“หากเจ้ากล้าฟังนาง...”ก่อนที่ฉินซานจะพูดจบ หลิวฮุยก็ตบหน้าฉินซานอย่างแรง จนฟันของฉินซานโยก และปากเต็มไปด้วยเลือดฉินซานกัดฟันกับกลืนเลือดลงไป เขาไม่มีทางแสดงความอ่อนแอกับหลิวฮุยต่อหน้าทหารของตนเด็ดขาด...ชุยหรงเห็นเข้าก็ตกใจ เขารู้วรยุทธ และมองออกถึงความรุนแรงที่หลิวฮุยทำกับฉินซานแต่เขาก็เข้าใจฉินซานด้วย ที่ฉินซานอดทนอยู่เช่นนี้ ก็เพื่อจะมิให้พวกเขาเป็นห่วง“ฉินรั่วซือ เจ้าอยากจะช่วยฉินซานหรือไม่ หากมิช่วยพวกเราจะลงมือแล้วนะ?”เซียวทงแสร้งมิเห็นการทำร้ายฉินซาน แล้วตะโกนใส่ฉินรั่วซือฉินรั่วซือจึงตะโกนใส่หลิงอวี๋ด้วยความโกรธ “พระชายาอ๋องอี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือให้ท่านยอมจำนนแต่โดยดี ท่านก็เห็นแล้วว่าพี่ชายของข้าถูกทุบตีจนเป็นเช่นนี้ ท่านออกไปยอมแพ้มิได้หรือ?"“บังอาจ! เจ้าคิดว่าเป็นใครกัน? ถึงกล้ามาพูดกับคุณหนูของข้าเช่นนี้!”เถาจื่อเฝ้าอยู่ข้าง ๆ หลิงอวี๋ พอได้ยินคำพูดของฉินรั่วซือก็โกรธขึ้นมาทันที พลางตะคอก “มันใช่เรื่องที่จะออกไปยอมแพ้แล้วแก้ไขปัญหาได้หรือ?”“คนโง่เง่า เจ้ามิคาดคิดบ้างหรือว่าถึงแม้คุณหนูของข้าจะออกไป เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย แล้วพวกเขาจะปล่อยพวกเราทุกคน
หลิวฮุยถูกตบยังมิหายโกรธ จึงเตะที่ท้ององค์หญิงหกไปอีกหลังจากเตะนางลงไปที่พื้นแล้ว เขาก็หันไปมองหลิงอวี๋พลางเอ่ยอย่างดุร้าย“หลิงอวี๋… ฉินซานกับองค์หญิงหกอยู่ในมือของเราแล้ว หากเจ้ายังมิยอมให้จับแต่โดยดี ข้าจะสับพวกเขาเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าเจ้า!”เซียวทงตะลึง พอตั้งสติได้ก็ตะโกนด้วยความโกรธ “อู่เวย ฆ่าเขาเสีย!”“เดรัจฉานผู้นี้กล้าตีข้า ข้าต้องการให้มันตาย!”อู่เวยเห็นการกระทำของหลิวฮุยก็ตกใจ ขณะที่เขากำลังจะชักดาบออกมา ผู้คุ้มกันหลายนายที่ข้าหลวงหยางพามาก็เอาดาบมาจ่อที่คอของเขาแล้วอู่เวยตะลึงนิ่งค้างไปทันใดมิกล้าขยับตัวเซียวทงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองไปทางข้าหลวงหยาง แล้วก็เห็นข้าหลวงหยางมองตนอย่างเย็นชาเหงื่อเย็นผุดออกมาบนหลังของเซียวทงทันที นางเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ขะ… ข้าหลวงหยาง พวกเจ้าคิดทำสิ่งใด?”“ทำสิ่งใด? ข้าคาดหวังให้เจ้ายึดอำนาจทางการทหารของท่านอ๋องอี้! แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเจ้าเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์! แม้แต่พระชายาอ๋องอี้เจ้ายังจัดการมิได้ ข้าเก็บเจ้าไว้จะมีประโยชน์อันใดเล่า!”ข้าหลวงหยางยิ้มอย่างเย็นชาเสียน้ำลายคุยไปมากมาย เสียเวลาไปก็มิน้อย เขาไม่มีเวลามาพู
“พระชายา ออกคำสั่งเถิด!”ลู่หนานก็ตาแดงเช่นกัน เขาเองก็ลงมือกับฉินซานไม่ลงแต่เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปีแล้ว รู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นตนก็คงเลือกเสียสละตัวเองเพื่อช่วยทุกคน!ลู่หนานเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “แม่ทัพฉินเป็นวีรบุรุษ เขาเลือกที่จะเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องพวกเรา! เราควร… ทำตามที่เขาปรารถนา..."หลิงอวี๋ก็รู้ดีว่าในสถานการณ์วิกฤติ หากคนของข้าหลวงหยางบุกเข้ามา พวกเขาจะถูกกำจัดทั้งหมดนางจ้องมองฉินซาน แล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้น...ฉินซานแย้มรอยยิ้มให้นาง รอยยิ้มนั้นช่างโล่งใจ มีความสุข เป็นความรักที่อธิบายมิได้เลย...เขากำลังจะตาย เขามิอยากปิดบังความรักที่เขามีต่อหลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว!......ในเวลานี้ เซียวหลินเทียนยังอยู่ห่างออกไปสามสิบกว่าลี้การเดินทางของพวกเขาก็มิราบรื่นเช่นกันจ้าวซวนกับเขาแบ่งทหารออกเป็นสองกลุ่ม แล้วพาคนไปจัดการกับเส้นทางแม่น้ำก่อนแม่ทัพเซี่ยส่งคนหลายร้อยคนไปช่วยบรรเทาภัยพิบัติเซียวหลินเทียนให้เฉาอี้พาคนไปที่คลังเก็บพืชผลในเว่ยโจว แล้วจุดไฟล่อคนของแม่ทัพเซี่ยหลายร้อยคนออกไปแต่ยังมีทหารเกือบพันนายประจำอยู่ในค่ายทหารเซียวหลินเทียนพาคนเข้า
ดีที่พวกเขาโชคดีมากแซงหน้าแม่ทัพเซี่ยได้เซียวหลินเทียนขี่ม้ามาล่วงหน้า ถือโอกาสสำรวจภูมิแคว้นไว้แล้วกระทั่งกลุ่มของตนตามทัน เซียวหลินเทียนก็สั่งให้ทุกคนแบ่งม้าศึกส่วนหนึ่งออกทันที แล้วมัดหญ้าไว้กับม้าเซียวหลินเทียนแบ่งคนยี่สิบกว่าคนออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ข้างหน้า รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยเข้ามาในวงล้อม จากนั้นก็งัดก้อนหินขนาดใหญ่จากภูเขากลิ้งลงมาใส่พวกเขาอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางด้านหลัง สกัดกั้นกลุ่มที่หนีไปด้านหน้าส่วนผู้คุมม้าก็เฝ้าอยู่จุดตรงกลาง รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยบุกมาที่ตรงกลางเซียวหลินเทียนจัดการทุกอย่างเสร็จ คนของแม่ทัพเซี่ยก็มาถึงตีนเขาแล้วเซียวหลินเทียนกับคนที่เหลือไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ รอให้แม่ทัพเซี่ยก้าวเข้าหากับดักของตนทีละก้าวจะสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ แต่เซียวหลินเทียนทำได้เพียงชนะเท่านั้น!เขาต้องต่อสู้อย่างรวดเร็วเพื่อจัดสรรกำลังคนไปสมทบหลิงอวี๋กับเผยอวี้...……แม่ทัพเซี่ยอายุเกือบห้าสิบปี เขาใช้เวลาครึ่งแรกของชีวิตเหมือนกับท่านอดีตเสนาบดี อุทิศตนให้กับฉินตะวันตกแต่เมื่อตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจคนก็ล้วนหย่อนลงครั้นตระก
แม่ทัพเซี่ยกังวลมากจนควบม้าเข้าไปในวงล้อมของเซียวหลินเทียนโดยไม่รู้ตัวเขามิได้สังเกตว่ามีสิ่งใดผิดปกติ จนกระทั่งกลุ่มของตนครึ่งหนึ่งวิ่งเข้าไปในวงล้อม ทันใดนั้นก็บนภูเขาก็มีเสียงร้องนับมิถ้วนดังมา จากนั้นก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าถล่มลงมาทันทีแม่ทัพเซี่ยที่อยู่ข้างหน้าเห็นว่าสถานการณ์มิดีจึงลงแส้ที่ก้นม้าอย่างดุร้ายม้าควบไปข้างหน้าอย่างเจ็บปวด แม่ทัพเซี่ยไปได้มิไกล ก้อนหินขนาดใหญ่ก็หล่นมากระแทกพื้นทหารกับรองผู้บัญชาการที่ตามมาด้านหลังโชคมิดีนัก บางคนถูกก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกใส่ จนผิวหนังกับเนื้อของพวกเขาฉีกขาดทันทีแล้วก็อยู่ที่นั่นรองผู้บัญชาการถูกกระแทกกลิ้งลงจากหลังม้า โดยขาข้างหนึ่งติดอยู่ใต้ก้อนหินเสียงกรีดร้องกับเสียงตะโกนด่าไม่มีที่สิ้นสุด แม่ทัพเซี่ยหันกลับไปมองก็เห็นทหารบางคนบนภูเขาตะโกนขณะที่ยังคงผลักหินลงไป...สิ่งที่ทำให้แม่ทัพเซี่ยตกใจก็คือ คบเพลิงจำนวนนับมิถ้วนกำลังเคลื่อนลงมาตามภูเขา พร้อมกับเสียงตะโกนแย่แล้ว!เวลานี้แม่ทัพเซี่ยมีเพียงสองคำนี้ในหัว!ท่านอ๋องอี้ต้องติดต่อกับแม่ทัพกู่ได้แล้วเป็นแน่!พวกเขาสองฝ่ายรร่วมมือกันรอปิดล้อมตนไว้ที่นี
“ยอมจำนนแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า…”เสียงตะโกนนับมิถ้วนดังมาจากทุกทิศทุกทางเสียงของเซียวหลินเทียนก็ดังมาจากข้างบนที่สูงเช่นกัน “แม่ทัพเซี่ยของพวกเจ้าไม่มีแรงต่อสู้แล้ว! หากยังมิทิ้งอาวุธแล้วยอมจำนน จะบังคับให้ข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดจริง ๆ ใช่หรือไม่?”พวกทหารที่มีสติเห็นม้าศึกเหล่านั้นพุ่งเข้ามาหาพวกเขา ก็หลีกทางพลางตะโกนเสียงดังพร้อมกับขว้างอาวุธทิ้งไป“ท่านอ๋องโปรดทรงไว้ชีวิตด้วยเถิด… เรายอมแพ้แล้ว...”เมื่อคนหนึ่งเป็นผู้นำ ก็จะมีคนตามมา ไม่นานนักก็มีแต่เสียงยอมจำนนและร้องขอชีวิตบนเส้นทางภูเขา“ย่อลงอยู่กับที่ให้หมด ผู้ที่ยืนอยู่จะถือว่ามิยอมจำนน! พลธนู… ฆ่าพวกมันให้หมด!”พลธนูแถวหนึ่งค่อย ๆ ออกมาจากต้นไม้แม่ทัพเซี่ยนอนอยู่บนพื้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ จึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง...พวกเขาแพ้ราบคาบแล้ว!......หลิงอวี๋มองฉินซานถูกผลักเข้ามาทีละก้าวด้วยตาแดง ๆนางมิสามารถออกคำสั่งให้ยิงธนูไปที่ฉินซานได้ แต่นางก็มิสามารถปล่อยให้คนของข้าหลวงโจมตีภูเขาด้านหลังได้เช่นกันจะทำอย่างไรดี?จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงรีบตะโกน “เถาจื่อ ชุยหรง พวกเจ้ารีบเอาหม้อต้มยาออกมา แล้วใ
องครักษ์คนหนึ่งวิ่งไปข้างหน้า แล้วฉินซานขึ้นหลังกลับไปที่แนวป้องกัน“ช่วยด้วย… ช่วย...”รถม้าถูกม้าทำให้พลิกคว่ำ เซียวทงที่อยู่อีกด้านหนึ่งจึงถูกทับอยู่ใต้รถม้า นางเห็นลู่หนานช่วยฉินซานแล้วไปช่วยคนอื่นก็ร้องไห้แล้วเรียกออกไปลู่หนานลังเลครู่หนึ่ง เดิมทีนางมิอยากช่วยองค์หญิงหกผู้เอาแต่ใจเลย แต่เพราะเซียวทงเป็นน้องสาวของท่านอ๋องอี้หากมิช่วยเซียวทงก็ไม่ดี!ลู่หนานจึงทำได้เพียงรีบไปช่วยนางแต่ผู้คุ้มกันที่ซ่อนตัวอยู่หลังรถม้าเห็นว่าสูญเสียที่กำบังไปแล้ว กลัวจะถูกฆ่าจึงกระโดดออกมาจากด้านหลังรถม้าเมื่อพวกผู้คุ้มกันเห็นลู่หนานอยู่ตรงหน้าตนก็ฟันลู่หนานโดยมิสนใจทันทีเซียวทงยังมิทันได้ยืนนิ่ง ก็เห็นพวกผู้คุ้มกันพุ่งเข้ามาหาอย่างดุร้ายนางกังวลมาก กลัวว่าตนจะถูกฆ่าโดยมิได้ตั้งใจ จึงผลักออกไปลู่หนานอย่างแรงลู่หนานคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ เขาถูกนางผลักถอยหลังไปหลายก้าวโดยมิได้ตั้งตัว แล้วก็บังเอิญไปโดนปลายมีดของผู้คุ้มกันคนหนึ่งเข้าพอดีลู่หนานรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังของตน ขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับไปเหวี่ยงดาบ มีดของผู้คุ้มกันอีกคนก็มาที่ไหล่เขาอีกครั้ง“ลู่หนาน…”หลิงอวี๋เห็นภาพน
องครักษ์เหล่านั้นรู้สึกคับข้องใจ หากมิใช่เพราะฝ่ายที่มีน้อยจะต้องแพ้ให้ฝ่ายที่มีมากทั้งยังต้องปกป้องพระชายาอ๋องอี้ด้วย พวกเขาก็คงจะรีบออกไปบุกด้วยแล้วหลังจากได้ยินคำสั่งของพระชายาอ๋องอี้ และเห็นกำลังเสริมมา พวกเขาก็ทิ้งธนูกับลูกธนูแล้วชักดาบออกมา พร้อมทั้งรีบวิ่งออกไปพลางตะโกนไปด้วยท่านจินต้าตั้งถิ่นฐานให้คนบนภูเขาแล้ว กำลังลงมาช่วยพวกหลิงอวี๋ก็เห็นภาพนี้เข้าจู่ ๆ ท่านจินต้าก็รู้สึกโชคดี ยังดีที่ในที่สุดพวกเขาก็ได้กำลังเสริม...“ท่านจินต้า ท่านมาพอดี! ทางนี้ข้าขอส่งต่อให้ท่านจัดการแล้ว ข้าต้องรีบช่วยลู่หนาน!”ทันทีที่หลิงอวี๋เห็นท่านจินต้ามาก็รีบออกคำสั่ง แล้วสั่งให้คนแบกลู่หนานไปทางด้านหลังหลิงอวี๋หันกลับมากับเห็นฉินซานพิงอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉินซานยังรอการรักษาจากนางอยู่!แต่ในเวลานี้ ชีวิตของลู่หนานตกอยู่ในอันตราย นางทำได้เพียงช่วยลู่หนานก่อนเท่านั้นฉินซานยังคงมีสติอยู่ พอเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ตรงหน้าตนก็เอ่ยออกมา “ไปช่วยลู่หนานเถิด เขาบาดเจ็บสาหัสกว่าข้า! ข้ายังไหว!”หลิงอวี๋เห็นว่าแขนที่ขาดของเขายังมีเลือดออกอยู่ จึงรีบลุกขึ้นไปหยิบขวดยาออกมายัดใส่มือของเข