“หงเอ๋อร์ มิต้องพูดแล้ว ระวังปากจะพาซวย!”ชายวัยกลางคนกลัวว่าลูกชายจะพูดอะไรที่เป็นความผิดร้ายแรงออกไป จึงรีบจับมือเขาไว้พลางกระซิบ “ดื่มชานี้ให้เสร็จแล้วเราก็ไปกันเถอะ!”“พ่อได้ยินมาว่า ท่านอ๋องอี้มาเว่ยโจวเพื่อกำจัดโรคระบาด ในเมื่อข้าหลวงมิสนใจเรื่องของเรา บางทีเราอาจจะลองเสี่ยงกับท่านอ๋องอี้ดู!”“ท่านพ่อ คนเลวก็เหมือนกันหมดทุกที่ ท่านพ่อถูกโบยไปสามสิบไม้แล้วยังมิยอมแพ้หรือ?”ชายวัยรุ่นชื่อเจิ้งหงเอ่ยด้วยความโกรธ “หากท่านอ๋องอี้ผู้นั้นเป็นเหมือนข้าหลวงแล้วทุบตีท่านพ่ออย่างมิสนถูกผิดอีกเล่า เช่นนั้นมิเป็นการเอาชีวิตไปลงนรกหรอกหรือ?”“มิไปแล้ว กินเสร็จเราก็กลับกัน!”ฉินซานเห็นพวกเขารีบกิน แล้วเจิ้งหงก็พยุงท่านพ่อเจิ้งเดินกะโผลกกะเผลกลงไปชั้นล่างเขาขยิบตาให้เหอโป ให้เหอโปอยู่สืบข่าวต่อไป จากนั้นตนก็เดินตามพวกเจิ้งหงลงไปอย่างเงียบ ๆรถม้าของเจิ้งหงหยุดที่หัวมุมถนน เจิ้งหงพยุงพ่อขึ้นรถม้าและกำลังจะเคลื่อนรถม้าออกไป ฉินซานมองไปรอบ ๆ เห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจตนจึงพุ่งเข้าไปในรถม้าอย่างรวดเร็ว“เจ้าเป็นใคร? เจ้าจะทำสิ่งใด?” ท่านพ่อเจิ้งอุทานอย่างตกใจเจิ้งหงก็ดึงกริชออกมาแล้วพุ่งเข้
ท่านพ่อเจิ้งพูดแล้วก็หลั่งน้ำตาอาบแก้ม “แม่ทัพฉิน นั่นเป็นเงินหนึ่งแสนกว่าเชียวหนา!”“มิเหลือแล้ว นี่มิใช่ว่าอยากให้ครอบครัวของเราหมดหนทางหรอกหรือ?”“อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย คนที่ตามมาลากรถกับเราล้วนแต่เป็นชาวบ้าน บางคนถูกโจรฆ่าไป ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บยังนอนอยู่ในโรงเตี๊ยมกันอยู่เลย!”“จะให้ข้าไปอธิบายเรื่องนี้กับครอบครัวของพวกเขาฟังเยี่ยงไรเล่า!”ฉินซานขมวดคิ้ว “พวกเจ้าไปร้องเรียนกับทางการแล้วหรือ? แม้ว่าข้าหลวงหยางจะมิสนใจ แต่เหตุไฉนต้องโบยเจ้าถึงสามสิบไม้กันเล่า?”“หึ… โจรอะไรกันเล่า โจรพวกนั้นก็เป็นคนของข้าหลวงหยาง หลิวฮุยที่เป็นผู้นำก็เป็นหลานชายของข้าหลวงหยาง! ข้าจำเขาได้ วันนั้นข้าเห็นเขาออกมาจากศาลาว่าการ!”เจิ้งหงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านพ่อของข้าไปชี้ตัวเขา ข้าหลวงหยางก็บอกว่า เราใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก แล้วก็โบยท่านพ่อของข้าสามสิบไม้โดยมิสนถูกผิด!”“แม่ทัพฉิน ทางการสมรู้ร่วมคิดกับพวกโจรมาปล้นเครื่องยาสมุนไพรของเรา เราจะไปฟ้องร้องได้ที่ใดบ้าง!”ฉินซานงุนงง แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าหยางจื้อฟางเป็นคนใจกล้า แต่ฉินซานมิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่าข้าหลวงหยางจะกล้าปล้นสิน
เพราะท่านพ่อเจิ้งแก่แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของฉินซานก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลดี จึงปรามเจิ้งหง“แม่ทัพฉิน ข้าเข้าใจความลำบากของท่านอ๋องอี้! เราจะออกไปหลบภัยตามที่แม่ทัพฉินบอก เพื่อให้ท่านอ๋องอี้มีเวลาตรวจสอบอย่างละเอียด!”“พวกเนื้อร้ายเหล่านี้ควรถูกกำจัดออกไปให้สิ้น มิเช่นนั้นฉินตะวันตกของเราจะตกอยู่ในอันตราย! แม่ทัพฉิน เราจะร่วมมือกับท่านติดต่อกับพ่อค้าเหล่านั้นแล้วรวบรวมหลักฐานการทำผิดของข้าหลวงหยางมาให้จงได้!”ฉินซานพยักหน้าอย่างยินดี "ท่านพ่อเจิ้ง เช่นนั้นก็ตามนี้! ในช่วงนี้ เจ้าก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเว่ยโจวเอาไว้ หากเจ้ารู้ว่าท่านอ๋องอี้ยึดเว่ยโจวไว้แล้ว เจ้าก็พาคนของเจ้ากลับมาได้เลย!”“พวกเจ้าต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย!”หลังจากอธิบายเสร็จแล้ว ฉินซานก็ลงจากรถม้า กำลังจะกลับไปที่โรงน้ำชา ก็พลันเห็นความวุ่นวายที่อีกฟากหนึ่งของถนนเจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามา คนที่เป็นผู้นำเดินไปก็ตะโกนไปด้วย“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เว่ยโจวจะอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก เข้าออกเมืองจะต้องได้รับการตรวจสอบ คนที่บอกที่มาที่ไปมิได้จะถือว่าเป็นสายลับของแคว้นศัตรู และจะถูกสังหารอย่างไร้ควา
ฉินซานนึกถึงคำพูดของหลิงอวี๋ ใจเขาก็บีบรัดขึ้นทันที หรือว่าคนที่แขกที่กล่าวถึงคือหลิงเสี่ยงพี่ชายของหลิงอวี๋?ฉินซานนั่งมิติดทันที ไม่ว่าจะเป็นหลิงเสี่ยงหรือไม่ เขาก็ต้องช่วยแม่ทัพผู้นี้ให้จงได้บนถนน เจ้าหน้าที่ทหารกำลังค้นหาจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง ฉินซานกับเหอโปคุยกันเสียงต่ำ พอแขกลุกขึ้นฉินซานก็เดินตามลงไปชั้นล่างเรื่องลับ ๆ เช่นนี้ หยางจื้อฟางไม่มีทางบอกกับภายนอก แต่แขกผู้นี้กลับรู้เรื่องราวภายในมากมายถึงเพียงนี้ ฉินซานวางแผนจะถามจากปากเขาดูอีกครั้งแขกผู้นั้นเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉินซานกดปีกหมวกลง แล้วเห็นแขกทักทายนายทหารที่เป็นผู้นำกลุ่มนายทหารยิ้มพลางเอ่ย “พี่หลิว จะกลับบ้านหรือ!”หลิวเหว่ยก้าวไปวางมือบนไหล่นายทหารพลางเอ่ยยิ้ม ๆ “เมื่อไรจะออกเวรเล่า? ข้าเตรียมอาหารกับเครื่องดื่มไว้แล้ว รอพวกเจ้าออกเวรพวกเราพี่น้องจะได้จิบกันเสียหน่อย!”นายทหารยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “วันนี้อย่าคิดที่จะได้ออกเวรเลย หากจับนักโทษมิได้ ใต้เท้าไม่มีทางอนุญาตให้เราพักหรอก! ไว้วันอื่นเถิด!”“ทำงานหนักแล้ว เช่นนั้นก็วันอื่นเถิด!”หลิวเหว่ยปล่อยเขาไป พลางหยิบอาหารเครื่องดื่มแ
ฉินซานได้ยินแล้วรู้สึกปวดใจขึ้นมา การทรมานเช่นนี้ มีเพียงคนที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นเดรัจฉานเยี่ยงหลิวฮุยเท่านั้นที่ทำได้ลง!“แม่ทัพผู้นี้หรือไม่ที่หนีออกจากคุกเมื่อคืนนี้?”ฉินซานเอ่ยถามหลิวเหว่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ขอรับท่าน… ท่านแม่ของข้าทำงานในคุก นางกลับมาบอกข้าเมื่อเช้า…”“นางบอกว่าแม่ทัพซ่อนชามแตก ๆ ไว้ใบหนึ่ง เมื่อผู้คุมประมาท ก็ฆ่าผู้คุมแล้วสวมเสื้อผ้าของเขาหนีออกจากห้องขัง!”“ท่านแม่ยังบอกอีกว่า แม่ทัพผู้นั้นมีบาดแผลเต็มตัว จะหนีไปได้ไกลแค่ไหนกัน!”“ท่าน ปล่อยข้าไปเถิด เมื่อท่านแม่ของข้ากลับมา ข้าจะให้นางช่วยสืบดูว่าพวกหลิวฮุยจับแม่ทัพผู้นี้ได้หรือไม่!”ฉินซานมิสนใจเขา และครุ่นคิดว่าแม่ทัพผู้นั้นจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนในเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ!ทันทีที่คนของข้าหลวงหยางพบว่าเขาหลบหนีไป ก็ค้นหาเขาไปทั่วทั้งเมือง เขาไม่มีทางที่จะหลบหนีออกจากเมืองได้เลย!แต่ตอนนี้เขาซ่อนอยู่ที่ใดกัน?“พาข้าไปดูที่เรือนจำที!”ฉินซานใช้ปลายมีดจ่อที่คอของหลิวเหว่ยพลางเอ่ยขู่ “หากเจ้าเชื่อฟังข้าจะมิทำร้ายเจ้า แต่หากเจ้ากล้าเล่นตุกติกกับข้า ข้าจะแทงเจ้าเป็นอย่างแรก!”หลิวเหว่ยร้องไห
ฉินซานแบกขอทานขึ้นลงหลังคา เขากังวลมาก เขามิสามารถอยู่บนหลังคาตลอดเวลาได้!แต่เจ้าหน้าที่ทหารมากมายถึงเพียงนั้น เขาจะพาขอทานผู้นี้ออกไปได้เยี่ยงไร!“พี่ชาย มิต้องสนใจข้าหรอก เจ้าแบกข้าไปเช่นนี้ เราจะหนีมิได้ทั้งคู่!”ขอทานเอ่ย “วางข้าลงแล้วหนีไปเถิด!”“เจ้นามว่าอะไร?” ฉินซานเอ่ยถามขอทานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “หลิงเสี่ยง…”“หลิงเสี่ยง… เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”ฉินซานตะโกนอย่างตื่นเต้น “ข้าคือฉินซาน! ท่านอ๋องอี้กับหลิงอวี๋อยู่ที่นี่ พวกเขาอยู่ในเจ่าจวง…”“หลิงอวี๋ได้ยินว่าท่านปู่บอกว่าเจ้าขาดการติดต่อไป จึงขอให้ข้าตามหาเจ้า…”ก่อนที่ฉินซานจะเอ่ยจบ ลูกธนูหลายลูกก็ยิงมาจากด้านล่างหลิงเสี่ยงชะงัก เขามิได้เห็นฉินซานมาหลายปีแล้ว อีกทั้งฉินซานก็ปลอมตัวด้วย เมื่อครู่จำเขามิได้เลย“ฉินซาน วางข้าลง… แล้วหนีไปเถิด!”หลิงเสี่ยงพยายามดิ้นรนและกระซิบข้างหูของฉินซาน “ข้าซ่อนของไว้ที่ศาลหลักเมืองนอกเมืองเว่ยโจว เจ้ารีบเอาไปมอบให้ท่านอ๋องอี้…”“ข้ามิไหวแล้ว หากเจ้ามิทิ้งข้าไว้ เราจะตายกันทั้งคู่! เจ้ารีบไป ข้าจะช่วยเจ้าสกัดพวกที่ตามมาเอง!”หลิงเสี่ยงพูดแล้วกำลังจะกระโดดลงไป แต่ฉินซานคว้
พี่เหลียนบอกลานางรับใช้แล้วเดินไปอีกทางฉินซานแอบดีใจที่ตนเองโชคดี รออยู่ก็มีนางรับใช้ขององค์หญิงหกมาพอดีเขาเดินตามนางรับใช้ไปที่เรือนหนึ่งอย่างเงียบ ๆที่ทางเข้าเรือนมีองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่ ฉินซานมิกล้าผลีผลามเข้าไป จึงย่องตามไปด้านหลังเขาเห็นห้องหนึ่งมีแสงไฟสว่างอยู่ จึงย่อตัวไปใต้หน้าต่างแล้วก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในห้องแว่ว ๆ“มิไหวแล้ว… น่าเบื่อจะตาย สถานที่ห่างไกลแห่งนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ได้แต่เล่นหมากรุกฆ่าเวลาในทุก ๆ วัน มิรู้ว่าต้องอยู่อีกนานแค่ไหนจึงจะได้กลับ!"เซียวทงเอ่ยเสียงเบื่อหน่าย “อู่เวย วันพรุ่งเจ้าไปหาเซียวหลินเทียน ให้เสด็จพี่สั่งฉินซานมาพาข้ากลับเมืองหลวง! ข้าทนอยู่ในสถานที่แย่ ๆ เยี่ยงนี้มิไหวแล้ว!”อู่เวยยิ้มพลางเอ่ย “องค์หญิงหก เส้นทางกลับไกลถึงเพียงนั้น ท่านอ๋องอี้ไม่มีทางให้แม่ทัพฉินไปส่งองค์หญิงกลับหรอกพ่ะย่ะค่ะ! อดทนอีกหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ทนอะไร? ข้ามิทน… หากรู้ว่าออกมาแล้วมิสนุกเลยสักนิด ข้าก็คงมิมาหรอก!”เซียวทงก่นด่า “ฉินรั่วซือนางสารเลวนั่น กล้าทรยศข้า กลับไปข้ามิปล่อยนางไปแน่!”“นางคิดว่าการที่ฉินซานกับหลิงอวี๋ปกป้องนางแล้วข้าจะทำอะไร
ฉินซานรอให้อู่เวยออกไปอย่างอดทน แต่มิรู้ว่าสองคนนี้ไปเอาเรื่องคุยมาจากไหนเยอะแยะ คุยเรื่อยเปื่อยมิจบเสียทีฉินซานยิ่งฟังก็ยิ่งรำคาญ แล้วก็ยิ่งดูถูกองค์หญิงหกชายหญิงอยู่กันตามลำพัง ทั้งยังเป็นเวลาดึกแล้วด้วย องค์หญิงหกมิรู้จักหลีกเลี่ยงเลยหรือ?นางยังมิได้แต่งงาน แต่กล้าให้บุรุษที่เป็นคนนอกอยู่คุยกับตนที่ห้องจนดึกดื่น ผู้ใดจะกล้าแต่งงานกับสตรีเช่นนี้กัน?หลังจากรอให้อู่เวยออกไปอย่างยาวนาน ฉินซานก็เห็นนางกำนัลสองคนยุ่งอยู่ข้างนอก จึงรีบมุดเข้าไปทางหน้าต่างเซียวทงกำลังจะเปลี่ยนอาภรณ์ จู่ ๆ เห็นคนบุกเข้ามาก็ตกใจแต่ก่อนที่นางจะกรีดร้อง ฉินซานก็เข้าไปปิดปากนางไว้ก่อน“องค์หญิงหก กระหม่อมคือฉินซาน มาที่นี่เพื่อพาองค์หญิงออกไปตามคำสั่งของท่านอ๋องอี้! องค์หญิงอย่าร้อง รีบเก็บของสำคัญแล้วไปกับกระหม่อม!”ฉินซานปล่อยองค์หญิงหกแล้วเร่งให้เซียวทงเก็บข้าวของเซียวทงมองฉินซานอย่างสงสัย ฉินซานมีหนวดเคราบนใบหน้าเช่นนี้ นางจึงเอ่ยถามอย่างมิแน่ใจ “ท่านคือฉินซานจริง ๆ หรือ?"“องค์หญิงฟังเสียงของกระหม่อมมิออกหรือ?”ฉินซานเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “อย่ามัวโอ้เอ้เลย รีบเก็บของเร็วเข้า… องค์หญิงหก กระหม่