เถาจื่อรีบไปเอายาทันทีทางด้านหลู่ชิ่งไปเรียกหมอเฝิงกับหมอหานมาแล้วเมื่อหมอเฝิงเห็นสภาพของหลิงอวี๋ ในใจก็มีความสุข ในที่สุดตนก็จะทำภารกิจของฮองเฮาเว่ยสำเร็จแล้ว!หลิงอวี๋เริ่มได้รับพิษแล้ว และผลก็เป็นเหมือนกับที่คนของฮองเฮาเว่ยบอกเลยว่ามันไม่ต่างจากการติดโรคระบาดจากสถานการณ์นี้ หลิงอวี๋จะต้องตายภายในสามวันอย่างแน่นอน!หมอเฝิงแสร้งทำเป็นจับชีพจรของหลิงอวี๋แล้วเอ่ย “ท่านอ๋อง คาดว่าพระชายาน่าจะติดโรคระบาดแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางพัฒนาวิธีการรักษาโรคระบาดแล้วมิใช่หรือ?”“กระหม่อมเห็นว่าตำรับยาอื่น ๆ สู้ของนางมิได้ ดังนั้นทำตามตำรับยาของนางเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หมอหานมองใบหน้าของหลิงอวี๋ เห็นว่าตุ่มน้ำพุพองมิต่างจากผู้ป่วยที่ติดโรคระบาด เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย“ตำรับยาของพระชายาอ๋องอี้เมื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยของเราแล้ว ผลลัพธ์ก็ดีกว่าตำรับยาที่เราจัดไว้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แค่ใช้ตำรับยาของพระชายาอ๋องอี้ตามที่หมอเฝิงบอกก็พอ!”เซียวหลินเทียนเห็นทั้งคู่บอกเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจโชคดีที่หลิงอวี๋ได้พัฒนาวิธีรักษาโรคโรคระบาดได้แล้ว มิฉะนั้นตอนนี้เขาก็มิรู้จริง ๆ ว่าต้องทำเยี่ยงไร!เถาจื่อเอายามาป้อนให้หลิง
เซียวหลินเทียนพบจุดนี้เมื่อคืนนี้ และนี่คือสิ่งที่ทำให้เขากลัดกลุ้มตระกูลหยางถวายเงินให้กับองค์ชายเว่ย แม้ว่าเรื่องนี้จะมีบัญชีที่สามารถพิสูจน์ได้แต่ในจดหมายระหว่างองค์ชายเว่ยกับตระกูลหยาง กลับไม่มีการเอ่ยถึงการสมรู้ร่วมคิดกับฉีตะวันออกเลยเซียวหลินเทียนมิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้นที่จะปลอมแปลงหลักฐานเพื่อโค่นล้มองค์ชายเว่ยแต่หากตระกูลหยาง และพวกแม่ทัพเซี่ยล้มไปหมดแล้ว แต่องค์ชายเว่ยรอดไปโดยมิได้รับผลกระทบใด ๆ เซียวหลินเทียนก็มิยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก!หากไม่มีการหนุนหลังจากองค์ชายเว่ยและให้ความสะดวกสบายให้กับหยางจื้อฟาง หลายปีมานี้ตระกูลหยางจะทำเงินได้มากมายถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไร!“ท่านจินต้า ศึกษาจดหมายกับสมุดบัญชีเหล่านี้อย่างรอบคอบอีกที แม้ว่าเราจะไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าองค์ชายเว่ยสมคบคิดกับแคว้นศัตรู แต่เราต้องยืนยันหลักฐานที่เขาปกป้องตระกูลหยาง!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะ “คราวที่แล้วเขาให้คนจากหอเหยี่ยวราตรีมาลอบสังหารข้า คราวนี้ก็ส่งนักฆ่ามาใช้กลอุบายแบบเดียวกันอีก! หากข้าปล่อยไปเช่นนี้ เขาก็จะต้องหนักข้อขึ้นอีก!”“แม้ว่าจะปล่อยให้เขาตายมิได้ แต่อย่างน้อยเราก็ต้องให้เขาถูก
หลิงหว่านมิกล้าเอ่ยถามฉินซานว่าเกิดอะไรขึ้น กลัวจะไปตอกย้ำเขา นางจึงจัดที่พักให้พวกเขาแล้วไปถามหลู่ชิ่งหลู่ชิ่งเล่าเรื่องทุกอย่างที่เจ่าจวงให้หลิงหว่านฟัง แล้วหลิงหว่านก็โกรธจนตัวสั่นมิน่าวันนี้องค์หญิงหกจึงสงบมาก ที่แท้นางก็ทำสิ่งที่น่ารังเกียจและน่าอายไว้มากมาย รู้สึกผิดสินะ!“ไฉนนางมิตาย! นางทำร้ายทุกคนเช่นนี้!”หลิงหว่านมองลู่หนานที่ชีวิตยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วมิรู้ว่าจะด่าองค์หญิงหกเยี่ยงไรดีเลยหลิงอวี๋ล้มป่วยแล้ว เมื่อมีคนอาศัยอยู่ในศาลาว่าการมากถึงเพียงนี้ หลิงหว่านจึงกลายเป็นคนที่ต้องดูแลเรื่องภายในนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เป็นแม่บ้าน นางกังวลไปเสียทุกอย่าง หลิงหว่านถูกบังคับให้เติบโตขึ้นแล้วนางมิสามารถทำทุกอย่างเองได้ จึงคิดว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นเจ้าของร้านอาหาร ก็เลยลากเกิ่งเสี่ยวหาวไปช่วยนางซื้อของและจัดการอาหารสิ่งที่ทำให้หลิงหว่านประหลาดใจอย่างมากก็คือ เกิ่งเสี่ยวหาวพานางรับใช้สองคนที่รู้วรยุทธมาด้วย บอกว่าก่อนหน้านี้รับปากไว้ว่าจะซื้อพวกนางให้หลิงอวี๋เขาคิดว่าหลิงอวี๋ต้องการความช่วยเหลือตอนออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงพาพวกนางมาด้วยนางรับใช้สองคนนี้ คนหนึ่งชื่
หลิงซวนเฝ้าหลิงอวี๋อยู่เช่นนี้ หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วยาม นางก็รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของหลิงอวี๋ลดลงอย่างช้า ๆหลิงซวนกลัวว่าตนจะวินิจฉัยผิด จึงรีบหยิบที่วัดอุณหภูมิของหลิงอวี๋ออกมา หลังจากตรวจแล้ว อุณหภูมิร่างกายของหลิงอวี๋ลดลงเหลือสามสิบแปดองศาแล้ว“ดีแล้ว ยาออกฤทธิ์แล้ว!”หลิงซวนถอนหายใจโล่งอก“แต่เหตุใดตุ่มแผลพุพองของคุณหนูถึงยังเหมือนเดิมเล่า?” เถาจื่อเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“ข้าเห็นหลี่เฉียงกินยาที่คุณหนูให้ พออุณหภูมิร่างกายของเขาลดลง ตุ่มแผลพุพองเหล่านั้นก็ค่อย ๆ หายไป!”หลิงซวนยิ้มพลางเอ่ย “ก็เจ้าบอกว่าคุณหนูดูดซึมยาช้า เช่นนั้นเราค่อย ๆ ทำไปเถิด ตอนนี้อุณหภูมิของนางก็ลดลงแล้ว แผลพุพองก็คงจะค่อย ๆ ยุบลงเช่นกัน!”เถาจื่อพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีเลย!”เวลานี้ หลิงเสี่ยงก็เดินเข้ามา“นายน้อย...”เมื่อเถาจื่อกับหลิงซวนเห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้นทักทายหลิงเสี่ยงรู้จักกับเถาจื่อและหลิงซวนแล้ว เขาจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณหนูดีขึ้นหรือไม่?”“ยังมิฟื้นเลยเจ้าค่ะ! แต่อุณหภูมิร่างกายนางลดลงแล้ว! อีกสักพักก็น่าจะฟื้น!” หลิงซวนเอ่ยหลิงเสี่ยงเดินไปแล้วก็เห็นว่าหลิงอวี๋ย
หลิงเสี่ยงนั่งอยู่เป็นเวลานาน แต่หลิงอวี๋ก็ยังไม่ฟื้น เขาเป็นบุรุษมิสามารถอยู่ในเรือนพักของหลิงอวี๋ตลอดได้ จึงกลับไปในตอนเย็น หลังจากที่เซียวหลินเทียนจัดการงานเสร็จสิ้นแล้ว ก็นึกถึงหลิงอวี๋จึงมาเยี่ยมหลิงซวนให้ยาหลิงอวี๋อีกครั้งแล้ว เมื่อเห็นว่าอุณหภูมิร่างกายของนางกลับมาเป็นปกติ จึงเอ่ยกับเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง อุณหภูมิของคุณหนูกลับมาเป็นปกติแล้วเพคะ! อีกเดี๋ยวก็คงจะฟื้นแล้ว! อย่ากังวลมากเกินไปเลยเพคะ!”“อืม พวกเจ้าไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด ข้าจะเฝ้านางเอง!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างเตียงหลิงซวนเรียกเถาจื่อออกไป ทั้งสองเองก็มิกล้าออกไปไหนไกล จึงนั่งพักผ่อนอยู่ตรงทางเดินเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่กำลังหลับอยู่ เขามิคุ้นเคยกับหลิงอวี๋ที่เป็นเช่นนี้เอาเสียเลยตอนนางตื่น นางก็สามารถพูดคุยกับตนได้ แต่การนอนเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าหลิงอวี๋ผู้นี้ช่างแปลกเหลือเกินตุ่มน้ำพุพองเต็มใบหน้าของนาง ดูน่าเกลียดมาก!เซียวหลินเทียนนึกขึ้นได้ว่าตอนที่หลิงอวี๋ถูกตนเองเฆี่ยนตีนั้น ร่างกายกับใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผลจากแส้ ดูน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าตอนนี้อีก!ในเวลานั้นตนเต็มไป
“หลิงหลิง!”เซียวหลินเทียนรู้สึกจากตรงมือว่าใบหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนเป็นความเย็นแล้ว“เจ้าหนาวหรือ? ข้าจะเพิ่มผ้าห่มให้เจ้านะ!”เซียวหลินเทียนรีบลุกขึ้น หาผ้าห่มมาห่มตัวของหลิงอวี๋เพิ่ม แต่หลิงอวี๋ก็ยังคงตัวสั่น หนาวจนฟันกระทบกันแล้วเซียวหลินเทียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาไม่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคระบาด จึงรีบไปที่ประตูพร้อมกับตะโกน“หลิงซวน! เข้ามาหน่อย!”หลิงซวนกำลังงีบหลับสะลึมสะลืออยู่บนเก้าอี้ เมื่อได้ยินเสียงของเซียวหลินเทียนก็ตื่นขึ้นนางขยี้ตา มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง“หลิงซวน รีบเข้ามาเร็วเข้า มาดูพระชายาที มีบางอย่างผิดปกติกับนาง!”เมื่อหลิงซวนได้ยินสิ่งนี้ นางก็สะดุ้งตื่นแล้วรีบลุกไปทันที“เกิดอะไรขึ้นเพคะ? อาจารย์เป็นอะไรหรือเพคะ?”“ไม่รู้ จู่ ๆ นางก็ตัวสั่น เจ้ารีบมาดูเร็วเข้า อาการของนางแย่ลงหรือไม่! เถาจื่อ รีบไปตามหมอเฝิงกับหมอหานมา!”เซียวหลินเทียนตะโกนตามสัญชาตญาณเถาจื่อก็รีบวิ่งตามหลิงซวนเข้ามาด้วย พอเห็นหลิงอวี๋ตัวสั่น ก็หันหลังวิ่งออกไปด้วยความตกใจ“เกิดอะไรขึ้น? เป็นเช่นนี้คืออาการของโรคแย่ลงใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามหลิงซวนรีบไปที
เซียวหลินเทียนตกใจมาก เขามิเคยรู้เลยว่าพี่น้องฝาแฝดจะมีความรู้สึกเช่นนี้ด้วยแต่เมื่อเห็นหลิงเสี่ยงกับหลิงอวี๋ คนหนึ่งยืนตัวสั่น ส่วนอีกคนหนึ่งนอนตัวสั่น เขามิเชื่อก็ต้องเชื่อเรื่องมหัศจรรย์นี้!“หลิงเสี่ยง เจ้าช่วย…”ขณะเซียวหลินเทียนพูด ก็เห็นหมอหานกับหมอเฝิงอยู่ด้วย เขาจึงเอ่ย “พวกท่านออกไปรอก่อนสักพักเถิด ข้ามีเรื่องบอกหลิงเสี่ยง!”หมอเฝิงจ้องมองหลิงเสี่ยง เขารู้สึกว่าเรื่องสื่อจิตอะไรนั่นลึกลับเกินไปแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่หลิงเสี่ยงก็ไม่มีทางรู้ถึงความจริงที่ว่าหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษหรอก ไม่จำเป็นต้องกังวล!เขากับหมอหานจึงออกไปก่อน“หลิงเสี่ยง เจ้ารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในตับของหลิงหลิงหรือไม่? นอกจากความหนาวแล้ว เจ้ารู้สึกอะไรอีกบ้าง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามอย่างไม่รีรอหลิงเสี่ยงเหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความรังเกียจเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างวิตกกังวล “เจ้าคงมิรู้ ก่อนหน้านี้หลิงหลิงบอกข้าว่า มีช่วงหนึ่งที่แม่เลี้ยงหวางซือให้หลิงผิงกับหลิงหลานนางรับใช้ส่วนตัวของหลิงหลิงมาวางยาพิษนาง!”“ตอนนั้นหลิงหลิงบอกข้าว่า พิษเรื้อรังนั้นได้ทำลายตับของนางไป และนางจะมีชีวิตอยู่ได
หลิงเสี่ยงอยากจะต่อยหน้าเซียวหลินเทียนอีก แต่หลิงหว่านกับหลิงซวนรีบวิ่งเข้ามากอดแขนของเขาไว้หลิงหว่านเองก็รักหลิงอวี๋เช่นกัน แต่หลิงอวี๋ในตอนนี้ยังมิรู้ว่าเป็นหรือตาย หากเซียวหลินเทียนโกรธ แล้วใครจะกล้ามาช่วยหลิงอวี๋เล่า!“ท่านพี่เสี่ยวเสี่ยง ใจเย็น ๆ ก่อน! ตอนนี้ท่านพี่หลิงหลิงเป็นเช่นนี้แล้ว เรามิควรทะเลาะกันเอง เราควรร่วมมือกันหาทางช่วยท่านพี่หลิงหลิง!”หลิงเสี่ยงยังคงอยากจะด่าต่อ แต่หลิงอวี๋บนเตียงก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงขึ้นอีกหลิงเสี่ยงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขากุมหน้าอกพลางเอ่ยเสียงสั่นเทา “หลิงหลิงเจ็บหน้าอก!”เซียวหลินเทียนเช็ดเลือดที่มุมปากจากการที่ถูกหลิงเสี่ยงชก และมิสนใจที่จะโต้เถียงกับหลิงเสี่ยงเขาเองก็ไม่มีหน้าจะไปโต้เถียงกับหลิงเสี่ยงเช่นกัน!หลิงเสี่ยงพูดถูก ตอนนั้นหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษ แต่ตนเองกลับมิรู้สั่งให้คนโบยหลิงอวี๋ถึงห้าสิบไม้หากหลิงอวี๋ล้มป่วยเพราะเหตุนี้ เซียวหลินเทียนก็คงเป็นหนึ่งในฆาตกรที่ทำร้ายหลิงอวี๋จริง ๆเขารีบไปดูหลิงอวี๋ แล้วพบว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋มีรอยย่นเพราะความเจ็บปวด“หมอเฝิง หมอหาน เข้ามาเร็ว!”เซียวหลินเทียนตะโกนเสียงดังหมอ
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป