ดีที่พวกเขาโชคดีมากแซงหน้าแม่ทัพเซี่ยได้เซียวหลินเทียนขี่ม้ามาล่วงหน้า ถือโอกาสสำรวจภูมิแคว้นไว้แล้วกระทั่งกลุ่มของตนตามทัน เซียวหลินเทียนก็สั่งให้ทุกคนแบ่งม้าศึกส่วนหนึ่งออกทันที แล้วมัดหญ้าไว้กับม้าเซียวหลินเทียนแบ่งคนยี่สิบกว่าคนออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ข้างหน้า รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยเข้ามาในวงล้อม จากนั้นก็งัดก้อนหินขนาดใหญ่จากภูเขากลิ้งลงมาใส่พวกเขาอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางด้านหลัง สกัดกั้นกลุ่มที่หนีไปด้านหน้าส่วนผู้คุมม้าก็เฝ้าอยู่จุดตรงกลาง รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยบุกมาที่ตรงกลางเซียวหลินเทียนจัดการทุกอย่างเสร็จ คนของแม่ทัพเซี่ยก็มาถึงตีนเขาแล้วเซียวหลินเทียนกับคนที่เหลือไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ รอให้แม่ทัพเซี่ยก้าวเข้าหากับดักของตนทีละก้าวจะสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ แต่เซียวหลินเทียนทำได้เพียงชนะเท่านั้น!เขาต้องต่อสู้อย่างรวดเร็วเพื่อจัดสรรกำลังคนไปสมทบหลิงอวี๋กับเผยอวี้...……แม่ทัพเซี่ยอายุเกือบห้าสิบปี เขาใช้เวลาครึ่งแรกของชีวิตเหมือนกับท่านอดีตเสนาบดี อุทิศตนให้กับฉินตะวันตกแต่เมื่อตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจคนก็ล้วนหย่อนลงครั้นตระก
แม่ทัพเซี่ยกังวลมากจนควบม้าเข้าไปในวงล้อมของเซียวหลินเทียนโดยไม่รู้ตัวเขามิได้สังเกตว่ามีสิ่งใดผิดปกติ จนกระทั่งกลุ่มของตนครึ่งหนึ่งวิ่งเข้าไปในวงล้อม ทันใดนั้นก็บนภูเขาก็มีเสียงร้องนับมิถ้วนดังมา จากนั้นก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าถล่มลงมาทันทีแม่ทัพเซี่ยที่อยู่ข้างหน้าเห็นว่าสถานการณ์มิดีจึงลงแส้ที่ก้นม้าอย่างดุร้ายม้าควบไปข้างหน้าอย่างเจ็บปวด แม่ทัพเซี่ยไปได้มิไกล ก้อนหินขนาดใหญ่ก็หล่นมากระแทกพื้นทหารกับรองผู้บัญชาการที่ตามมาด้านหลังโชคมิดีนัก บางคนถูกก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกใส่ จนผิวหนังกับเนื้อของพวกเขาฉีกขาดทันทีแล้วก็อยู่ที่นั่นรองผู้บัญชาการถูกกระแทกกลิ้งลงจากหลังม้า โดยขาข้างหนึ่งติดอยู่ใต้ก้อนหินเสียงกรีดร้องกับเสียงตะโกนด่าไม่มีที่สิ้นสุด แม่ทัพเซี่ยหันกลับไปมองก็เห็นทหารบางคนบนภูเขาตะโกนขณะที่ยังคงผลักหินลงไป...สิ่งที่ทำให้แม่ทัพเซี่ยตกใจก็คือ คบเพลิงจำนวนนับมิถ้วนกำลังเคลื่อนลงมาตามภูเขา พร้อมกับเสียงตะโกนแย่แล้ว!เวลานี้แม่ทัพเซี่ยมีเพียงสองคำนี้ในหัว!ท่านอ๋องอี้ต้องติดต่อกับแม่ทัพกู่ได้แล้วเป็นแน่!พวกเขาสองฝ่ายรร่วมมือกันรอปิดล้อมตนไว้ที่นี
“ยอมจำนนแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า…”เสียงตะโกนนับมิถ้วนดังมาจากทุกทิศทุกทางเสียงของเซียวหลินเทียนก็ดังมาจากข้างบนที่สูงเช่นกัน “แม่ทัพเซี่ยของพวกเจ้าไม่มีแรงต่อสู้แล้ว! หากยังมิทิ้งอาวุธแล้วยอมจำนน จะบังคับให้ข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดจริง ๆ ใช่หรือไม่?”พวกทหารที่มีสติเห็นม้าศึกเหล่านั้นพุ่งเข้ามาหาพวกเขา ก็หลีกทางพลางตะโกนเสียงดังพร้อมกับขว้างอาวุธทิ้งไป“ท่านอ๋องโปรดทรงไว้ชีวิตด้วยเถิด… เรายอมแพ้แล้ว...”เมื่อคนหนึ่งเป็นผู้นำ ก็จะมีคนตามมา ไม่นานนักก็มีแต่เสียงยอมจำนนและร้องขอชีวิตบนเส้นทางภูเขา“ย่อลงอยู่กับที่ให้หมด ผู้ที่ยืนอยู่จะถือว่ามิยอมจำนน! พลธนู… ฆ่าพวกมันให้หมด!”พลธนูแถวหนึ่งค่อย ๆ ออกมาจากต้นไม้แม่ทัพเซี่ยนอนอยู่บนพื้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ จึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง...พวกเขาแพ้ราบคาบแล้ว!......หลิงอวี๋มองฉินซานถูกผลักเข้ามาทีละก้าวด้วยตาแดง ๆนางมิสามารถออกคำสั่งให้ยิงธนูไปที่ฉินซานได้ แต่นางก็มิสามารถปล่อยให้คนของข้าหลวงโจมตีภูเขาด้านหลังได้เช่นกันจะทำอย่างไรดี?จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงรีบตะโกน “เถาจื่อ ชุยหรง พวกเจ้ารีบเอาหม้อต้มยาออกมา แล้วใ
องครักษ์คนหนึ่งวิ่งไปข้างหน้า แล้วฉินซานขึ้นหลังกลับไปที่แนวป้องกัน“ช่วยด้วย… ช่วย...”รถม้าถูกม้าทำให้พลิกคว่ำ เซียวทงที่อยู่อีกด้านหนึ่งจึงถูกทับอยู่ใต้รถม้า นางเห็นลู่หนานช่วยฉินซานแล้วไปช่วยคนอื่นก็ร้องไห้แล้วเรียกออกไปลู่หนานลังเลครู่หนึ่ง เดิมทีนางมิอยากช่วยองค์หญิงหกผู้เอาแต่ใจเลย แต่เพราะเซียวทงเป็นน้องสาวของท่านอ๋องอี้หากมิช่วยเซียวทงก็ไม่ดี!ลู่หนานจึงทำได้เพียงรีบไปช่วยนางแต่ผู้คุ้มกันที่ซ่อนตัวอยู่หลังรถม้าเห็นว่าสูญเสียที่กำบังไปแล้ว กลัวจะถูกฆ่าจึงกระโดดออกมาจากด้านหลังรถม้าเมื่อพวกผู้คุ้มกันเห็นลู่หนานอยู่ตรงหน้าตนก็ฟันลู่หนานโดยมิสนใจทันทีเซียวทงยังมิทันได้ยืนนิ่ง ก็เห็นพวกผู้คุ้มกันพุ่งเข้ามาหาอย่างดุร้ายนางกังวลมาก กลัวว่าตนจะถูกฆ่าโดยมิได้ตั้งใจ จึงผลักออกไปลู่หนานอย่างแรงลู่หนานคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ เขาถูกนางผลักถอยหลังไปหลายก้าวโดยมิได้ตั้งตัว แล้วก็บังเอิญไปโดนปลายมีดของผู้คุ้มกันคนหนึ่งเข้าพอดีลู่หนานรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังของตน ขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับไปเหวี่ยงดาบ มีดของผู้คุ้มกันอีกคนก็มาที่ไหล่เขาอีกครั้ง“ลู่หนาน…”หลิงอวี๋เห็นภาพน
องครักษ์เหล่านั้นรู้สึกคับข้องใจ หากมิใช่เพราะฝ่ายที่มีน้อยจะต้องแพ้ให้ฝ่ายที่มีมากทั้งยังต้องปกป้องพระชายาอ๋องอี้ด้วย พวกเขาก็คงจะรีบออกไปบุกด้วยแล้วหลังจากได้ยินคำสั่งของพระชายาอ๋องอี้ และเห็นกำลังเสริมมา พวกเขาก็ทิ้งธนูกับลูกธนูแล้วชักดาบออกมา พร้อมทั้งรีบวิ่งออกไปพลางตะโกนไปด้วยท่านจินต้าตั้งถิ่นฐานให้คนบนภูเขาแล้ว กำลังลงมาช่วยพวกหลิงอวี๋ก็เห็นภาพนี้เข้าจู่ ๆ ท่านจินต้าก็รู้สึกโชคดี ยังดีที่ในที่สุดพวกเขาก็ได้กำลังเสริม...“ท่านจินต้า ท่านมาพอดี! ทางนี้ข้าขอส่งต่อให้ท่านจัดการแล้ว ข้าต้องรีบช่วยลู่หนาน!”ทันทีที่หลิงอวี๋เห็นท่านจินต้ามาก็รีบออกคำสั่ง แล้วสั่งให้คนแบกลู่หนานไปทางด้านหลังหลิงอวี๋หันกลับมากับเห็นฉินซานพิงอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉินซานยังรอการรักษาจากนางอยู่!แต่ในเวลานี้ ชีวิตของลู่หนานตกอยู่ในอันตราย นางทำได้เพียงช่วยลู่หนานก่อนเท่านั้นฉินซานยังคงมีสติอยู่ พอเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ตรงหน้าตนก็เอ่ยออกมา “ไปช่วยลู่หนานเถิด เขาบาดเจ็บสาหัสกว่าข้า! ข้ายังไหว!”หลิงอวี๋เห็นว่าแขนที่ขาดของเขายังมีเลือดออกอยู่ จึงรีบลุกขึ้นไปหยิบขวดยาออกมายัดใส่มือของเข
เพราะว่าไม่มีขาตั้ง หลิงอวี๋จึงทำได้เพียงคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อรักษาบาดแผลของลู่หนานอาการบาดเจ็บที่หลังของลู่หนานถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย มันทะลุเข้าไปในหลังของลู่หนานไปถึงหัวใจของเขาบางส่วนด้วยขณะที่หลิงอวี๋ตรวจอยู่ นางก็รู้สึกกังวล อธิษฐานว่าอย่าให้แทงไปถึงเส้นเลือดใหญ่ มิฉะนั้นแม้ว่าตนจะเป็นเทพเจ้าก็ไม่มีทางช่วยลู่หนานกลับมาได้นางใช้เข็มเงินไปอุดชีพจรของลู่หนานก่อน จากนั้นก็ตรวจอาการบาดเจ็บของลู่หนานอย่างระมัดระวังเวลานี้ หลิงอวี๋นึกถึงภาพที่ตนเพิ่งเดินทางข้ามเวลามา!ในเวลานั้น ตนถูกเซียวหลินเทียนเข้าใจผิด และถูกพี่น้องตระกูลเหลียงวางแผนใส่ลู่หนานเป็นคนที่ช่วยตนไว้!แม้ว่าบางครั้งเขาจะหุนหันพลันแล่น ถูกคนอื่นยั่วยุได้ง่ายแต่เขาเป็นคนจิตใจดีและยังเด็กมากด้วย เขาไม่ควรต้องมาตายเช่นนี้!“อาจารย์ ลู่หนานยังรอดได้หรือไม่เจ้าคะ?”หลิงซวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อนางเห็นเลือดไหลออกมามากมายถึงเพียงนั้น ก็นึกถถึงสภาพที่ตนได้รับบาดเจ็บในตอนแรกตอนนั้น ลู่หนานเป็นคนให้เลือดตน!แม้ว่าอาจารย์จะช่วยตนไว้ แต่ในใจของหลิงซวน ลู่หนานเองก็เป็นที่ช่วยให้ตนรอดเช่นกัน!เลือดในร่างกาย
แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเกิ่งเสี่ยวหาวกับปี้ไห่เฟิง แต่พวกของชุยหรงก็สูญเสียกำลังคนในตอนรบไปจำนวนไม่น้อยเลยชุยหรงรู้ว่าสิ่งที่ท่านจินต้าบอกนั้นเป็นความจริง จึงต้องยอมแพ้พร้อมกับความแค้นรอให้เรื่องราวทางนี้คลี่คลายลงก่อนเถิด เขาจะต้องเป็นคนนำหัวของหลิวฮุยกลับมา เพื่อล้างแค้นให้ฉินซานให้จงได้!ทางด้านหลิงอวี๋กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือลู่หนานส่วนทางด้านเซียวหลินเทียนจับตัวแม่ทัพเซี่ยได้แล้วแม่ทัพเซี่ยเห็นว่าคนของตนส่วนใหญ่ยอมจำนน สถานการณ์มันจบลงแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีความหวังอันน้อยนิดอยู่ขอเพียงรองผู้บัญชาการอู๋พาคนไปยึดเว่ยโจวได้ทันเวลา คนของเซียวหลินเทียนก็มิสามารถสู้กับกองทัพชายแดนได้แล้ว และพวกเขาก็จะพลิกความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะได้ตอนนี้เซียวหลินเทียนไม่มีเวลามาซักถามแม่ทัพเซี่ย หลังจากที่ให้คนจับเขามัดไว้แล้ว ก็เรียกรวมพลของแม่ทัพเซี่ยทันทีรองผู้บัญชาการคนหนึ่งของแม่ทัพเซี่ยตายไปแล้ว ส่วนรองผู้บัญชาการอีกคนนั้นเซียวหลินเทียนมิกล้าใช้ จึงตะโกนออกไป “พวกนายทหารที่อยู่ต่ำกว่ารองผู้บัญชาการจงออกมาข้างหน้า ข้ามีอะไรจะพูดสักหน่อย!”นายทหารในกลุ่มของแม่ทัพเซี่ยที่ยังรอดช
“แม่ทัพโต้ว เจ้านำคนกลุ่มหนึ่งรีบไปที่เว่ยโจว แล้วไปรักษาการณ์ที่เว่ยโจวร่วมกับแม่ทัพเผย!”“แม่ทัพเผิง เจ้าพากลุ่มของเจ้าไปสนับสนุนแม่ทัพกู่!”“แม่ทัพข่ง ทางด้านคลังพืชผลยังมีกำลังพลของพวกเจ้าอยู่ เจ้ากับแม่ทัพจ้าวไปปราบพวกเขาเสีย!”“ข้ามิรู้ว่าพวกเจ้ารู้เห็นเกี่ยวกับความผิดของแม่ทัพเซี่ยหรือไม่ ตอนนี้ข้ามิอยากไล่บี้ในเรื่องเหล่านั้น ถือเสียว่านี่เป็นโอกาสที่พวกเจ้าจะได้ไถ่โทษและทำความดีแทนแล้วกัน!”“ชะตากรรมของพวกเจ้าทั้งสามคนอยู่ในกำมือของพวกเจ้าเอง หลังจากจบเรื่องข้าจะให้รางวัลตอบแทนตามผลงาน!”คำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้ทั้งสามคนเลือดพลุ่งพล่านทันที ทั้งสามคนเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “ท่านอ๋องทรงอย่าได้กังวล พวกกระหม่อมจะทำภารกิจที่ท่านอ๋องมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางทหารคนอื่น ๆ พลางเอ่ยเสียงดัง “พวกเจ้าต้องหวงแหนโอกาสในการชดใช้ความผิดนี้ แล้วร่วมมือกับแม่ทัพทั้งสามเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ!”ทหารเหล่านั้นแอบตื่นตระหนก กังวลว่าจะเข้าไปพัวพันกับการสมคบคิดกับแคว้นศัตรูของแม่ทัพเซี่ยด้วย ครั้นได้ยินว่าท่านอ๋องอี้ให้โอกาสพวกเขาไถ่โทษและทำความดี พวกเขาก็เอ่ยอย่างหน
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป