ในเวลานี้ ฉินซานได้แต่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวังคิดมิถึงเลยว่า บุรุษที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอย่างตนจะมิได้ตายในสนามรบ แต่กลับมาตายด้วยน้ำมือของสตรีโง่เขลาเยี่ยงเซียวทง!เขามิยอมแพ้หรอก!ฉึก...เสียงดาบแทงทะลุเนื้อหนังดังขึ้นมา แล้วฉินซานก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ไหล่เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นดาบแทงเข้าที่สะบักของตนเองเซียวทงจ้องมองฉินซานพร้อมกับตาแดงด้วยความโกรธ นางจะแทงเข้าที่ท้องฉินซานก็ได้แต่ในวินาทีสุดท้าย นางก็ยังทำใจมิได้ จึงยกดาบขึ้นไปแทงที่ไหล่ของฉินซานเพราะฉินซานเป็นชายคนแรกที่ตนตกหลุมรัก!นางนึกถึงครั้งแรกที่พบฉินซาน เขาดูหล่อเหลามาก นางกลัวว่าตนจะแทงฉินซานตาย แล้วต่อไปจะไม่มีวันได้เห็นฉินซานยิ้มให้ตนอีกแล้วเมื่อข้าหลวงหยางเห็นฉากนี้ เขาก็แอบอุทานน่าเสียดายจริงเชียว!เชื่อสตรีมิได้เลยจริง ๆ!ขอเพียงนางเคลื่อนลงไปอีกหน่อย ฉินซานก็จบสิ้นแล้ว!“ฉินซาน ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ขอเพียงเจ้าอธิบายมาว่าหลิงอวี๋กับหลิงเสี่ยงไปร่วมมือกับแคว้นศัตรูได้เยี่ยงไร ข้าจะขอความเมตตาให้เสด็จพ่อของข้าไว้ชีวิตท่าน!”เซียวทงเอ่ยอย่างเข้มแข็งฉินซานหันไปอีกทาง มิอยากพูดสิ่งใ
หมอเฝิงยังคิดวิธีมิออกอีกด้านหนึ่ง องครักษ์ของฉินซานเร่งรีบพาผู้ป่วยพิเศษเข้ามาในตอนก่อนมืดเมื่อหลิงอวี๋รู้ข่าวก็รีบไปที่ห้องรักษา เมื่อเข้าไปองครักษ์ก็เข้ามาพูดกับนาง“พระชายา นี่คือแม่ทัพหลิง แม่ทัพฉินให้พวกเราส่งเขามาที่นี่ขอรับ! เขาดูอาการมิดีนัก รีบช่วยเขาเถิดขอรับ!”“แม่ทัพหลิง?”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินก็รีบพุ่งไปที่ข้างเตียง แล้วก็เห็นผู้บาดเจ็บอยู่บนเตียงนั้นผมเป็นปม บนหัวก็สกปรก และมีบาดแผลนับไม่ถ้วนบนใบหน้า รวมทั้งมีรอยไหม้กับรอยแส้ด้วย ไม่มีผิวหนังส่วนไหนที่ดีเลยนางเห็นมิชัดด้วยซ้ำว่าหน้าตาเดิมของเขาเป็นอย่างไร!"เขาชื่ออะไร?"หลิงอวี๋ถามขณะที่ตรวจผู้บาดเจ็บไปด้วยองครักษ์เอ่ย "ตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วน แม่ทัพฉินมิทันบอกขอรับ… ว่ากันว่าเขาเป็นนักโทษประหาร ตอนเราไปรับมีเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากกำลังจับกุมเขาอยู่!”“แม่ทัพฉินจึงให้เราพาเขากลับมาเพื่อความปลอดภัยของเขา ส่วนเขาก็ล่อทหารที่ไล่ตามออกไป!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว เช่นนั้นสถานการณ์ของฉินซานก็อันตรายมากมิใช่หรือ?หลิงอวี๋เห็นว่าผู้ป่วยกำลังจะตายแล้วจึงมิได้สนใจถามองครักษ์ พลางรีบเอ่ย“เจ้าไปหาท่านจินต้าแล้วบอกสถาน
ดังนั้น แม้ว่าหลิงเสี่ยงจะมิได้อยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ให้กำเนิดลูกนอกสมรสแล้วถูกท่านอดีตเสนาบดีตัดขาดหลิงเสี่ยงโกรธหลิงอวี๋มาก ถึงกับมีความคิดว่าชีวิตนี้เขามิอยากกลับเมืองหลวงไปเจอน้องสาวผู้นี้อีกแล้ว!แต่ทุกเทศกาลในตอนที่อยู่เงียบ ๆ คนเดียวกลางคืนหลิงเสี่ยงนอนอยู่บนเตียงก็จะคิดถึงน้องสาวฝาแฝดผู้นี้แล้วก็ใจอ่อน!ตอนนั้นตนถูกหวางซือเลี้ยงผิด ๆ แล้วทำเรื่องโง่เขลาเหล่านั้นน้องสาวยังเด็ก ถูกหวางซือเลี้ยงดูผิด ๆ ก็ไปโทษน้องสาวมิได้หรอก!หลิงเสียงเซิงพ่อของเขามิสนใจพวกเขาพี่น้อง ท่านอดีตเสนาบดีก็อายุมากแล้ว หลิงเสี่ยงจะวางใจปล่อยน้องสาวไว้ในเมืองหลวงได้เยี่ยงไร!กระทั่งเรื่องที่ท่านอ๋องอี้เฆี่ยนตีหลิงอวี๋ห้าสิบไม้เพราะนางทำผิดไปถึงถึงหูของหลิงเสี่ยงหลิงเสี่ยงโกรธที่น้องสาวโง่เขลา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของน้องสาวด้วยเสี่ยวหลิงหลิงเป็นสตรีบอบบาง นางจะทนการถูกเฆี่ยนตีห้าสิบไม้ได้หรือ?หลิงเสี่ยงอยากกลับบ้านมาก อยากจะรีบกลับเมืองหลวงแล้วพาน้องสาวของเขาออกไปด้วยเขายอมมิแต่งงานไปตลอดชีวิตแล้วเลี้ยงดูน้องสาวของเขา!เมื่อถูกข้าหลวงหยางขังไ
“ถอนกำลังเถิด!”หลิงอวี๋ตัดสินใจแล้ว เซียวหลินเทียนได้จัดเส้นทางหลบหนีไว้ให้พวกเขาแล้ว ขอเพียงพวกเขาถอนกำลังไปที่ภูเขาด้านหลัง ก็จะสามารถยึดพื้นที่ภูเขาด้านหลังไว้รอการสมทบจากเซียวหลินเทียนได้ท่านจินต้ารู้สึกว่าจะมีอันตรายจึงมาเตือนหลิงอวี๋ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ทำการตัดสินใจแล้ว ก็เรียกพวกลู่หนานมาเตรียมพร้อมถอนกำลังทันทีลู่หนานได้ทำการจัดตั้งกลุ่มหัวกะทิตามแผนของเซียวหลินเทียน วางแผนบุกทะลวงรั้วกั้นทางตะวันตกของหมู่บ้านไปควบคุมพวกครอบครัวของหยางต้าหู่ก่อน จากนั้นก็อพยพไปที่ภูเขาด้านหลังเผยอวี้รู้แผนของหลิงอวี๋กับท่านจินต้าแล้ว เขามิสนว่าตนได้รับบาดเจ็บอยู่ รีบสวมชุดเกราะแล้วไปต่อสู้ในแนวหน้า“แม่ทัพเผย ท่านทนไหวหรือไม่?”หลิงหว่านมองเผยอวี้ที่หน้าซีดไร้สีเลือดอย่างเป็นห่วง พลางเอ่ยถามอย่างกังวล“ทนมิไหวก็ต้องทน หรือจะให้ข้าดูพวกเจ้าถูกคนของข้าหลวงหยางจับตัวไปเล่า?”เผยอวี้เอ่ยอย่างรำคาญ “เจ้ามิต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้ารีบไปเก็บของกับพระชายาเถอะ รอข้าจัดการพวกหยางต้าหู่ก่อน พวกเจ้าก็รีบอพยพออกไปให้เร็วที่สุด!”ทางด้านหลิงอวี๋ ก็รีบเรียกพวกหมอเฝิงไปเก็บข้าวของหมอเฝิงยังคงคิดจะว
หยางต้าหู่สะดุ้งตื่นขึ้นจากการหลับใหล เผยอวี้พาคนบุกเข้าไปในเรือนใหญ่ตระกูลหยางแล้วพวกผู้คุ้มกันยังคงสู้กับคนของเผยอวี้อย่างหลังชนฝา แต่แม้ว่าผู้คุ้มกันเหล่านี้จะสู้ได้ แต่ก็เทียบมิได้กับกองกำลังหัวกะทิของเผยอวี้ไม่นานผู้คุ้มกันจำนวนมากก็ถูกจัดการไปหยางต้าหู่วิ่งออกมาอย่างรีบร้อนโดยมิได้สวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นการต่อสู้ เขาก็อาศัยบารมีความเป็นข้าราชบริพาลของลูกชายเขาตะโกนใส่เผยอวี้“หยุด… พวกท่านทำอะไรกัน? ลูกชายข้าเป็นผู้ตรวจ ตัวข้าก็เป็นเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก!”“พวกท่านทำเช่นนี้เป็นการประทุษร้ายครอบครัวเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก ข้าจะฟ้องร้องพวกท่าน…”“เช่นนั้นก็รอเจ้าไปถึงเมืองหลวงให้ได้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”เผยอวี้กำลังจะนำคนเข้าไปจับกุมหยางต้าหู่ แต่ทันทีเห็นว่าเขาติดกับ เขาก็รีบพุ่งเอาดาบไปจ่อที่คอของหยางต้าหู่อย่างมิเกรงใจ“เรื่องที่พวกเจ้าสมคบคิดกับแคว้นศัตรูถูกเปิดเผยแล้ว หยางต้าหู่ หากมิอยากตายก็บอกคนของเจ้าให้วางดาบลง!”หยางต้าหู่โกรธจนตัวสั่น “แม่ทัพ ท่านจะมาใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ไม่ได้นะ! มาบอกว่าเราสมคบคิดกับแคว้นศัตรู ท่านมีหลักฐานหรือไม่?"“ท่านอ๋องอี้เล่า? ตระกูลหยางข
เรื่องที่องค์หญิงหกหักหลังฉินซาน แม้แต่เหอโปเองก็มิอยากจะเชื่อเช่นกันเขาส่งหลิงเสี่ยงไปแล้วตอนที่รีบกลับไปรับฉินซาน ก็ได้รู้ว่าฉินซานถูกจับแล้วเหอโปทั้งกังวลทั้งโกรธ พวกเขามีคนน้อย มิสามารถช่วยฉินซานจากน้ำมือของข้าหลวงหยางได้ จึงต้องรีบกลับมารายงานก่อนหลิงอวี๋รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทันที แผนการของเซียวหลินเทียนคือให้ฉินซานยึดเว่ยโจวแล้วช่วยเหลือองค์หญิงหก มิให้นางถูกข้าหลวงหยางคุมตัวไว้แต่ยามนี้ มันผิดไปจากแผนของเซียวหลินเทียนแล้วฉินซานถูกจับตัวไปในน้ำมือของข้าหลวงหยาง นอกจากองค์หญิงหกแล้วยังเพิ่มมาอีกหนึ่งอุปสรรค เช่นนี้เซียวหลินเทียนกลับกลายเป็นผู้ถูกกระทำแล้วเซียวหลินเทียนใช้ข้ออ้างในการติดเชื้อโรคระบาด พาคนไปจับกุมแม่ทัพเซี่ยนานแล้ว มิรู้ว่าสถานการณ์ทางฝั่งเขาเป็นเช่นไรบ้าง!หลิงอวี๋สงบลงอย่างรวดเร็ว ทางด้านเจ่าจวงวิกฤติอยู่มาก นางต้องรีบหาทางจัดการแม้ว่าภูเขาด้านหลังจะสามารถต้านการโจมตีได้ แต่เมื่อเวลานานไปก็สามารถถูกโจมตีเข้ามาได้เช่นกัน“เหอโป ในบรรดาคนของเจ้ามีคนที่คุ้นเคยกับเว่ยโจวบ้างหรือไม่? ส่งคนสองคนไปรายงานท่านอ๋องอี้!”หลิงอวี๋สั่งเหอโปเอ่ยทันที “มี
หยางจื้อฟางยังมิทันได้พูดอะไร เซียวทงก็ทนมิไหว ก้าวไปตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว“ไอ้ทาสเลว… เรารู้แล้วว่าเสด็จพี่ของข้าติดโรคระบาด… แล้วหลิงอวี๋ก็สมรู้ร่วมคิดกับหลิงเสี่ยงพี่ชายของนางสมคบคิดกับแคว้นศัตรู นางอยากยึดอำนาจทางทหารในขณะที่เสด็จพี่ของข้าป่วย!"“พวกเจ้าอย่าไปหลงกลนาง รีบจับตัวหลิงอวี๋กับหลิงเสี่ยงเร็วเข้า! ข้าจะให้อภัยพวกเจ้าที่ถูกหลอก แล้วปล่อยผ่านความผิดของพวกเจ้าไป!”ลู่หนานจ้องมองเซียวทงด้วยความโกรธ พลางตะโกน “องค์หญิงหก คนที่ถูกหลอกคือองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ! หยางจื้อฟางสมรู้ร่วมคิดกับหยางต้าหู่ขายข้าวปลาอาหารกับเครื่องยาสมุนไพรให้กับฉีตะวันออก!”“เขาต่างหากที่เป็นคนสมคบคิดกับแคว้นศัตรู องค์หญิงอย่าได้ไปหลงกลเขา ให้คนขององค์หญิงจับหยางจื้อฟางไว้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวทงมิเชื่อ แล้วมองลู่หนานอย่างดูถูก พลางตะโกนออกไป “ทาสเยี่ยงเจ้า ถูกหลิงอวี๋ติดสินบนไว้ใช่หรือไม่?”“หรือว่าเจ้าเคยนอนกับหลิงอวี๋แล้ว? ถึงได้ช่วยนางอย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้!”“เสด็จพี่ของข้าเล่า? เหตุใดมิออกมา? เขาถูกพวกเจ้าฆ่าไปแล้วใช่หรือไม่?”เมื่อลู่หนานเห็นว่าเซียวทงยังหลงงมงายอยู่ก็พูดไม่ออก เขากัดฟันมองไปทางหลิ
ก่อนหน้านี้อู่เวยเคยถูกฉินซานดูถูกมาก่อน จึงมีความแค้นอยู่ในใจมาโดยตลอดตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้แสดงอำนาจแล้ว จึงเข้าไปลากฉินซานลงจากรถม้าด้วยตัวเอง“หลิงอวี๋ เจ้าอยากช่วยฉินซานหรือไม่? หากอยากช่วยเจ้าก็เอาตัวออกมายอมให้จับเสียโดยดี…”เซียวทงชี้ไปที่ฉินซานอย่างภาคภูมิใจพลางตะโกน “หลิงอวี๋ นี่คือคนรักของเจ้าเชียวนะ หรือว่าเจ้าจะยอมปล่อยให้เขาทนทุกข์ทรมาน?”หลิงอวี๋เห็นฉินซานถูกอู่เวยกดให้คุกเข่าอยู่ที่พื้น นางก็รู้สึกใจเสียเซียวทงชอบฉินซานมิใช่หรือ?นางปฏิบัติต่อฉินซานเช่นนี้ มิกังวลหรือว่าฉินซานจะยิ่งห่างไกลจากนางมากขึ้นเรื่อย ๆ“เซียวทง อย่าได้หลงงมงายไปเลย! ข้าหลวงหยางกำลังใช้องค์หญิงอยู่ เขาทำผิดร้ายแรงเช่นนี้ จะปล่อยองค์หญิงไปได้เยี่ยงไร?”หลิงอวี๋ยังอยากให้โอกาสเซียวทง จึงเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน “รีบให้คนขององค์หญิงจับข้าหลวงหยางแล้วปล่อยแม่ทัพฉินไปเสียเถิด!”เซียวทงถอนหายใจะลางก่นด่า "หลิงอวี๋ อย่าได้คิดจะโกหกข้า! เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับฉินซาน คิดจะแปรพักตร์ไปเข้ากับฉีตะวันออก ข้าจะจับพวกเจ้าหั่นเป็นชิ้น ๆ แน่!”“รีบยอมให้จับแต่โดยดี มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าฉินซาน!”ข้าหลวงหยางอยู่ด้
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป
ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทีละก้าว หลิงอวี๋ก็มองพิจารณาฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวไปอย่างเงียบ ๆฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียวเป็นเสาหลักของตระกูลเฉียว เฉียวต้าลูกชายของนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเฉียวตายไปแล้ว และเฉียวเค่อหลานชายที่เป็นที่รักมาโดยตลอดก็ตายไปแล้วเช่นกันฮูหยินผู้เฒ่าที่อายุหกสิบกว่าผู้นี้แก่ตัวลงมากภายในชั่วข้ามคืน และในช่วงนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายตายไปนางแต่งตัวเรียบหรูสุภาพเช่นเดียวกับฮูหยินเฉียว และเนื่องจากนางกินโอสถชะลอวัยมาหลายปี ดังนั้นแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวจะอายุหกสิบแล้ว แต่บนใบหน้าของนางก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ดูแล้วคล้ายกับเป็นพี่น้องกับฮูหยินเฉียวเลยทีเดียวผมของนางก็เป็นสีดำสนิททั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะอาการป่วย จึงทำให้สีผิวดูขาวซีดไปเล็กน้อยรูปร่างของฮูหยินเฉียวสูงใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นางสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร กระดูกก็ใหญ่เช่นกัน ดูมีความสามารถมาก และระหว่างคิ้วกับตาของนางนั้นก็ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียว ฮูหยินเฉียว...”จงเจิ้งเฟยพาเหลยเหวินกั
น่าสนใจ!เซียวหลินเทียนเห็นกระบวนการทั้งหมดนั้น แล้วก็รู้สึกว่าการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่น่าเบื่อในวันนี้ ก็มิได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้นแล้วเขาหันไปหาเถาจื่อแล้วเอ่ยออกไป “ศิษย์พี่หญิงของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก เจ้าจงเข้าใกล้นางเข้าไว้!”เถาจื่อดูท่าทีสับสน “นายท่านอู่ ท่านแน่ใจว่านางมิใช่คุณหนูมิใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงต้องเสียเวลาไปกับนางด้วยเจ้าคะ?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ไม่ ข้ามิอาจแน่ใจได้หรอก! คุณหนูของพวกเจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น หากนางตั้งใจจะซ่อนตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็มีวิธีมากมายนัก!”“ข่าวล่าสุดที่สือหรงส่งมาก็คือ คุณหนูของพวกเจ้าติดตามฮูหยินเว่ยมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ขอเพียงนางอยู่ในสังคมเมืองหลวงแดนเทพนี้ นางจะต้องมาศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงอย่างแน่นอน!”“สิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญก็คือสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้ เราจะต้องตรวจสอบพวกนางทีละคน จนกว่าจะพบคุณหนูของเจ้า!”เซียวหลินเทียนเชื่อว่า ด้วยความฉลาดของหลิงอวี๋แล้ว นางไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน ขอเพียงคอยจับตามองสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้เข้าไว้ เขาจะต้องหาหลิงอวี๋พบได้อย่างแน่นอน“ฉินซาน เจ้ากลับไปบอกให้สือหรงสืบประวัติของส
หลิวซานและเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พากันตำหนิหลิงอวี๋หลิวซานเป็นผู้นำดุด่าขึ้นมา “ใช่แล้ว ตนเองสร้างปัญหาไปทั่ว เมื่อถูกคนมาทำลายบ้านยังจะมาใส่ร้ายศิษย์พี่ของพวกเราอีก คงมิใช่ว่าเจ้ายากจนไม่มีเงิน จึงคิดจะขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่งไปสร้างบ้านใหม่ใช่หรือไม่!”บัณฑิตคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างดูถูกเช่นกัน “ดูจากอาภรณ์ที่นางใส่แล้ว ก็คงมิได้อยู่อาศัยในที่ที่ดีนักหรอก คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าจึงถูกทุบน่ะสิ!”“ใช่แล้ว ที่อยู่ของพวกเรามีความปลอดภัยดี ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”“สิงอวี๋ เจ้าช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เมื่อครู่ศิษย์พี่ของเราล้อเล่นจึงพูดเช่นนั้นออกไป คาดมิถึงเลยว่าจะถูกเจ้าใส่ร้าย! เช่นนั้นหากเป็นข้าที่พูดเช่นนั้นออกไป เจ้าก็จะบอกว่าข้าทำลายบ้านเจ้าใช่หรือไม่?”จงเจิ้งเฟยกับเหลยเหวินจึงดึงหลิงอวี๋ไปถามด้วยความเป็นห่วง “บ้านของเจ้าถูกทุบจริงหรือ?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านที่เห็นท่ามกลางสายฝนเมื่อวานนี้ แล้วพยักหน้าอย่างแน่วแน่นางมองเหมียวหยางอย่างเย็นชา เขายังคงหัวเราะอย่างมิกลัวเกรง พร้อมกับทำท่าทางท้าทายราวกับว่า ‘เจ้าทำอะไรข้ามิไ
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