ดีที่พวกเขาโชคดีมากแซงหน้าแม่ทัพเซี่ยได้เซียวหลินเทียนขี่ม้ามาล่วงหน้า ถือโอกาสสำรวจภูมิแคว้นไว้แล้วกระทั่งกลุ่มของตนตามทัน เซียวหลินเทียนก็สั่งให้ทุกคนแบ่งม้าศึกส่วนหนึ่งออกทันที แล้วมัดหญ้าไว้กับม้าเซียวหลินเทียนแบ่งคนยี่สิบกว่าคนออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ข้างหน้า รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยเข้ามาในวงล้อม จากนั้นก็งัดก้อนหินขนาดใหญ่จากภูเขากลิ้งลงมาใส่พวกเขาอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางด้านหลัง สกัดกั้นกลุ่มที่หนีไปด้านหน้าส่วนผู้คุมม้าก็เฝ้าอยู่จุดตรงกลาง รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยบุกมาที่ตรงกลางเซียวหลินเทียนจัดการทุกอย่างเสร็จ คนของแม่ทัพเซี่ยก็มาถึงตีนเขาแล้วเซียวหลินเทียนกับคนที่เหลือไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ รอให้แม่ทัพเซี่ยก้าวเข้าหากับดักของตนทีละก้าวจะสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ แต่เซียวหลินเทียนทำได้เพียงชนะเท่านั้น!เขาต้องต่อสู้อย่างรวดเร็วเพื่อจัดสรรกำลังคนไปสมทบหลิงอวี๋กับเผยอวี้...……แม่ทัพเซี่ยอายุเกือบห้าสิบปี เขาใช้เวลาครึ่งแรกของชีวิตเหมือนกับท่านอดีตเสนาบดี อุทิศตนให้กับฉินตะวันตกแต่เมื่อตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจคนก็ล้วนหย่อนลงครั้นตระก
แม่ทัพเซี่ยกังวลมากจนควบม้าเข้าไปในวงล้อมของเซียวหลินเทียนโดยไม่รู้ตัวเขามิได้สังเกตว่ามีสิ่งใดผิดปกติ จนกระทั่งกลุ่มของตนครึ่งหนึ่งวิ่งเข้าไปในวงล้อม ทันใดนั้นก็บนภูเขาก็มีเสียงร้องนับมิถ้วนดังมา จากนั้นก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าถล่มลงมาทันทีแม่ทัพเซี่ยที่อยู่ข้างหน้าเห็นว่าสถานการณ์มิดีจึงลงแส้ที่ก้นม้าอย่างดุร้ายม้าควบไปข้างหน้าอย่างเจ็บปวด แม่ทัพเซี่ยไปได้มิไกล ก้อนหินขนาดใหญ่ก็หล่นมากระแทกพื้นทหารกับรองผู้บัญชาการที่ตามมาด้านหลังโชคมิดีนัก บางคนถูกก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกใส่ จนผิวหนังกับเนื้อของพวกเขาฉีกขาดทันทีแล้วก็อยู่ที่นั่นรองผู้บัญชาการถูกกระแทกกลิ้งลงจากหลังม้า โดยขาข้างหนึ่งติดอยู่ใต้ก้อนหินเสียงกรีดร้องกับเสียงตะโกนด่าไม่มีที่สิ้นสุด แม่ทัพเซี่ยหันกลับไปมองก็เห็นทหารบางคนบนภูเขาตะโกนขณะที่ยังคงผลักหินลงไป...สิ่งที่ทำให้แม่ทัพเซี่ยตกใจก็คือ คบเพลิงจำนวนนับมิถ้วนกำลังเคลื่อนลงมาตามภูเขา พร้อมกับเสียงตะโกนแย่แล้ว!เวลานี้แม่ทัพเซี่ยมีเพียงสองคำนี้ในหัว!ท่านอ๋องอี้ต้องติดต่อกับแม่ทัพกู่ได้แล้วเป็นแน่!พวกเขาสองฝ่ายรร่วมมือกันรอปิดล้อมตนไว้ที่นี
“ยอมจำนนแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า…”เสียงตะโกนนับมิถ้วนดังมาจากทุกทิศทุกทางเสียงของเซียวหลินเทียนก็ดังมาจากข้างบนที่สูงเช่นกัน “แม่ทัพเซี่ยของพวกเจ้าไม่มีแรงต่อสู้แล้ว! หากยังมิทิ้งอาวุธแล้วยอมจำนน จะบังคับให้ข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดจริง ๆ ใช่หรือไม่?”พวกทหารที่มีสติเห็นม้าศึกเหล่านั้นพุ่งเข้ามาหาพวกเขา ก็หลีกทางพลางตะโกนเสียงดังพร้อมกับขว้างอาวุธทิ้งไป“ท่านอ๋องโปรดทรงไว้ชีวิตด้วยเถิด… เรายอมแพ้แล้ว...”เมื่อคนหนึ่งเป็นผู้นำ ก็จะมีคนตามมา ไม่นานนักก็มีแต่เสียงยอมจำนนและร้องขอชีวิตบนเส้นทางภูเขา“ย่อลงอยู่กับที่ให้หมด ผู้ที่ยืนอยู่จะถือว่ามิยอมจำนน! พลธนู… ฆ่าพวกมันให้หมด!”พลธนูแถวหนึ่งค่อย ๆ ออกมาจากต้นไม้แม่ทัพเซี่ยนอนอยู่บนพื้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ จึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง...พวกเขาแพ้ราบคาบแล้ว!......หลิงอวี๋มองฉินซานถูกผลักเข้ามาทีละก้าวด้วยตาแดง ๆนางมิสามารถออกคำสั่งให้ยิงธนูไปที่ฉินซานได้ แต่นางก็มิสามารถปล่อยให้คนของข้าหลวงโจมตีภูเขาด้านหลังได้เช่นกันจะทำอย่างไรดี?จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงรีบตะโกน “เถาจื่อ ชุยหรง พวกเจ้ารีบเอาหม้อต้มยาออกมา แล้วใ
องครักษ์คนหนึ่งวิ่งไปข้างหน้า แล้วฉินซานขึ้นหลังกลับไปที่แนวป้องกัน“ช่วยด้วย… ช่วย...”รถม้าถูกม้าทำให้พลิกคว่ำ เซียวทงที่อยู่อีกด้านหนึ่งจึงถูกทับอยู่ใต้รถม้า นางเห็นลู่หนานช่วยฉินซานแล้วไปช่วยคนอื่นก็ร้องไห้แล้วเรียกออกไปลู่หนานลังเลครู่หนึ่ง เดิมทีนางมิอยากช่วยองค์หญิงหกผู้เอาแต่ใจเลย แต่เพราะเซียวทงเป็นน้องสาวของท่านอ๋องอี้หากมิช่วยเซียวทงก็ไม่ดี!ลู่หนานจึงทำได้เพียงรีบไปช่วยนางแต่ผู้คุ้มกันที่ซ่อนตัวอยู่หลังรถม้าเห็นว่าสูญเสียที่กำบังไปแล้ว กลัวจะถูกฆ่าจึงกระโดดออกมาจากด้านหลังรถม้าเมื่อพวกผู้คุ้มกันเห็นลู่หนานอยู่ตรงหน้าตนก็ฟันลู่หนานโดยมิสนใจทันทีเซียวทงยังมิทันได้ยืนนิ่ง ก็เห็นพวกผู้คุ้มกันพุ่งเข้ามาหาอย่างดุร้ายนางกังวลมาก กลัวว่าตนจะถูกฆ่าโดยมิได้ตั้งใจ จึงผลักออกไปลู่หนานอย่างแรงลู่หนานคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ เขาถูกนางผลักถอยหลังไปหลายก้าวโดยมิได้ตั้งตัว แล้วก็บังเอิญไปโดนปลายมีดของผู้คุ้มกันคนหนึ่งเข้าพอดีลู่หนานรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังของตน ขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับไปเหวี่ยงดาบ มีดของผู้คุ้มกันอีกคนก็มาที่ไหล่เขาอีกครั้ง“ลู่หนาน…”หลิงอวี๋เห็นภาพน
องครักษ์เหล่านั้นรู้สึกคับข้องใจ หากมิใช่เพราะฝ่ายที่มีน้อยจะต้องแพ้ให้ฝ่ายที่มีมากทั้งยังต้องปกป้องพระชายาอ๋องอี้ด้วย พวกเขาก็คงจะรีบออกไปบุกด้วยแล้วหลังจากได้ยินคำสั่งของพระชายาอ๋องอี้ และเห็นกำลังเสริมมา พวกเขาก็ทิ้งธนูกับลูกธนูแล้วชักดาบออกมา พร้อมทั้งรีบวิ่งออกไปพลางตะโกนไปด้วยท่านจินต้าตั้งถิ่นฐานให้คนบนภูเขาแล้ว กำลังลงมาช่วยพวกหลิงอวี๋ก็เห็นภาพนี้เข้าจู่ ๆ ท่านจินต้าก็รู้สึกโชคดี ยังดีที่ในที่สุดพวกเขาก็ได้กำลังเสริม...“ท่านจินต้า ท่านมาพอดี! ทางนี้ข้าขอส่งต่อให้ท่านจัดการแล้ว ข้าต้องรีบช่วยลู่หนาน!”ทันทีที่หลิงอวี๋เห็นท่านจินต้ามาก็รีบออกคำสั่ง แล้วสั่งให้คนแบกลู่หนานไปทางด้านหลังหลิงอวี๋หันกลับมากับเห็นฉินซานพิงอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉินซานยังรอการรักษาจากนางอยู่!แต่ในเวลานี้ ชีวิตของลู่หนานตกอยู่ในอันตราย นางทำได้เพียงช่วยลู่หนานก่อนเท่านั้นฉินซานยังคงมีสติอยู่ พอเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ตรงหน้าตนก็เอ่ยออกมา “ไปช่วยลู่หนานเถิด เขาบาดเจ็บสาหัสกว่าข้า! ข้ายังไหว!”หลิงอวี๋เห็นว่าแขนที่ขาดของเขายังมีเลือดออกอยู่ จึงรีบลุกขึ้นไปหยิบขวดยาออกมายัดใส่มือของเข
เพราะว่าไม่มีขาตั้ง หลิงอวี๋จึงทำได้เพียงคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อรักษาบาดแผลของลู่หนานอาการบาดเจ็บที่หลังของลู่หนานถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย มันทะลุเข้าไปในหลังของลู่หนานไปถึงหัวใจของเขาบางส่วนด้วยขณะที่หลิงอวี๋ตรวจอยู่ นางก็รู้สึกกังวล อธิษฐานว่าอย่าให้แทงไปถึงเส้นเลือดใหญ่ มิฉะนั้นแม้ว่าตนจะเป็นเทพเจ้าก็ไม่มีทางช่วยลู่หนานกลับมาได้นางใช้เข็มเงินไปอุดชีพจรของลู่หนานก่อน จากนั้นก็ตรวจอาการบาดเจ็บของลู่หนานอย่างระมัดระวังเวลานี้ หลิงอวี๋นึกถึงภาพที่ตนเพิ่งเดินทางข้ามเวลามา!ในเวลานั้น ตนถูกเซียวหลินเทียนเข้าใจผิด และถูกพี่น้องตระกูลเหลียงวางแผนใส่ลู่หนานเป็นคนที่ช่วยตนไว้!แม้ว่าบางครั้งเขาจะหุนหันพลันแล่น ถูกคนอื่นยั่วยุได้ง่ายแต่เขาเป็นคนจิตใจดีและยังเด็กมากด้วย เขาไม่ควรต้องมาตายเช่นนี้!“อาจารย์ ลู่หนานยังรอดได้หรือไม่เจ้าคะ?”หลิงซวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อนางเห็นเลือดไหลออกมามากมายถึงเพียงนั้น ก็นึกถถึงสภาพที่ตนได้รับบาดเจ็บในตอนแรกตอนนั้น ลู่หนานเป็นคนให้เลือดตน!แม้ว่าอาจารย์จะช่วยตนไว้ แต่ในใจของหลิงซวน ลู่หนานเองก็เป็นที่ช่วยให้ตนรอดเช่นกัน!เลือดในร่างกาย
แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเกิ่งเสี่ยวหาวกับปี้ไห่เฟิง แต่พวกของชุยหรงก็สูญเสียกำลังคนในตอนรบไปจำนวนไม่น้อยเลยชุยหรงรู้ว่าสิ่งที่ท่านจินต้าบอกนั้นเป็นความจริง จึงต้องยอมแพ้พร้อมกับความแค้นรอให้เรื่องราวทางนี้คลี่คลายลงก่อนเถิด เขาจะต้องเป็นคนนำหัวของหลิวฮุยกลับมา เพื่อล้างแค้นให้ฉินซานให้จงได้!ทางด้านหลิงอวี๋กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือลู่หนานส่วนทางด้านเซียวหลินเทียนจับตัวแม่ทัพเซี่ยได้แล้วแม่ทัพเซี่ยเห็นว่าคนของตนส่วนใหญ่ยอมจำนน สถานการณ์มันจบลงแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีความหวังอันน้อยนิดอยู่ขอเพียงรองผู้บัญชาการอู๋พาคนไปยึดเว่ยโจวได้ทันเวลา คนของเซียวหลินเทียนก็มิสามารถสู้กับกองทัพชายแดนได้แล้ว และพวกเขาก็จะพลิกความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะได้ตอนนี้เซียวหลินเทียนไม่มีเวลามาซักถามแม่ทัพเซี่ย หลังจากที่ให้คนจับเขามัดไว้แล้ว ก็เรียกรวมพลของแม่ทัพเซี่ยทันทีรองผู้บัญชาการคนหนึ่งของแม่ทัพเซี่ยตายไปแล้ว ส่วนรองผู้บัญชาการอีกคนนั้นเซียวหลินเทียนมิกล้าใช้ จึงตะโกนออกไป “พวกนายทหารที่อยู่ต่ำกว่ารองผู้บัญชาการจงออกมาข้างหน้า ข้ามีอะไรจะพูดสักหน่อย!”นายทหารในกลุ่มของแม่ทัพเซี่ยที่ยังรอดช
“แม่ทัพโต้ว เจ้านำคนกลุ่มหนึ่งรีบไปที่เว่ยโจว แล้วไปรักษาการณ์ที่เว่ยโจวร่วมกับแม่ทัพเผย!”“แม่ทัพเผิง เจ้าพากลุ่มของเจ้าไปสนับสนุนแม่ทัพกู่!”“แม่ทัพข่ง ทางด้านคลังพืชผลยังมีกำลังพลของพวกเจ้าอยู่ เจ้ากับแม่ทัพจ้าวไปปราบพวกเขาเสีย!”“ข้ามิรู้ว่าพวกเจ้ารู้เห็นเกี่ยวกับความผิดของแม่ทัพเซี่ยหรือไม่ ตอนนี้ข้ามิอยากไล่บี้ในเรื่องเหล่านั้น ถือเสียว่านี่เป็นโอกาสที่พวกเจ้าจะได้ไถ่โทษและทำความดีแทนแล้วกัน!”“ชะตากรรมของพวกเจ้าทั้งสามคนอยู่ในกำมือของพวกเจ้าเอง หลังจากจบเรื่องข้าจะให้รางวัลตอบแทนตามผลงาน!”คำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้ทั้งสามคนเลือดพลุ่งพล่านทันที ทั้งสามคนเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “ท่านอ๋องทรงอย่าได้กังวล พวกกระหม่อมจะทำภารกิจที่ท่านอ๋องมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางทหารคนอื่น ๆ พลางเอ่ยเสียงดัง “พวกเจ้าต้องหวงแหนโอกาสในการชดใช้ความผิดนี้ แล้วร่วมมือกับแม่ทัพทั้งสามเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ!”ทหารเหล่านั้นแอบตื่นตระหนก กังวลว่าจะเข้าไปพัวพันกับการสมคบคิดกับแคว้นศัตรูของแม่ทัพเซี่ยด้วย ครั้นได้ยินว่าท่านอ๋องอี้ให้โอกาสพวกเขาไถ่โทษและทำความดี พวกเขาก็เอ่ยอย่างหน