“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการสูญเสียแขนมีความหมายต่อแม่ทัพฉินเยี่ยงไร?”“ชีวิตของเขาถูกเจ้าทำลายไปแล้ว!”เซียวหลินเทียนรู้สึกผิดและเสียใจ อารมณ์ทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน แล้วก็ตะคอกอย่างฉุนเฉียวจนคนทั้งภูเขาด้านหลังได้ยินกันหมด“เหตุใดตระกูลเซียวของข้าถึงเลี้ยงสัตว์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าหมูยิ่งกว่าสุนัขเยี่ยงเจ้าเอาไว้!”“เหตุใดเจ้ามิไปตาย! เจ้าต่างหากที่สมควรจะเสียแขน! เจ้าต่างหากคือคนที่สมควรตาย!”“เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังกล้าขอให้ข้าส่งเจ้ากลับไปอีก!”“เจ้าแหกตาสุนัขของเจ้าดูเสียว่าในบรรดาผู้บาดเจ็บที่นี่ มีใครบ้างที่มิได้เจ็บหนักกว่าเจ้า!”เซียวทงโกรธที่ถูกเซียวหลินเทียนดุ คนจำนวนมากมองมาที่นางด้วยสายตาดูถูก นางรู้สึกอับอายมากแต่เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของเซียวหลินเทียน เซียวทงก็มิกล้าโต้แย้งอะไรออกไปนับว่านางยังฉลาด รู้ว่าตนทำให้เซียวหลินเทียนโกรธมากจริง ๆท่าทีโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียนน่ากลัวยิ่งกว่าเสด็จพ่อโกรธหลายสิบเท่าหากนางกล้าโต้เถียงไปอีก เซียวหลินเทียนอาจจะฆ่านางก็ได้!ทหารเหล่านั้นก็มีความโกรธแบบเดียวกับเซียวหลินเทียนในสายตาของพวกเขา แม้ว่าเซี
ดีที่เซียวหลินเทียนมิได้สนใจคำพูดของฉินรั่วซือ แล้วเมินฉินรั่วซือไปเอ่ยฉินซานด้วยเสียงทุ้ม“แม่ทัพฉิน หากเจ้ายินดีรับใช้ข้า ข้าก็ยินดีอย่างที่สุด! เจ้าดูแลอาการบาดเจ็บให้ดีก่อน รอกลับไปข้าจะขอกับเสด็จพ่อให้พวกเจ้ามาอยู่ในกรมโยธาธิการที่ข้ารับผิดชอบในตอนนี้!”“อย่าได้ดูถูกกรมโยธาธิการเชียว หลิงอวี๋บอกว่าหากกรมโยธาธิการทำงานได้ดีจะเป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร กลับไปหากมีเวลาเราค่อยคุยรายละเอียดกัน มีเจ้ามาช่วยงานข้า เราร่วมมือกันจะได้ทำสิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎรมากขึ้นอย่างแน่นอน!”ฉินซานมองออกว่าเซียวหลินเทียนจริงใจ คำพูดของเขาทำให้รู้สึกสบายใจมากฉินซานเอ่ยทันที “พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เช่นนั้นตกลงกันตามนี้พ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องทรงงานเถิด! กระหม่อมมิรบกวนท่านอ๋องแล้ว!”หลังจากที่เซียวหลินเทียนไปแล้ว อารมณ์หดหู่ของฉินรั่วซือก็ดีขึ้น คำพูดของเซียวหลินเทียนนี้แสดงว่าตระกูลฉินยังมีความหวังแต่นางมิสามารถฝากความหวังทั้งหมดไว้กับคำสัญญาด้วยวาจานี้ได้ นางต้องใช้ประโยชน์จากการสูญเสียแขนของฉินซาน พยายามแต่งงานกับเซียวหลินเทียนและเข้าไปเป็นชายารองหลังจากกลับไปเมืองหลวงหลังจากที่เซ
“ท่านอ๋อง กระหม่อมได้ยินมาว่ากวนซินมิเพียงแต่สูญเสียทรัพย์สินของตระกูลกวนไปเท่านั้น แต่ยังถูกท่านกวนเอ้อร์ไล่ล่าด้วย! คิดมิถึงเลยเขาจะตกต่ำกลายมาเป็นโจรจริง ๆ!”“กระหม่อมเห็นเขาพาคนมาสิบกว่าคน ลูกน้องของเขาสารภาพว่าเดิมทีกวนซินคิดจะแปรพักตร์ไปหาแม่ทัพเซี่ย แต่แม่ทัพเซี่ยรับคำสั่งขององค์ชายเว่ยและต้องการเอาชีวิตเขา เขาจึงไม่มีที่จะไป ถึงได้มาหาเงินจากการปล้น!”เซียวหลินเทียนพูดมิออกเลย ตระกูลกวนในอดีตร่ำรวยระดับแคว้น นายน้อยกวนซินผู้นี้ก็ถือตนอยู่สูงมิเห็นผู้ใดอยู่ในสายตาไหนเลยจะคิดว่ายามนี้จะต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการปล้น!“รอให้เรื่องในเว่ยโจวจัดการเรียบร้อย ปี้ไห่เฟิงเจ้าพาคนไปจับกวนซิน!”ตอนแรกเซียวหลินเทียนโกรธหลิงอวี๋ที่มิสามารถช่วยภรรยาของท่านกวนเอ้อร์ได้ทันเวลา นี่เป็นปมในใจของเขามาโดยตลอดหากจับตัวกวนซินแล้วมอบให้ท่านกวนเอ้อร์ได้ ก็จะเป็นการแก้ปมในใจของท่านกวนเอ้อร์ได้!“พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ไห่เฟิงพยักหน้า แล้วสั่งให้คนขนเครื่องยาสมุนไพรไปกับเกิ่งเสี่ยวหาวต่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม คนของเผยอวี้ก็มาส่งข่าวว่าเผยอวี้ยึดเว่ยโจวได้สำเร็จแล้วคนในครอบครัวของข้าหลวงหยางทั้งหมดถูกเผยอวี
เซียวหลินเทียนกำลังจัดการจดหมายของข้าหลวงหยาง เตรียมเขียนส่งไปยังเมืองหลวงให้จักรพรรดิอู่อันแจ้งเตือนฉีตะวันออกทันใดนั้น แม่ทัพเว่ยชั่วคราว ข่งฮุยกับเผิงเลี่ยงได้ส่งคนมารายงานว่า พวกเขาได้ยึดกองกำลังที่เหลือของแม่ทัพเซี่ยไว้ได้แล้วเซียวหลินเทียนตอบกลับทันทีให้พวกเขาตั้งฐานที่มั่นแล้วมุ่งหน้าไปพบกันที่เว่ยโจวทางเขากำลังรอให้หลิงอวี๋ผ่าตัดเสร็จแล้วจึงจะเตรียมย้ายไปประจำการที่เว่ยโจวในที่สุดหลิงอวี๋ก็ทำการผ่าตัดกับลู่หนานเสร็จแล้ว นางทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเหนื่อยล้า อาภรณ์ของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อหลิงซวนเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของนางอย่างปวดใจแล้วยื่นชามน้ำให้นาง“อาจารย์ ทางนี้ข้าดูแลเอง ท่านออกไปหาอะไรกินก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงซวนเอ่ยทั้งน้ำตา “ท่านทำการผ่าตัดมาหลายชั่วยามแล้ว ทั้งยังมีคนไข้รออยู่อีกจำนวนมาก ท่านจะทรุดมิได้นะเจ้าคะ!”“อืม!”หลิงอวี๋ตั้งสมาธิจดจ่อมาตลอด ทั้งยังต้องคุกเข่าทำการผ่าตัดอีก ขาทั้งสองข้างของนางมิรู้สึกอะไรแล้วร่างกายของนางก็อ่อนล้ามาก นางรู้ว่าหลิงซวนหวังดีกับตน จึงพยักหน้า“ข้าจะไปนอนพักสักหน่อย เจ้าคอยดูลู่หนานไว้ หากสถานการณ์เปลี่ยนให้รีบไป
เซียวหลินเทียนเดินออกมาก็เห็นองครักษ์คนหนึ่งกำลังพยุงชายที่ได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกายอยู่ด้านนอกรถม้าของหลิงอวี๋“หลิงเสี่ยง?”ท่านจินต้าบอกเซียวหลินเทียนเรื่องที่ฉินซานช่วยเหลือหลิงเสี่ยงมาแล้วเซียวหลินเทียนเห็นชายแปลกหน้าคนนี้มีส่วนสูงพอ ๆ กับตน จึงเดาตัวตนของเขาได้“ท่านอ๋องอี้!”หลิงเสี่ยงพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนอยู่ไกล ๆหลิงอวี๋เป็นน้องสาวของตน เขาไม่มีทางลืมได้ว่าเพื่อนร่วมงานของเขาบอกมาว่าท่านอ๋องอี้ไม่เพียงแต่เกลียดหลิงอวี๋เท่านั้น แต่ยังโบยหลิงอวี๋ถึงห้าสิบไม้ด้วยหลิงเสี่ยงมิสามารถเข้าใกล้น้องเขยคนนี้ได้จริง ๆ“บาดเจ็บไม่ร้ายแรงใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ย “ฉินซานบอกข้าแล้ว ข้าได้ส่งคนไปเอาของที่เจ้าซ่อนไว้ออกมาแล้ว!”“มิต้องกังวล ความพากเพียรของเจ้าจะได้รับผลอย่างแน่นอน!"“พ่ะย่ะค่ะ!” หลิงเสี่ยงพยักหน้าอย่างเฉยเมย เขาได้ทำสิ่งที่ตนควรทำแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของท่านอ๋องอี้กับองค์จักรพรรดิแล้ว“ทางด้านแม่ทัพกู่ได้จับกุมคนของรองผู้บัญชาการอู๋ไว้แล้ว แม่ทัพกู่รู้ว่าเจ้าอยู่กับข้าทางนี้ รอไปถึงเว่ยโจว เขาจะมาหาเจ้า!”เซียวหลินเทียนเห็นได้จากท่าทีของหลิงเสี่ยงว
เถาจื่อรีบไปเอายาทันทีทางด้านหลู่ชิ่งไปเรียกหมอเฝิงกับหมอหานมาแล้วเมื่อหมอเฝิงเห็นสภาพของหลิงอวี๋ ในใจก็มีความสุข ในที่สุดตนก็จะทำภารกิจของฮองเฮาเว่ยสำเร็จแล้ว!หลิงอวี๋เริ่มได้รับพิษแล้ว และผลก็เป็นเหมือนกับที่คนของฮองเฮาเว่ยบอกเลยว่ามันไม่ต่างจากการติดโรคระบาดจากสถานการณ์นี้ หลิงอวี๋จะต้องตายภายในสามวันอย่างแน่นอน!หมอเฝิงแสร้งทำเป็นจับชีพจรของหลิงอวี๋แล้วเอ่ย “ท่านอ๋อง คาดว่าพระชายาน่าจะติดโรคระบาดแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางพัฒนาวิธีการรักษาโรคระบาดแล้วมิใช่หรือ?”“กระหม่อมเห็นว่าตำรับยาอื่น ๆ สู้ของนางมิได้ ดังนั้นทำตามตำรับยาของนางเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หมอหานมองใบหน้าของหลิงอวี๋ เห็นว่าตุ่มน้ำพุพองมิต่างจากผู้ป่วยที่ติดโรคระบาด เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย“ตำรับยาของพระชายาอ๋องอี้เมื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยของเราแล้ว ผลลัพธ์ก็ดีกว่าตำรับยาที่เราจัดไว้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แค่ใช้ตำรับยาของพระชายาอ๋องอี้ตามที่หมอเฝิงบอกก็พอ!”เซียวหลินเทียนเห็นทั้งคู่บอกเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจโชคดีที่หลิงอวี๋ได้พัฒนาวิธีรักษาโรคโรคระบาดได้แล้ว มิฉะนั้นตอนนี้เขาก็มิรู้จริง ๆ ว่าต้องทำเยี่ยงไร!เถาจื่อเอายามาป้อนให้หลิง
เซียวหลินเทียนพบจุดนี้เมื่อคืนนี้ และนี่คือสิ่งที่ทำให้เขากลัดกลุ้มตระกูลหยางถวายเงินให้กับองค์ชายเว่ย แม้ว่าเรื่องนี้จะมีบัญชีที่สามารถพิสูจน์ได้แต่ในจดหมายระหว่างองค์ชายเว่ยกับตระกูลหยาง กลับไม่มีการเอ่ยถึงการสมรู้ร่วมคิดกับฉีตะวันออกเลยเซียวหลินเทียนมิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้นที่จะปลอมแปลงหลักฐานเพื่อโค่นล้มองค์ชายเว่ยแต่หากตระกูลหยาง และพวกแม่ทัพเซี่ยล้มไปหมดแล้ว แต่องค์ชายเว่ยรอดไปโดยมิได้รับผลกระทบใด ๆ เซียวหลินเทียนก็มิยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก!หากไม่มีการหนุนหลังจากองค์ชายเว่ยและให้ความสะดวกสบายให้กับหยางจื้อฟาง หลายปีมานี้ตระกูลหยางจะทำเงินได้มากมายถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไร!“ท่านจินต้า ศึกษาจดหมายกับสมุดบัญชีเหล่านี้อย่างรอบคอบอีกที แม้ว่าเราจะไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าองค์ชายเว่ยสมคบคิดกับแคว้นศัตรู แต่เราต้องยืนยันหลักฐานที่เขาปกป้องตระกูลหยาง!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะ “คราวที่แล้วเขาให้คนจากหอเหยี่ยวราตรีมาลอบสังหารข้า คราวนี้ก็ส่งนักฆ่ามาใช้กลอุบายแบบเดียวกันอีก! หากข้าปล่อยไปเช่นนี้ เขาก็จะต้องหนักข้อขึ้นอีก!”“แม้ว่าจะปล่อยให้เขาตายมิได้ แต่อย่างน้อยเราก็ต้องให้เขาถูก
