หลิงหว่านมิกล้าเอ่ยถามฉินซานว่าเกิดอะไรขึ้น กลัวจะไปตอกย้ำเขา นางจึงจัดที่พักให้พวกเขาแล้วไปถามหลู่ชิ่งหลู่ชิ่งเล่าเรื่องทุกอย่างที่เจ่าจวงให้หลิงหว่านฟัง แล้วหลิงหว่านก็โกรธจนตัวสั่นมิน่าวันนี้องค์หญิงหกจึงสงบมาก ที่แท้นางก็ทำสิ่งที่น่ารังเกียจและน่าอายไว้มากมาย รู้สึกผิดสินะ!“ไฉนนางมิตาย! นางทำร้ายทุกคนเช่นนี้!”หลิงหว่านมองลู่หนานที่ชีวิตยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วมิรู้ว่าจะด่าองค์หญิงหกเยี่ยงไรดีเลยหลิงอวี๋ล้มป่วยแล้ว เมื่อมีคนอาศัยอยู่ในศาลาว่าการมากถึงเพียงนี้ หลิงหว่านจึงกลายเป็นคนที่ต้องดูแลเรื่องภายในนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เป็นแม่บ้าน นางกังวลไปเสียทุกอย่าง หลิงหว่านถูกบังคับให้เติบโตขึ้นแล้วนางมิสามารถทำทุกอย่างเองได้ จึงคิดว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นเจ้าของร้านอาหาร ก็เลยลากเกิ่งเสี่ยวหาวไปช่วยนางซื้อของและจัดการอาหารสิ่งที่ทำให้หลิงหว่านประหลาดใจอย่างมากก็คือ เกิ่งเสี่ยวหาวพานางรับใช้สองคนที่รู้วรยุทธมาด้วย บอกว่าก่อนหน้านี้รับปากไว้ว่าจะซื้อพวกนางให้หลิงอวี๋เขาคิดว่าหลิงอวี๋ต้องการความช่วยเหลือตอนออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงพาพวกนางมาด้วยนางรับใช้สองคนนี้ คนหนึ่งชื่
หลิงซวนเฝ้าหลิงอวี๋อยู่เช่นนี้ หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วยาม นางก็รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของหลิงอวี๋ลดลงอย่างช้า ๆหลิงซวนกลัวว่าตนจะวินิจฉัยผิด จึงรีบหยิบที่วัดอุณหภูมิของหลิงอวี๋ออกมา หลังจากตรวจแล้ว อุณหภูมิร่างกายของหลิงอวี๋ลดลงเหลือสามสิบแปดองศาแล้ว“ดีแล้ว ยาออกฤทธิ์แล้ว!”หลิงซวนถอนหายใจโล่งอก“แต่เหตุใดตุ่มแผลพุพองของคุณหนูถึงยังเหมือนเดิมเล่า?” เถาจื่อเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“ข้าเห็นหลี่เฉียงกินยาที่คุณหนูให้ พออุณหภูมิร่างกายของเขาลดลง ตุ่มแผลพุพองเหล่านั้นก็ค่อย ๆ หายไป!”หลิงซวนยิ้มพลางเอ่ย “ก็เจ้าบอกว่าคุณหนูดูดซึมยาช้า เช่นนั้นเราค่อย ๆ ทำไปเถิด ตอนนี้อุณหภูมิของนางก็ลดลงแล้ว แผลพุพองก็คงจะค่อย ๆ ยุบลงเช่นกัน!”เถาจื่อพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีเลย!”เวลานี้ หลิงเสี่ยงก็เดินเข้ามา“นายน้อย...”เมื่อเถาจื่อกับหลิงซวนเห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้นทักทายหลิงเสี่ยงรู้จักกับเถาจื่อและหลิงซวนแล้ว เขาจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณหนูดีขึ้นหรือไม่?”“ยังมิฟื้นเลยเจ้าค่ะ! แต่อุณหภูมิร่างกายนางลดลงแล้ว! อีกสักพักก็น่าจะฟื้น!” หลิงซวนเอ่ยหลิงเสี่ยงเดินไปแล้วก็เห็นว่าหลิงอวี๋ย
หลิงเสี่ยงนั่งอยู่เป็นเวลานาน แต่หลิงอวี๋ก็ยังไม่ฟื้น เขาเป็นบุรุษมิสามารถอยู่ในเรือนพักของหลิงอวี๋ตลอดได้ จึงกลับไปในตอนเย็น หลังจากที่เซียวหลินเทียนจัดการงานเสร็จสิ้นแล้ว ก็นึกถึงหลิงอวี๋จึงมาเยี่ยมหลิงซวนให้ยาหลิงอวี๋อีกครั้งแล้ว เมื่อเห็นว่าอุณหภูมิร่างกายของนางกลับมาเป็นปกติ จึงเอ่ยกับเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง อุณหภูมิของคุณหนูกลับมาเป็นปกติแล้วเพคะ! อีกเดี๋ยวก็คงจะฟื้นแล้ว! อย่ากังวลมากเกินไปเลยเพคะ!”“อืม พวกเจ้าไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด ข้าจะเฝ้านางเอง!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างเตียงหลิงซวนเรียกเถาจื่อออกไป ทั้งสองเองก็มิกล้าออกไปไหนไกล จึงนั่งพักผ่อนอยู่ตรงทางเดินเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่กำลังหลับอยู่ เขามิคุ้นเคยกับหลิงอวี๋ที่เป็นเช่นนี้เอาเสียเลยตอนนางตื่น นางก็สามารถพูดคุยกับตนได้ แต่การนอนเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าหลิงอวี๋ผู้นี้ช่างแปลกเหลือเกินตุ่มน้ำพุพองเต็มใบหน้าของนาง ดูน่าเกลียดมาก!เซียวหลินเทียนนึกขึ้นได้ว่าตอนที่หลิงอวี๋ถูกตนเองเฆี่ยนตีนั้น ร่างกายกับใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผลจากแส้ ดูน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าตอนนี้อีก!ในเวลานั้นตนเต็มไป
“หลิงหลิง!”เซียวหลินเทียนรู้สึกจากตรงมือว่าใบหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนเป็นความเย็นแล้ว“เจ้าหนาวหรือ? ข้าจะเพิ่มผ้าห่มให้เจ้านะ!”เซียวหลินเทียนรีบลุกขึ้น หาผ้าห่มมาห่มตัวของหลิงอวี๋เพิ่ม แต่หลิงอวี๋ก็ยังคงตัวสั่น หนาวจนฟันกระทบกันแล้วเซียวหลินเทียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาไม่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคระบาด จึงรีบไปที่ประตูพร้อมกับตะโกน“หลิงซวน! เข้ามาหน่อย!”หลิงซวนกำลังงีบหลับสะลึมสะลืออยู่บนเก้าอี้ เมื่อได้ยินเสียงของเซียวหลินเทียนก็ตื่นขึ้นนางขยี้ตา มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง“หลิงซวน รีบเข้ามาเร็วเข้า มาดูพระชายาที มีบางอย่างผิดปกติกับนาง!”เมื่อหลิงซวนได้ยินสิ่งนี้ นางก็สะดุ้งตื่นแล้วรีบลุกไปทันที“เกิดอะไรขึ้นเพคะ? อาจารย์เป็นอะไรหรือเพคะ?”“ไม่รู้ จู่ ๆ นางก็ตัวสั่น เจ้ารีบมาดูเร็วเข้า อาการของนางแย่ลงหรือไม่! เถาจื่อ รีบไปตามหมอเฝิงกับหมอหานมา!”เซียวหลินเทียนตะโกนตามสัญชาตญาณเถาจื่อก็รีบวิ่งตามหลิงซวนเข้ามาด้วย พอเห็นหลิงอวี๋ตัวสั่น ก็หันหลังวิ่งออกไปด้วยความตกใจ“เกิดอะไรขึ้น? เป็นเช่นนี้คืออาการของโรคแย่ลงใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามหลิงซวนรีบไปที
เซียวหลินเทียนตกใจมาก เขามิเคยรู้เลยว่าพี่น้องฝาแฝดจะมีความรู้สึกเช่นนี้ด้วยแต่เมื่อเห็นหลิงเสี่ยงกับหลิงอวี๋ คนหนึ่งยืนตัวสั่น ส่วนอีกคนหนึ่งนอนตัวสั่น เขามิเชื่อก็ต้องเชื่อเรื่องมหัศจรรย์นี้!“หลิงเสี่ยง เจ้าช่วย…”ขณะเซียวหลินเทียนพูด ก็เห็นหมอหานกับหมอเฝิงอยู่ด้วย เขาจึงเอ่ย “พวกท่านออกไปรอก่อนสักพักเถิด ข้ามีเรื่องบอกหลิงเสี่ยง!”หมอเฝิงจ้องมองหลิงเสี่ยง เขารู้สึกว่าเรื่องสื่อจิตอะไรนั่นลึกลับเกินไปแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่หลิงเสี่ยงก็ไม่มีทางรู้ถึงความจริงที่ว่าหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษหรอก ไม่จำเป็นต้องกังวล!เขากับหมอหานจึงออกไปก่อน“หลิงเสี่ยง เจ้ารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในตับของหลิงหลิงหรือไม่? นอกจากความหนาวแล้ว เจ้ารู้สึกอะไรอีกบ้าง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามอย่างไม่รีรอหลิงเสี่ยงเหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความรังเกียจเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างวิตกกังวล “เจ้าคงมิรู้ ก่อนหน้านี้หลิงหลิงบอกข้าว่า มีช่วงหนึ่งที่แม่เลี้ยงหวางซือให้หลิงผิงกับหลิงหลานนางรับใช้ส่วนตัวของหลิงหลิงมาวางยาพิษนาง!”“ตอนนั้นหลิงหลิงบอกข้าว่า พิษเรื้อรังนั้นได้ทำลายตับของนางไป และนางจะมีชีวิตอยู่ได
หลิงเสี่ยงอยากจะต่อยหน้าเซียวหลินเทียนอีก แต่หลิงหว่านกับหลิงซวนรีบวิ่งเข้ามากอดแขนของเขาไว้หลิงหว่านเองก็รักหลิงอวี๋เช่นกัน แต่หลิงอวี๋ในตอนนี้ยังมิรู้ว่าเป็นหรือตาย หากเซียวหลินเทียนโกรธ แล้วใครจะกล้ามาช่วยหลิงอวี๋เล่า!“ท่านพี่เสี่ยวเสี่ยง ใจเย็น ๆ ก่อน! ตอนนี้ท่านพี่หลิงหลิงเป็นเช่นนี้แล้ว เรามิควรทะเลาะกันเอง เราควรร่วมมือกันหาทางช่วยท่านพี่หลิงหลิง!”หลิงเสี่ยงยังคงอยากจะด่าต่อ แต่หลิงอวี๋บนเตียงก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงขึ้นอีกหลิงเสี่ยงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขากุมหน้าอกพลางเอ่ยเสียงสั่นเทา “หลิงหลิงเจ็บหน้าอก!”เซียวหลินเทียนเช็ดเลือดที่มุมปากจากการที่ถูกหลิงเสี่ยงชก และมิสนใจที่จะโต้เถียงกับหลิงเสี่ยงเขาเองก็ไม่มีหน้าจะไปโต้เถียงกับหลิงเสี่ยงเช่นกัน!หลิงเสี่ยงพูดถูก ตอนนั้นหลิงอวี๋ถูกวางยาพิษ แต่ตนเองกลับมิรู้สั่งให้คนโบยหลิงอวี๋ถึงห้าสิบไม้หากหลิงอวี๋ล้มป่วยเพราะเหตุนี้ เซียวหลินเทียนก็คงเป็นหนึ่งในฆาตกรที่ทำร้ายหลิงอวี๋จริง ๆเขารีบไปดูหลิงอวี๋ แล้วพบว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋มีรอยย่นเพราะความเจ็บปวด“หมอเฝิง หมอหาน เข้ามาเร็ว!”เซียวหลินเทียนตะโกนเสียงดังหมอ
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนจำนวนมากในศาลาว่าการเว่ยโจวก็รู้เรื่องที่พระชายาอ๋องอี้ถูกยาพิษฉินซานกับเผยอวี้ก็รีบมาเกิ่งเสี่ยวหาวทิ้งสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วรีบเข้าไปทันที“ท่านอ๋องอี้ พี่สาวของกระหม่อมถูกวางยาพิษจริงหรือ?” เกิ่งเสี่ยวหาวเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อเซียวหลินเทียนรู้สึกหนักใจ เขามิอยากจะเชื่อเลยว่าหลิงอวี๋ถูกพิษแต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว หลิงอวี๋ดูไม่เหมือนติดโรคระบาดเลย!อีกอย่างเซียวหลินเทียนก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยอธิบายไว้แล้วว่าพวกเขาจะป้องกันโรคระบาดได้อย่างไร นางรู้วิธีป้องกันโรคระบาดแล้วจะติดเชื้อโรคระบาดได้เยี่ยงไรกัน!“หมอหานบอกว่ามันอาจจะเกิดจากโรคประจำตัว… และก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ก็เคยถูกวางยาพิษเรื้อรังมาก่อน!”คำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้เกิ่งเสี่ยวหาวนึกถึงเรื่องหลิงผิง ตอนนั้นหลิงอวี๋ก็เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับการวางยาพิษของหวางซือด้วยเกิ่งเสี่ยวหาวตะโกนขึ้นมาทันที “เรื่องที่หวางซือทำหรือ? หญิงเลวทรามผู้นี้ ข้าจะกลับไปฆ่านางเพื่อล้างแค้นให้พี่สาวข้า!”หลิงเสี่ยงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเกิ่งเสี่ยวหาวกับหลิงอวี๋จากปากของหลิงซวนแล้ว หล
เกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินดังนั้นก็ใจสบาย แล้วเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “พี่ฮู๋ ตั้งแต่ได้รับพิษไปจนถึง… ถึงตาย มันจะใช้เวลานานแค่ไหน?”หลิงอวี๋มีอาการหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่างกายแล้ว เช่นนั้นจากที่ฮู๋อีเล่ามาก็แสดงว่านางอยู่ในระยะกลางแล้ว!ฮู๋อีลดเสียงลงแล้วเอ่ย “ประมาณสามวัน!”หัวใจของเกิ่งเสี่ยวหาวจมลงทันที สามวัน?หลิงอวี๋ล้มป่วยเมื่อวานนี้ วันนี้ก็เป็นวันที่สอง นั่นมิได้หมายความว่าคืนพรุ่งนี้จะเป็นวันที่สามหรอกหรือ!กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีทางช่วยหลิงอวี๋ได้ก่อนคืนพรุ่งนี้ หลิงอวี๋ก็จะตายหรือ?“พี่ฮู๋ มียาแก้พิษหรือไม่?”เกิ่งเสี่ยวหาวเอ่ยถามอย่างกังวล “แม้ว่าจะไม่มียาแก้พิษ แต่มีวิธีป้องกันมิให้พิษเกิดขึ้นชั่วคราว แล้วซื้อเวลาให้เราหายาแก้พิษหรือไม่?”ฮู๋อีลังเลพลางเอ่ย “มิใช่ว่าไม่มียาแก้พิษ! แต่ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่!”เกิ่งเสี่ยวหาวดีใจมาก “พี่ฮู๋ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ตราบใดที่ยังมีความหวัง เราก็จะต้องลองดู! รีบบอกข้ามาเถิดว่าเครื่องยาสมุนไพรชนิดใดที่สามารถล้างพิษได้?”ฮู๋อีเอ่ย “จินซาหลานนี้เป็นวัชพืชมีพิษ แต่เหง้าของมันไม่เป็นพิษและมีประโยชน์มากมาย