พี่เหลียนบอกลานางรับใช้แล้วเดินไปอีกทางฉินซานแอบดีใจที่ตนเองโชคดี รออยู่ก็มีนางรับใช้ขององค์หญิงหกมาพอดีเขาเดินตามนางรับใช้ไปที่เรือนหนึ่งอย่างเงียบ ๆที่ทางเข้าเรือนมีองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่ ฉินซานมิกล้าผลีผลามเข้าไป จึงย่องตามไปด้านหลังเขาเห็นห้องหนึ่งมีแสงไฟสว่างอยู่ จึงย่อตัวไปใต้หน้าต่างแล้วก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในห้องแว่ว ๆ“มิไหวแล้ว… น่าเบื่อจะตาย สถานที่ห่างไกลแห่งนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ได้แต่เล่นหมากรุกฆ่าเวลาในทุก ๆ วัน มิรู้ว่าต้องอยู่อีกนานแค่ไหนจึงจะได้กลับ!"เซียวทงเอ่ยเสียงเบื่อหน่าย “อู่เวย วันพรุ่งเจ้าไปหาเซียวหลินเทียน ให้เสด็จพี่สั่งฉินซานมาพาข้ากลับเมืองหลวง! ข้าทนอยู่ในสถานที่แย่ ๆ เยี่ยงนี้มิไหวแล้ว!”อู่เวยยิ้มพลางเอ่ย “องค์หญิงหก เส้นทางกลับไกลถึงเพียงนั้น ท่านอ๋องอี้ไม่มีทางให้แม่ทัพฉินไปส่งองค์หญิงกลับหรอกพ่ะย่ะค่ะ! อดทนอีกหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ทนอะไร? ข้ามิทน… หากรู้ว่าออกมาแล้วมิสนุกเลยสักนิด ข้าก็คงมิมาหรอก!”เซียวทงก่นด่า “ฉินรั่วซือนางสารเลวนั่น กล้าทรยศข้า กลับไปข้ามิปล่อยนางไปแน่!”“นางคิดว่าการที่ฉินซานกับหลิงอวี๋ปกป้องนางแล้วข้าจะทำอะไร
ฉินซานรอให้อู่เวยออกไปอย่างอดทน แต่มิรู้ว่าสองคนนี้ไปเอาเรื่องคุยมาจากไหนเยอะแยะ คุยเรื่อยเปื่อยมิจบเสียทีฉินซานยิ่งฟังก็ยิ่งรำคาญ แล้วก็ยิ่งดูถูกองค์หญิงหกชายหญิงอยู่กันตามลำพัง ทั้งยังเป็นเวลาดึกแล้วด้วย องค์หญิงหกมิรู้จักหลีกเลี่ยงเลยหรือ?นางยังมิได้แต่งงาน แต่กล้าให้บุรุษที่เป็นคนนอกอยู่คุยกับตนที่ห้องจนดึกดื่น ผู้ใดจะกล้าแต่งงานกับสตรีเช่นนี้กัน?หลังจากรอให้อู่เวยออกไปอย่างยาวนาน ฉินซานก็เห็นนางกำนัลสองคนยุ่งอยู่ข้างนอก จึงรีบมุดเข้าไปทางหน้าต่างเซียวทงกำลังจะเปลี่ยนอาภรณ์ จู่ ๆ เห็นคนบุกเข้ามาก็ตกใจแต่ก่อนที่นางจะกรีดร้อง ฉินซานก็เข้าไปปิดปากนางไว้ก่อน“องค์หญิงหก กระหม่อมคือฉินซาน มาที่นี่เพื่อพาองค์หญิงออกไปตามคำสั่งของท่านอ๋องอี้! องค์หญิงอย่าร้อง รีบเก็บของสำคัญแล้วไปกับกระหม่อม!”ฉินซานปล่อยองค์หญิงหกแล้วเร่งให้เซียวทงเก็บข้าวของเซียวทงมองฉินซานอย่างสงสัย ฉินซานมีหนวดเคราบนใบหน้าเช่นนี้ นางจึงเอ่ยถามอย่างมิแน่ใจ “ท่านคือฉินซานจริง ๆ หรือ?"“องค์หญิงฟังเสียงของกระหม่อมมิออกหรือ?”ฉินซานเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “อย่ามัวโอ้เอ้เลย รีบเก็บของเร็วเข้า… องค์หญิงหก กระหม่
ยังมิทันที่ฉินซานจะคิดมาตรการตอบโต้ได้ ก็เกิดเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังขึ้นด้านนอก แล้วข้าหลวงหยางก็เดินเข้ามาพร้อมกับองครักษ์หลายคนฉินซานเห็นเช่นนี้ ก็มิสามารถพาเซียวทงออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว จึงต้องหลบไปซ่อนตัวอยู่หลังม่านเตียง รอดูว่าข้าหลวงหยางมาเพื่อสิ่งใดหากข้าหลวงหยางจะจับตัวเซียวทงจริง ๆ เขาก็ทำได้เพียงออกไปฆ่าข้าหลวงหยางแล้วพาเซียวทงออกไป“องค์หญิงหก กระหม่อมมารบกวนตอนดึก เพราะมีเรื่องด่วนจะคุยกับองค์หญิงหกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”หยางจื้อฟางเข้ามาพร้อมเอ่ยอย่างกังวล“โอ้ ข้าหลวงหยางมีเรื่องด่วนอะไรหรือ?”เซียวทงเหลือบมองม่านเตียงแล้วยิ้มเย็นชาฉินซาน ข้ามิใช่คนที่เจ้าคิดจะทำให้อับอายก็ทำได้ตามต้องการหรอกนะ รอข้าก่อนเถอะ วันนี้ข้าจะแก้แค้นกลับแน่นอน“เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ… วันนี้กระหม่อมไปที่เจ่าจวง เห็นว่าท่านอ๋องอี้ติดเชื้อโรคระบาด… องค์หญิงหก เรื่องนี้จะมองเป็นเรื่องเล็ก ๆ มิได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยางจื้อฟางเอ่ยอย่างกังวล “กระหม่อมเห็นผู้ป่วยติดโรคระบาดมามากแล้ว เพียงมิกี่วันก็ตายไป! หากเกิดเหตุมิคาดคิดกับท่านอ๋องจะทำเยี่ยงไรดีพ่ะย่ะค่ะ?"“ว่ากระไรนะ? พี่สี่ของข้าติดโรคระบาดหร
เสียงตะโกนของเซียวทงทำให้ฉินซานตกตะลึงไม่คิดเลยว่าตนเองเสี่ยงชีวิตมาช่วยเซียวทง แต่เซียวทงกลับเชื่อคำพูดของข้าหลวงหยางแล้วหักหลังตนเช่นนี้!“ใครก็ได้! จับฆาตกรที!”พอหยางจื้อฟางเห็นเซียวทงชี้ไปทางม่านเตียง เขาก็ตะโกน แล้วคว้าตัวองค์หญิงหกพุ่งไปที่ประตูฉินซานกัดฟันวิ่งไปหาองค์หญิงหกแม้ว่าองค์หญิงหกจะหักหลังตนแต่เขาก็ยังต้องทำภารกิจที่ท่านอ๋องอี้มอบหมายให้ตนเองทำให้สำเร็จ!ฉินซานเพิ่งจะคว้าคอเสื้อด้านหลังของเซียวทง เซียวทงก็ผละตัวออกด้วยความตกใจ พลางตะโกน “ใครก็ได้ ฉินซานจะลอบสังหารข้า จับเขาไว้เร็วเข้า!”พวกผู้คุ้มกันที่ข้าหลวงหยางพามาพุ่งเข้าไป ฉินซานรีบชักดาบออกมาต่อสู้กับพวกเขาข้าหลวงหยางใช้โอกาสนี้ลากเซียวทงออกไปข้างนอก แล้วเขาก็ตะโกน “ฉินซานจะลอบสังหารองค์หญิงหก รีบมาเร็วเข้า…”เดิมทีศาลาว่าการก็ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของข้าหลวงหยาง หลิวฮุยก็พาคนพุ่งเข้าไปเจ้าหน้าที่ทหารล้อมรอบเรือนอย่างรวดเร็ว แล้วกลุ่มนักธนูก็เล็งหน้าไม้เหล็กไปที่ฉินซานเมื่อมีคนเข้ามามากถึงเพียงนี้ เซียวทงก็ตะโกนอย่างภาคภูมิใจ "ฉินซาน หากท่านยังมิยอมโดนจับ
ในเวลานี้ ฉินซานได้แต่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวังคิดมิถึงเลยว่า บุรุษที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอย่างตนจะมิได้ตายในสนามรบ แต่กลับมาตายด้วยน้ำมือของสตรีโง่เขลาเยี่ยงเซียวทง!เขามิยอมแพ้หรอก!ฉึก...เสียงดาบแทงทะลุเนื้อหนังดังขึ้นมา แล้วฉินซานก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ไหล่เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นดาบแทงเข้าที่สะบักของตนเองเซียวทงจ้องมองฉินซานพร้อมกับตาแดงด้วยความโกรธ นางจะแทงเข้าที่ท้องฉินซานก็ได้แต่ในวินาทีสุดท้าย นางก็ยังทำใจมิได้ จึงยกดาบขึ้นไปแทงที่ไหล่ของฉินซานเพราะฉินซานเป็นชายคนแรกที่ตนตกหลุมรัก!นางนึกถึงครั้งแรกที่พบฉินซาน เขาดูหล่อเหลามาก นางกลัวว่าตนจะแทงฉินซานตาย แล้วต่อไปจะไม่มีวันได้เห็นฉินซานยิ้มให้ตนอีกแล้วเมื่อข้าหลวงหยางเห็นฉากนี้ เขาก็แอบอุทานน่าเสียดายจริงเชียว!เชื่อสตรีมิได้เลยจริง ๆ!ขอเพียงนางเคลื่อนลงไปอีกหน่อย ฉินซานก็จบสิ้นแล้ว!“ฉินซาน ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ขอเพียงเจ้าอธิบายมาว่าหลิงอวี๋กับหลิงเสี่ยงไปร่วมมือกับแคว้นศัตรูได้เยี่ยงไร ข้าจะขอความเมตตาให้เสด็จพ่อของข้าไว้ชีวิตท่าน!”เซียวทงเอ่ยอย่างเข้มแข็งฉินซานหันไปอีกทาง มิอยากพูดสิ่งใ
หมอเฝิงยังคิดวิธีมิออกอีกด้านหนึ่ง องครักษ์ของฉินซานเร่งรีบพาผู้ป่วยพิเศษเข้ามาในตอนก่อนมืดเมื่อหลิงอวี๋รู้ข่าวก็รีบไปที่ห้องรักษา เมื่อเข้าไปองครักษ์ก็เข้ามาพูดกับนาง“พระชายา นี่คือแม่ทัพหลิง แม่ทัพฉินให้พวกเราส่งเขามาที่นี่ขอรับ! เขาดูอาการมิดีนัก รีบช่วยเขาเถิดขอรับ!”“แม่ทัพหลิง?”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินก็รีบพุ่งไปที่ข้างเตียง แล้วก็เห็นผู้บาดเจ็บอยู่บนเตียงนั้นผมเป็นปม บนหัวก็สกปรก และมีบาดแผลนับไม่ถ้วนบนใบหน้า รวมทั้งมีรอยไหม้กับรอยแส้ด้วย ไม่มีผิวหนังส่วนไหนที่ดีเลยนางเห็นมิชัดด้วยซ้ำว่าหน้าตาเดิมของเขาเป็นอย่างไร!"เขาชื่ออะไร?"หลิงอวี๋ถามขณะที่ตรวจผู้บาดเจ็บไปด้วยองครักษ์เอ่ย "ตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วน แม่ทัพฉินมิทันบอกขอรับ… ว่ากันว่าเขาเป็นนักโทษประหาร ตอนเราไปรับมีเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากกำลังจับกุมเขาอยู่!”“แม่ทัพฉินจึงให้เราพาเขากลับมาเพื่อความปลอดภัยของเขา ส่วนเขาก็ล่อทหารที่ไล่ตามออกไป!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว เช่นนั้นสถานการณ์ของฉินซานก็อันตรายมากมิใช่หรือ?หลิงอวี๋เห็นว่าผู้ป่วยกำลังจะตายแล้วจึงมิได้สนใจถามองครักษ์ พลางรีบเอ่ย“เจ้าไปหาท่านจินต้าแล้วบอกสถาน
ดังนั้น แม้ว่าหลิงเสี่ยงจะมิได้อยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ให้กำเนิดลูกนอกสมรสแล้วถูกท่านอดีตเสนาบดีตัดขาดหลิงเสี่ยงโกรธหลิงอวี๋มาก ถึงกับมีความคิดว่าชีวิตนี้เขามิอยากกลับเมืองหลวงไปเจอน้องสาวผู้นี้อีกแล้ว!แต่ทุกเทศกาลในตอนที่อยู่เงียบ ๆ คนเดียวกลางคืนหลิงเสี่ยงนอนอยู่บนเตียงก็จะคิดถึงน้องสาวฝาแฝดผู้นี้แล้วก็ใจอ่อน!ตอนนั้นตนถูกหวางซือเลี้ยงผิด ๆ แล้วทำเรื่องโง่เขลาเหล่านั้นน้องสาวยังเด็ก ถูกหวางซือเลี้ยงดูผิด ๆ ก็ไปโทษน้องสาวมิได้หรอก!หลิงเสียงเซิงพ่อของเขามิสนใจพวกเขาพี่น้อง ท่านอดีตเสนาบดีก็อายุมากแล้ว หลิงเสี่ยงจะวางใจปล่อยน้องสาวไว้ในเมืองหลวงได้เยี่ยงไร!กระทั่งเรื่องที่ท่านอ๋องอี้เฆี่ยนตีหลิงอวี๋ห้าสิบไม้เพราะนางทำผิดไปถึงถึงหูของหลิงเสี่ยงหลิงเสี่ยงโกรธที่น้องสาวโง่เขลา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของน้องสาวด้วยเสี่ยวหลิงหลิงเป็นสตรีบอบบาง นางจะทนการถูกเฆี่ยนตีห้าสิบไม้ได้หรือ?หลิงเสี่ยงอยากกลับบ้านมาก อยากจะรีบกลับเมืองหลวงแล้วพาน้องสาวของเขาออกไปด้วยเขายอมมิแต่งงานไปตลอดชีวิตแล้วเลี้ยงดูน้องสาวของเขา!เมื่อถูกข้าหลวงหยางขังไ
“ถอนกำลังเถิด!”หลิงอวี๋ตัดสินใจแล้ว เซียวหลินเทียนได้จัดเส้นทางหลบหนีไว้ให้พวกเขาแล้ว ขอเพียงพวกเขาถอนกำลังไปที่ภูเขาด้านหลัง ก็จะสามารถยึดพื้นที่ภูเขาด้านหลังไว้รอการสมทบจากเซียวหลินเทียนได้ท่านจินต้ารู้สึกว่าจะมีอันตรายจึงมาเตือนหลิงอวี๋ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ทำการตัดสินใจแล้ว ก็เรียกพวกลู่หนานมาเตรียมพร้อมถอนกำลังทันทีลู่หนานได้ทำการจัดตั้งกลุ่มหัวกะทิตามแผนของเซียวหลินเทียน วางแผนบุกทะลวงรั้วกั้นทางตะวันตกของหมู่บ้านไปควบคุมพวกครอบครัวของหยางต้าหู่ก่อน จากนั้นก็อพยพไปที่ภูเขาด้านหลังเผยอวี้รู้แผนของหลิงอวี๋กับท่านจินต้าแล้ว เขามิสนว่าตนได้รับบาดเจ็บอยู่ รีบสวมชุดเกราะแล้วไปต่อสู้ในแนวหน้า“แม่ทัพเผย ท่านทนไหวหรือไม่?”หลิงหว่านมองเผยอวี้ที่หน้าซีดไร้สีเลือดอย่างเป็นห่วง พลางเอ่ยถามอย่างกังวล“ทนมิไหวก็ต้องทน หรือจะให้ข้าดูพวกเจ้าถูกคนของข้าหลวงหยางจับตัวไปเล่า?”เผยอวี้เอ่ยอย่างรำคาญ “เจ้ามิต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้ารีบไปเก็บของกับพระชายาเถอะ รอข้าจัดการพวกหยางต้าหู่ก่อน พวกเจ้าก็รีบอพยพออกไปให้เร็วที่สุด!”ทางด้านหลิงอวี๋ ก็รีบเรียกพวกหมอเฝิงไปเก็บข้าวของหมอเฝิงยังคงคิดจะว
กระบี่คุนอู๋?หรือว่านี่จะเป็นกระบี่เทพในตำนาน?เซียวหลินเทียนเป็นคนที่รักกระบี่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้ก็สะสมกระบี่ที่มีชื่อเสียงไว้มิน้อยแต่กระบี่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น หากมาเทียบกับกระบี่คุนอู๋เล่มนี้ก็ล้วนเป็นขยะไปทั้งหมดนี่คือกระบี่คุนอู๋จริงหรือ?เซียวหลินเทียนมิอยากจะเชื่อว่านี่คือกระบี่โบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งคนในใต้หล้ามิเคยได้เห็นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้จักกระบี่คุนอู๋ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงเทพนิยายที่คนในใต้หล้าแต่งขึ้นมาเอง!ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่คุนอู๋เกิดจากกระดูกสันหลัง การบำเพ็ญตนเป็นเวลาร้อยปีและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผานกู่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกที่ผสานรวมกับพลังชีวิตของฟ้าดินตามตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากที่ผานกู่หลอมกระบี่คุนอู๋สำเร็จแล้ว เขาก็มิสามารถควบคุมมันได้ เนื่องด้วยพลังวิญญาณของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก สุดท้ายจึงทำได้เพียงเก็บรวบรวมพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในกระบี่คุนอู๋นี้กระบี่คุนอู๋เป็นบรรพบุรุษของกระบี่ ความคมของกระบี่นั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้เลยทีเดียวหากว่านี่คือกระบี่คุนอู๋ในตำนานจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสามอันดับแร
ก้อนน้ำแข็งแตกจำนวนนับมิถ้วนพากันกระแทกเข้ามา แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธ์ไร้เทียมทาน แต่ก็มิอาจหนีพ้นการแก้แค้นที่รุนแรงของธรรมชาติเช่นนี้ไปได้เขาเบี่ยงหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่เพราะว่าหล่นลงมารวดเร็วจนเกินไป จึงมิอาจหลบพ้นก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นที่พากันกระแทกเข้ามาได้ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาที่หัวของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าหัวของตนมีเลือดไหลออกมา แต่ยังมิทันจะได้ยื่นมือไปสัมผัส ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาอีก เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลงไปทันที และมองก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนอย่างสิ้นหวังคราวนี้จะต้องตายอยู่ในภูเขาหิมะแห่งนี้จริง ๆ หรือ?อาอวี๋ ข้าจะยังได้พบเจ้าหรือไม่?เซียวหลินเทียนยังมิทันได้ย้อนรำลึกถึงช่วงชีวิตนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนกระเทือนแล้วตกลงไปในความมืดมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนสลบไปนานเท่าไรก่อนที่จะได้สติขึ้นมา ยังมิทันที่เขาจะลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่าตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในเมื่อรู้สึกเจ็บปวดได้ก็แสดงว่าตนยังคงมีชีวิตอยู่ เซียวหลินเทียนลืมตาขึ้นอ
ฉินซานเห็นว่าเซียวหลินเทียน ขันทีโม่และเก๋อเฟิ่งฉิงร่วงลงไปกันอย่างรวดเร็วปานนั้น ต่อให้ตนกระโดดลงไปก็มิสามารถช่วยเซียนหลินเทียนขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงกระโดดตามหานเหมยออกมาจากหุบเขาส่วนซูจู๋นางรับใช้ของเก๋อเฟิ่งฉิง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มิดีก็หนีออกไปพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ นานแล้วทุกคนหนีออกมาค่อนข้างไกลแล้วและมายืนอยู่ข้างนอกหุบเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงของก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดังสนั่นอยู่“พวกเขา… คุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ซูจู๋ตกใจเสียจนตาค้างไปหมด ผ่านเวลาไปสักพักจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาทั้งหานเหมยและฉินซานเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของนาง พวกเขามองภาพที่ภูเขาหิมะถล่มลงมาอย่างตื่นตระหนก มิเข้าใจเลยว่าคนของตระกูลเฉียวทำลงได้อย่างไร!พวกเฉียวไป๋ยืนอยู่บนยอดเขาตรงกันข้าม แล้วจ้องมองภาพหิมะถล่มนั้นอย่างเย็นชาหลังจากที่ได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนคือสามีของหลิงอวี๋ พ่อของเฉียวไป๋ ผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่ตระกูลเฉียวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็วางแผนที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของตนนี่เป็นเพียงแค่ขั้นแรกในการแก้แค้นของนายใหญ่เฉียวเท่านั้นสังหารคนหนุนหลังของหลิงอวี๋ไป
เซียวหลินเทียนมองมิเห็นคนของตระกูลเฉียว เพราะถูกยอดภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้บดบังสายตาอยู่“ทุกคนระวังด้วย! ดูแลกันเข้าไว้!”เซียวหลินเทียนกำชับพวกฉินซานให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ส่วนตนกับขันทีโม่ก็อาศัยว่ามีวรยุทธ์ที่สูงกว่าพวกเขา จึงไปค้นหาเส้นทางอยู่ทางด้านหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงมิปล่อยให้โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเซียวหลินเทียนหลุดลอยไป นางจึงตามไปเช่นกันก่อนหน้านี้เก๋อเฟิ่งเจียวทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงเสียเรื่อง ดังนั้นในการเข้ามาที่ภูเขาหิมะครั้งนี้ เก๋อเฟิ่งฉิงจึงมิได้พาเก๋อเฟิ่งเจียวมาด้วยทางด้านหานอวี้ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้ฉินซานกับพี่สาวของตน จึงลากเถาจื่อไปพลางเอ่ยออกมา “เราสองคนไปด้วยกัน จะได้ดูแลกันและกัน!”ดังนั้นคนที่เหลือก็มีเพียงแค่ฉินซานกับหานเหมยแล้ว ฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจดี “เช่นนั้นข้าก็อยู่กลุ่มเดียวกับหานเหมย!”เขาจึงคว้าแขนของหานเหมยไว้ จากนั้นก็ตามไปพร้อมกันหานเหมยหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็มิได้สะบัดมือฉินซานออกไปหานอวี้บอกกับนางว่า การที่นางหายตัวไปครั้งนี้นั้นฉินซานกระวนกระวายมาก และตั้งใจที่จะมาตามหานาง“พี่หญิง การที่เจ้ามีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแต
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล
หน้ากากผิวหนังมนุษย์นั้นเมื่อตรวจสอบก็เปิดเผยออกมาทันที เมื่อแม่นมหน้าเหมือนม้าผู้นั้นฉีกหน้ากากออกจากใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็เผยให้เห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากมีด“เหอะ ๆ รีบไปบอกนายใหญ่เสียว่า ข้าเจอคนที่เขาตามหาแล้ว!”แม่นมหน้าเหมือนม้าส่งหน้ากากผิวหนังมนุษย์ให้แม่นมอีกคนอย่างพึงพอใจ จากนั้นแม่นมผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปแจ้งข่าวหลิงซินถูกแม่นมคนหนึ่งกดอยู่ที่พื้นจนมิสามารถเคลื่อนไหวได้ และนางก็มองคุณหนูที่ตนเพิ่งจะรู้จักมิถึงสองวันดีกลายเป็นอีกคนไปอย่างตกตะลึงหลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว ทางด้านแม่นมหน้าเหมือนม้าก็มิได้ทำให้นางต้องลำบากอีก จึงให้พวกแม่นมปล่อยหลิงอวี๋พวกนางเพียงแค่ต้องเฝ้าหลิงอวี๋เอาไว้ มิให้นางหนีไปได้ก็พอแล้วเมื่อหลิงอวี๋ถูกพยุงขึ้นมา หัวใจที่ว้าวุ่นของนางก็ค่อย ๆ สงบลงหวงฝู่หลินไม่มีทางให้ตนตายไปก่อนที่เขาจะได้ตำรับยาห้ามเลือดไปหรอก!บางทีตนอาจจะยังสามารถพึ่งพายันต์ช่วยชีวิตนี้ทำให้หวงฝู่หลินปล่อยตนไปได้อยู่เรื่องการขโมยนั้นมีคำสารภาพของหัวหน้าเสิ่นอยู่ ก็น่าจะสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความมั่นใจ จึงนั่งลงไป
เผยอวี้ก็เคยเห็นคนที่ผ่านอุปสรรคมามายมากเช่นกัน หางตาของเขาเห็นพวกป้าวเฉิงมองตนกับหลิงอวี๋อย่างแปลกประหลาดก็มิกล้าพูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิยอมรับ เผยอวี้ก็เอ่ยออกไป “เจ้าชื่อเจียงเสี่ยวยาหรือ เช่นนั้นข้าก็คงจำคนผิดแล้ว แผ่นหลังของเจ้ากับของสหายข้าดูค่อนข้างคล้ายกัน เมื่อครู่ข้าคิดว่าเจ้าคือนาง!”“ขอโทษด้วย ข้าบุ่มบ่ามไปหน่อย!”เผยอวี้ประสานมือควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตนเอาไว้ แล้วเดินออกไปใบหน้าสามารถปลอมแปลงกันได้ แต่เสียงของหลิงอวี๋กับแผ่นหลังของนางทำให้เผยอวี้มั่นใจว่าคนตรงหน้าก็คือหลิงอวี๋มิรู้ว่าฮองเฮาไปตกอยู่ในมือของป้าวเฉิงได้อย่างไร?คนที่เขาพามาด้วยตอนนี้มีมิมากนัก แม้ว่าจะพยายามพาตัวฮองเฮาไป ก็คงจะหนีมิพ้นมือของป้าวเฉิงตอนนี้เขามิอาจแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาคนมาช่วยหลิงอวี๋ดีกว่าอีกทั้งยังต้องคิดวิธีส่งจดหมายไปให้เซียวหลินเทียนให้เขารีบกลับมาอีกหลิงอวี๋เห็นว่าเผยอวี้มิได้ซักถามอะไรอีก ก็แอบถอนหายใจโล่งอก แล้วหันหลังตามพวกเถ้าแก่เจียงไปแต่หลิงอวี๋กับเผยอวี้ไม่มีทางคาดคิดเลยว่า เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้กลับอยู่ในสายตาของป้าวเฉิงป้าวเฉิงมิใช่ค
เถ้าแก่ป้าวรู้จักเผยอวี้ก็เพราะเรื่องที่เซียวหลินเทียนซื้อทาสหญิงเกวียนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้มิได้พบบ่อย ๆ ดังนั้นเถ้าแก่ป้าวจึงไปสืบมาเล็กน้อยและได้รู้ที่มาของเซียวหลินเทียนอย่างชัดเจนแม้ว่าเถ้าแก่ป้าวจะมิได้ทำงานให้เซียนหลินเทียน แต่ว่าถิ่นที่เขาอยู่นั้นเป็นของเยวี่ยใต้และมู่หรงเหยียนซงกษัตริย์ของเยวี่ยใต้ก็สนิทกับเซียวหลินเทียนราวกับพี่น้องกัน หากมิถึงขั้นจำเป็นจริง ๆ เถ้าแก่ป้าวก็มิอยากจะเป็นศัตรูกับราชสำนัก ดังนั้นจึงมีความเกรงใจต่อพวกของเซียวหลินเทียนอยู่พอเป็นพิธี“แม่ทัพเผย ท่านมาได้อย่างไร? หรือว่าท่านเองก็สนใจคนที่ถูกสังหารนี้?”ป้าวเฉิงหัวเราะเหอะ ๆ“ผู้ว่าการอำเภอหยางของพวกเจ้าได้ยินว่ามีคนถูกสังหารจึงมาดู ส่วนข้าก็มิได้มีธุระอะไรจึงตามมาดูเรื่องสนุก!”คนที่อยู่ข้าง ๆ เผยอวี้ก็คือผู้ว่าการอำเถอในแถบนี้ แม้ว่าจะมีป้าวเฉิงอยู่และตำแหน่งของเขานั้นก็แทบจะไม่มีความหมาย แต่สิ่งที่เขาควรจะแสดงตัวก็ต้องแสดงตัวเสียหน่อย“ท่านป้าว ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ?”ผู้ว่าการอำเภอหยางเอ่ยถาม“มิรู้จัก ก็แค่ลูกน้องของข้ามาพบว่ามีคนถูกสังหาร ข้าเองก็มาดูเรื่องสนุกเช
หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ ใจก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปลูบหน้าของตนโดยมิรู้ตัวคนที่ป้าวเฉิงช่วยตระกูลหวงฝู่ตามหาก็คือตน!แล้วคนที่เขาบอกว่าถูกสังหารไปแล้วนั่นคือใครกัน?หรือว่าจะเป็นหัวหน้าเสิ่นกับเสี่ยวเจียง?หลิงอวี๋เหงื่อตก หากเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกสังหารไปจริง ๆ แล้วคนที่สังหารพวกเขาคือใคร?หากมือสังหารพบว่าหัวหน้าเสิ่นมิได้สังหารตน จะกำลังตามหาตนอยู่หรือไม่?เถ้าแก่เจียงที่อยู่ด้านหน้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของป้าวเฉิงกับตระกูลหวงฝู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “คนตายไปแล้วก็ส่งศพไปให้เจ้าวังก็จบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ป้าวต้องไปตรวจสอบด้วยตนเองเล่า!”“เจ้ามิเข้าใจ คนที่เจ้าวังต้องการคือสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าวังมาก เจ้าวังบอกมาว่าขอเพียงข้าตามหานางพบและยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะให้สมบัติก้อนโตกับข้า!”ป้าวเฉิงเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้ก็คือ คนที่ถูกสังหารจะเป็นสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็มิสามารถไปอธิบายกับเจ้าวังได้แล้ว!”“จริงสิ บอกเรื่องของเจ้ามาก่อนเถิด เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เถ้าแก่เจียงจึงหันไปเรียก “น้องหญิง มานี่!”