หลิงหว่านมิกล้าเอ่ยถามฉินซานว่าเกิดอะไรขึ้น กลัวจะไปตอกย้ำเขา นางจึงจัดที่พักให้พวกเขาแล้วไปถามหลู่ชิ่งหลู่ชิ่งเล่าเรื่องทุกอย่างที่เจ่าจวงให้หลิงหว่านฟัง แล้วหลิงหว่านก็โกรธจนตัวสั่นมิน่าวันนี้องค์หญิงหกจึงสงบมาก ที่แท้นางก็ทำสิ่งที่น่ารังเกียจและน่าอายไว้มากมาย รู้สึกผิดสินะ!“ไฉนนางมิตาย! นางทำร้ายทุกคนเช่นนี้!”หลิงหว่านมองลู่หนานที่ชีวิตยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วมิรู้ว่าจะด่าองค์หญิงหกเยี่ยงไรดีเลยหลิงอวี๋ล้มป่วยแล้ว เมื่อมีคนอาศัยอยู่ในศาลาว่าการมากถึงเพียงนี้ หลิงหว่านจึงกลายเป็นคนที่ต้องดูแลเรื่องภายในนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เป็นแม่บ้าน นางกังวลไปเสียทุกอย่าง หลิงหว่านถูกบังคับให้เติบโตขึ้นแล้วนางมิสามารถทำทุกอย่างเองได้ จึงคิดว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นเจ้าของร้านอาหาร ก็เลยลากเกิ่งเสี่ยวหาวไปช่วยนางซื้อของและจัดการอาหารสิ่งที่ทำให้หลิงหว่านประหลาดใจอย่างมากก็คือ เกิ่งเสี่ยวหาวพานางรับใช้สองคนที่รู้วรยุทธมาด้วย บอกว่าก่อนหน้านี้รับปากไว้ว่าจะซื้อพวกนางให้หลิงอวี๋เขาคิดว่าหลิงอวี๋ต้องการความช่วยเหลือตอนออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงพาพวกนางมาด้วยนางรับใช้สองคนนี้ คนหนึ่งชื่
เมื่อเฉียวไป๋ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าท่านอาเฉียวพูดออกมาอย่างสมเหตุสมผล ความรู้ในเรื่องค่ายกลของเขามิได้ลึกซึ้งเท่ากับที่ท่านอาเฉียวมี“ได้ เช่นนั้นข้าจะเข้าไปเอง!”เฉียวไป๋จะเข้าไปในทันทีแต่ท่านอาเฉียวก็คว้าตัวเขาเอาไว้ก่อน “ฉีกผ้ามาอุดหูเจ้าเอาไว้ แล้วจำไว้ว่า ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นภาพลวงตา แค่เดินตรงไปทางขวาตลอดก็พอแล้ว!”เฉียวไป๋พยักหน้า แล้วฉีกเศษผ้ามาอุดหูทั้งสองข้างเอาไว้ จากนั้นก็เดินเข้าไปท่านอาเฉียวมองเฉียวไป๋ที่เดินเข้าไปแล้วเคลื่อนไหวอยู่ในยอดน้ำแข็งนั้นอย่างกังวล แต่ทั้งที่เห็น ๆ อยู่ว่าเฉียวไป๋อยู่ห่างจากนายใหญ่เฉียวแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะมองมิเห็นอีกฝ่ายเฉียวไป๋หันไปหันมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชักกระบี่ออกมาฟันมั่ว ๆ ไปที่ยอดน้ำแข็ง ท่าทางที่บ้าคลั่งเช่นนั้นเหมือนกับนายใหญ่เฉียวไม่มีผิดหัวใจของท่านอาเฉียวเต้นรัวขึ้นมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าวิธีการของตนนั้นใช้การมิได้หากปล่อยให้เฉียวไป๋กับนายใหญ่เฉียวฟันมั่ว ๆ เช่นนี้ต่อไป มิช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องพบกันและฟันกันและกันจนตายในที่สุดในเวลานี้ท่านอาเฉียวเข้าใจแล้วว่า ตนม
หวงฝู่หลินพาปี้ซงออกจากวังเทพไป เมื่อลงไปได้ถึงครึ่งภูเขา ก็พบกับกลุ่มคนจากตระกูลเฉียวที่กำลังขึ้นเขามาอย่างช้า ๆยิ่งเข้าไปใกล้วังเทพมากขึ้นเท่าไร กับดักและค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางเอาไว้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นตระกูลเฉียวสามารถฝ่ากับดักเหล่านั้นขึ้นมาจนถึงครึ่งภูเขาได้ก็น่ายกย่องแล้วแต่หวงฝู่หลินมิคิดว่า พวกเขาจะสามารถมาเยือนเขตของวังเทพได้อย่างราบรื่นสวรรค์มีเส้นทางให้ไปเจ้ามิไป แต่นรกไม่มีประตูเจ้ากลับฝ่าเข้ามาหวงฝู่หลินยิ้มอย่างเย็นชา สำหรับคนที่มาทำลายถิ่นฐานของตนเหล่านี้ เขาจะมิปล่อยไปแม้แต่คนเดียวรอรับการโจมตีได้เลย!กลุ่มของเฉียวไป๋กำลังเดินตามนายใหญ่เฉียวขึ้นไปบนเขา การที่สามารถมาได้ถึงครึ่งภูเขาเช่นนี้ ทั้งยังกำจัดคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อกับเซียวหลินเทียนไปได้ ทำให้คนของตระกูลเฉียวตื่นเต้นกันยิ่งนักกอปรกับที่สามารถมองเห็นตำหนักของวังเทพได้ราง ๆ แล้วด้วย จึงทำให้พวกของเฉียวไป๋รู้สึกนับถือนายใหญ่เฉียวมากทางด้านนายใหญ่เฉียว เมื่อได้รับสายตาที่เคารพนับถือเหล่านั้นก็ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้ม และนำทุกคนเข้าสู่ค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางไว้ด้วยความมุ่งมั่นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทลายค่ายกล
ขันทีโม่เหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความสงสัย เซียวหลินเทียนนั้นเชื่อขันทีโม่ที่ช่วยเหลือพวกเขามาโดยตลอดอย่างไร้เงื่อนไขอยู่แล้ว เขาจึงขยิบตาให้กับขันทีโม่ไปขันทีโม่เข้าใจในทันทีว่า มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นตกอยู่ในมือของเซียวหลินเทียนแล้วแม้ว่าขันทีโม่เองก็คิดมิตกเช่นกันว่า เซียวหลินเทียนทำให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เชื่อฟังเขาในเวลาเพียงมินานได้อย่างไร แต่ก็ยังคงช่วยเขาพูดอยู่ดี“หากว่าไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ต่อให้มอบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหลงให้ข้าก็เปล่าประโยชน์! คลื่นพลังวิญญาณนั้นอาจจะเป็นคลื่นที่เกิดจากการที่ภูเขาน้ำแข็งถล่มก็ได้!”เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “น่าจะใช่กระมัง ก็เหมือนกับที่ป่าแห่งนั้นในเมืองซานต้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่เมื่อถูกเผาทำลายไปก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณขึ้นมา!”เก๋อเฟิ่งฉิงขาหักจึงมิสะดวกที่จะค้นหา เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคนนั้น นางครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น จึงมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่ให้ทั้งสองค้นหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีก“ท่านสี่ ข้าคาดว่าพวกเราน่าจะตกลงมาหลายสิบเมตรทีเดียว เมื่อครู่ข้าค้นหามาตลอดทางแต่ก็มิพบเส้นท
หัวใจของเซียวหลินเทียนนั้นตื่นเต้นเสียจนแทบจะกระโดดออกมาแล้วในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่ากระบี่คุนอู๋เล่มนี้จะดูดเลือดของตนไปอีกเท่าไร เขาก็ได้ยินเสียงคนพูดมาจากไกล ๆ “ขันทีโม่ เจ้ารู้สึกได้หรือไม่? ที่นี่มีคลื่นพลังวิญญาณ หรือว่าท่านสี่จะอยู่ข้างหน้านี้?”นั่นเสียงของเก๋อเฟิ่งฉิง!เซียวหลินเทียนมองที่กระบี่คนอู๋ ของวิเศษเช่นนี้จะให้เก๋อเฟิ่งฉิงรู้เรื่องมิได้เซียวหลินเทียนจับด้ามกระบี่คุนอู๋เอาไว้แน่น จากนั้นก็ออกแรงทั้งหมดชักกระบี่ออกมา...วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็หงายหลังลงไปที่พื้นเนื่องด้วยออกแรงมากไปส่วนกระบี่คุนอู๋ก็ถูกเขาชักออกมาได้อย่างสบาย ๆดวงตาที่ตื่นเต้นของเซียวหลินเทียนนิ่งค้างไป กระบี่คุนอู๋ยอมรับเขาแล้ว!มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นับพันปีชิ้นนี้ยอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้ว!“ท่านสี่? ใช่ท่านหรือไม่?”เสียงของเก๋อเฟิ่งฉิงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเซียวหลินเทียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วเก็บกระบี่คุนอู๋ไว้ในแหวนพระสุเมรุ ขณะที่เขากำลังคิดจะไปหาพวกเก๋อเฟิ่งฉิง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่า ก้อนน้ำแข็งที่ฝั่งกระบี่คุนอู๋เอาไว้เมื่อครู่นั้นแตกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วส่วนก้อนน้ำแข
กระบี่คุนอู๋?หรือว่านี่จะเป็นกระบี่เทพในตำนาน?เซียวหลินเทียนเป็นคนที่รักกระบี่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้ก็สะสมกระบี่ที่มีชื่อเสียงไว้มิน้อยแต่กระบี่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น หากมาเทียบกับกระบี่คุนอู๋เล่มนี้ก็ล้วนเป็นขยะไปทั้งหมดนี่คือกระบี่คุนอู๋จริงหรือ?เซียวหลินเทียนมิอยากจะเชื่อว่านี่คือกระบี่โบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งคนในใต้หล้ามิเคยได้เห็นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้จักกระบี่คุนอู๋ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงเทพนิยายที่คนในใต้หล้าแต่งขึ้นมาเอง!ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่คุนอู๋เกิดจากกระดูกสันหลัง การบำเพ็ญตนเป็นเวลาร้อยปีและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผานกู่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกที่ผสานรวมกับพลังชีวิตของฟ้าดินตามตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากที่ผานกู่หลอมกระบี่คุนอู๋สำเร็จแล้ว เขาก็มิสามารถควบคุมมันได้ เนื่องด้วยพลังวิญญาณของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก สุดท้ายจึงทำได้เพียงเก็บรวบรวมพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในกระบี่คุนอู๋นี้กระบี่คุนอู๋เป็นบรรพบุรุษของกระบี่ ความคมของกระบี่นั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้เลยทีเดียวหากว่านี่คือกระบี่คุนอู๋ในตำนานจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสามอันดับแร
ก้อนน้ำแข็งแตกจำนวนนับมิถ้วนพากันกระแทกเข้ามา แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธ์ไร้เทียมทาน แต่ก็มิอาจหนีพ้นการแก้แค้นที่รุนแรงของธรรมชาติเช่นนี้ไปได้เขาเบี่ยงหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่เพราะว่าหล่นลงมารวดเร็วจนเกินไป จึงมิอาจหลบพ้นก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นที่พากันกระแทกเข้ามาได้ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาที่หัวของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าหัวของตนมีเลือดไหลออกมา แต่ยังมิทันจะได้ยื่นมือไปสัมผัส ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาอีก เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลงไปทันที และมองก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนอย่างสิ้นหวังคราวนี้จะต้องตายอยู่ในภูเขาหิมะแห่งนี้จริง ๆ หรือ?อาอวี๋ ข้าจะยังได้พบเจ้าหรือไม่?เซียวหลินเทียนยังมิทันได้ย้อนรำลึกถึงช่วงชีวิตนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนกระเทือนแล้วตกลงไปในความมืดมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนสลบไปนานเท่าไรก่อนที่จะได้สติขึ้นมา ยังมิทันที่เขาจะลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่าตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในเมื่อรู้สึกเจ็บปวดได้ก็แสดงว่าตนยังคงมีชีวิตอยู่ เซียวหลินเทียนลืมตาขึ้นอ
ฉินซานเห็นว่าเซียวหลินเทียน ขันทีโม่และเก๋อเฟิ่งฉิงร่วงลงไปกันอย่างรวดเร็วปานนั้น ต่อให้ตนกระโดดลงไปก็มิสามารถช่วยเซียนหลินเทียนขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงกระโดดตามหานเหมยออกมาจากหุบเขาส่วนซูจู๋นางรับใช้ของเก๋อเฟิ่งฉิง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มิดีก็หนีออกไปพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ นานแล้วทุกคนหนีออกมาค่อนข้างไกลแล้วและมายืนอยู่ข้างนอกหุบเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงของก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดังสนั่นอยู่“พวกเขา… คุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ซูจู๋ตกใจเสียจนตาค้างไปหมด ผ่านเวลาไปสักพักจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาทั้งหานเหมยและฉินซานเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของนาง พวกเขามองภาพที่ภูเขาหิมะถล่มลงมาอย่างตื่นตระหนก มิเข้าใจเลยว่าคนของตระกูลเฉียวทำลงได้อย่างไร!พวกเฉียวไป๋ยืนอยู่บนยอดเขาตรงกันข้าม แล้วจ้องมองภาพหิมะถล่มนั้นอย่างเย็นชาหลังจากที่ได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนคือสามีของหลิงอวี๋ พ่อของเฉียวไป๋ ผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่ตระกูลเฉียวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็วางแผนที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของตนนี่เป็นเพียงแค่ขั้นแรกในการแก้แค้นของนายใหญ่เฉียวเท่านั้นสังหารคนหนุนหลังของหลิงอวี๋ไป
เซียวหลินเทียนมองมิเห็นคนของตระกูลเฉียว เพราะถูกยอดภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้บดบังสายตาอยู่“ทุกคนระวังด้วย! ดูแลกันเข้าไว้!”เซียวหลินเทียนกำชับพวกฉินซานให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ส่วนตนกับขันทีโม่ก็อาศัยว่ามีวรยุทธ์ที่สูงกว่าพวกเขา จึงไปค้นหาเส้นทางอยู่ทางด้านหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงมิปล่อยให้โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเซียวหลินเทียนหลุดลอยไป นางจึงตามไปเช่นกันก่อนหน้านี้เก๋อเฟิ่งเจียวทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงเสียเรื่อง ดังนั้นในการเข้ามาที่ภูเขาหิมะครั้งนี้ เก๋อเฟิ่งฉิงจึงมิได้พาเก๋อเฟิ่งเจียวมาด้วยทางด้านหานอวี้ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้ฉินซานกับพี่สาวของตน จึงลากเถาจื่อไปพลางเอ่ยออกมา “เราสองคนไปด้วยกัน จะได้ดูแลกันและกัน!”ดังนั้นคนที่เหลือก็มีเพียงแค่ฉินซานกับหานเหมยแล้ว ฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจดี “เช่นนั้นข้าก็อยู่กลุ่มเดียวกับหานเหมย!”เขาจึงคว้าแขนของหานเหมยไว้ จากนั้นก็ตามไปพร้อมกันหานเหมยหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็มิได้สะบัดมือฉินซานออกไปหานอวี้บอกกับนางว่า การที่นางหายตัวไปครั้งนี้นั้นฉินซานกระวนกระวายมาก และตั้งใจที่จะมาตามหานาง“พี่หญิง การที่เจ้ามีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแต
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล