี้เขามิให้องค์ชายเว่ยชดใช้ เขาเซียวหลินเทียนก็อย่าได้เป็นท่านอ๋องอีกต่อไปเลย!“เสด็จพี่ ไปค้นที่พักของหมอเฝิงดู จะต้องพบหลักฐานแน่นอน!”เซียวทงจับตรงคอที่ยังรู้สึกมิดีอยู่ แม้ว่าตนจะเกลียดเซียวหลินเทียน แต่ก็เกลียดหมอเฝิงกับฮองเฮาเว่ยด้วยเช่นกันพวกเขาคิดว่าตนเป็นอะไร?ลูกที่ถูกทอดทิ้งจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบหรือ?นาง เซียวทง จะต้องแก้แค้นในความผิดที่นางได้รับ“ไปค้นที่พักของหมอเฝิง!” เซียวหลินเทียนโบกมือหลู่ชิ่งจึงพาคนไปที่นั่นก่อนเซียวหลินเทียนมองเซียวทง พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าอยู่ในเรือนดี ๆ ไปก่อน! เจ้ามิได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนจนกว่าข้อกล่าวหาจะแน่ชัด!”พูดจบ เซียวหลินเทียนก็เดินออกไปเหลือองครักษ์ไว้สองคนคอยเฝ้าประตูเซียวทงรู้ว่าเซียวหลินเท
เซียวหลินเทียนลืมไปแล้วว่าครั้งล่าสุดที่รู้สึกกลัวคือเมื่อใด!เขามิเคยกลัวที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพนับหมื่นนับพันของศัตรู!แม้ว่าขาของตนจะพิการเขาก็มิเคยกลัว!แต่ในเวลานี้ เขารู้สึกกลัวจริง ๆ!เหมือนว่าเขาย้อนกลับไปในสมัยที่มารดาของเขาเสียชีวิต เขาคุกเข่าอยู่เพียงลำพังต่อหน้าดวงวิญญาณของมารดาเพื่อเฝ้าดูแลตอนนั้นเป็นฤดูหนาว มันหนาวมาก ข้างนอกมีลมหนาวพัดมาเรื่อย ๆ ธงกับใบไม้ปลิวไสวไปหมด เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในใต้หล้านี้โดดเดี่ยวและไร้ซึ่งความช่วยเหลือ!เวลานี้ เขามองหลิงอวี๋แม้ว่าข้างนอกจะมีสหายน้องพี่มากมาย แต่เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่าเหลือเพียงตนอยู่คนเดียวในใต้หล้า!เขาโตขึ้น และมีความสามารถแล้ว!ไม่มีทางรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีความช่วยเหลืออีก!แต่ความรู้สึกจิตใจว่างเปล่านี้มาจากที่ใดกัน?หลิงอวี๋กลายเป็นคนสำคัญสำหรับตนถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด?เซียวหลินเทียนมิกล้าคิดลึกซึ้ง แล้วทำเพียงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างว่างเปล่าค่ำคืนได้กลืนกินเขาเข้าไปทีละน้อย ตะเกียงน้ำมันริบหรี่และดับลง ทำให้ทั้งห้องมืดมิดไปหมดเช่นเดียวกับเวลานี้ที่สภาพจิตใจของเซียวหลินเทียนมอ
เมื่อถึงเวลาเที่ยง อาการของหลิงอวี๋ก็แย่ลง ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยน้ำค้างแข็งแล้วมีรอยน้ำค้างแข็งบนคิ้วของนางเซียวหลินเทียนกับหลิงเสี่ยงต่างก็ตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องความขัดแย้งของกันและกัน แล้วเฝ้าอยู่ข้างเตียงของหลิงอวี๋ด้วยกัน“เหตุใดพวกของเสี่ยวหาวจึงยังมิพบยาแก้พิษอีก!”หลิงเสี่ยงรู้สึกถึงความเจ็บปวดของหลิงอวี๋ พลางเดินไปรอบห้องอย่างกังวลใจ“ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาอีกกลุ่มแล้ว น่าจะยังทัน!”เซียวหลินเทียนกังวลมากจนแทบบ้า เขามองดูท่าทางไร้ชีวิตของหลิงอวี๋ไม่ได้จึงเดินออกไปข้างนอก“ท่านอ๋อง จู่ ๆ บ่าวก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้...”หลิงซวนวิ่งไปพร้อมกับขวดยาเล็ก ๆ “เมื่อครู่บ่าวกำลังค้นล่วมยาของคุณหนูอยู่ เพื่อจะหายาที่สามารถแก้พิษได้ แล้วบ่าวก็เห็นสิ่งนี้เข้า...”“นี่คือยาที่คุณหนูเตรียมไว้เพื่อแก้พิษท่านผู้เฒ่ากวนครั้งที่แล้ว บ่าวสงสัยว่าจะให้ยานี้กับคุณหนูก่อนได้หรือไม่ บางทีมันอาจจะบรรเทาอาการของพิษได้!”“มันจะได้ผลหรือ?”เซียวหลินเทียนมิกล้าลองอะไรง่าย ๆ ใครจะรู้ว่ากินมันไปแล้วจะเร่งการพัฒนาพิษของหลิงอวี๋หรือไม่!“น่าจะได้ผลเพคะ! ตอนนั้นคุณหนูบอกว
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป